บทที่ 8 นิโคติน (จะเยียวยาให้เธอหายเจ็บ) (1)

ชูใจสบตาผม เธอเบ้หน้า ก่อนที่จะซบหน้าลงกับอกผม ตัวเธอสั่นมาก

ผมใจเต้นแรง เสมองไปทางอื่นตอนที่ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหลังเธอเป็นการปลอบใจ

แม่งเป็นเสี้ยวนึงที่คิด ว่ากูได้คะแนนจากเธอรึยังวะ?

ชูใจซุกหน้ากับอกผมอยู่แบบนั้น แม่งนานมากจนผมเริ่มสั่นแทนละเนี่ย เขินชิบหายเลย ไหนบอกจะเป็นคนชั่วที่รักเธอเท่าชีวิตวะ นี่แม่งไม่ต่างจากเดิมเลยเอาจริงๆ

“ชูใจ” ผมตั้งท่าจะเรียกชื่อเธอ แต่รู้สึกได้ว่ามีคนด้านหลังลุกขึ้น คว้าไม้หน้าสามที่ผมทิ้งลงพื้นเพื่อไปปลดเชือกให้ชูใจทำท่าง้างจะฟาดหัวผม

ผมรู้ได้ในทันทีว่าเป็นไอ้เหี้ยโอห์มตอนที่มันฟาดลงมา

พลั่ก!!

มันไม่โดนอะไรนอกจากมือผมที่คว้าข้อมือมันไว้แล้วกำแน่นในขณะที่ยังลูบหลังชูใจอยู่ ผมหันไปจ้องหน้ามันเขม็ง ไอ้โอห์มที่ปากแตกหน้าซีดไปเมื่อผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนหุ่น รู้ไว้ด้วยว่าหุ่นแบบผม มันเป็นหุ่นที่ปราดเปรียวที่สุด

ตอนเรียนมวย ผมเกือบได้ชิงระดับจังหวัด ฉายาชายหมัดหนักไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

“คุกเข่าตรงหน้าชูใจหน่อยดิ๊” ผมพยักหน้าให้มันลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น หุ่นลีนๆ ของมันแทบไม่ช่วยอะไรตอนที่ผมหักแขนมันจนแม่งร้องลั่นพอเห็นว่ามันไม่ทำตาม ไอ้โอห์มหมดท่าลงไปนั่งคุกเข่าทันที สภาพเหมือนหมาขี้แพ้

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ชูใจมองผมที่จ้องหน้าไอ้โอห์มที่ไม่กล้าสบตา ผมดันไหล่เธอออก ตบบ่าเธอเบาๆ ตอนที่พูดออกมาเสียงหนัก

“กราบตีนขอโทษชูใจซะ”

“มึงว่าไงนะ” ไอ้โอห์มเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง มันเงยหน้าขึ้นมองผมที่นั่งข้างๆ ชูใจ มือผมข้างนึงเลื่อนจากบ่าเธอลงไปกุมมือเธอไว้ลวกๆ

ผมต้องการจะบอกเธอ ว่าผมจะปกป้องเธอเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน

ถึงจะไม่ได้เป็นมากกว่าเพื่อนก็เหอะ

“มึงไม่ได้เขาเลยใช้วิธีข่มขืนถ่ายคลิป มึงว่ามันควรทำอะไรอีกอ่ะ นอกจากกราบตีนขอโทษเพศแม่” ผมพูดเสียงแข็ง มันขมวดคิ้วแน่น ทำท่าเหมือนไม่เข้าใจในความหวังดีของผม

“สรุปมึงเป็นผัวน้องชูใจจริงๆ เหรอวะ” มันโพล่งขึ้นมา ผมชะงักไป “มึงได้กันตอนไหน ชูใจเป็นแฟนกูไม่กี่วัน ทำงี้ก็แปลว่าชูใจนอกใจกูก่อน”

“ชูใจเลิกกับมึง กูถึงได้...!” ปากผมมันจะหลุดออกไป แต่ยั้งไว้ทัน ผมหันไปทางชูใจที่มองผมด้วยสายตาหวาดหวั่น เธอไม่ได้พูดอะไร มีแต่มองหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “ถึงแม่งจะไม่ใช่ มึงก็ต้องกราบตีนชูใจอยู่ดีมั้ย”

ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากพูดถึงมัน

“กูไม่กราบ” แต่ไอ้เหี้ยโอห์มก็ขัดขึ้นมา “ไม่ใช่แม่กู ทำไมกูต้องกราบส้นตีนเขา”

“มึง...!!” ผมทำท่าจะลุกขึ้นซัดหน้าแม่งสักทีที่มันไม่สำนึกว่าทำไรไปกับผู้หญิงคนนึง แต่ชูใจก็คว้าแขนผมเอาไว้

“พอเถอะโหน” เธอพูดขึ้นมา “เราจัดการเอง”

เธอลุกขึ้นยืน แต่เพราะขาเธอถูกมัดอยู่ผมไม่ได้แก้ให้ มันทำให้เธอเซมาหาผมอย่างรวดเร็ว แล้วผมก็รวบตัวเธอได้

ตึกตัก

หน้าอกชูใจโดนผม ผมได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้นโคตรดัง

“ระ เรายืนไม่ได้” เธอขยับตัวออกห่างจากผม หน้าชูใจขึ้นสีชมพูจางๆ “ช่วยแกะผ้าที่มัดขาให้เราหน่อย”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ

“แปปนะ” ผมลงไปนั่งยองๆ แล้วแกะผ้าที่มัดขาให้เธอ แวบนึงเผลอเงยหน้าขึ้นมองขึ้นไป เห็นกระโปรงเธอพลิ้ว มันทำท่าจะเปิดออก ผมลุกขึ้นยืนทันที “เสร็จแล้วว่ะ”

“... ขอบคุณนะโหน” เธอเอ่ยเบาๆ ตอนที่เดินไปหาพี่โอห์ม “พี่โอห์ม”

มันเงยหน้าขึ้นมามองเธอ ชูใจเม้มปาก เธอตบหน้ามันไปทีนึง

เพียะ

“อย่ามายุ่งกับชูใจอีก” เธอพูดเสียงหนักแน่น ผมมองเธอ ก่อนที่ไอ้โอห์มมันจะก้มหน้าลง “หลังจากคบกับพี่ ชูใจก็รู้แล้ว”

“...”

“ชูใจไม่ควรมีแฟนหรอก ไม่อยากมีแฟนแล้ว”

ผมยืนอยู่หน้าสถานีตำรวจ ยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าตึก สน.

“ชูใจไม่ควรมีแฟนหรอก ไม่อยากมีแฟนแล้ว”

ผมพ่นลมหายใจออกมา แม่งออกมาพร้อมควันบุหรี่ หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น เราก็ไม่ได้คุยไรกันอีก ผมโทรตามไอ้พันให้มาสมทบพร้อมตำรวจ พวกไอ้โอห์มถูกล็อกตัวแล้วโวยวายว่าไม่คิดว่าผมจะแจ้งตำรวจจับมัน ผมเลยต้องขับมอเตอร์ไซค์ให้ไอ้พันซ้อนตามไปที่ สน. ในฐานะพยานของชูใจ ว่าเธอจะโดนกระทำชำเรา

พวกมันจะโดนขังแต่โทรเรียกพ่อแม่มาประกันตัวได้ ตอนที่เดินออกจาก สน. พร้อมกับพ่อแม่ พวกมันที่หน้าสะบักสบอมจ้องหน้าผมเขม็ง ทั้งอาย ทั้งอาฆาตแค้นผมกับไอ้พัน แต่ผมคิดว่าผมทำไปขนาดนั้น มันคงไม่กล้ามายุ่งกับชูใจอีกนาน

อีกอย่าง ผู้หญิงแม่งก็พูดงั้นแล้วด้วย โคตรหักหน้าเลย

ทั้งมัน ทั้งผม

“เป็นอะไรอีก” ไอ้พันที่คุยกับตำรวจเดินออกมาตบบ่าผมหนักๆ “วันนี้มึงทำดีแล้วไอ้โหน อย่าท้อดิวะ”

“...”

“มึงทำเพื่อเขาขนาดนี้ ชูใจแม่งต้องคิดแล้วว่ะ ว่ามึงมีดี”

“ไม่หรอกว่ะ” ผมโพล่งขึ้นมา ไอ้พันยื่นมือขอบุหรี่ ผมเลยส่งซองให้มันไป ปกติมันก็ยืมผมดูดประจำ แต่วันนี้ผมดูดวันเดอร์แดง

“เดี๋ยวนี้ดูดแดงเหรอวะ” มันถามผม เรื่องยี่ห้อบุหรี่ เพราะปกติผมดูดสีเขียว มันเย็นๆ ดี

“เออ” ผมตอบสั้นๆ “ดูดตั้งแต่อกหักจากชูใจ”

“อย่าพูดงั้น แล้วหลังจากช่วยเขา ชูใจพูดว่าไงกับมึงบ้าง ไหนบอกกู” มันถามอีก ขอไฟแช็คจากผม ผมตีหน้าเซ็งที่มันไม่คิดจะพกไรมาเอง เลยโยนให้มัน “เหี้ย โยนทำไม”

“ก็ไม่พูดอะไร” ผมจงใจเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากตอบเรื่องเธอเลยว่ะ “ก็แค่...”

“...”

“เขายังไม่อยากมีแฟน” ผมตัดพ้อเธอออกมา ทิ้งบุหรี่พร้อมใช้เท้าเขี่ยทิ้ง

“...”

“ยังไม่รักกูเหมือนเดิม”

วันนี้ผมมาเรียนที่วิทยาลัยอาชีวะ

ก็เรียนไป เจอเพื่อนผมก็ไม่พูดไร เอาจริงๆ คำพูดของชูใจมันติดอยู่ในหัวตลอดตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็ผ่านมาสองวันที่ผมไม่ได้ไปเจอหน้าเธอ ไม่ได้ไปหาเธอที่มหาลัย ไม่ได้ทักเฟสเธอไป

ชูใจก็เงียบไปตั้งแต่วันนั้น เชื่อปะ ผมเปิดดูแชทเฟสเธอบ่อยมาก เธอขึ้นออนแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

อกหักจริงจังแล้วมั้ง

ก็ได้แค่หวังไง จะเป็นอะไรได้มากกว่าเพื่อน แค่นี้ก็ไม่เหลือแล้วมั้ง

ผมยืนดูดบุหรี่ในห้องน้ำ เลิกเรียนก็ลงมาเยี่ยว เพื่อนในวิทยาลัยทักทายบ้างตามประสา เพราะผมเพื่อนเยอะ ผมได้แต่ฉีกยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร กลายเป็นคนพูดน้อยไปเลยวันนี้

“เวรเอ้ย” ผมสบถออกมาพอรูดซิปกางเกงแล้วทนไม่ไหว กดเปิดหน้าจอโทรศัพท์ตอนที่คีบบุหรี่ออกจากปากแล้วพ่นควันออกมา

ผมเปิดเข้าดูหน้าเฟสชูใจ

ยังเงียบเหมือนเดิม

เอาจริงๆ ผมแม่งเป็นห่วงเธอ เจอเหตุการณ์แบบนั้นจากแฟนคนแรก เธอคงไม่โอเคเท่าไหร่ ผมอยากไปปลอบใจนะ แต่คือสิ่งที่ผมทำกับเธอแม่งก็เหี้ยพอกัน

“ชูใจไม่ควรมีแฟนหรอก ไม่อยากมีแฟนแล้ว”

คำนี้วนอยู่ในหัวผมทั้งวัน หลับก็ได้ยิน ตื่นก็ยิ่งได้ยิน

ถ้าไม่อยากได้ยินอีกต้องทำไงวะ?

ผมคิดในใจ รู้สึกว่าต้องทำไรสักอย่างให้เธอรู้ว่าผมยังอยู่ข้างเธอ ผมมันก็แค่ไม่อยากกลับไปเป็นไอ้คนขี้ขลาดที่แอบรักเธอมาหลายปี แอบรักเธอมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งได้มาบอกตอนสายไป

ผมเม้มปากแน่น กลั้นใจจนสำลักควันตอนที่พิมพ์ส่งไปหาเธอ

แค่คำสั้นๆ

ชื่อ โหน : ทำไรอยู่

แต่มาจากทุกความรู้สึกในใจผม

[จบพาร์ท : โหน]

บทก่อนหน้า
บทถัดไป