บทที่ 18 chapter 18

นั่น...มุมนั้นมีเหล่าเด็กน้อยใหญ่รุมล้อมกันอยู่มากมาย ต่างพยายามที่จะเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าอิ่มเอิบและยิ้มแย้มแจ่มใสว่าตนเองต้องการสิ่งใด ส่วนหนึ่งบุรุษวัยกลางคนก้มหน้าก้มตาทำตามคำบอกกล่าวด้วยใบหน้าที่เฉยเมย หากก็ดูใจดีที่มันทำให้สี่หนิงเหออดที่จะยิ้มไม่ได้

“สนใจ”

“เปล่าขอรับ” สี่หนิงเหอรีบปฏิเสธไปโดยเร็วไว ขณะเดินไปอย่างช้า ๆ เพื่อจะได้มองร้านรวงที่หลากหลาย ละลานตาจนเลือกมิถูกเลยว่าจะไปร้านไหนก่อนดี ก่อนสายตาของข้าจะหยุดเมื่อพบกับร้านหนึ่งที่น่าสนใจ

“ถ้าข้าจะจำมิผิด...”

“ร่างกายมันเรียกร้องขอรับ” สี่หนิงเหอรีบกล่าวก่อนที่ซานเกอจะกล่าวหาว่าเขานั้นกินจุ

“ท่านติดค้างข้าอยู่หนึ่งอย่างด้วยนะขอรับ” สี่หนิงเหอมิรอให้ซานเกอได้กล่าวสิ่งใดต่อ เท้าก็เร่งรีบเดินไปยังร้านค้าที่หมายตาเอาไว้ ทว่า...

เขาโดนบุรุษผู้หนึ่งกระแทกเอาอย่างแรงจนรู้สึกมึนงง ยังดีที่ซานเกอว่องไวเลยรีบเข้ามาช่วยมิให้เขานั้นล้มลงจนบาดเจ็บ

“เป็นอย่างไรบ้างหนิงเหอ” ซานเกอไต่ถามพลางตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองไปยังบุรุษร่างเล็กในอาภรณ์ที่มิได้ใหม่มากนักหากก็มิเก่าจนเกินไป ใบหน้าเขาเปื้อนคราบดำขะมุกขะมอมมีอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าบอกแล้วว่าเร่งรีบ เจ้าก็มิเชื่อฟังกันเลย...เจ้าเดินประสาอะไร”

“ขออภัยขอรับนายท่าน ข้า...ข้า...”

บุรุษผู้ที่กระแทกเขามิได้เอ่ยจนจบความก็รีบวิ่งหนีหายไปเสียก่อน เมื่อมองไล่ตามไปก็พบว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะกำลังถูกไล่ตามมาพร้อมกับคำกล่าวหา...

“ขโมย! ช่วยด้วย เจ้านั้นมันหัวขโมย พวกท่านรีบจับมันไว้ให้หน่อย”

เพียงได้ยินว่าหัวขโมย สี่หนิงเหอก็รีบยกมือตบข้างสะเอวที่เมื่อก่อนตอนออกจากเรือนมาก็มักจะผูกถุงใส่เงินไว้เสมอ หากตอนนี้ก็นึกขึ้นได้ว่า...เขามิมีเงินติดกายสักอีแปะเดียว การใช้จ่ายทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ของเหล่าองครักษ์จัดการเสียทั้งสิ้น ก็เลยโล่งอกและมองไปยังกลุ่มคนที่นับรวมได้จำนวนห้าคนด้วยกัน รีบเร่งรุดตรงมาหาเขาและซานเกอ ใบหน้าของคนพวกนั้นดูร้อนรนเป็นอย่างสูง

“เจ้าเป็นพวกเดียวกับเจ้าหัวขโมยนั่นใช่ไหม”

อา...มาถึงก็มิไต่ถามสิ่งให้ได้ความ กลับโยนข้อกล่าวหาให้เสียเต็มเปาเลย...ช่างใจร้อนเสียยิ่งกระไร

