บทที่ 3

ได้ยินเช่นนี้ นายหญิงนมหลิวก็เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง

นางก้มหน้าลงทันที ใช้น้ำเสียงเคารพนอบน้อมเอ่ยพูดว่า "มิบังอาจ พวกบ่าวรับใช้ตาพร่ามัวมองผิดคิดว่าท่านเป็นอะไรไป บ่าวเองก็เป็นห่วงท่าน ถึงได้ตามมาดูด้วยตนเอง"

"อ่อ" สายตาสื่อความนัยอ่านยากของหนิงอวิ้นหยูวทอดมองมาที่หน้าของแม่นมหลิว จากนั้นก็แสยะยิ้ม "เจ้าคงลำบากแย่ที่วิ่งแจ้นมาถึงนี่"

ถ้อยคำของนางแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อในความหวังดีของแม่นมหลิว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ให้ทางลงแก่นายหญิงนมหลิว ไม่ให้นางเสียหน้าต่อคนหมู่มาก

นายหญิงนมหลิวยิ้มเจื่อน ๆ "มันเป็นหน้าที่ของข้า ไม่ลำบากหรอกเจ้าค่ะ"

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน นางเองก็ไม่กล้าต่อกรกับหนิงอวิ้นหยูว ต่อให้หนิงอวิ้นหยูวไม่เป็นที่รัก กระนั้นก็เป็นถึงบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีและพระชายาที่จ้านอ๋องแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามประเพณี บ่าวไพร่ชนชั้นต่ำต้อยเช่นนาง มีสถานะแตกต่างราวฟ้ากับเหว นางไม่กล้าต่อกรกับหนิงอวิ้นหยูวเด็ดขาด

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว! เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน พวกเจ้าช่วยเงียบ ๆ เสียงหน่อยก็แล้วกัน "หนิงอวิ้นหยูววางมาดพระชายา ปรายตามองคนเบื้องล่างอย่างเย็นชา แววตาดุดันราวกับจะกินหัวกันให้ได้

นางรู้ว่าบ่าวไพร่ประเภทที่ชอบรังแกคนไม่มีทางสู้เฉกเช่นแม่นมหลิวยังมีอยู่อีกเยอะ วันเวลายังอีกยาวไกล นางเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครจะกล้าจบชีวิตตัวเองด้วยการมายั่วยุอารมณ์นางบ้าง

นายหญิงนมหลิวซ่อนความรู้สึกไม่พอใจไว้ข้างใน จากนั้นก็ทำความเคารพและล่าถอยกลับไปพร้อมกับคนอื่น ๆ

ทันทีที่คนเหล่านั้นออกไป บริเวณเรือนก็สงบขึ้นมาก

อาการปวดหัวของหนิงอวิ้นหยูวไม่รุนแรงมากเท่าไหร่แแล้ว นางจึงให้หยุนเอ๋อร์ไปเตรียมน้ำร้อนไว้ให้

ตอนที่นางถอดเสื้อผ้าออกแล้วเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ บนร่างกาย นางก็รู้สึกสงสารเจ้าของร่างเดิมจับใจ

ไอความร้อนหนาทึบปกคลุมทั่วทั้งห้อง นางหรี่ตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ภวังค์แห่งฝัน

ในห้วงของความฝัน นางได้กลับมาที่ห้องทดลองของนางในยุคปัจจุบันอีกครั้ง ข้างในนั้นมียาครบคัน ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นวัตุดิบยาที่หายาก ทั้งยังมีเครื่องมือทางการแพทย์หลากหลายชิด ล้วนแล้วแต่เป็นของใหม่ล่าสุดทั้งนั้น

นางลูบรอยบนหน้าของตนเองโดยไม่รู้ตัว จากการสังเกตของนาง หากใช้ยาที่ถูกต้องรักษารอยนี้ ก็จะสามารถกำจัดให้หายเป็นปลิดทิ้งได้

เพียงแต่ว่าสารพิษตกค้างบนผิวเป็นเวลานาน หากต้องขจัดให้หมดจรดก็ต้องใช้เวลาเล็กน้อย

หากนางได้เข้าไปในห้องทดลองจริง ๆ ร่องรอยของพิษที่แก้มข้างซ้ายต้องได้รับการบรรเทาแน่ ๆ

น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงความฝัน

ในขณะเดียวกันนั้น ตรงหน้าของนางก็ปรากฏยาอายุวัฒนะปิงซิน ยาชนิดนี้เป็นยาที่นางคิดค้นขึ้นมาเอง ถ้าใช้ยาอายุวัฒนะปิงซินภายนอกครึ่งหนึ่ง ภายในครึ่งหนึ่ง จะได้ผลดีกับพิษที่สะสมในร่างกายอย่างวิเศษ

หนิงอวิ้นหยูวถือมันไว้ในมือราวกับได้ของล้ำค่า แทบอยากจะใช้ยามันซะตอนนี้

น้ำค่อยๆเย็นชืด หน้าต่างถูกลมหนาวพัดอย่างแรงจนเปิดผลั้วะ

หนิงอวิ้นหยูวหนาวจนตัวสั่น พลันตื่นขึ้นมาจากห้วงความฝันในทันใด

ในตอนนี้เอง นางก็พบว่ามือของนางกำลังถือสิ่งของบางอย่าง เมื่อก้มหน้ามอง ก็พบว่าเป็นยาอายุวัฒนะปิงซินที่เพิ่งปรากฏในความฝันของนางเมื่อครู่

นางคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างอดรนทนรอไม่ไหว จากนั้นก็แบ่งยาออกครึ่งหนึ่ง แล้วให้หยุนเอ๋อร์ไปเอาผ้าพันแผลมาให้ จากนั้นก็นำยาอายุวัฒนะครึ่งหนึ่งทาลงบนหน้าอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้เหลือแค่นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยดูอีกทีว่าพิษจะถูกขับออกไปหรือไม่

เปลือกตาของนางเริ่มหนักอึ้ง จึงล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างง่วงงุน จากนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกหน

ครั้งนี้นางนอนหลับสนิทเป็นพิเศษ

ในยุคศตวรรษที่ 22 นางผู้เป็นแพทย์หญิงอัจฉริยะถูกฟ้าผ่าตาย ช่างเป็นการตายที่น่าด่าจริง ๆ โชคดีที่สวรรค์ยังให้โอกาสนางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ตอนที่หนิงอวิ้นหยูวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าท้องฟ้ายังคงมีหมอกปกคลุม

นางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลบนหน้าออก ในตอนที่เห็นว่าร่องรอยจากสารพิษสีดำบนหน้าถูกขับออกทีละน้อย นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบเรียกหยุนเอ๋อร์เอาน้ำอุ่นมาให้

หนิงอวิ้นเอ๋อร์ลองเข้าไปในห้วงสำนึกของตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบยาทาแก้อักเสบออกมาด้วยบางส่วน แล้วค่อย ๆ ดูดซับพิษออก และทำความสะอาด

หลังจากสาละวนทายาอยู่นาน หน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเนียนใสไร้ที่ติ ทำให้นางเปล่งประกายราวกับเป็นคนใหม่

สภาพของนางในตอนนี้ หากจะชมว่างามล่มเมืองก็ไม่เกินจริง

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงจุดปะทัดดังมาจากข้างนอกเป็นระยะ ๆ รวมไปถึงเสียงโห่ร้องยินดีเป็นทอด ๆ

หนิงอวิ้นหยูวลุกขึ้นยืน มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสงสัย

ภายในจวน มีผ้าแดงริ้วห้อยประดับไปทั่วบริเวณ บรรยากาศทั้งจวนดูน่ายินดียิ่งกว่าพิธีแต่งงานของนางเสียอีก

หยุนเอ๋อร์เข้ามาพร้อมอ่างน้ำ เมื่อนางเห็นหนิงอวิ้นหยูว ก็เอ่ยพูดดัวยใบหน้าตื่นตกใจ "นายหญิง หน้าของท่านหายแล้ว!"

หนิงอวิ้นหยูวพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ นางหันไปมองตนเองในกระจก ดวงหน้างดงามชวนตกตะลึงเช่นนี้ แม้แต่นางที่เป็นคนสมัยใหม่ที่เคยพบเจอผู้คนมากมาย ก็ยังรู้สึกทึ่งกับความตระการตานี้

“จำไว้นะ แผลบนหน้าของข้าหายเพราะยาวิเศษที่ท่านแม่ให้ข้าไว้ หลังจากทายาวิเศษ รอยพิษบนหน้าก็ถูกขับออก แต่ถ้ามีคนมาถามซอกแซกไม่หยุด เจ้าก็บอกไปว่าไม่รู้"

จู่ ๆ หน้าก็หายดีเป็นปลิดทิ้งเช่นนี้ การหาข้ออ้างไว้แก้ต่างล่วงหน้าก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเกิดมีคนมาหลอกถาม นางก็แค่พูดจาวกวนไปมาเดี๋ยวก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว

“เจ้าค่ะนายหญิง ข้าจะจำเอาไว้" หยุนเอ๋อร์ตอบกลับอย่างจริงจัง

“ข้างนอกมีอะไร ทำไมเสียงดังขนาดนั้น?" หนิงอวิ้นหยูวเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนใจ

“ข้างนอก...” สีหน้าของหยุนเอ๋อร์พลันยุ่งเหยิงขึ้นมา นางอ้าปาก กระซิบเสียงเบาว่า “วันนี้ท่านอ๋องแต่งสนมมู่หนิงเอ๋อร์เข้าจวน บรรยากาศจึงครึกครื้นเช่นนี้แลเจ้าค่ะ"

หนิงอวิ้นหยูวยิ้มอย่างมีเลศนัย "ที่แท้สวามีก็แต่งสนมเข้าจวนนี้เอง แบบนั้นข้าต้องออกไปแสดงความยินดีหน่อยแล้ว"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป