บทที่ 6 ภวังค์ (2)
Shoujai Chutimon : โหน มารึยัง
ฉันจ้องมองไปทางโทรศัพท์ที่ไม่มีวี่แววว่าโหนจะตอบกลับมาพร้อมกับมุ่นคิ้วอย่างร้อนใจ ฉันยืนรออยู่บนตึกนานจนเพื่อนๆ เลิกคลาสลงไปนั่งรถกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว ตอนนี้ก็พยายามติดต่อโหน แต่ไม่รู้เขาไปอยู่ไหน
ฉันไม่กล้าลงไปอ่ะ ทำไงดี ไม่อยากเจอหน้าพี่โอห์มด้วย ถ้าเขาเจอฉันมีหวังได้ชวนไปห้องอีกแน่
ฉันเข็ดกับพี่โอห์มแล้วจริงๆ นะ ถึงจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าผู้ชายคนไหนควรอยู่ใกล้ ผู้ชายคนไหนควรห่างออกมา
แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะสุดท้ายฉันก็ติดต่อโหนไม่ได้สักที ก็เลยพ่นลมหายใจแล้วเดินคอตกลงจากตึก คงจะต้องใช้วิธีพูดตรงๆ ให้พี่โอห์มรู้แล้วว่าฉันเสียใจนะ ที่เขาบอกเลิก แต่ฉันจะมูฟออนตัวเองไปข้างหน้าให้ได้แล้วล่ะ
แล้วในระหว่างนั้นฉันก็คิดนะ
แล้วผู้ชายแบบไหนถึงจะดีล่ะ? ในเมื่อแบบพี่โอห์ม เพอร์เฟ็คขนาดนั้นก็ยังไม่โอเค
หรือจะต้องเป็นแบบ...
“ไอ้เหี้ย!! มึงมันไม่รักดี!”
ยังไม่ทันคิดอะไรได้จบดีฉันก็สะดุ้งโหยงหลังจากได้ยินเสียงตะโกนลั่น เซ็งแซ่เหมือนมีคนกำลังมีเรื่องกัน พอชะเง้อคอดูหน่อยก็เห็นว่ามีคนชกต่อยกันอยู่หน้ารั้วมหาลัย แล้วเสื้อยืดกับรอยสักที่คุ้นเคยของใครสักคนในนั้นก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง
นั่นมันโหนกับพี่โอห์ม!
ฉันรีบวิ่งเข้าไปดู แล้วก็ถูกกันออกไปจากฝั่งนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆ ที่มุงดูพวกเขาทะเลาะชกตีกัน
วินาทีนั้นฉันได้ยินเสียงพวกเขาตะโกนใส่กัน ในขณะที่พี่โอห์มตบไปที่ใบหน้าโหนสุดแรง
เพี้ยะ!
“มึงเสียบต่อชูใจลับหลังกูเหรอไอ้เด็กเวร!!” โหนที่โดนตบไปไม่ตอบโต้ ฉันเบิกตาโตเมื่อจับใจความในสิ่งที่เขาคุยกันได้ชัดขึ้น หมายความว่ายังไง เสียบต่อชูใจคืออะไรอ่ะ?
ร่างสูงโปร่งของโหนเซไปก้าวนึง เขาเงยหน้าขึ้นมา มีรอยช้ำตรงมุมปาก แต่ดูเหมือนโหนจะไม่ยี่หระมันเลย
“เออ รู้งั้นแล้วก็อย่ามายุ่งกับเมียกูอีกละกัน” แต่นั่นก็ไม่น่าตกใจเท่าคำตอบของโหน “ดูก็รู้ว่าผู้ชายแบบมึงคงไม่ได้เข้าหาเธอด้วยวิธีดีๆ หรอกว่ะ แล้วมันจะทำไม ถ้าเกิดกูจะเป็นผัวของชูใจ”
“มึง...!!”