“เปล่านะขอรับ ข้าโดนเจ้าคนที่พวกท่านกล่าวหาชนเอานะขอรับ” เพราะด้านหลังของเขามีซานเกอผู้มีวรยุทธ์อันสูงส่งยืนอยู่ เขาก็เลยกล้าที่จะเอ่ยวาจาโต้ตอบเจ้าบุรุษที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าและน่าจะเป็นคนที่ถูกขโมยเงินไป

“ข้ากับพี่ชายเป็นคนต่างถิ่น ได้ฟังเสี่ยวเอ้อร์ที่โรงเตี้ยมหยวนเป่าบอกว่ามีงานเทศกาลขอบคุณท่านเทพที่ประทานน้ำปลาอาหารที่อุดมสมบูรณ์ให้ พวกข้าเลยมาเดินเที่ยวชมนะขอรับ” ดูเหมือนว่าตอนที่กล่าวถึงโรงเตี้ยมหยวนเป่า พวกเขาจะสะดุ้งกันเล็กน้อย อีกทั้งคงจะถูกสายตาเกรี้ยวกราดและรัศมีแห่งอำนาจของซานเกอกดดันจึงเผลอก้าวถอยไปด้านหลังคนละก้าวสองก้าวด้วย

“หากมิรีบไป...เจ้าหัวขโมยที่พวกท่านอยากจะรีบจับตัวคงจะหนีหายไปก่อน”

“ถ้าพวกเจ้าเป็นผู้ที่มาพักที่โรงเตี้ยมหยวนเป่าจริงก็แล้วไป แต่ถ้ามิใช่...พวกข้าจะมิปล่อยพวกเจ้าไว้แน่”

แหมะ...ขู่เสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปกันเลย ช่างเป็นเจ้าของบ้านที่รับแขกได้ดีเหลือเกิน

“เจ้ามิเป็นอันใดใช่ไหมหนิงเหอ”

“ไม่ขอรับ แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง” สี่หนิงเหอรีบบอกออกไปเพื่อมิให้ซานเกอเป็นห่วง โดยยังมิทันรู้ตัวว่ามือของตนเองนั้นถูกซานเกอจับเอาไว้และยังจะถูกจับตาจากใครบางคนที่ยืนหลบอยู่ในมุมมืด

“ข้าเคยตักเตือนเจ้าไว้แล้ว จะทำอันใดให้ระมัดระวังด้วย แต่เจ้าก็ยัง...”

“ท่านอย่าโมโหสิซานเกอ” สี่หนิงเหอรีบเอ่ยก่อนและยังเผลอยกมือวางบนอกซานเกอและตบเบา ๆ ให้คลายความเป็นห่วงลง พลางส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดทั้งปากและนัยน์ตามองไป “ข้าขอโทษนะขอรับ หลังจากนี้จะไม่รีบร้อนจนเกินไป จะไม่อยู่ห่างจากท่านด้วย ท่านให้อภัยข้านะขอรับ”

“ถ้าหากเกิดเรื่องเช่นนี้อีกครั้ง ข้าจะรีบพาเจ้ากลับโรงเตี้ยม”

“ขอรับ” สี่หนิงเหอยิ้มรับ “ตอนนี้ก็มิเกิดเรื่องร้ายแรงอันใดแล้ว ท่านพาข้าไปร้านนั้นได้แล้วใช่ไหมขอรับ” เขาชี้มือไปยังร้านค้าที่หมายตาเอาไว้ ตอนนี้มีที่ให้นั่งอยู่พอดี เขาเลยรีบจัดการลากมือแกร่งไปในทันที!

