บทที่ 2 ตอนที่ 1

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู” เสียงหญิงชราผู้อาวุโสผู้ดูแลตระกูลอิยามะเซกิเปล่งเสียงเรียกหาใครบางคนทั่วบ้านในสมัยโชกุนยึดอำนาจปกครองทั้งสิบกว่าห้อง

“คุณหนูไปศาลเจ้า ชุฟุมีเหตุอันใดหรือเจ้าคะ” สาวน้อยในชุดยูกาตะสีสดใสเดินเข้ามาพร้อมถอดเกี๊ยะอยู่หน้าทางขึ้นบันไดมองหญิงชราที่เลื่อนประตูปิด

“ชิงหรงเองรึ รีบพาคุณหนูกลับมาเร็วเข้า ท่านหญิงเดินทางใกล้มาถึงแล้ว”

“เจ้าค่ะ” ชิงหรง สาวน้อยวัยใสรีบถอยกลับใส่เกี๊ยะวิ่งออกไปทันทีผ่านซุ้มประตูใหญ่ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวก่อนหยุดยืนกอดอกหันกลับมองทางที่วิ่งผ่านมา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นช้าๆ ก่อนเดินทีละก้าวอย่างไม่รีบร้อน

ศาลเจ้ายามะ

ป๊อก ป๊อก ป๊อก

เสียงเคาะไม้ดังกึกก้องมือเรียวสวยปักธูปลงกระถางใหญ่ก่อนก้าวถอยหลังโค้งคำนับเหลียวมองหญิงรับใช้ในชุดกิโมโนสี่คนคอยติดตามไม่ห่างกาย ดวงตากลมโตหลับตาลงแล้วลืมตาลุกขึ้นเดินออกจากสถานที่กราบไหว้

“ใกล้ค่ำแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูฮวา” หญิงรับใช้กางร่มให้ผู้เป็นนายทันที

“ซายุริละ” ฮวาเจิน หญิงสาวผู้งดงามเจ้าของดวงตากลมโตในชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนเอ่ยถามกลับพร้อมมองหาช้าๆ

“อาจจะกลับไปแล้วนะเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ทางฝั่งขวาตอบกลับด้วยรอยยิ้มแต่เจ้าของดวงตากลมโตไม่มีทีท่าเชื่อแต่อย่างใดก้มหน้าลงค่อยๆก้าวขาเดินก่อนหยุดชะงักเมื่อเห็นเท้าของนักบวชหยุดอยู่ตรงหน้า ฮวาเจินเงยหน้าขึ้นทันทีพร้อมฉีกยิ้มก้มหัวทักทายอย่างให้เกียรติเช่นเดียวกับนักบวชที่ก้มหัวเล็กน้อยอีกทั้งยังจูงเด็กน้อยในชุดยูกาตะผมสั้นมาด้วย

“คุณหนู ข้าน้อยตามท่านตงซวนมาพบท่านแล้ว คุณหนูยิ้มให้ข้าน้อยได้ไหมเจ้าคะ” ซายุริ เด็กน้อยวัยกำลังโตฉีกยิ้มละมือออกจากนักบวชหนุ่ม หันมาจับมือฮวาเจินด้วยรอยยิ้มสดใส

“ขอบใจเจ้ามากนะซายุริ” ฮวาเจินลูบแก้มเด็กน้อยก่อนฉีกยิ้มให้ตามที่ร้องขอเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้นสมใจซายุริก็พยักหน้าดีใจก้าวถอยห่างหลีกทางให้นักบวชหนุ่มเผชิญหน้ากับหญิงสาว

“เชิญคุณหนูฮวา” ตงซวน นักบวชหนุ่มผายมือเชิญแล้วเดินนำไป ฮวาเจินพยักหน้ารับก่อนเดินตาาเข้าไปในศาลเจ้าอีกครั้ง หญิงรับใช้สี่คนมองตามอย่างร้อนใจแล้วหันมาจ้องซายุริที่สะดุ้งเฮือกก้มหน้ารีบก้าวขาวิ่ง

ปึก!