“กูรักชูใจมากกว่ามึงล้านเท่า ไอ้เหี้ย” เขาพูดแล้วทำเรื่องที่ฉันไม่เคยเห็นมาจากโหนมาก่อน เขาชูนิ้วกลางใส่พี่โอห์มอย่างหยาบคาย พี่โอห์มเหมือนจะเข้ามาปะทะทันที แล้วโหนก็จะพุ่งไปเหมือนกัน แต่โดนนักศึกษาผู้ชายห้ามไว้ทั้งสองฝั่ง
แต่ฉันนี่สิ ฉันนี่สิที่อึ้งไปเลย
ไม่ได้อึ้งที่โหนอ้างว่าเป็นสะ... สามีของฉันนะ แต่อึ้งที่โหนบอกว่า
เขารักฉันมากกว่าพี่โอห์มล้านเท่า
[พาร์ท : โหน]
ผมที่ถูกกันตัวออกไปมองเห็นชูใจที่ยืนหลบอยู่หลังนักศึกษาคนอื่นๆ ในวินาทีนั้น
ตอนนั้นเองที่หน้าผมชาไปหมด
เธอได้ยินทั้งหมด?
เราสบตากันข้ามจากฝูงนักศึกษาที่มุงดูผมกับไอ้เหี้ยนั่นทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง ผมได้ยินเสียงไอ้เหี้ยโอห์มโวยวายว่าจะเรียกตำรวจแต่ไม่ได้สนใจ เอาแต่มองชูใจที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เธอหลบตาผม แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
ใจผมเหมือนแหลกสลาย ไวกว่าแสง ผมสลัดคนที่ล็อกคอผมไว้แล้วเดินตามเธอไปทันที
ชูใจเดินจะออกจากประตูรั้วมหาลัย แต่ผมสับขายับไปคว้าแขนเธอเอาไว้ ก่อนที่จะดึงเธอให้หันหน้ามา
“...!”
สีหน้าของชูใจโคตรซีด ผมเห็นว่างั้น มันแปลว่าเธอได้ยินทุกอย่างแล้วจริงๆ ว่ะ
ความลับที่ผมเก็บมาหลายปีแตกเพราะผมฟิวส์ขาดจากไอ้เหี้ยนั่น
เราเงียบกันไปทั้งคู่ ผมยังคงกำข้อมือเธอแน่น ในขณะที่ชูใจก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าผม
“ได้ยินหมดแล้ว?”
“อะ... อื้อ” เธอพยักหน้ารับ แล้วผมก็ลูบหน้าตัวเองแรงๆ
ไอ้เหี้ย
“เออ ความลับแตกล่ะ เราบอกตรงนี้ก็ได้” สุดท้ายผมก็ยอมรับ โอเค ที่ผ่านมาผมเอาแต่ขี้ขลาด ผมเอาแต่แอบมองเธอมาหลายปี ไม่เคยคิดจะบอกความรู้สึกให้เธอรู้ แต่ตั้งแต่นี้ ไหนๆ เธอแม่งก็รู้แล้ว ผมจะซื่อตรงกับใจตัวเอง
ใจที่แม่งรักเธอเหี้ยๆ
“เรารักเธอ... มาตั้งนานแล้ว” มือที่กำข้อมือเธอไหลลงมาที่ฝ่ามือเล็ก ผมลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ ตอนที่ประสานมือเข้ากับมือเธอแน่น “คบกับเราได้มั้ยวะ”
“...”
“เชื่อเรา เราจะเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึงที่รักเธอมากกว่าผู้ชายคนอื่นเป็นล้านเท่า”
โอเค กูบอกไปแล้ว พูดแม่งออกไปแล้ว
ชูใจนิ่งไป เธอก้มหน้าลงมองมือผม ไล่ขึ้นมามองหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมนี่แม่งโคตรลุ้น ลุ้นคำตอบในใจเธอ
แต่แม่งก็เป็นไปได้ยากหน่อย สำหรับเรา
“ระ เรายังไม่แน่ใจ” ร่างเล็กพูดเสียงเบาหวิว ใบหน้าของเธอที่แสดงออกต่อหน้าผมนั้นดูหวาดกลัวจนเกินจะคาดเดาได้ ผมเบิกตากว้าง มือที่ประสานมือเข้ากับมือเธอถูกปล่อยออกโดยอัตโนมัติ
ใช่ มือของคนไม่มีสิทธิ์
“ทำไม”
“โหน” ชูใจเรียกชื่อผม และคำต่อไปที่ออกจากปากเธอ “เราเป็นเพื่อนกันนะ เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว”
“...”
“เราไม่สามารถมองโหนเป็นแบบอื่นนอกจากเพื่อนได้เลย”
ใจผมตอนนั้นแม่ง
เจ็บ เจ็บแบบโคตรบรรยายไม่ถูก
ในใจผมนึกโทษตัวเองที่พูดช้าไป บอกเธอช้าไป ตาขาวมาเป็นปีๆ ไม่ยอมบอกว่ารักเธอมาตั้งแต่ต้น
แต่ในขณะเดียวกันผมแม่งก็ไม่เข้าใจ ไม่เก็ทฟิลชูใจ
คนที่รักเธอมากกว่าผมอ่ะ แม่งไม่มีบนโลกนี้แล้วเว้ย
ทำไมวะ หรือเพราะผมสักเหรอ เพราะผมแม่งดูไม่มีอนาคตเหรอ ดูเด็กแว้นไป หรือทำไม? หรือเพราะผมมันไม่หล่อ ไม่มีกล้าม ไม่ขาวโอโม่ ไม่รวยเหมือนเขา
ผู้หญิงแม่งก็คงมองแค่นี้จริงๆ สินะ
“เธอแม่งไม่เปิดใจให้เราว่ะ” ผมจะเอื้อมมือไปดันไหล่เธอ แต่ไม่กล้าพอ เลยทำได้แค่กำหมัดไว้ข้างตัว “เธอแม่งก็เห็นเราเหมือนกับคนอื่นๆ เธอแม่งก็คงคิดอ่ะดิชูใจ ว่าเราดูไม่มีอนาคต”
“...”
“เธอเห็นเราเป็นแค่เพื่อนใช่ปะ”
“...”
“ได้เลย”
ชูใจทำหน้าเหวอเมื่อผมคว้าไหล่เธอไว้แล้วบีบแน่น อารมณ์ผมตอนนี้คงเหมือนคนพาล คนที่ไม่สมหวัง อกหักในเรื่องรักจากผู้หญิงที่รักสุดหัวใจ ผมคิดว่า ถ้าผมเลวเหมือนมัน เหมือนไอ้เหี้ยโอห์ม ผมคงจะได้ครองใจเธอ
มันเป็นความคิดเหี้ยๆ เพราะพอผมคิดงั้น ผมก็ดึงชูใจเข้ามากอดต่อหน้าทุกคน กอดไว้แน่น แน่นจนเหมือนจะไม่ให้เธอหนีหายไปไหนได้อีก
ถ้าบรรยายความรักที่ผมมีต่อชูใจ ผมรักเธอมาก เกินกว่าที่ผู้ชายคนนึงจะมีให้กับผู้หญิงคนนึง ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอ จนในคืนที่ผมเกือบสมหวัง ผมยังรั้งตัวเองไว้เพราะผมรักเธอ
แต่ชูใจไม่ชอบกู
ก็โอเค
“หะ... โหน” ชูใจหน้าตาตื่นเมื่อผมผละออกแล้วคว้ามือเธอจูงให้เดินไปที่รถ “โหน จะทำอะไร”
ผมไม่พูดอะไร ตาขวางจนน่ากลัว พอมองไปทางชูใจเธอก็เงียบปากสงบคำ ชูใจไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรู้ว่านานๆ ทีที่ผมโมโหมันรุนแรงพอตัว แล้วเมื่อก่อนอดีตผมมันก็ไม่ได้ดี ผมเคยเหี้ยมาก่อน แต่พยายามดีขึ้นพอมาเจอเธอ
ถ้าให้ผมเล่า คงต้องให้ดูท่าทางเพื่อนแต่ละคนตอนที่ผมพาเธอไปร้านเหล้าตอนนี้
ใช่ ผมจะพาชูใจไปร้านเหล้า
ตลอดทางที่ขับมา ผมเร่งความเร็วรถเพราะคิดไรในใจมากมาย แล้วดูเหมือนชูใจจะกลัว เธอกำชายเสื้อผมไว้ในขณะที่นั่งท่าผู้หญิงเพราะไม่กล้ากอดผม
“เหี้ยเอ้ย”
ผมสบถออกมา น้ำตาไหลตอนที่ขับ ความเจ็บในวันนี้มันโคตรสุดเลยจริงๆ
แต่พอถึงร้านผมก็ขยี้ตาเอาน้ำตาออก หน้าผมดูไม่ได้ตอนที่กวาดขาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ เห็นชูใจไม่ยอมลง เธอมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“... โหน พาเรามาที่นี่ทำไม?”
เธอถาม แต่ผมไม่สนใจที่จะพูดพร่ำทำเพลงอะไร อุ้มเธอลงจากรถในขณะที่ชูใจมีท่าทีตกใจ เธอพูดไม่ออกตอนที่ผมจูงมือเธอให้เข้าไปข้างในร้าน
ผมกำลังทำสิ่งที่ผมไม่คิดจะทำกับเธอมาทั้งชีวิต
“เฮ้ย ว่าไงไอ้โหน” เพื่อนผมทักขึ้นมา ไม่มีอารมณ์จะแนะนำ แต่มันชื่อ ‘พัน’ เป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับผมมาตั้งแต่เรียน ปวช. เป็นเพื่อนที่ผมบอกมันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่ว่าผมรักชูใจมาตั้งแต่สมัยเรียน
แต่มีวันนี้ที่ผมไม่ได้บอกว่าผมคิดจะทำอะไร ที่รู้ถ้าไอ้พันเดาแม่งได้ สิ่งแรกที่มันทำก็คงจะ
ตบหน้าสักทีดึงสติผม
“พาชูใจมากินเหล้า” ผมพยายามไม่พลั้งคำว่าแดกกับเธอ เพราะชูใจไม่ชอบคำหยาบ แม้แต่ตอนนี้มือของเราที่จับกันแน่นก็ไม่ใช่มากกว่าเพื่อน ตอนนี้มันคงติดลบกว่านั้น
“หะ... โหน เราไม่กินเหล้านะ” เสียงร่างเล็กสั่นเครือ เธอคงยังไม่เข้าใจว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมเลยหันไปสบตาเธอ
“อย่าพูดอะไร” ผมกำมือเธอแน่น “เราจะมากินเหล้าคนเดียว เธอไม่อยากกินก็นั่งเงียบๆ ไม่งั้นเราจะพูดเรื่องนั้น”
“เรื่องอะไรอ่ะ โหน นี่มันไม่ใช่แล้วนะ” เธอพูดขึ้นมาอย่างแตกตื่น “ถ้าเพราะว่าเราไม่รักโหนแล้วทำแบบนี้ เราว่ามันดูเอาแต่ใจไปนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
ผมจี๊ดไปถึงใจ มองหน้าเธอเขม็งตอนที่ไอ้พันโพล่งขึ้นมา
“เฮ้ย เรื่องไรวะ มึงบอกไปแล้วเหรอว่ามึงชอบชูใจ”
“ไม่ต้องเสือก” ผมหันไปด่ามันตาขวางจนไอ้พันสงบปาก ก่อนที่จะคว้าข้อมือเธอขึ้นมา “เพื่อน?”
“...”
“ถ้าเพื่อนกันจริง เมื่อคืนมึงยอมกูทำไม!”
ชูใจนิ่งไป เธอนิ่งไปนาน ร่างเล็กมองผมอย่างไม่เชื่อหู ในขณะที่ผมรีบเอามือมาปิดปากตัวเองไว้แน่น
พูดเหี้ยไรออกไปวะ ไอ้เหี้ยเอ้ย
“... เมื่อกี้ว่าอะไรนะโหน?” ชูใจครางถามขึ้นมาเสียงแผ่ว เธอคงยังสับสน ในขณะที่ผมหันมองไปทางไอ้พัน เห็นว่ามันเบิกตากว้าง
เวร
ผมสบถในใจ ผละมือออกจากมือเธอ ก่อนที่จะหลบตาเธอไป
“ไม่มีไร”
“โหน” ชูใจเรียกชื่อผม ท้ายประโยคเธอกระซิบเสียงเบาราวกับจะอาย เธอเหมือนจะรู้แต่ไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่า ‘ยอม’ ที่ผมหลุดปากหมายถึงยอมประเภทไหน “พูดออกมาสิ หมายถึงเมื่อคืนใช่มั้ย เมื่อคืนที่โหนมาหาเราที่ห้อง”
“บอกว่าไม่มีไรไง” ผมพยายามโกหกอย่างขี้ขลาด แต่ชูใจที่เรียนหมอมักจะฉลาดกว่าผมเสมอ
“โหน!” ชูใจร้องออกมาราวกับไม่เชื่อ “เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“...”
“เป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้วด้วย”
“...”
“ทั้งที่โหนบอกเราเอง ว่าพี่โอห์มเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้” เธอเม้มปาก มองผมพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ “แต่ตอนนี้เราว่าโหนมากกว่า... ที่ไว้ใจไม่ได้”
ผมจุก เงยหน้าขึ้นมองเธอเหมือนกับจะพูดอะไรออกมาทั้งที่มันไม่มีประโยชน์ แต่ชูใจก็สะบัดมือออกแล้วเดินหนีออกไปจากร้าน
ทำให้เธอเกลียดขี้หน้าแล้วดิ
“เฮ้ย ไอ้โหน” เพราะพิษอกหัก ผมเซลงไปพิงกับโต๊ะเหล้าจนไอ้พันต้องเรียกชื่อ ผมกัดฟันแน่น รู้สึกเจ็บมากกว่าที่เคยเป็นจนน้ำตาไหลออกมา ไหลลงมาพร้อมกับความรักตลอดหลายปีที่สลายหายไปเหมือนฝุ่น
ปกติผมเป็นคนร้องไห้ยาก โคตรยาก ขนาดตีรันฟันแทงจนได้แผลเหวอะกลับมาบ้าน โดนพ่อตบหน้าสั่น ผมยังไม่ร้องสักแอะ
แต่กับผู้หญิงคนเดียว ทำไมมันแม่งรู้สึกนักวะ
“ตกลงยังไงวะ มึงไปบอกชูใจตอนไหนว่ามึงชอบเขา” พอเห็นว่าไอ้พันถามเหมือนยังไม่เชื่อผมก็ขยี้ตาเช็ดน้ำตาออก “มึงไปทำอะไรชูใจวะ ทำไมมึงถึงใช้คำว่ายอม ไอ้โหน?”
“เมื่อคืนกูเมา เขาเมา” ผมพลั้งสารภาพออกไป
“ไอ้เหี้ย” มันสบถออกมาทันที พูดแค่นี้ก็คงรู้แล้วว่ายังไง “มึงทำแบบนี้ได้ไงวะ หน้าตัวเมียสัสๆ เลยไอ้ชิบหาย”
“เหล้าหน่อย กูอยากแดกเหล้า” ผมโพล่งขึ้นมา ไม่สนใจคำครหาจากแม่งแล้วคว้าขวดเหล้ามาตรงหน้า หงส์ทอง ก็ดี ให้แม่งเมาจนตาย
“ไอ้โหน มึงควรตามชูใจไปขอโทษเขา ไม่ว่ามึงจะทำไปยังก็แล้วแต่”
“...”
“มึงเสียเวลาชีวิตรักเขามาเป็นปีๆ มึงจะมายอมแพ้เพราะแค่ความเงี่ยนจนพลาดของมึงเองเหรอวะ”
“มึงคิดเหรอวะ ว่าถึงกูไปขอโทษเขา เขาจะรักกูขึ้นมา” ผมแค่นหัวเราะ “กูมันก็เป็นได้แค่เพื่อน คืนนั้นกูเมา มันเหมือนฝัน แต่กูก็ต้องตื่นไง”
“...”
“กูมันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครก็อยากเอาเป็นแฟน”
เอาจริง ผมมันก็แค่ไอ้พวกผู้ชายขี้แพ้ที่ดีแต่โทษสิ่งรอบข้าง โทษเธอ โทษตัวเองว่ามันไม่มีเหี้ยไรดี สิ่งที่ผมมั่นใจว่ามีต่อเธอคือความรัก แม่งเป็นรักจริงๆ เว้ย เป็นรักที่กูอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงสวยแบบชูใจ สวยๆ น่ารักแบบนั้นอ่ะ มีเป็นร้อยบนโลก
แต่เชื่อดิ
ในสายตาผมมันมีแต่เธอจริงๆ
“มึงแม่งขี้แพ้ว่ะ” ไอ้พันจะตบหัวผมอย่างผิดหวัง แต่ผมหลบทัน พอดีรู้จังหวะเพราะเคยเรียนมวยมาก่อน “ขี้แพ้สัสๆ”
“เออ กูมันไอ้ขี้แพ้” ผมแค่นหัวเราะ ยอมรับความอ่อนแอ
รอบตัวเราตกอยู่ในความเงียบ ผมไม่พูดไร ไอ้พันก็ไม่พูดไร ผมกับมันนั่งกระดกเหล้าลงคอเงียบๆ ในร้าน ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆ โต๊ะ
“โห่พี่ จะโทรมาทั้งที โทรมาถามเรื่องที่ให้ผมไปตามผู้หญิงมาให้พี่จัดเนี่ยนะ พี่แม่งไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
ผมผงกหัวไปทางฝั่งที่ไอ้นั่นพูด รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี เห็นว่าเป็นพวกผู้ชายหน้าตาดีสามสี่คนนั่งแดกเหล้าอยู่ที่โต๊ะฝั่งขวา มันกำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายที่เดาทางได้ว่าคงเป็นลูกพี่เหี้ยๆ
“อย่าเพิ่งด่าดิ ก็เมื่อกี้เห็นเดินมากับไอ้ขี้ก้างดูเหมือนพวกติดยาไม่มีการศึกษาอ่ะพี่” มันหัวเราะ ผมชะงักนิดหน่อย ตอนที่กระดกเหล้าเข้าคอ “อะไรวะ ผัวน้องคนนั้น? เชี่ย ขำ”
ตอนนั้นเหมือนพวกมันเงยหน้าขึ้นมองผมที่จ้องมันอยู่ พอเห็นว่าผมมองอยู่มันก็ฉีกยิ้มอย่างหยามๆ
“เออ พี่แม่งดีกว่าเยอะไอ้สัส” มันหัวเราะลั่นกันสี่คน “กูให้คนตามไปแล้ว พี่รอเหอะ อ้อยเข้าปาก ไอ้นั่นก็แค่ตัวประกอบ”
“...”
“ผู้หญิงที่ชื่อว่าชูใจไรนั่นมันต้องเป็นเมียพี่อยู่แล้ว”
ชูใจ?
พอได้ยินชื่อของเธอ ผมเบิกตากว้าง ชะงักที่จะเทเหล้าใส่แก้ว หลังจากที่แอบฟังมาสักพัก เรื่องที่ผมสังหรณ์ไว้ก็เป็นจริง
มันไม่ใช่ว่าจะมีคนชื่อชูใจอยู่เกลื่อนบนโลกอยู่แล้ว
พวกแม่ง
ไวกว่าความคิด ผมจับปากขวดหงส์ทองไว้แน่น ก่อนที่จะเขวี้ยงไปทางโต๊ะมันสุดแรง
เพล้ง!!
