บทที่ 2 บทที่ 2.

“จริงดิ แหม แม่แกนี่ช่างรู้ใจลูกสาวคนสวยอย่างฉันจังเดี๋ยววันหลังฉันจะเอาภาพเขียนสวยๆ ไปฝากซะหน่อยแล้ว”

สาวสวยพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวข้าวในปากมันเป็นภาพที่ขัดกันเหลือเกินกับหน้าตาที่สวยโฉบเฉี่ยวกับผิวพรรณที่ขาวผ่องอย่างลูกผู้ดีของเธอจนคนเป็นเพื่อนส่ายหน้าไม่ไหวจะเคลียร์

“นี่ไอ้เนตรหน้าตาก็ดีแต่ทำตัวโคตะระซกมกเลยว่ะแก ไม่สมกับหน้าตาเล้ย”

“แกไม่เคยได้ยินเหรอ คนสวยทำอะไรไม่น่าเกลียดน่ะ” คนที่ถูกว่ายังทำหน้าทะเล้นใส่

“เออ...สวยตายแหละแก กินก็ตะกละดูซิเลอะปากหมดแล้วเช็ดเดี๋ยวนี้เลยแกเดี๋ยวใครมาเห็นแล้วคิดว่าฉันมีเพื่อนเป็นดาวน์” คนตัวเล็กบ่นเพื่อนพลางยื่นกระดาษให้เพื่อน

“เป็นดาวมหา’ลัยหรือแก”

“ดาวน์ซินโดรมน่ะสิไอ้บ้า อย่างแกน่ะนะจะเป็นดาวมหา’ลัย อย่างแกน่ะเป็นอุกาบาตมหาประลัยจะเหมาะมากกว่า”

คนตัวเล็กพูดพร้อมกับเช็ดปากให้เพื่อนคนสวยอย่างกระแทกกระทั้นราวกับจะแกล้ง

“โอ๊ยๆ เบาๆ ซิแกหน้าคนนะไม่ใช่หน้าอูฐเช็ดซะหนังหน้าแทบหลุด”

สาวสวยบ่นกระเง้ากระงอดแล้วตักข้าวคำใหญ่ใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

อรุณนารี หญิงสาววัย ยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของร่างเล็กบอบบางด้วยส่วนสูงแค่ 158 เซนติเมตร ใบหน้ารูปหัวใจน่ารักจะมีรอยยิ้มสดใสร่าเริงเสมอๆ เธอชอบที่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มีรูปการ์ตูนหรือดอกไม้ กระโปรงสีหวานๆ หรือชุดเดรสน่ารักๆ กอปรกับรูปร่างเล็กบอบบางผมยาวสลวยเหยียดตรงยาวสยายเต็มแผ่นหลังทำให้ดูอ่อนหวานน่ารักน่าทนุถนอม

แตกต่างจากเนตรนาราเพื่อนรักที่สูงโปร่งด้วยส่วนสูง 171 เซนติเมตร และทรงผมซอยสั้นทันสมัยนั้นทำให้ดูคล่องแคล่ว มาดมั่นซ้ำยังชอบแต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อผ้าป่านเนื้อบางเบาใส่สบายที่มีทั้งสีเรียบๆ และลวดลายแสบสันแปลกตาทว่าสวยงาม กางเกงยีนส์ที่เธอสวมใส่ก็มีทั้งสีซีดและเก่าขาดตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างแต่ก็ขาดเซอร์อย่างมีศิลป์ทั้งของมือสอง ของใหม่และแบบที่เธอออกแบบตัดเย็บเองเพราะเนตรนารานั้นมีความชอบทางด้านตกแต่งออกแบบทั้งสถานที่อาคารบ้านเรือน ตัดเย็บเสื้อผ้าตลอดจนการวาดภาพและถ่ายรูปซึ่งดูเหมือนจะเป็นพรสวรรค์ของเธอที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

อีกทั้งรูปแบบการตกแต่งหรือภาพวาด ภาพถ่าย และภาพของเธอแต่ละภาพนั้นดูงดงามแปลกตาไม่เหมือนใครจนผลงานของเธอเข้าตาลูกค้าที่เข้ามาซื้อต้นไม้หรือมาดื่มกาแฟเห็นภาพที่เพื่อนสาวคนสวยเอามาตกแต่งร้านให้ขอซื้อผลงานของเนตรนาราแทบจะเกลี้ยงร้านซ้ำยังมีการว่าจ้างให้เธอไปออกแบบจัดสวนและแต่งบ้านให้ผ่านทางอรุณนารีอีกด้วยและตอนนี้ทั้งเธอและเนตรนารากำลังคิดว่าจะตั้งบริษัทรับตกแต่งทั้งสวนและบ้านเรือน หรือทำเกลเลอรีภาพเขียนภาพถ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

ทั้งสองสนิทสนมและหยอกเย้ากันราวเด็กเล็กๆ จะเป็นภาพที่ชินตาของเด็กที่มาช่วยงานในร้านจนไม่มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองสาวแต่สำหรับคนนอกที่ไม่คุ้นเคยอาจคิดไปได้ว่าทั้งสองสาวนี้อาจจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อนเพราะทั้งสองดูรักและสนิทสนมกลมเกลียวกันซะแทบจะกอดกันเดินท่าทางที่สาวสวยผมสั้นทันสมัยคอยดูแลปกป้องเพื่อนตัวเล็ก หรือทีท่าที่คอยกีดกันชายหนุ่มที่เข้ามาพัวพันเพื่อนของเธอ ที่ทำให้หนุ่มขยาด รวมทั้งบุคลิกการแต่งกายที่แตกต่างกันที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเข้ากันได้ของเธอทั้งสอง แต่ถึงแม้บุคลิกที่สองสาวมีแตกต่างกันเหมือนจะไปคนละทางแต่ก็คบกันได้นานนับสิบปีเพราะความจริงใจที่มีต่อกัน ความรักความชอบที่เหมือนกันในเรื่องของทัศนคติความคิดตลอดจนแนวทางการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในแบบที่เหมือนกัน ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่ส่วนมากชอบชีวิตที่หรูหราสะดวกสบายและเสพติดแสงสีศิวิไลซ์ จนหลงลืมคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต

“เฮ้อ อิจฉาแกจังมีครอบครัวที่อบอุ่นและไม่เหงาด้วย แมงปอแกโชคดีจัง” สาวสวยอย่างเนตรนาราบ่นเบาๆ กับภาพความสุขที่เธอเห็นครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าของอรุณนารี

“นี่นังหมวยมหาภัยจ๋าหล่อนก็สร้างครอบครัวของตัวเองซะสิ จะได้ไม่เหงาไง แต่แหมอย่างแกก็คงต้องเลือกนานหน่อยอ่ะนะ”

อรุณนารีบอกเพื่อนสาวอย่างประชดนิดๆ เธอกับเนตรนารานั้นเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ถึงมัธยมปลาย พอจบก็ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศได้แม้จะคนละคณะก็ตามแต่ทั้งสองก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม เพราะว่าทั้งสองมีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกันแต่จะแตกต่างกันมากก็แค่เรื่องฐานะทางครอบครัวและหน้าตาทางสังคมเท่านั้นเพราะครอบครัวของเนตรนาราทั้งบิดาและพี่ชายเป็นถึงนักธุรกิจคนดังมีกิจการอสังหาริมทรัพย์โรงงาน โรงแรมและรีสอร์ตมากมาย ติดอันดับเศรษฐีระดับต้นๆ ของเอเชียเลยทีเดียว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป