บทที่ 10
เมื่อมู่หนิงเอ๋อร์เห็นว่ามีคนมา ก็ตกใจรีบมุดเข้าในอ้อมกอดของซือจ้านเหยียน
ไม่ว่าใครถูกขัดขังหวะในตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มต่างก็ต้องอารมณ์เสียทั้งนั้น
ซือจ้านเหยียนมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านึกรำคาญ เอ่ยพูดขึ้นมาว่า "หนิงอวิ้นหยูว ต่อไปนี้เจ้าต้องมาเป็นคนรับใช้ของหนิงเอ๋อร์ คอยดูแลบาดแผลบนขานางจนกว่าจะหายดี"
จนกว่าจะหายดี?
เศษกระเบื้องแค่นั้น บาดขามู่หนิงเอ๋อร์จนพิการเลยหรือ?
แน่นอนว่าหนิงอวิ้นหยูวไม่กล้าพูดคำพูดเหล่านี้ออกไป
นางพยักหน้า เอ่ยพูดอย่างเชื่อฟังว่า "ข้ากับน้องหนิงเอ๋อร์เป็นพี่น้องกัน ข้าสมควรดูแลนางอยู่แล้ว"
นางพูดพร้อมกับเดินเข้าไป เพื่อที่จะไปเฝ้าข้างเตียง
"หยุด เจ้ายืนเฝ้าตรงหน้าประตูนั่นแหละ ถ้าข้าไม่ได้สั่งก็อย่าเข้ามาใกล้เตียงแม้แต่ก้าวเดียว" ซือจ้านเหยียนบอกให้นางหยุด เขาปกป้องคนรักในอ้อมกอดด้วยท่าทีระแวดระวัง ราวกับหนิงอวิ้นหยูวที่ยืนอยู่หน้าประตูคือตัวหายนะและภัยพิบัติอย่างไรอย่างนั้น
หนิงอวิ้นหยูวก้าวถอยหลังไปยืนอยู่หน้าประตูอย่างเชื่อฟัง
ตั้งแต่ที่นางเข้ามาข้างใน นางก็เอาแต่สังเกตสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องไม่หยุด
โดยเฉพาะดาบยาวเล่มนั้น
จ้านอ๋องคือท่านแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในแคว้นหนาน สู้รบในสนามมาแล้วหลายสิบปี ขยับขยายอาณาเขตให้แคว้นหนานมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงทรงอนุญาตให้เขาพกดาบติดตัว
แม้นจะอยู่ไกล แต่นางก็ยังสัมผัสกลิ่นอายสังหารจากคมดาบเล่มนั้นได้
หากในชีวิตนี้ นางได้จับดาบที่เคยปกป้องบ้านเมืองมาแล้วหลายครั้ง ก็คงไม่มีอะไรให้รู้สึกเสียดาย
อีกด้าน ซือจ้านเหยียนที่อยู่บนเตียงมองเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูผ่านม่านคลุมเตียงราง ๆ
หลังจากที่ใบหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม บุคลิกของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อก่อนนางขี้ขลาด เดินไปไหนก็เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้ามองผู้คน แต่ว่าตอนนี้นางไม่เพียงแต่เดินเชิดหน้าหลังตรง แต่ความมั่นใจที่เหมือนกลั่นออกมาจากข้างใน ยิ่งทำให้นางดูน่าหลงใหล
น่าเสียดาย ที่นางคือบุตรสาวของตระกูลหนิง
เมื่อมู่หนิงเอ๋อร์เงยหน้าขี้นมาแล้วเห็นชายหนุ่มมองผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าตน ก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที
นางส่งเสียงออดอ้อนออกมาว่า "พี่เหยียน ข้าเจ็บขาเหลือเกิน แล้วก็ปวดหัวด้วย เจ้าช่วยดูหน่อยสิ"
ซือจ้านเหยียนก้มหน้าลง ลูบหัวนางไปพลาง ก้มมองบริเวณขาของนางไปพลาง เอ่ยถามเสียงอ่อนโยนว่า "เป็นอะไรไป?"
