บทที่ 19 chapter 19
บางเรื่อง...เรากำหนดมันมิได้ เขาคงมิผิดที่เผลอใจที่เกิดความรู้สึกดีกับซานเกอเข้า หากสี่หนิงเหอก็รู้ว่า...สิ่งใดควรมิควร เพียงแค่เวลานี้ที่เขาจะได้ทำตามความต้องการของตัวเอง ขอเพียงแค่...เวลานี้เท่านั้น!
“ถ้าเช่นนั้น...เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ถ้าหากว่าเรายังจะอยู่ที่นี่กันอีกสักระยะหนึ่ง”
“ไม่ขอรับ” สี่หนิงเหอตอบกลับไป “ข้ารู้ว่านอกจากท่านมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ ท่านน่าจะรอให้คนอื่น ๆ มาสมทบด้วย”
“นอกจากเจ้าจะเป็นคนที่มีไหวพริบดีแล้ว ยังเข้าใจอะไรได้ง่ายด้วย ข้าได้บอกกล่าวกับทุกคนไว้แล้วว่าเราจะกลับกันช่วงใด หากมิกลับตามกำหนด ก็ให้คิดเสียว่ามีเรื่องไม่ดีเกินขึ้น ให้รีบออกติดตามหาโดยด่วน”
“ถ้าเช่นนั้นเราไปดูอันนั้นกันดีกว่าขอรับ” ร้อนรนไป ก็ทำอันใดมิได้ สู้ท่องเที่ยวให้สนุกและมีความสุขจะดีกว่า สี่หนิงเหอรีบจับแขนซานเกอแล้วพาเดินไปยังร้านที่ขาย...พู่ห้อยสะเอว
“เชิญชมก่อนได้เลยขอรับคุณชาย ท่านสนใจชิ้นไหนไต่ถามได้นะขอรับ เดี๋ยวข้าขายให้ท่านในราคาพิเศษเลย”
เจ้าของร้านน่าจะวัยเดียวกับบิดาเขากล่าวพลางส่งยื่นพู่หยกแกะสลักหลากหลายลวดลายมาให้ มันก็สวยดีนะ...ไม่ว่าจะเป็นลายตัวอักษรมงคลอย่างตัว ฟู่ หรือจะเป็นตัว ชุ่น เหลียนฮวา และยังจะมีสัตว์มงคลอย่างมังกรและนกเฟิ่ง
“มิทราบว่าคุณชายสนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าขอรับ”
สี่หนิงเหอมองอย่างสนใจ มีชิ้นหนึ่งที่ถูกตาต้องใจเขา หากเขามิได้มีเงินอยู่ในกระเป๋าแม้แต่น้อย และก็มิปรารถนาให้ซานเกอเป็นผู้ชำระให้ด้วย
“เจ้าสนใจชิ้นไหนละหนิงเหอ...ชิ้นนี่หรือ”
สี่หนิงเหออยากบอกว่ามิใช่ หากซานเกอก็มีสายตาที่ว่องไวพอที่จะเห็นว่าสายตาของเขามักจะมองไปที่พู่หยกแกะสลักเป็นลายมังกรคู่หงส์ “ขอรับ” สี่หนิงเหอรับคำแผ่วเบา
“คุณชายสนใจชิ้นนี้หรือขอรับ ท่านตาถึงมากเลยนะขอรับ มังกรคู่หงส์สามารถแยกออกจากกันได้เป็นสองชิ้น เหมาะสำหรับมอบให้คู่รัก”
เพราะอยากขาย...พ่อค้าก็รีบบอกกล่าวเล่าเรื่องของหยกแกะสลักชิ้นนี้เสียจนสี่หนิงเหอฟังไม่ทัน แต่แม้ใจปรารถนามันเพียงใด เขาก็มิมีเงินที่จะซื้อ ถึงได้แต่มองด้วยความเสียดาย
“ข้าคิดให้ท่านเป็นพิเศษเลยนะขอรับคุณชาย ข้าขายให้ท่าน...”
หากพ่อค้ามิทันจะได้เอ่ยบอกราคาพู่หยกแกะสลักมา...ก็มีบางคนส่งเสียงขัดจังหวะมาเสียก่อน
“นั่นไงขอรับนายกองจ้าว พวกมันสองคนอยู่นั่น”
“รีบไปเถอะหนิงเหอ”
ซานเกอเห็นท่าไม่ดี รีบเก็บพู่หยกไว้กับตัวและหยิบเงินหนึ่งตำลึงมาวางให้กับพ่อค้าขายพู่หยกแล้วรีบคว้าแขนของเขาให้เดินตามไปอย่างรีบเร่ง ก่อนที่พวกเราจะต้องวิ่งเมื่อเห็นว่าพวกคนที่มา...คนที่กล่าวว่าตนเองถูกขโมยถุงเงินไปมาพร้อมกับมือปราบหลายนายด้วยกัน
พวกเราวิ่งลัดเลาะไปตามถนน แต่เมื่อเห็นว่าคงมิการดีที่จะวิ่งท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวชมเมืองในค่ำคืนนี้ด้วย เพราะมันทำให้พวกเราเกือบจะถูกไล่ตามมาทันอยู่หลายครั้ง ซานเกอเลยตัดสินใจพาเขาลัดเลาะเข้าตรอกซอกซอย จวบจนคิดว่าหลุดพ้นแล้วก็หยุดวิ่ง หากนั่นก็ทำให้เรารู้ว่า...เราถูกล่อให้มาติดกับของใครบางคน!
แม้จะเพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้เห็นใบหน้าที่ก็ขะมุกขะมอมจนแทบมองไม่เห็นเนื้อ หากสี่หนิงเหอก็จำบุรุษผู้นี้ได้ บุรุษที่เป็นคนที่ชนเขาอย่างแรง หากตอนนี้กับเมื่อแรกแม้จะอยู่ในรูปลักษณ์เดียวกัน หากมันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน...คนที่แรกพบเจอดูไปทางน่าสงสาร หากผู้ที่ได้เห็นเบื้องหน้าในตอนนี้กลับดู...ลึกลับและน่ากลัว!
ซานเกอจับมือเขามิให้ยืนห่างกาย ขณะเดียวกันก็จ้องเขม็งไปยังบุรุษที่นั่งเอกเขนกอยู่บนหลังคา ในมือบุรุษผู้นั้นถือมีดสั้นและพามาลากไปบนใบหน้าบ้างก็ลำคอ บางทีก็นำมันมาหมุนให้หวาดเสียวเล่น
รอบกายของพวกเรานั้นเงียบสงัดราวกับถูกกำแพงบางอย่างขว้างเราออกจากกลุ่มฝูงชนที่มาท่องเที่ยวชมงาน สี่หนิงเหอสัมผัสได้ถึงความกดดันที่แผ่กระจายออกมาจากตัวซานเกอ ความกดดันที่มันรุนแรงเสียจนเขาถึงกับอึดอัดหายใจแทบไม่ออก แต่บุรุษผู้นั้นที่อยู่บนหลังคากลับยังคงนิ่งเฉย ยังคงมองมายังพวกเราด้วยสายตาที่มันเย็นยะเยือก ความเย็นที่มันแทรกลึกเข้ามากัดกินผิวเนื้อ...ชวนหวาดผวาจนเขาเผลอสาวเท้าถอยไปด้านหลังอย่างมิรู้ตัว
“อยู่ใกล้ข้าไว้นะหนิงเหอ”
ไม่ต้องบอกสี่หนิงเหอก็ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ‘ก็สายตาของคนผู้นั้นที่มองมาข้าบ่งบอกอย่างชัดเจน...ปรารถนาที่จะทำให้ศีรษะและตัวของข้าแยกออกห่างจากกันหรอกนะขอรับ’
“ข้ามินึกเลยว่าท่านจะประมาทเช่นนี้...สี่หลวนซาน”
หือ...สี่หลวนซานเหรอ อย่าบอกนะว่า...ซานเกอคือ...ไม่! เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงสี่หนิงเหอจะสงสัยแค่ไหน หากตอนนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาไต่ถาม อย่างไรเสีย เราต้องหนีรอดจากคมมีดของบุรุษผู้นั้นเสียก่อน
“เจ้ามิคิดบ้างหรือว่า พวกข้าก็อาจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้พวกของเจ้ามาติดกับบ้าง!”
“ฮึฮึ...เจ้านี่ช่างเปล่งวาจาได้น่าขำขันมาก พวกเจ้าหรือจะกล้าพาตัวว่าที่อนุภรรยาของท่านอ๋องมาทำเช่นนั้นได้ แล้วยิ่งเป็นตัวเจ้าอีก...คงมิยอมเป็นแน่”
“แต่บางครา...ข้าก็ต้องยอมเสี่ยงเพื่อที่จะได้รู้ว่ามันผู้ใดที่บังอาจคิดร้ายกับตัวข้าและครอบครัวมิใช่หรือไร”
“เจ้าช่างเป็นผู้ที่มีอารมณ์ขันยิ่งนักสี่หลวนซาน ลำพังเพียงแค่เจ้าผู้เดียว แม้ฝีมือเจ้าจะเก่งกล้าสักเพียงใด เมื่อต้องปกป้องคุ้มครองเจ้านั่น” บุรุษผู้นั้นชี้มีดมายังตัวเขา ใบหน้าเปื้อนยิ้มหากมิใช่ดวงตาที่มันทำให้สี่หนิงเหอนึกถึงค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดที่นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เจ็บปวดราวกับหัวใจถูกบีบคั้น ลมหายใจติดขัด
“แล้วยังจะต้องสู้รบประมือกับพวกข้า...”
สิ้นวาจาคนบนหลังคาก็มีบุรุษใส่ชุดดำปกปิดใบหน้ามีอาวุธพร้อมมือประมาณห้าคนด้วยกันและก็ยังจะมีพลเกาทัณฑ์ที่ขึ้นคันธนูพร้อมที่จะปล่อยออกมาเจาะร่างกายของเขากับซานเกออีกหลายคนที่เตรียมรอฟังคำสั่ง
“ถ้าเจ้ามิอยากลงแดนน้ำพุเหลืองในตอนนี้ ข้าก็ให้โอกาสแก่เจ้า...ส่งเจ้านั่นที่อยู่กับเจ้ามาให้พวกข้า แล้วข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป”
“ฮึ! วาจาเจ้าช่างน่าขบขันเสียนี่กระไร เจ้ามั่นใจได้อย่างไรเล่า คนเพียงเท่านี้จะเอาชนะข้าได้ รวมถึงเจ้าแน่ใจแล้วหรือ...ข้ามาเพียงลำพัง”
ท่านจะใจเย็นจนไม่สนใจศัตรูที่อยู่รายรอบเราสองคนอย่างนี้ได้อย่างไรกันซานเกอ ท่านอย่าลืมนะขอรับ ตอนนี้เรามีกันเพียงสองคนเท่านั้น