“มีอันใดหรือขอรับซานเกอ”

สี่หนิงเหอไต่ถามซานเกอที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงบะหมี่น้ำน่องเป็ดตุ๋นสูตรพิเศษที่ป้าเจ้าของร้านผู้ใจดีแถมน่องเป็ดให้ข้าเป็นจำนวนสองน่องด้วยกัน เพราะเขาปากหวาน ชมว่าบะหมี่น้ำน่องเป็ดตุ๋นของท่านป้านั้นอร่อยที่สุดและเพราะมันอร่อย สี่หนิงเหอเลยสั่งมากินเป็นจำนวนถึงสามชามด้วยกัน แม้กระทั่งซานเกอที่ปากว่ามิสนใจก็ยังจะทานไปได้ถึงสองชามด้วยเช่นกัน ใกล้กับร้านท่านป้ายังจะมีร้านเกี๊ยวทอดที่มันช่างส่งกลิ่นหอมยั่วกระเพาะ ทำให้เขาต้องรีบไปสั่งมาด้วยอีกสองชามด้วยกัน

หลังจากที่เราเสร็จสรรพจากการทานบะหมี่น้ำน่องเป็นตุ๋นและเกี๊ยวทอดกันแล้ว ซานเกอก็พาเขาเดินชมการร่ายรำขอพรและการละเล่นต่าง ๆ จวบจนเริ่มเหนื่อยจึงยินยอมให้เขานั้นไปถังหูลู่จำนวนห้าไม้ด้วยกันไปฝากเสี่ยวฝาน แต่กลับถูกซานเกอกล่าวว่า...

“ข้าว่าเจ้ามิได้คิดจะซื้อไปฝากเสี่ยวฝานหรอก แต่เจ้าคิดจะซื้อไปทานเองมากกว่า”

สี่หนิงเหอแต่ยิ้มรับ ก็ฝากเสี่ยวฝานสองไม้ไง ส่วนอีกสามไม้ เป็นของเขา...มิผิดนี่น่า

“ท่านควรบอกความจริงกับข้านะขอรับ เพราะถ้าเกิดอันใดขึ้น...ข้าจะได้รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร มิให้เป็นภาระแก่ท่านและมิทำให้ตัวเองได้รับอันตรายด้วย”

“เรากำลังจะถูกตาม” คงจะเป็นตั้งแต่แรกที่ก้าวเท้าออกจากโรงเตี้ยมแล้วล่ะ ดูท่าคนที่ติดตามมานั้นฝีมือมิได้ด้อยเลย ถึงได้หลุดรอดจากสายตาของเจ้าหก เจ้าเจ็ดและเจ้าเก้ามาได้ หรือไม่ก็พวกนั้นถูกล่อไปอีกทางหนึ่ง

“ถ้าเกิดอันใดขึ้น เจ้าห้ามอยู่ห่างจากข้านะหนิงเหอ”

“ขอรับ” ‘ท่านมิต้องบอกหรอกขอรับซานเกอ เพราะนอกจากข้าจะอยู่ไม่ห่างจากท่านแม้เพียงแค่ก้าวเดียวแล้วหากเป็นไปได้ ข้าจะรีบเกาะขาท่านเอาไว้ด้วย’

แม้เขาจะหวั่นเกรงเพียงใด หากในครั้งนี้ สี่หนิงเหอก็รับรู้และมั่นใจได้ว่า ซานเกอจะมิยอมปล่อยให้เขานั้นต้องพบเจอกับเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน!

“แล้วเราจะทำอย่างไรขอรับซานเกอ”

“เจ้ากลัวหรือไม่หนิงเหอ”

“ก็...ถ้าบอกว่ามิกลัว ท่านก็คงรู้ว่าข้านั้นโป้ปด แต่ข้ามั่นใจในตัวท่านขอรับ มั่นใจว่าท่านจะปกป้องข้าได้” เหมือนกับว่าวาจาของเขาทำให้ซานเกอรู้สึกดี มือแกร่งที่จับมือเขาไว้ลงแรงบีบให้รู้ เสมือนว่ามันคือคำสัญญาที่ซานเกอให้ไว้...จะปกป้องเขาเป็นอย่างดีที่สุด!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป