บทที่ 4 chapter 4
โว้ย! ใครมันช่างกลั่นแกล้งเขากันเนี่ย เอาความทรงจำเขาคืนมานะ
นึกสิ...นึกให้ออกสี่หนิงเหอ เจ้าต้องทำเรื่องใดกันแน่!
“คุณชายขอรับ”
“หือ...มีอันใดรึเสี่ยวฝาน” สี่หนิงเหอหยุดคิดถึงเรื่องที่จะให้เสี่ยวฝานไปทำชั่วคราว ก่อนจะก้มลงมองบ่าวข้างกายที่คิดไม่ตกว่าควรจะบอกกล่าวสิ่งที่ได้รับรู้มาให้รู้หรือไม่ แต่ถ้าให้คาดเดา ก็คงจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องอาการบาดเจ็บของตัวเขานั่นแหละ ถ้าให้คาดเดาเพิ่มเติม...คนที่ทำร้ายเขานั่นก็คงจะไม่พ้น...
“คุณชายรองรู้เรื่องที่คุณชายฟื้นแล้วนะขอรับ”
นั่นไง...ที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด เพราะลำพังเพียงบ่าวไพร่ ถึงเขาจะมิใช่บุตรที่รัก ออกจะเป็นที่ชังก็ตาม แต่อย่างไรก็เป็นบุตรชายของเจ้าของเรือนนี้ อย่างไรก็มิมีใครกล้าที่จะทำร้ายเขาจนถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอกนะ ถึงจะอยากเอาใจผู้เป็นนายก็ตามเถอะ
สี่หนิงเหอได้แต่หัวเราะ ความทรงจำข้าผุดขึ้นมาว่า...เคยถูกบ่าวไพร่และก็คุณชายรองทำร้ายมาหลายครั้งมาก เอาเรื่องไปฟ้องฮูหยินและนายท่านแล้ว ก็พูดทำนองว่า...
เดี๋ยวจะจัดการตักเตือนให้ หรือไม่ก็...
ทำไมชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่เล่นกันในหมู่พี่น้องไม่ใช่รึ บาดเจ็บนิดหน่อย จะเป็นอะไรไปเล่า ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น
ฮึ! เวลาที่ตัวเขาถูกทำร้าย ช่างกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างเลือดเย็นยิ่งนัก หากเมื่อใดที่เขาเผลอทำร้ายคุณชายรองลงไป...เขาจะต้องถูกลงโทษ ไม่ถูกโบยจนเนื้อแทบจะปริแตก เลือดไหลซิบ ก็จะถูกกักขังให้สำนึกผิดอยู่ที่เรือนนอนและให้อดอาหารสามวันเป็นขั้นต่ำ
ช่างมีความยุติธรรมเสียเหลือจะกล่าว!
“ก็ไม่ได้ตายเสียหน่อย ทำไมจะไม่ฟื้นเล่า” ความจริงที่ลงมือนั้น คงคิดจะให้เขาตายไปนั่นแหละ แต่เผอิญว่าคราวนี้สี่หนิงเหอผู้นี้ได้กลายเป็นบุตรที่รักของสวรรค์...หรือเปล่า มิใช่หรอกแค่มีใครก็มิรู้ต้องการเล่นสนุกเท่านั้นแหละ ถึงได้ดึงให้คนที่ควรจะต้องจากไปแล้วให้กลับมามีชีวิตรอดอีกครั้ง มันทำให้คุณชายรองผิดหวังเป็นอย่างสูง
จะว่าไปก็...อยากเห็นหน้าเขียวหน้าเหลืองของคุณชายชะมัด อยู่ไหนนะ...ควรไปให้เห็นหน้าในยามนี้เลย ดีหรือไม่
“คุณชายรองกล่าวว่า...หากคุณชายกล้านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องฮูหยิน คุณชายรองจะ...”
“ข้าจะทำอย่างนั้นทำไมกันเล่าเสี่ยวฝาน อย่างไรเสียนั่นก็เป็นบุตรชายสุดที่รักของฮูหยินเชียวนะ” บุตรชายผู้ไม่เอาไหน นอกจากจะเกรกมะเหรกเกเรแล้ว ยังจะเจ้าชู้เสียจนน่ากลัวว่าจะอยู่ไม่ถึงยามแต่งภรรยามีบุตรหลานให้เชยชม ไม่ได้จะแช่งชักอะไรหรอกนะ แต่เชื่อเถอะ หากคุณชายรองมิเปลี่ยนแปลงนิสัย...ตายก่อนวัยอันสมควรแน่
“ถึงบอกไป ฮูหยินก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไหนจะคุณหนูใหญ่ซูเจียวอีก คงหาว่าข้าใส่ความน้องชายผู้แสนจะดีเลิศเพราะความอิจฉาริษยาเสียมากกว่า คนเช่นนี้เราอย่าไปเสียเวลาด้วยเลย ปล่อยให้เขาได้พบเคราะห์กรรมที่ได้กระทำลงไปด้วยตัวเขาเองเถอะ
“ขอรับคุณชาย”
ว่าแต่...ถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกเลย เขาจะให้เสี่ยวฝานทำอันใดกันน่ะ? แล้วแวบหนึ่งในสมองอันขาวโพลนของข้าก็ผุดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
มันคือความทรงจำก่อนจะตาย ที่ตอกย้ำให้เขาจดจำไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย เขา...ต้องรอดชีวิต! จะได้ท่องเที่ยวไปอย่างอิสรเสรี จะไปได้ก็ต้องมีเงินไว้ใช้จ่ายและ...ใช่! อีกเรื่องที่สำคัญไม่ต่างกัน อาหารรสเลิศที่แสนจะอร่อยล้ำเหลือและเพียงพอที่จะทำให้เขากับเสี่ยวฝานอิ่ม จะไม่อยู่อย่างอดอยากปากแห้งจนรูปกายผอมแห้ง เรี่ยวแรงไม่มี เหมือนคนพิกลพิการอีกแล้ว เมื่อไปที่โน่น จะต้องกินดีอยู่ดีมีอาภรณ์ที่อุ่นสบายใจ ดังนั้นเขาต้องคิดหาวิธีการให้ได้เงิน!
“เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เราคงต้องไปคุยกันที่เรือนแล้วละเสี่ยวฝาน” เขาลืมไปได้อย่างไร ที่นี่หูตาของพวกนางนั้นเต็มไปหมด เพียงแค่ขยับกายก็เหมือนกับจะจำแลงแปลงกายเป็นแมลงบินไปแจ้งข่าวกันเสียแล้ว
เฮ้อ! ช่างน่าสมเพชเสียนี่กระไร
เมื่อรู้ว่าบุรุษผู้นั้นที่จะทำให้สิ่งที่เขาคิดไว้สำเร็จชื่อเรียงเสียงใด...ที่เมื่อได้รู้ มันก็ทำให้สี่หนิงเหอตกตะลึง งุนงงและคาดไม่ถึงเอาเสียเลย ทั้งที่เป็นคนที่มีอำนาจมาก จะเลือกใครเป็นอนุภรรยาก็ได้ แต่กลับมาเลือกเขาผู้ซึ่ง...ไม่มีอะไรเลย แต่ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมีความคิดเช่นไรที่เลือกเขาไปเป็นหนึ่งในอนุภรรยา เขาก็ไม่คิดจะหาคำตอบ เพราะการอยู่ใกล้เขาผู้นั้นก็เหมือนกับว่าเขายื่นเท้าข้างหนึ่งลงไปในยมโลกแล้ว ถ้าทำดีก็เพียงแค่เสมอตัว แต่ถ้าเมื่อใดที่ทำพลาด...โอกาสที่จะมีชีวิตของเขาและเสี่ยวฝานก็จบสิ้นลงไปในทันที!
มัวแต่คิดถึงเรื่องของเขาคนนั้นไปก็เสียเวลาอันมีค่าของเขาไปมากมายนัก สิ่งที่ควรจะทำในตอนนี้คือคิดหาวิธีการเพิ่มเงินในกระเป๋าเงินดีกว่า
การค้า...ก็ต้องมีสินค้า ที่มันควรจะแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับผู้อื่น สินค้าที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วจะต้องชื่นชมชื่นชอบและอยากจะได้มันจนถึงขั้น...ไม่ว่าจะต้องเสียเงินกี่อีแปะก็ยอม ว่าแต่...ไปถึงที่นั่นแล้วเขาจะทำการค้าขายอันใดดีนะ
เย็บปักถักร้อยหรือ...ฝีมืออย่างเขาที่ปักผ้าเป็นรูปเฟิ่งเหนี่ยว เป็น...เอาตามตรงเขาเองก็มองไม่ออกว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ เพราะมันเละ มันขาดและมันสกปรกเสียยิ่งกว่ารองเท้าคู่เก่าที่ขาดจนเห็นถุงเท้าที่ก็เก่าอีกเช่นกันของเขาเสียอีก ถ้าอย่างนั้นปักอะไรที่ง่าย ๆ อย่างผลผิงกั๋ว ก็แล้วกัน ผลที่ออกมาก็เป็นเช่นเดิม มันกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ ที่สี่หนิงเหอเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก
ไม่ผ่าน!
จะค้าขายอาหารหรือ...มันก็ดูน่าจะยุ่งยากไม่น้อย ที่สำคัญคือว่าตัวเขา...ทำอาหารพอแค่ทานได้...เท่านั้น ถ้าทำจริงนอกจากจะต้องพัฒนาฝีมือให้ลูกค้ากินแล้วติดใจจนต้องกลับมากินบ่อย ๆ ก็จะต้องหาที่ทางเพื่อเปิดร้านด้วย ถ้าได้ที่ดีหน่อยก็น่าจะพอขายได้ แต่อาจจะต้องเจอเจ้าถิ่น ซึ่งคนผอมแห้งแรงน้อยขี้โรคอย่างเขากับเสี่ยวฝานเห็นทีว่าจะต้องวิ่งหนีอย่างเดียวแล้วล่ะ
หรือว่าเขาจะขายอาภรณ์แพรพรรณ...โรงน้ำชาก็น่าจะดีอยู่นะ หากยิ่งคิดก็ยิ่งรับรู้ว่าตนเองย่ำแย่แค่ไหน นอกจากจะด้อยความรู้แล้ว อา...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องมีเงินทุนเป็นก้อนทั้งนั้น ซึ่งถ้ามันเยอะมาก ด้วยทรัพย์สินที่ฮูหยินสี่อิงเหม่ยให้ติดตัวไป ถึงเขาจะไร้ความทรงจำเรื่องนี้ แต่ก็พอจะคาดเดาไปได้ว่า คงจะไม่มากเกินหนึ่งกำปั่นแน่ ดูท่าจะไม่เพียงพอให้นำไปลงทุนแน่นอน เขาควรจะทำการค้าอันใดดีนะ
‘ท่านแม่...ท่านคงจะไม่โกรธเคืองใช่ไหมที่ลูกคนนี้จำท่านไม่ได้ หากท่านยังรักข้าอยู่ ช่วยเมตตาคิดหาทางออกให้ข้าสักเล็กน้อยได้ไหมขอรับ…ข้าควรจะทำการค้าอะไรดี’
