บทที่ 12 สัญญาด้วยวิญญาณ

เขาคว้าข้อมือเธอ แต่เธอรั้งไว้ เขามองเธอกลับมาด้วยความแปลกใจ และฉงนสนเท่ห์

“บัวจะใส่ชุดนี้ค่ะ”

เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ ตอนเขาซื้อชุดนั้นให้ เธอดีใจจนแทบกระโดด แต่ตอนนี้กลับปฏิเสธท่าเดียว หากไม่ชอบก็ควรจะบอกเขาแต่เนิ่น ๆสิ

“มันไม่เหมาะนะบัว อย่าลืมว่านี่คืองานปาร์ตี้สละโสดของเรา คืนสำคัญของเรา   ไม่ใช่...ไปเดินตลาดสด”

“แต่บัวว่ามันเหมาะกับบัวที่สุดแล้ว คุณก็อย่าลืมสิคะเมฆ ว่าบัวเป็นใครมาจากไหน” ดวงตาเยือกเย็นของเธอที่จ้องมองเขาอย่างท้าทายเล็ก ๆ ทำให้เขาสะดุดใจไม่น้อย “บัวมันก็แค่แม่ค้าขายขนม เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่โชคดีได้เจอกับเจ้าชายอย่างเมฆ”

เขาฟังเหตุผลของเธอแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง แน่นอนเขาคิดเหมือนเธอ เธอควรระลึกว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน แต่การที่เธอขัดคำสั่งของเขาเป็นครั้งแรก มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“แต่คืนนี้บัวควรจะสวยที่สุด”

“แล้วตอนนี้บัวไม่สวยเหรอ”

“สวยสิ” เขายอมรับว่าเธอสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า ต่อให้เธอไม่แต่งหน้าทำผมและสวมใส่ชุดราคาแพง แต่เธอก็ยังสวยพอจะเป็นเจ้าสาวของเขาอยู่ดี หากเธอไม่ใช่บัวบูชา วรรณกุล ผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนรักของเขากระโดดตึกโรงเรียนตายในวันวาเลนไทน์ก่อนจบมัธยมปีที่ 6 ล่ะก็

“บัวสวยที่สุดอยู่แล้ว ในสายตาของเมฆ ไม่มีใครน่ารักเท่าบัวอีกแล้ว รู้มั้ย...”

เธอยิ้มด้วยสายตาซ่อนเศร้า เอื้อมมือขึ้นจับแก้มสากของชายหนุ่มที่เธอรักด้วยหัวใจแหลกสลาย หากไม่ใช่เพราะต้องการให้เกมของเขาจบอย่างสมบูรณ์แบบและสิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป เธอก็คงจะตบเขาไปแล้ว ตบให้เขาเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ เหมือนอย่างที่เธอเจ็บ

‘คนโกหก!!’

เธออยากตะโกนใส่หน้าเขาอย่างนั้น แต่มันคงไม่ใช่เวลานี้ เวลาที่เขากำลังอิ่มเอมกับชัยชนะ และเห็นเธอเป็นแค่เหยื่อแสนโง่

“สัญญากับบัวสิคะ ว่าคุณจะรักและซื่อสัตย์กับบัวแค่คนเดียวเท่านั้น” เธอพูดพร้อมกับแตะฝ่ามือขวาประทับแนบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา ตรงที่หัวใจร้ายๆกำลังเต้นหนักจนได้ยินชัดหู “หัวใจก้อนนี้ของเมฆจะเป็นของบัวบูชาคนเดียว นายอิศรา ไวย์ราวัลย์จะไม่สามารถรักใครได้อีก ตลอดทั้งชาตินี้ และชาติหน้า !”

ดวงตาดุดันกระตุกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเคืองขุ่นที่โดนเธอบังคับให้สัญญางี่เง่าอะไรแบบนี้ แต่เพราะ

น้ำเสียงคาดคั้นและสายตาเยือกเย็นของเธอต่างหาก ที่กำลังสะกดเขาอยู่อย่างลึกล้ำ ราวกับกำลังร่ายมนต์ดำสาปเขาอย่างนั้น

“สัญญาสิเมฆ”

เขานิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า เพราะไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรนัก   “สัญญา”

“ด้วยวิญญาณของคุณ !”

“บัว!  เป็นอะไร?”

“บัวแค่อยากให้คำสัญญาของเราสมบูรณ์เท่านั้นเองค่ะเมฆ บัวขอใช้วิญญาณของคุณเป็นหลักค้ำประกันได้มั้ยคะ หากในอนาคต คุณเปลี่ยนไป หรือผิดคำสัญญา วิญญาณของคุณจะได้รับผิดชอบการกระทำของร่างกายนี้ไงคะ”

“ไร้สาระ วันนี้มาแปลกนะ นอกจากจะไม่ยอมแต่งตัวสวยๆแล้ว ก็ยังพูดจาประหลาดอีกด้วย เป็นอะไรไป หรือว่าเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน เกิดกลัวการแต่งงานขึ้นมาซะอย่างนั้น”

แต่เธอคงไม่มีสิทธิ์วิ่งหนีกลางงานแต่งหรอกนะ เพราะเขากำหนดให้เธอวิ่งหนีความอับอายออกจากงานปาร์ตี้สละโสดในคืนนี้ต่างหาก

“บัวไม่ได้เป็นอะไรหรอก บัวก็ยังเป็นผู้หญิงที่รักเมฆเหมือนเดิม บัวแค่อยากมั่นใจ”

“การกระทำต่างหากที่จะทำให้เรามั่นใจ ไม่ใช่คำสัญญางี่เง่า”

“สำหรับบัวมันไม่งี่เง่านะคะ” เพราะอย่างน้อยมันจะติดอยู่ในใจของคนพูดไปจนวันตาย “ตกลงว่าไงคะ ว่าที่เจ้าสาวของคุณขอแค่นี้เอง คิดว่าไม่ได้หนักหนาอะไร”

เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หากไม่ยินยอมทำตามที่เจ้าหล่อนต้องการ เจ้าหล่อนก็อาจจะงอนจนทำให้แผนการของเขาพังไม่เป็นท่าก็ได้

“ก็ได้ ผมขอสัญญาด้วยวิญญาณ ว่าจะรักบัวบูชาคนเดียวตลอดทั้งชาตินี้และชาติหน้า หัวใจดวงนี้จะไม่รักใครอีกแล้ว พอใจรึยัง?”

เขาไม่คิดว่ามันเป็นการสาปตัวเองหรอกนะ เขาแค่อยากให้เธอพอใจและมั่นใจเท่านั้น

“แสงจันทร์จะเป็นพยานให้เรา ขอบคุณค่ะที่รัก”

“ผมทำให้คุณแล้ว งั้นคุณทำอะไรให้ผมบ้างสิ”

เขาคงขอให้เธอไปเปลี่ยนชุดสินะ...ก็ได้...เธอจะยอมให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้เกมของเขาสมบูรณ์แบบที่สุด

“เรามาเต้นรำกัน ท่ามกลางแสงจันทร์” เขาเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงโตบนฟากฟ้าเบื้องบนด้วยสายตาหวานล้ำลึกราวกับกำลังอิ่มสุขอย่างล้นเหลือ “และดาวพวกนี้”

เธอจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่กำลังเปล่งแสงนวลสวยงดงามไปทั้งฟ้า

“ค่ะ เรามาเต้นรำกัน” เคล้าคลอกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง...ด้วยโศกนาฎกรรมแห่งความรักลวงและการโกหกที่แสนเลือดเย็น

อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้...

เสี้ยวหนึ่งของความคิดผุดแทรกขึ้นมาในห้วงแห่งปรารถนาลึกเร้น ขณะกำลังโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาวที่เขาเกลียดชังไว้ในอ้อมอกราวกับเป็นร่างเดียวกัน พาเธอเต้นรำเคล้าคลอไปตามจังหวะของหัวใจที่เต้นอย่างแผ่วเบา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป