บทที่ 4 เพื่อนสนิท (คิดไม่ซื่อ) (3) จบตอน
หลังจากผมพิมพ์ไปว่างั้น ชูใจก็เงียบไปนาน เหมือนเธออึ้งกับคำตอบผมอยู่เหมือนกัน
ผมกดเข้าไปที่หน้าเฟสเธอ สงสัยว่าเธอเป็นอะไร ปกติถ้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวของชูใจ ส่วนมากผมจะส่องเฟสเธอ อ่านตามสเตตัสต่างๆ ที่เธอเพ้อออกมา แม้ว่ามันจะมีน้อย ส่วนมากจะลงรูปตัวเองกับแชร์รูปกระต่ายไปวันๆ
ผมไลค์ทุกโพสน์ที่เธอลง ไม่กล้าเม้นท์ แต่อยากให้รู้ว่าใส่ใจ
ผมอ่ะ กับชูใจผมเก็บมาตลอด ชอบก็เก็บ รู้สึกยังไงก็เก็บ เจ็บที่คนมาจีบเธอก็เก็บ เก็บทุกอย่าง จนสุดท้ายมาลงที่แห้วแดก
ทำไมต้องไปรักคนที่ไม่ได้รักเราด้วยวะ อีกอย่างเธอก็มีแฟนอยู่แล้ว
คงเป็นพวกโรคจิต ที่พอยิ่งรู้ว่าเธอมีแฟน ผมกลับไม่อยากตัดใจ
Shoujai Chutimon
เมื่อสักครู่
‘2 Days From tear...’
แล้วโพสน์ของชูใจที่โผล่ขึ้นมาหลังจากที่ผมกดรีเฟรชหน้าเฟสเธอรัวๆ ก็ทำให้ผมชะงักค้างไปกับโทรศัพท์
ผมก็พอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง
Tear แปลว่า น้ำตา
แปลว่า ไอ้เหี้ยโอห์มมันต้องทำอะไรเธอ!
ชื่อ โหน : ชูใจ เป็นไร
ผมทักเข้าไปในแชทเฟสของเธอทันที แต่ชูใจไม่อ่านไม่ตอบ ผมกัดฟันกรอด แทบไม่อยากจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเกิดมึงทำไรชูใจ กูไม่ไว้หน้าแน่
ผมคว้าเสื้อฮู้ดมาใส่ คว้ากุญแจรถพร้อมกับมือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะบึ่งรถออกมาจากซอยบ้านตัวเองทันที
ไม่ได้คิดว่าไปหาเธอทำไม เพื่ออะไร แต่ที่ตั้งใจ คือไม่อยากให้ชูใจเป็นของใคร
[จบพาร์ท : โหน]
ฉันคุยกับพี่โอห์มไม่รู้เรื่อง หลังจากที่ปรึกษาโหนแล้วได้รับคำตอบที่คาดไม่ถึง ก็เลยปฏิเสธพี่โอห์มไป
แต่คำตอบที่ได้ คือพี่โอห์มบอกเลิกพร้อมกับบอกว่า ถ้าไม่ให้เข้าไปหาก็แสดงว่าไม่รักกัน
ฉันน้ำตาซึม แอบเศร้าใจอยู่คนเดียวเงียบๆ เอาจริงๆ ฉันคุยกับพี่โอห์มมาประมาณห้าเดือนโดยที่ไม่เคยเจอกัน พี่โอห์มที่เป็นแพทย์นั้นดูอบอุ่นแล้วก็ใจดี ไม่เหมือนหลังจากตกลงคบเป็นแฟน
เขาดูเรียกร้องอะไรหลายๆ อย่าง แล้วยิ่งเดทแรกฉันพาโหนมาด้วย ดูพี่โอห์มจะโกรธมาก
จะว่าไงดีล่ะ ฉันรู้สึกดีๆ กับพี่โอห์มไปแล้ว คุยกันมาตั้งนานขนาดนั้น คนแรกเลยนะ แล้วฉันก็ไม่เคยคุยหรือคบกับใครมาก่อน
ถ้าจะให้มีก็มีแต่เพื่อน สนิทกับโหนแล้วก็สนิทกับเพื่อนของโหนด้วย
พูดถึงโหน ฉันก็อยากจะร้องไห้
ฉันอยากให้เขามาอยู่ตรงนี้ ฉันอยากเล่าให้เขาฟังว่าพี่โอห์มบอกเลิกฉันแล้ว ฉันเจ็บมากนะ รู้สึกหนึบๆ ในหัวใจด้วย
ก็โหนเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ยอมรับฟังฉันทุกอย่าง เป็นคนที่มีนิสัยไม่เข้ากับลุคเถื่อนๆ ของเขา
แต่ฉันก็ไม่อยากรบกวนโหนด้วย ทำได้แค่โพสน์สเตตัสลงในเฟสพร้อมกับกอดเข่าตัวเองอยู่บนเตียงนอน น้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร
ไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือเลย จะต้องทบทวนด้วย
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นมา ฉันไม่มีอารมณ์จะกดมาดู รักแรกมันเฮิร์ทแบบนี้นี่เอง คำพูดที่พี่โอห์มบอกเลิกฉันมันก็เจ็บมาก
‘ถ้าไม่ให้พี่มาหา แสดงว่าไม่รักกัน งั้นเราเลิกกันดีกว่ามั้ย พี่ไม่อยากเสียเวลาไปกับเรา’
เสียเวลา?
คบกับชูใจมันเสียเวลาขนาดนั้นเลยเหรอ
ก็อกๆๆๆ!!
ฉันที่นั่งกอดเข่าอยู่ชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังลั่นกลางดึก มองนาฬิกาก็พบว่าตัวเองนั่งเศร้ามายี่สิบกว่านาทีแล้ว เสียเวลาเรียนหมดเลย
ฉันเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นมาจัดผมเผ้าตัวเองดีๆ หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดประตูเพราะรู้ได้ในทันทีว่าต้องเป็น...
“ชูใจ! เป็นไรรึเปล่า ทักไปไม่ตอบ” โหนจริงๆ ด้วย เขายืนหอบอยู่หน้าประตู ร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยรอยสักมีเพียงเสื้อฮู้ดตัวเดิมที่เคยใส่มาเจอกับบ็อกเซอร์ ฉันมองหน้าเขา อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา
“โหน ฮึก... พี่โอห์มบอกเลิกเราแล้ว”
[พาร์ท : โหน]
ผมมองซ้ายมองขวา นึกโล่งที่ชูใจไม่ได้พาไอ้เวรนั่นเข้ามาในห้อง เธอนั่งร้องไห้บอกอยากกินเบียร์เป็นครั้งแรกเพราะเฮิร์ท ผมไม่ได้ห้ามด้วย ถึงใจมันจะเจ็บที่เห็นเธอเจ็บจากผู้ชายคนอื่น แต่ให้ทำไงได้
ผมมันก็แค่เพื่อน
“เราไม่รู้อ่ะ เราผิดอะไร เราแค่ทำตามที่โหนบอก เราก็ยังไม่อยากเสียตัวนะ” เธอร้องไห้โฮพร้อมกับกระดกกระป๋องเบียร์อันที่ห้าได้ ผมคอยนั่งปลอบเธออยู่ แต่เข้าใกล้ไม่ได้เพราะเป็นห้องของเธอ วันนี้เธอเจ็บก็เลยได้สิทธิพิเศษ
แต่ความไว้ใจมันน่ากลัว ชูใจที่กินเบียร์เข้าไปห้ากระป๋องเริ่มร้อน เธอถอดเสื้อคลุมออกตั้งแต่เมื่อกี้ มีแต่ชุดนอนกระโปรงพลิ้วๆ ผ้าบางๆ ที่พอผมมองไปก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก
บ้าเอ้ย ผมไม่ถูกกับเบียร์ ที่ยอมกินก็เพราะเธอ เวลาเบียร์เข้าปากผมจะเละเทะทุกที
ผมพยายามจิบน้อยๆ แต่ร้อนในคอเลยหยุด มองเห็นชูใจที่เหงื่อไหลลงมาตามซอกคอขาว ผมก็ตาพร่า คอแห้งจนต้องกระดกเบียร์หมดกระป๋อง
จนกระป๋องที่สอง ที่สาม และที่สี่ตามมาเพราะความขาวของชูใจไม่ยอมหายไปจากใจ
หัวผมเริ่มโคลงเคลง
“เธอแม่งไม่เคยระวังตัวอ่ะ ผู้ชายมันหวังไรเธอไม่รู้เหรอ” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าปากพูดไรออกไปบ้าง มารู้สึกตัวอีกทีก็นั่งกระดกเบียร์ข้างๆ ชูใจแล้วบ่นเธอไม่หยุด “เป็นเรานะเราจะไม่ไว้ใจ ไม่เดทกับมันเด็ดขาด”
“...”
“เราจะไม่มองผู้ชายแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ”
“เราคุยกับพี่เค้ามาห้าเดือนแล้วนะโหน” ชูใจครางเสียงเมามาย “พี่เค้า... อึ้ก! บอกว่ารักเรา”
“ผู้ชาย พูดว่ารักมันก็ง่ายๆ แม่งก็แค่ลมปาก” ผมแค่นหัวเราะ รู้สึกว่าพลาดที่พูดประโยคต่อไปออกมา เหมือนเป็นการเปิดทางให้ชูใจรู้ “เราก็พูดได้ถ้างั้นอ่ะ”
“ก็ลองพูดสิ ชูใจว่าไม่เหมือนกันหรอก!” เธอแย้งผมพร้อมกับเอามือตีไหล่ผมเบาๆ ผมนิ่งไป หันไปมองหน้าชูใจที่สบตาผมกลับมา หน้าแดงก่ำ ชุดนอนบางๆ ตาหยาดเยิ้ม
เธอคงไม่รู้ตัวเลยดิ
“เรารักเธอ” ผมพูดออกไป คำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกทั้งหมดของผม หลายปีที่ผ่านมา ที่ผมมองเธอ ชอบเธอ ผมไม่เคยได้บอกมาก่อน
แต่พอได้บอก ก็ได้บอกตอนที่
เมา
“...”
“เรารักเธอว่ะ ชูใจ”
จบประโยคนั้น ชูใจก็หลับตาลง เธอเย้ายวนผมผ่านท่าทางที่เกิดจากแอลกอฮอล์ล้วนๆ โดยที่ผมเองก็ผิด ที่หลวมตัวไปกับเธอในวันนี้
ผมจูบเธอ ก่อนที่จะพาเธอลงไปที่เตียง
แล้วจบคำว่า โหน เพื่อนที่แสนดีของชูใจลงในวันนั้น
ชุดนอนสีขาวของชูใจถูกผมล้วงเข้าไปจนถึงเนินหน้าอกขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมาตามคอเสื้อสายเดี่ยว ผมยาวๆ ของเธอสยายอยู่บนเตียง ริมฝีปากเธอเผยอออก เย้ายวนผมผ่านดวงตากลมโต
ผมจูบเธอหนักๆ จนชูใจต้องโอบรอบคอผมไว้ ทำเหมือนเราเป็นคู่รักกัน
“เราไม่รู้อ่ะ เราผิดอะไร เราแค่ทำตามที่โหนบอก เราก็ยังไม่อยากเสียตัวนะ”
คำที่ชูใจพูดเมื่อกี้ฉุดใจผมได้ แต่มันเกินจะห้ามอยู่ ความหวานของเธอมันทำให้ผมอดใจไม่ไหว
“ชูใจ ถ้าเราเป็นผัวเธอวันนี้ เธอจะรักเรามั้ย” ผมได้แต่กระซิบถามอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เมา ดูเหมือนว่ามือเล็กๆ ของเธอจะเลื่อนลงมาที่เข็มขัดกางเกงของผม
ใจผมสั่นริก มองเนินอกขาวๆ ที่โผล่มาตามเสื้อ พร้อมกับชั้นในสีขาวเข้ากันกับชุด
น่ารักจังวะ
“อื้มมมม” ร่างเล็กครางเสียงอ่อน อ่อยผมผ่านมือที่กำลังจงใจปลดเข็มขัด ผมหายใจแรง พอรู้ตัวว่าจะเกินเลยกับคนที่แอบชอบมาหลายปี ผมกลับรู้สึกเหมือนประหม่า
ผมไม่ได้ทำมานาน ตอนที่ชัดว่ารู้สึกชอบชูใจ ผมก็ไม่ได้คบใครเป็นแฟนจริงจัง
ที่ผ่านมาก็แค่...
