บทที่ 9 นิโคติน (จะเยียวยาให้เธอหายเจ็บ) (2) จบตอน

เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ วันที่ฉันต้องมาเรียนด้วยสภาพที่สะลึมสะลือ เนื่องจากนอนไม่หลับเพราะคิดไม่ตกตลอดทั้งคืน

ไม่ใช่เรื่องพี่โอห์มหรอก เรื่องนั้นอ่ะ ไม่ใหญ่เท่าเรื่องนี้จริงๆ

... ก็เรื่องโหนน่ะ

ฉันกดเปิดหน้าจอ ทันทีที่มันสว่างวาบขึ้นมา ฉันก็แทบสะอึกกับข้อความที่โหนส่งมา

ชื่อ โหน : ทำไรอยู่

“ทำไงดีนะ” ฉันซุกหน้าลงกับแขนตัวเอง รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ที่โหนบอกว่าแอบรักฉันมาหลายปีแล้ว ฉันไม่เคยดูเขาออกเลย ไม่รู้ว่าซื่อบื้อหรืออะไร

“ชูใจไม่ควรมีแฟนหรอก ไม่อยากมีแฟนแล้ว”

ฉันนึกถึงคำพูดที่พูดกับพี่โอห์มเมื่อวันก่อน ที่พูดไปแบบนั้น เพราะฉันยังไม่อยากเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนง่ายๆ อีกแล้ว พอมีแฟนคนแรกก็เจอแบบนี้ ฉันเลยยิ่งเข็ดไปเลย

ไม่รู้ว่าโหนจะรู้สึกยังไงตอนที่ฉันพูดแบบนั้นต่อหน้าทั้งเขาและพี่โอห์ม

แต่เอาจริงๆ นะ ฉันยังแอบไม่ไว้ใจโหน ยังกลัวเขาอยู่นิดๆ เพราะเขาบอกว่าคืนนั้นที่ฉันเมา เขาเผลอทำ ‘อะไร’ ลงไปกับฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าเราเผลอไปถึงไหนกัน ไม่กล้าถามเขาด้วย

พอคิดว่าได้ทำอะไรๆ แบบในละครที่เคยดูกับเพื่อนที่เคยสนิท ฉันก็อายจะแย่แล้ว เพราะเขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

ไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยจริงๆ นะ

ติ๊ง

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง ฉันเปิดหน้าจอดูอีกที

ชื่อ โหน : กวนรึเปล่า

ชื่อ โหน : ขอโทษเรื่องวันนั้น

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ตัดสินใจในวินาทีนั้น ปลดล็อกหน้าจอแล้วกดเข้าแชทของเขา

ก่อนที่จะพิมพ์ตอบกลับไป... ในเวลาเรียน

Shoujai Chutimon : เราเรียนอยู่นะ โหนมากวนเรา

ชื่อ โหน : โทษที

ชื่อ โหน : แค่อยากคุย ว่าเป็นไงบ้าง

Shoujai Chutimon : เราไม่ตอบ เราจะเรียน

ชื่อ โหน : งั้นเลิกเรียนเดี๋ยวไปรับ

เอ้ะ!

ฉันทำหน้าเหวอออกมาทันที เขาจะมารับฉันเหรอ ไม่ได้นะ ฉันยังสู้หน้าเขาไม่ได้ เมื่อวันก่อนที่พี่โอห์มจะข่มขืนฉัน เหมือนโหนจะเห็นชั้นในฉันแวบๆ ไปแล้วด้วย มันเป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนที่สุดเลยนะ

พอเขามาช่วยฉันวันนั้น บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงของเขา

เอาจริงๆ นะ ฉันรู้สึกแปลกๆ อ่ะ

ไม่ได้! จะไม่ไปสู้หน้าเขาเด็ดขาด เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแล้ว

Shoujai Chutimon : ไม่ต้องๆๆๆ เรากลับเองได้

โหนเงียบไปพักนึง ฉันแอบรู้สึกตกใจนิดๆ และรู้สึกแปลกๆ ที่เขาไม่พิมพ์ตอบฉัน แต่พยายามไม่คิดอะไรแล้ววางโทรศัพท์ลงพร้อมกับตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนอีกครั้ง

งั้นเลิกเรียนเดี๋ยวไปรับ

ฉันนึกถึงประโยคของโหนในแชท ก่อนที่จะสั่นหน้าเบาๆ

ปกติโหนก็มารับแบบนี้ตลอดเวลาฉันทักไป ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย จนวันนี้ มันแปลกๆ แล้วนะ ตั้งแต่ที่เขาบอกรักฉัน ความรู้สึกฉันก็เปลี่ยนไปเลย

ฉันจะรักเขาได้ยังไง

เขาเคยเป็นเพื่อนสนิทฉันนะ

พอเลิกคลาส สิ่งที่ฉันทำเป็นอย่างแรกตอนที่ออกมาจากห้องเรียนคือชะเง้อคอมองหาใครสักคนหน้ารั้วมหาลัย

พอเห็นว่าโหนนั่งคร่อมรถรออยู่หน้าตึกที่ฉันเรียนตรงเวลาพอดีเป้ะ จังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง ฉันก็รีบกลับมายืนตัวตรงเหมือนเดิม

มะ... มารับจริงๆ ด้วย

ติ๊ง

ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นคนที่ยืนรอฉันอยู่ใต้ตึก

ชื่อ โหน : ลงมาได้ล่ะ เลิกเรียนแล้ว

เขารู้ด้วยอ่ะ!

ลืมไปเลย ฉันเคยอัพตารางเรียนเทอมนี้ให้โหนดูในเฟสนี่นา แต่ไม่คิดว่าเขาจะจำแม่นขนาดนี้

Shoujai Chutimon : มาทำไมเนี่ย

ชื่อ โหน : ก็มารับเธอไง

ชื่อ โหน : ทำไม มารับไม่ได้เหรอ

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น นี่เขาทำเหมือนว่าจะจีบ... ไม่นะ ฉันจะไม่คิดไปเองเด็ดขาด ไม่งั้นจะซ้ำรอยเดียวกับพี่โอห์มอีก

ต้องทำให้เขารู้สึกว่าฉันยังเห็นว่าเขาเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นอย่างอื่น

Shoujai Chutimon : ก็ได้ เดี๋ยวเราลงไป

[พาร์ท : โหน]

ผมชะงักไป แปลกใจที่เธอยอมลงมาเจอหน้าผม

ก็ทำตัวปกตินั่นแหละไอ้โหน

ผมเตือนตัวเองในใจ นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์รอจนเธอเดินลงมาจากตึก ชูใจในชุดนักศึกษาน่ารักมาก ทำเอาผมมองเพลิน จนเธอต้องก้มหน้างุดเดินมาไม่กล้าสบตาผม คงเพราะผมมองนานเกิน

“ไง” ผมทักทายสั้นๆ เธอเลิ่กลั่กทันที

“งะ... ไง” ชูใจทักผมกลับแบบไม่ธรรมชาติ เธอยืนห่างผมเหมือนรักษาระยะ ผมมองแล้วแปลบนิดๆ แต่ใจนึงแม่งก็รู้สึกว่า จะไม่ยอมแพ้

ไม่รู้ทำไมว่ะ พอได้สารภาพ ได้เจอเธอวันนี้ ผมกลับรู้สึกว่าผมยังไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ

ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มมาหลายปี วันนี้จะยอมแพ้อีกคงเหี้ยเกินไป

“ตั้งแต่นี้” ผมโพล่งขึ้นมาแล้วเงียบไป ชูใจสะดุ้งทันที “เราคิดว่าจะจีบเธอ”

“...”

“จีบจนกว่าเธอจะยอมเป็นแฟนเราอ่ะ”

เจอไปคำเดียว ชูใจยืนเอ๋อไม่ยอมตอบอะไรเลย

ผมเอียงคอจ้องหน้าเธอเพื่อสังเกตปฏิกิริยา แอบกระตุกยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าเธอแดงก่ำ ผมว่าผมคบเธอมานาน จนพอรู้นิสัยเธอทุกอย่าง รู้ว่าเธอชอบอะไร

ชูใจชอบให้ผู้ชายพูดตรงๆ ว่าชอบ เพราะที่ผ่านมามีคนแอบชอบชูใจเหมือนผมเยอะ พวกมันพยายามแสดงออกทางอ้อมให้เธอรู้ แต่ยัยชูใจแม่งซื่อบื้อไง ไม่เคยรู้เหี้ยไรสักอย่าง

ไม่เคยรู้เลยว่าผมแอบรักเธอมาเป็นปี

แต่แค่เพราะความเป็นเพื่อนมันทำให้ผมขี้ขลาด ไม่มั่นใจ ไม่กล้าจีบเพราะคิดว่าผมกับชูใจ เอาง่ายๆ ก็เหมือนหมามองเครื่องบิน ดอกฟ้ากับหมาวัดอะไรทำนองนั้น เธอเป็นหัวหน้าห้องตั้งแต่เทอมแรกที่เจอกัน เพื่อนทุกคนรักเธอ เธอน่ารัก จนยิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก

เอาจริงๆ ถ้ามานั่งนับวันแม่งก็นานอยู่ ตั้งแต่ที่แอบมองเธอห่างๆ ก่อนที่จะมาเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอน ม.3 ตอนนั้นผมแม่งยังเป็นแค่เด็กหัวเกรียน เกเรต่อยตีเละเทะไปทั่ว จนเธอเข้าหา พยายามทำความเข้าใจเด็กเปรตอย่างผม

แต่เพราะเธอโคตรอ่อนหวาน โคตรน่ารัก แล้วผมก็ชอบเธออยู่แล้วด้วย ชูใจหน้าสวยมาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง พอมองหน้าเธอทีไรรู้สึกเหมือนจะละลายตายห่าแม่งตรงนั้น แล้วตอนนั้นผมอ่ะก็ใช่ย่อย แต่พออยู่ต่อหน้าชูใจผมก็กลับไม่กล้าซะอย่างงั้น ปล่อยความรู้สึกไว้ ไม่คิดเหี้ยอะไรเพราะตอนนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว

จากแค่ชอบ กลายมาเป็นรักได้ไงไม่รู้ว่ะ

แต่เพราะตอนนั้นผมมันยังเด็ก ผมโดนให้ออกจากโรงเรียนตอน ม.3 เพราะเรื่องต่อยตี พ่อผมส่งผมเข้าเรียน ปวช. บอกว่าถ้าผมไม่จบพ่อจะกระทืบผมให้ตายคาตีน ชูใจก็เลยเข้ามาช่วยเพราะเป็นห่วงผม

เชื่อปะ ตอนนั้นผมคิดตลอดเลยว่าชูใจก็ชอบผม เธอถึงได้ห่วงผมขนาดนี้

จนห่างๆ กันไปช่วง ปวช. ปี 2 ผมก็พยายามมีแฟน คบคนนั้นคนนี้ ผมพยายามคิดว่าชูใจก็แค่รักแรกของผม ไม่นานแม่งก็ลืม บวกกับช่วงนั้นสิ่งเร้ามันเยอะ เพราะสังคม ปวช. แม่งโหดพอตัว ผู้หญิงในนั้นก็ขี้อ่อยซะจนผมหัวปั่น

แต่เชื่อปะ ผมกลับไม่เคยลืมรักแรกของผมได้เลยว่ะ

คบกับใคร สุดท้ายหน้าเฟสผู้หญิงที่ผมมักจะกดเข้าไปดูบ่อยสุดก็คือชูใจ ก็ดูบ่อยอ่ะ ดูบ่อยขนาดทะเลาะกับแฟนที่คบ มันจะไปตบชูใจที่ไม่รู้เรื่องอะไร เถียงกันแรงจนผมต้องเลิก เชื่อมั้ยว่าทะเลาะกับแฟนทุกคนเรื่องนี้หมด มันติดเป็นนิสัยผมนี่หว่า ที่จะต้องเข้าไปส่องเฟสชูใจ

จนสุดท้ายผมก็เลิกคิดมีแฟนไปเลย ไม่มีจนเรียนจบ ปวช.

พอวันจบเพื่อนแม่งเชียร์ให้สารภาพรัก ชูใจดันมีแฟนก่อน ผมเลยรู้ว่าที่ผ่านมาเธอเห็นผมเป็นแค่เพื่อนผู้ชายคนนึง

เออ ก็จุกดี

เอาง่ายๆ ก็คือไอ้โอห์มที่เป็นแฟนคนแรกของชูใจกล้าที่จะมาจีบเธอก่อน เธอเลยคิดว่าแม่งโดนใจ โดยที่ไม่รู้เหี้ยไรเลย

ก็ถ้ามันกล้าที่จะจีบเธอก่อน แล้วทำให้เธอชอบได้

กูก็ต้องทำได้

“ขึ้นดิ ไม่กลับบ้าน?” ผมเลิกคิ้วถามเธอ ทำตัวเป็นปกติเหมือนตอนเราเป็นเพื่อนกัน ที่ว่าจะจีบก็ไม่ได้หมายความว่าจะรุกเธอแรงหรืออะไรหรอกว่ะ ก็แค่ให้เธอรู้ว่าผมอ่ะ รักเธออยู่ แล้วก็รอเธอรับรัก

“ทะ...” ชูใจอ้าปากค้างไว้ “ที่พูดว่าจะจีบเราหมายความว่าไงอ่ะ”

“ก็มารับมาส่ง ชวนไปกินข้าว ดูหนัง” ผมไหวไหล่ “มีอะไรอีกอ่ะ เธอจะช่วยคิดก็ได้”

“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“เหรอ” ผมกระตุกยิ้ม ท้าวแขนกับแฮนด์รถ “แล้วหมายความว่าไง”

“โหน” ชูใจร้องออกมา “เราเป็นเพื่อนกันนะ เราบอกแล้วไง”

พอเห็นเธอพูดแบบนั้น ผมเลยรู้สึกว่าผมแม่งต้องทำเป็นหูทวนลมบ้าง หน้ามึนจีบเธอต่อไปก็พอ เพราะการรักเธอมันคือความสุขของผม

เธอไม่รักกลับก็ช่างแม่งดิ

“ไม่ฟัง” ผมยกมือขึ้นปิดหู ชูใจทำหน้าเหวอพอเห็นว่าปฏิกิริยาผมแม่งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีน “เพื่อนไร ไม่ฟัง”

“... โหน!”

“ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนอ่ะ เข้าใจปะ” ผมแทรกเธอขึ้นมา ใช้เท้าเลื่อนรถมอเตอร์ไซค์ไปใกล้เธอจนชูใจต้องเบี่ยงตัวหลบอย่างตกใจ “ขึ้นมาได้ล่ะ เมื่อย”

“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”

“เราจะไม่รอแล้วว่ะชูใจ” ผมหยุดรถตรงหน้าเธอ คว้าหมวกกันน็อคอีกใบที่เอามาเผื่อเธอมาถือไว้ ก่อนที่จะตั้งขาตั้งมอเตอร์ไซค์แล้วหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงต่อหน้าเธอ “เรารอเธอมานานแล้ว”

ชูใจเบิกตากว้างเมื่อในนาทีนั้น ผมก็คว้าแขนเธอดึงให้เข้ามาหา ก่อนที่จะใส่หมวกกันน็อคให้เธอ แล้วติดสายรัดใต้คางให้

เราสบตากัน ตอนนั้นที่ผมจ้องเธออย่างมั่นใจ

“เรารักเธอ เราจะไม่งอมืองอตีนรอเธออีกแล้วว่ะ”

“...”

“ถึงเธอไม่เอา แต่เราจะเอาอ่ะ จะทำไม”

[จบพาร์ท : โหน]

บทก่อนหน้า
บทถัดไป