"ฮึ ข้าเจ็บไปหมดเลย" นางจงใจส่งเสียงดังออกมา
แค่อยากให้หนิงอวิ้นหยูวที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้เอาไว้ว่า พี่เหยียนดีกับนางและใส่ใจนางมากเพียงใด
เมื่อได้ยินเสียงที่แสร้งดัดให้หวานหยด หนิงอวิ้นหยูวก็ขนลุกชัน
นางมองร่างสองร่างที่แนบชิดกันในม่านมุ้ง พลางคิดในใจว่าคนโบราณเขาเปิดเผยถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
สามีกับนางสนมกำลังจะมีอะไรกัน ยังมีหน้าเรียกนางที่เป็นชายาหลวงมาดูอีก ซือจ้านเหยียนไม่กลัวนางต่อยสักหมัดหรือไง!
ในตอนนี้เอง ซือจ้านเหยียนก็กอดปลอบคนงามในอ้อมกอดอย่างใจเย็น
ที่เขาเรียกหนิงอวิ้นหยูวมาในคืนนี้ ก็เพื่ออยากหาโอกาสเหยียดหยามนาง
ในคืนแต่งงานวันนั้น ตอนหนิงอวิ้นหยูวรู้ว่าเขาจะแต่งสนม ยังจะเป็นจะตายอยู่เลย ทั้งยังวางยาเขาอย่างไม่สนสิ่งใด เหตุใดพอมาวันนี้ นางกลับสงบผิดปกติ เหมือนไม่ได้สนใจว่าเขากำลังกอดหญิงอื่นอยู่เลยด้วยซ้ำ
เขาอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า นี่ใช่คน ๆ เดียวกันหรือไม่?
ด้านมู่หนิงเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนเขา ก็เป็นฝ่ายโอบลำคอเขาก่อน ริมฝีปากสีดอกท้อเป่าไออุ่น ๆ รินรดลำคอของเขาไม่หยุด จนทำให้ร่างกายของเขาเริ่มร้อนผ่าว
เขาโน้มตัวลงไป เอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยลมหายใจหยาบโลน "หนิงเอ๋อร์"
ใบหน้าขาวผ่องของมู่หนิงเอ๋อร์แปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ นางเอ่ยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยว่า "พี่เหยียน ข้าพร้อมแล้ว"
ซือจ้านเหยียนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปป้อนจูบให้มู่หนิงเอ๋อร์อย่างเร้าอารมณ์
หนิงอวิ้นหยูวถูกเมินเหมือนเป็นมนุษย์ล่องหน เมื่อได้ยิน เสียงของพวกเขา ก็รู้สึกกระดากอายจนหน้าแดงก่ำ
ตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบัน อย่างมากก็เคยดูแค่คลิปที่ชายหญิงทำเรื่องน่าอายกัน พอตอนนี้ได้มาสัมผัสบรรยากาศสด ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ
นางแอบเหลือบมองสองคนที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง ทันใดนั้นในหัวก็มีความคิดสนุก ๆ ผุดขึ้นมา
ขณะเดียวกัน สองคนที่อยู่บนเตียงไม่ได้รู้เลยว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังคิดที่จะทำอะไร
มือบอบบางของมู่หนิงเอ๋อร์ลูบไล้ร่างกายของซือจ้านเหยียนอย่างอยู่ไม่นิ่ง ซือจ้านเหยียนที่ถูกกระตุ้นอารมณ์ ก็รีบถอดชุดแต่งงานสีชมพูตัวนอกสุดของมู่หนิงเอ๋อร์ออก....
นางเองก็ช่วยปลดกระดุมให้ซือจ้านเหยียนอย่างเงอะงะ
ขณะที่ทั้งสองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่นั้น หนิงอวิ้นหยูวก็แอบย่องมาหยุดที่โต๊ะที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ค่อย ๆ หยิบดาบของซือจ้านเหยียนขึ้นมา
จากนั้นก็พุ่งดาบไปยังทั้งสองคนบนเตียงด้วยความเร็วสูงสุด
ซือจ้านเหยียนที่อยู่ในสนามรบมาหลายปี พลันรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ความต้องการในดวงตาคมก็หดหายไป ทดแทนด้วยไอสังหารเต็มเปี่ยม
หนิงอวิ้นหยูวเข้ามาใกล้เตียงได้ไม่ทันไร ปลายดาบก็ถูกซือจ้านเหยียนสกัดกั้นไว้ได้เพียงใช้แค่สองนิ้ว ไม่ว่านางจะพยายามออกแรงแค่ไหนก็ไม่ขยับ
ซือจ้านเหยียนเอ่ยถามด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก "เจ้ากำลังจะทำอะไร?"