พิสูจน์ใจตัวเอง ว่ารักแค่เธอจริงรึเปล่า
“เราจะทำแล้วนะ” ผมคว้าข้อมือเธอไว้ ดึงขึ้นมาจูบฝ่ามือเธอหนักๆ “พอเธอตื่นมา เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันก็ได้”
“...”
“แต่เราจะไม่ลืมวันนี้เลยว่ะ”
หลังจากจบประโยคนั้น ผมก็ดึงชูใจให้ลุกขึ้นนั่ง สบตากัน จูบกันเหมือนกับว่าเราเป็นแฟนกันตอนนั้น แต่สำหรับคนแอบรักเพื่อนอย่างผม นี่มันเป็นโอกาส
ผมจูบชูใจอย่างหนักหน่วง หวานล้ำ เหมือนอยากจะบอกทุกคำที่คิดไว้กับเธอเมื่อหลายๆ ปีที่ผ่านมา
ชูใจจูบตอบผมไม่เป็น เธอทำได้แค่ขยำเสื้อผมอย่างเคลิ้ม มือหนาผมคว้าหน้าอกเธอไว้ ตอนแรกไม่กล้า แต่พอได้จับ หน้าอกที่นุ่มละมุนของชูใจทำเอาผมต้องใช้สองมือเคล้นคลึงเต้านมแสนนุ่มนิ่มของเธอ
“อือ” ร่างเล็กครางเบาๆ ก้มลงมองมือผมที่กำลังขยำนมเธออย่างน่ารัก ผมอุ้มชูใจขึ้นมานั่งบนตัก ถอดสายเสื้อนอนเธอออก ร่นชุดเธอลงไปกองอยู่กับเอว ตัวเล็กๆ ขาวจั้วะ พร้อมกับชุดชั้นในสีขาวของเธอ
โคตรจะน่ารัก
ผมซุกหน้าลงกับเต้านมนุ่ม ชูใจกอดผมไว้ ก่อนที่ผมจะถลกเสื้อในเธอขึ้น ยอดปทุมถันสีชมพูอ่อนเด้งขึ้นมาสู้หน้า หน้าอกที่กลมกลึงของชูใจทำให้ผมอดใจไม่ไหว
ครั้งแรกเลย ที่ได้เห็นของๆ เธอ มันน่ารักดี
ผมดูดดึงเต้านมขาวอวบ ก่อนที่จะเลียรอบหน้าอกของเธอ ชูใจหลับตาปี๋กลั้นเสียงร้องไว้ หน้าเธอแดงก่ำ แล้วเธอก็กรี๊ดออกมาเบาๆ เมื่อผมใช้ปลายลิ้นเย็นๆ เลียยอดอกสีชมพูของเธอ
“อะ โหน” ชูใจเรียกชื่อผมอย่างเคลิ้ม แอ่นหน้าอกขึ้นอีกเมื่อผมดูดดึงยอดปทุมถันแสนหวานของเธอเข้าไปในอุ้งปาก ตวัดเลียเหมือนกับมันมีรสชาติ
ถ้ามันมีจริงๆ คงจะหวานล้ำเหมือนตัวเธอ
“โหน... เราเสียว” เธอร้องออกมาเบาๆ คำว่าเสียวจากปากเธอมันทำให้ท่อนเอ็นที่อยู่ภายใต้กางเกงของผมลุกฮือ มันง่ายดาย แค่เธอพูดว่าเสียวคำเดียว
“อึก” ผมกลั้นเสียงร้องเอาไว้ มันทรมานจริงว่ะ ไม่ได้แข็งกับใครมานานนอกจากคลิปโป๊ที่ดูบ้างเวลาเข้าห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนก็จินตนาการไม่เต็มอิ่ม เพราะผมไม่ได้ชอบ
ผมไม่เคยกล้านึกภาพชูใจตอนช่วยตัวเอง แต่ว่าวันนี้
วันนี้นี่เอง ที่ผมรู้สึกมากกว่านั้น
“ชูใจ ถ้าเราขอไรอย่าง” ผมถามเธอเสียงแหบพร่า ผละจากอกอิ่มเธอออกมา ชูใจราวกับเสียดายที่ผมไม่ดูดนมเธอต่อ เหมือนเธอจะชอบมาก
ผมอยากทำให้นะ แต่ติดที่ว่า
“...?”
“ช่วยใช้ปาก... ทำให้เราหน่อยดิ”
