บทที่ 5 chapter 5
สี่หนิงเหอหลับตาลง...ยังไงท่านแม่ก็รักเขาแหละ ท่านต้องช่วยเขาและมันก็ใช่!
ใช่แล้ว! ถ้าเป็นสิ่งนั้น เขาทำได้และสามารถทำได้ดีด้วย ทรัพย์สินอันน้อยนิดที่ฮูหยินสี่อิงเหม่ยกับนายท่านเหวินหม่าให้เขาติดตัวไป ย่อมเพียงพอให้เขานำไปใช้ในการลงทุนทำการค้าได้
“ขอบคุณขอรับท่านแม่” สี่หนิงเหอคลี่ยิ้มอย่างดีใจเป็นที่สุดเมื่อคิดได้แล้วว่าจะทำการค้าอันใด เขายังสามารถทำการทดลองก่อนเปิดตลาดได้ด้วย รับรองได้ว่าจะต้องมีคนสนใจสั่งของกับเขาอย่างมากมายแน่นอน!
ว่าแต่...ควรลองทำดูก่อนดีไหมนะ เผื่อเวลาที่มันผ่านมาเนิ่นนาน ฝีมือเขาอาจจะตกไปบ้าง ทว่ายังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นเพื่อไปจัดหาวัตถุดิบที่ต้องใช้ เขาก็จำเป็นต้องหยุดคิดไปก่อนเมื่อเสี่ยวฝานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อโชกฉายแววตื่นตระหนกและขลาดกลัว
“คุณชาย...คุณชายขอรับ แย่แล้วขอรับ”
“ใจเย็น ๆ เสี่ยวฝาน มีเรื่องอันใดก็ค่อย ๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน” สี่หนิงเหอรินน้ำชาส่งให้เสี่ยวฝานดื่ม พลางยื่นมือไปลูบหลังให้ เมื่อเสี่ยวฝานรีบร้อนจนเกินไปทำให้สำลักน้ำชา
“คนพวกนั้นขอรับคุณชาย...คนพวกนั้น” เสี่ยวฝานชี้มือออกไปนอกห้อง มันทำให้สี่หนิงเหอเริ่มรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มันคงไม่ใช่...
“เสี่ยวฝาน” สี่หนิงเหอจับต้นแขนเสี่ยวฝานเอาไว้ “ค่อย ๆ พูดนะ ไม่ต้องรีบร้อน” แต่ใจเขานะร้อนราวกับถูกไฟเผาผลาญไปแล้ว
“คนพวกนั้น...จะมาพาคุณชายไปแล้วขอรับ”
คนพวกนั้น! เหมือนถูกฟาดด้วยแส้เส้นโตฟาดบนลำตัว แทบจะพลัดตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เท่าที่ฟังมาจากเสียงนินทาของคนในเรือน...ดูเหมือนว่าเวลาที่เขาจะไปจากที่นี่ยังอีกหลายวัน น่าจะร่วมเดือนด้วยซ้ำ หากตั้งแต่ฟื้นมานี่มันเพิ่งจะวันที่ห้าเองนะ เหตุใดคนพวกนั้นก็มารับเขาแล้วล่ะ...
แม้จะจดจำบางสิ่งได้บางสิ่งมิได้ หากความรู้สึกของเขาบอกได้ว่ามันมีบางอย่างแปลกไป...สี่หนิงเหอขมวดคิ้วเข้าหากัน ด้วยในสมองมันช่างว่างเปล่า จนคิดไม่ออกว่าเรื่องที่รู้สึกว่าแปลกไปนั้นคือเรื่องใด คงมีทางเดียวให้เขาทำ นั่นก็คือการยอมรับและเตรียมตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับค้นหาคำตอบของมันให้กระจ่าง
“เสี่ยวฝาน ข้าถามเจ้าอีกครั้ง” ดูเหมือนว่าเขาคงจะเคยถามไปแล้ว แต่จำมันไม่ได้ “เจ้าจะไปกับข้าใช่หรือไม่” หากให้เขาไปคนเดียว...มันคงจะเป็นอะไรที่โหดร้ายที่สุด
“คุณชาย...คุณชายจะทิ้งข้าหรือขอรับ”
“เปล่านะ ที่ข้าถามเพราะต้องการให้แน่ใจ ว่าเราสองคนจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน” ขนาดว่ามีเขาอยู่ บ่าวไพร่พวกนั้นยังคอยกลั่นแกล้งรังแกเสี่ยวฝานไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าหากเขาไม่อยู่แล้ว พวกนั้นจะต้องรีบจัดการขายเสี่ยวฝานออกไปจากเรือน ไปเป็นบ่าวรับใช้ที่เรือนอื่นหรือไม่ก็ให้ไปเป็นทาสก็อาจเป็นไปได้
“ไปขอรับ...ข้าจะไปรับใช้คุณชาย” เสี่ยวฝานพูดเสียงสั่น ในดวงตามีน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า
“ไม่ใช่หรอกเสี่ยวฝาน เราไปด้วยกัน เจ้าจะไม่ใช่บ่าวของข้า แต่เจ้าจะเป็นน้องชายของข้าและเป็นผู้ร่วมหุ้นของข้า เราจะไปสร้างชีวิตใหม่กัน” สี่หนิงเหอยิ้มให้เสี่ยวฝานที่อ้าปากค้างและกะพริบตาปริบ ๆ
“คุณชาย!”
“เจ้าไปบอกกับคนเหล่านั้นก่อน ข้าขอเวลาตระเตรียมข้าวของสักครึ่งชั่วยาม เจ้าก็เช่นกันนะเสี่ยวฝาน เก็บเอาไปเพียงแค่ของสำคัญที่พาได้ง่ายเท่านั้นและอย่าลืมที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ เตรียมไปให้พร้อม เสร็จแล้วเราจะได้เดินทางไปสู่ชีวิตใหม่กัน”
จะเร็วหรือช้า เขาก็เลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี เร็วหน่อยก็ดีเหมือนกัน จะได้เร่งสร้างทางไปให้กับตัวเองได้เร็วขึ้น สี่หนิงเหอรู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดหวังหรอกนะ แต่เขาก็จะไม่ย่อท้อ จะอดทน เพื่อทำในสิ่งที่หวังให้สำเร็จ เพื่อวันหนึ่งเมื่อมีพร้อมทุกอย่าง เขาจะกลับมาที่เรือนแห่งนี้...มาเพื่อทำให้คนที่นี่อิจฉาในความสำเร็จของเขา อิจฉาที่เขามีความสุขมาก และเขาก็จะรับท่านแม่ไปอยู่ด้วย
“เรากลัวได้ แต่อย่าให้ความกลัวอยู่เหนือสติ ข้ารู้...คนพวกนั้นจะต้องน่ากลัว แต่ถ้าเราไม่ทำสิ่งใดผิด พวกเขาจะไม่ทำอะไรเราและที่ซึ่งเรากำลังจะไป ถ้าเราทำตัวดี มันย่อมจะดีกว่าที่นี่แน่ ข้าจะทำให้เจ้าและตัวข้าพบเจอแต่สิ่งที่ดีแน่นอน...ข้าให้สัญญา!”
เสี่ยวฝานมองหน้าเขาและเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเขาก็เข้าใจและออกไปทำตามคำบอกของเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขาเอง...ข้าวของที่สำคัญที่จะพาติดตัวไปนั้นหามีไม่ คงจะมีเพียงแค่ความกล้า ความมุ่งมั่นและหัวใจเท่านั้นที่จักพกพาไปในการเดินทางครั้งนี้!
เพราะไม่มีของสำคัญอันใด สี่หนิงเหอก็เลยไม่ต้องเก็บ เพียงแค่ชำระล้างร่างกายแล้วเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่...ใหม่ของเขาแต่เก่าของผู้อื่นที่เขาเกือบจะให้บ่าวไพร่นำไปใช้ทำความสะอาดห้องหับเสียด้วยซ้ำ
สี่หนิงเหอสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าเสร็จพอดีก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องโดยเขาไม่แม้แต่จะเอ่ยปากขออนุญาต แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจกับคนไร้มารยาท ทำเพียงแค่มองสบตากับบุรุษร่างใหญ่ในอาภรณ์สีดำสนิทที่มีหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้าเอาไว้ขณะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้และรินน้ำชามาดื่ม
ในเมื่อผู้ที่มาไม่พูด เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยปากไต่ถาม แต่ในใจของสี่หนิงเหอนั้น...สั่นไปหมดแล้ว
“ขออภัยคุณชายที่ข้าบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต ข้าได้รับคำสั่งให้มานำข้าวของ...”
สายตาเข้มกวาดมองไปทั่วห้องเล็กของสี่หนิงเหอที่...ไร้หีบใส่ข้าวของ
อ๋อ...ลืมไป เขามีนี่น่า เป็นกล่องไม้แสนเก่าจนมองไม่ออกแล้วว่าบนฝากล่องสลักอะไรเอาไว้ มันอยู่ที่หัวเตียงนอนของเขา ซึ่งภายในบรรจุสิ่งใดเอาไว้ เขาก็ไม่รู้หรอก ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจ แต่เพราะหมดปัญญาที่จะเปิดมันออก
“ข้าวของอันใดรึ แล้วท่านเป็นผู้ใดกัน” สี่หนิงเหอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอ่ยถามออกไป
“มิมีผู้ใดมาแจ้งคุณชายหรือขอรับ”
“ถ้ามีแล้วข้าจะถามท่านทำไมเล่า” เขาคิดว่าบุรุษตรงหน้ารู้ว่ากำลังถูกตีรวน หากบุรุษผู้นี้ก็ยังคงทำเฉย
“ข้าเป็นองครักษ์ที่ท่านอ๋องส่งมาคุ้มครองท่านขณะเดินทางเพื่อไปสมรสเป็นอนุภรรยาของพระองค์”
“อ๋อ...” สี่หนิงเหอพยักหน้ารับ แม้จะค่อนข้างแปลกในใจเป็นอย่างมาก ด้วยมีความทรงจำบางส่วนที่มันเลือนหายไปย้อนกลับเข้ามา ที่มันทำให้สี่หนิงเหอรู้ว่า ก่อนที่จะย้อนกลับมาแก้ไขอดีตของตัวเองนั้น ตอนที่เขาเดินทางไปเข้าพิธีกับคนผู้นั้น คนที่มารับข้าเป็นเพียงแค่พ่อบ้านวัยชราคนหนึ่ง รถม้าขนาดสามคนนั่งหนึ่งคันพร้อมกับคนบังคับและบ่าวไพร่อีกสองคนเท่านั้น การเดินทางที่ใช้เวลาร่วมครึ่งเดือนที่มันช่างราบรื่น...เป็นอย่างมาก
เขาประชด!