“โอ๊ย เจ็บจัง” ซายุริหงายหลังล้มลงก้นกระแทกพื้นดินยกมือจับหัวเมื่อชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมถือเคนดามะเล่น (เคนดามะทำจากไม้ มีรูปทรงคล้ายกับค้อน มีถ้วยหลุมติดอยู่สองด้านของไม้ ด้านหนึ่งใหญ่และอีกด้านหนึ่งเล็ก ตรงปลายไม้มีลักษณะปลายแหลม และมีลูกบอลกลมๆ ผูกติดอยู่กับคอไม้ด้วยเชือกยาวประมาณสี่สิบเซนติเมตร)

“เด็กโง่ อะ ให้” ชิงหรงก้มลงดึงแขนซายุริลุกขึ้นพร้อมยื่นเคนดามะให้

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ซายุริฉีกยิ้มรับเคนดามะแล้วรีบวิ่งอ้อมออกไป ชิงหรงมองตามหลังก่อนหันมายิ้มมุมปากส่งให้หญิงรับใช้สี่คนที่เฝ้ารออยู่นอกศาลเจ้า

“ยังจะเฝ้าอยู่อีกหรือเจ้าคะ หมดหน้าที่ควรกลับไปได้แล้ว” ชิงหรงเอ่ยพร้อมจ้องหน้าทีละคนอย่างไม่เกรงกลัว

“หน้าที่ของพวกข้าต้องพาคุณหนูฮวาเข้าพบท่านโชกุน สาวรุ่นอย่างเจ้าอย่าได้กำเริบมากนัก” หญิงรับใช้ตอบกลับอย่างไม่ยอมฝีปาก

“ถ้างั้นเป็นวิญญาณไปบอกท่านโชกุนของพวกเจ้าก็แล้วกัน” ชิงหรงเหยียดยิ้มชักมีดคู่ออกมายาวประมาณยี่สิบเซนติเมตรพุ่งเข้าหาหญิงรับใช้ทั้งสี่คนทันทีอย่างไม่รีรอ ร่างหญิงรับใช้ค่อยๆร่วงลงกระทบพื้นโลหิตไหลจากคอทีละคน มีดคู่หมุนเล่นอยู่ในมืออย่างคล่องแคล่วก่อนเก็บไว้ในชุดยูกาตะที่สวมใส่อยู่พลางเหลียวมองผลงานอย่างพึงพอใจ

ฟืบ!

ยังไม่ทันที่ชิงหรงจะก้าวเดินไปที่ร่างไร้ลมหายใจ ตะเกียงถูกเหวี่ยงลงจากกำแพงประตูทางเข้าศาลมายังร่างไร้ลมหายใจจนเกิดไฟลุกท่วมอย่างรวดเร็ว ชิงหรงเงยหน้าหมุนตัวมองบุคคลที่ยืนอยู่ในชุดขาวย้อนแสงอาทิตย์ก่อนวิ่งไต่กำแพงหนีไปด้วยความว่องไว ชิงหรงหันกลับมองเปลวเพลิงแล้วแสยะยิ้มหมุนตัวเดินเข้าในศาลเจ้าอย่างไม่แยแสสิ่งใด

ป๊อก ป๊อก ป๊อก

ตงซวนยกมือพนมมือระดับอกพร้อมนั่งเคาะไม้อยู่หน้าของไหว้มากมายแล้วหันกลับมามองฮวาเจินที่มองตนเองนัยน์ตาเศร้าหมอง

“รอยยิ้มของท่านเริ่มจางหาย อย่าให้ความเศร้ามาครอบงำจิตใจเลย” ตงซวนยืนตรงถือลูกประคำมองสบตาฮวาเจินที่ลดสายตาลงหยดน้ำตาไหลลงแก้มช้าๆ

“หยุดเถิด น้ำตาที่ไหลรินของท่านอาจสร้างบาปให้แก่ใครอีกหลายคน จงเข้มแข็งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามวิถีชีวิต ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนและถาวร”

“ไม่มีทางออกสำหรับเราเลยจริงๆ ” ฮวาเจินปาดน้ำตาออกเม้มปากบางๆ อย่างหดหู่ใจก่อนเหลือบมองชิงหรงเดินเข้ามาคำนับช้าๆทำให้ต้องรีบเช็ดน้ำตาหันหน้าหนี ชิงหรงมองฮวาเจินสายตานิ่งก่อนเหลือบมองตงซวนแล้วหมุนตัวกลับก้าวขาออก

“ช้าก่อน! ” ตงซวนรีบห้ามทันที

“หากไม่ช่วยก็อย่าได้ขวาง” ชิงหรงหยุดยืนเหลียวหลังกำหมัด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป