บทที่ 2

"เขาอยู่บ้านรึเปล่า เธอไม่รู้เหรอ?"

"น้องจ๊ะ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วยังโกรธพี่อยู่เหรอ? พี่ไม่ได้จะมาทำลายครอบครัวของน้องจริงๆ นะ"

"กัญญา พูดแบบนี้ออกมาไม่ละอายใจบ้างเหรอ? เมื่อก่อนก็เป็นแม่ของเธอที่ทำลายครอบครัวของฉัน ใส่ร้ายแม่ของฉัน แล้วตอนนี้เธอก็ยังจะมาแย่งคุณพศินไปอีก"

ฉันแค่นหัวเราะ

"พาลูกชายของเธอออกไปซะ ที่นี่บ้านฉัน"

กัญญามองมาที่ฉันด้วยใบหน้าที่ดูไร้เดียงสา

"เวลส์เป็นลูกของพี่พศินนะ น้องจ๊ะ ถ้าน้องไม่มีความใจกว้างพอที่จะยอมรับเรื่องแค่นี้ได้..."

เพียะ...

ฉันไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดจนจบ ตบหน้าเธอไปเต็มแรงหนึ่งที

"อันน์ นี่เธอ!"

"ฉันทำไมเหรอ?" ฉันตบมือตัวเองเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ "เมื่อวานฉันก็อยากจะตบแกแล้ว อีดอก"

ฉันแค่นหัวเราะออกมา

"จะไปดีๆ หรือจะให้ฉันเรียกยาม"

เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ร้องไห้ออกมาทันที

"แม่ครับ..."

ฉันมองเค้าโครงหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคุณพศินของเด็กคนนั้น พลันนึกถึงภาพที่พวกเขาสองคนเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันในอดีต ความขมขื่นก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ จนต้องเบือนหน้าหนี

"น้องจ๊ะ พี่ไม่ต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแล้ว แค่ไม่อยากให้เวลส์ต้องมาลำบากกับพี่..."

ฉันปิดประตูใส่หน้าเสียงดังปัง ตัดขาดเสียงของกัญญา

เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในหัวราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

แม่ของฉันยังนอนโคม่าอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แล้วทำไมพวกแม่ลูกคู่นั้นถึงกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์ไปทั้งหมด ทั้งยังจะมาแย่งชิงครอบครัวในอดีตและปัจจุบันของฉันไปอีก ฉันไม่ยอม!

พอคนรับใช้ในบ้านมาบอกว่ากัญญาไปแล้ว ฉันก็แค่ขานรับในลำคอ แล้วให้คนขับรถพาไปที่โรงพยาบาล

บนเตียงผู้ป่วย แม่ของฉันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาที่บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

ฉันฟุบหน้าลงข้างเตียงของเธอ ราวกับว่าเธอไม่เคยกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

"แม่คะ หนูตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยคุณพศินไป"

"กัญญากลับมาแล้วค่ะ ผ่านไปตั้งหลายปี หนูก็ยังแพ้เธออยู่ดี หนูมันน่าสมเพชมากเลยใช่ไหมคะ แม่ลูกคู่นั้นที่เคยข่มเหงเราเมื่อก่อน ตอนนี้หนูก็ยังไม่มีปัญญาจะดึงพวกเขากลับลงมาได้"

"แม่คะ... หนูคิดถึงแม่"

เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างฉันกับคุณพศิน ฉันก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้

มิ้นท์หาฉันเจอที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เธอมองขอบตาที่แดงก่ำของฉันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะด่าว่าฉันมันน่าสมเพช

"ในโลกนี้ไม่ได้มีผู้ชายแค่คุณพศินคนเดียวนะเว้ย กบสามขาอาจจะหายาก แต่ผู้ชายสองขาน่ะมีเกลื่อนไป" "ในความคิดฉันนะ คุณพศินรวยไม่ใช่เหรอ? เธอก็เรียกค่าเลี้ยงดูไปเยอะๆ เลยสิ พอมีเงินแล้ว ใครจะไปสนผู้ชายกัน!"

"เรื่องเมื่อก่อนเธอก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน แล้วเขาเชื่อเธอไหมล่ะ? ผู้ชายหลงตัวเองแบบนี้จะเก็บไว้ทำไม"

ฉันกล้ำกลืนความขมขื่นในใจลงไปแล้วส่ายหัว

"เธอพูดถูก ผู้ชายหล่อๆ มีเยอะแยะไป ฉันจะเอาเงินของเขาไปเลี้ยงผู้ชาย"

"ไป ไปหาหนุ่มหล่อที่บาร์กัน"

มิ้นท์ยิ้มพลางควงแขนฉัน

"ต้องอย่างนี้สิ นี่สิถึงจะเป็นอันน์ของพวกเรา"

บาร์ยามค่ำคืนนั้นร้อนแรงและทำให้มึนเมา

ปกติแล้วเพื่อเอาใจคนตระกูลภาณุ ฉันแทบจะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้เลย

หลังจากเรื่องราวในปีนั้น ฉันก็จงใจลดตัวตนของตัวเองลง เพื่อไม่ให้ใครรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาอีก

แต่ตอนนี้...

ฉันกำลังจะหย่าแล้ว ใครจะสนล่ะ?

ให้คุณพศินรำคาญจนตายไปเลยยิ่งดี

ฉันดื่มจนมึนๆ งงๆ มิ้นท์ก็ลากฉันไปเต้นรำ

บนฟลอร์เต้นรำ มีคนมองฉันจนหน้าแดง

"คนสวยครับ คุณสวยมากเลย ผมขอเต้นรำกับคุณสักเพลงได้ไหมครับ?"

เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเขา ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากจนอดหัวเราะพรืดออกมาไม่ได้

"ได้สิคะ"

บางทีอาจเป็นเพราะฉันดื่มมากเกินไป ฉันจึงถอดเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ออกมาผูกเป็นโบว์ที่เอว เผยให้เห็นเอวบางๆ แล้วปลดปล่อยอารมณ์ที่ถูกเก็บกดไว้อย่างเต็มที่บนฟลอร์เต้นรำ

"มาสิ เต้นต่อสิ"

ฉันเห็นหนุ่มหล่อคนนั้นหยุดเคลื่อนไหว ก็ยื่นมือออกไปอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะแตะตัวเขา ข้อมือของฉันก็ถูกใครบางคนคว้าไว้

"อันน์ เธอดื่มมากไปแล้วเหรอ?"

ฉันหูฝาดไปหรือเปล่านะ?

ทำไมถึงได้ยินเสียงของคุณพศิน

ฉันหันกลับไปอย่างไม่พอใจ และก็เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งจริงๆ

"ทำไม?"

ฉันกระชากข้อมือตัวเองกลับมาอย่างแรง

คุณพศินกัดกรามแน่น

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

"ควรจะเป็นฉันที่ถามเธอมากกว่าว่าคิดจะทำอะไร? ทำไมเธอไม่ให้เวลส์เข้าบ้าน?"

ห้าปีแล้ว เขายังรักกัญญามากขนาดนั้นเลยเหรอ?

รักมากจนถึงขั้นต้องตามมาถึงบาร์เพื่อคาดคั้นเอาความผิดกับฉัน

อารมณ์ของฉันก็ขึ้นมาเหมือนกัน ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้

"ฉันทำเอง แล้วจะทำไม? คุณห่วงลูกนอกสมรสกับกัญญานักไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่แต่งงานกับเธอไปเลยล่ะ? คิดจะให้ฉันเป็นแม่เลี้ยงเหรอ ฝันไปเถอะ!"

ฉันสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างชัดเจน

เขาสวมสูทสั่งตัดราคาสูง ท่าทางดูสูงส่งไม่เหมือนคนธรรมดา ไม่เข้ากับบรรยากาศของที่นี่เลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าที่หล่อเหลาจนสามารถทำให้ทุกคนหลงใหลได้นั้น แม้จะกำลังโกรธอยู่ก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อของเขาลงเลย

ผู้ชายคนนั้นพยายามข่มอารมณ์ ขมวดคิ้วแน่น "เธอดื่มมากไปแล้ว ฉันจะไม่ถือสา กลับไปกับฉัน"

"ไม่กลับ!"

บางทีฉันอาจจะเมาจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะชีวิตแต่งงานตลอดห้าปีที่ผ่านมาได้กดทับอารมณ์ด้านลบทั้งหมดของฉันเอาไว้

ฉันแค่นหัวเราะ ชี้นิ้วไปที่หน้าอกของเขาแล้วพูดทีละคำ "คุณพศิน ฉันจะหย่ากับคุณ ไม่ได้ล้อเล่น"

"แล้วก็ อย่ามาขวางทางฉันหาคนรักใหม่"

พูดจบฉันก็กำลังจะหันหลังกลับ แต่แววตาของผู้ชายคนนั้นก็เย็นเยียบลงทันที เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มฉันพาดบ่าโดยตรง

"ลองพูดอีกสักคำสิ"

แอลกอฮอล์นี่มันทำให้คนขาดสติได้ง่ายจริงๆ

น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ฉันร้องไห้ฟูมฟายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

"ต่อให้พูดอีกหมื่นครั้งฉันก็จะหย่ากับคุณ คุณพศิน ไอ้บ้าเอ๊ย ทั้งแก่ ทั้งเล็กทั้งสั้น ลีลาก็ห่วยแตก คุณคิดว่าฉันพิศวาสคุณนักรึไง"

"ปล่อยฉันลงนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิรึไง จะพูดอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ"

"ทำไมฉันต้องฟังคุณด้วย! ทำไมฉันต้องมาเลี้ยงลูกนอกสมรสให้คุณ!"

ฉันสบถด่าไปตลอดทาง แต่คุณพศินทำเป็นหูทวนลม สุดท้ายเขาก็เปิดประตูรถแล้วโยนฉันเข้าไปข้างใน

ฉันล้มลงไปบนเบาะหลังอย่างแรงจนรู้สึกหน้ามืดตาลาย ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงจะค่อยๆ ดีขึ้น

คุณพศินใช้มือข้างเดียวคลายเนคไทของตัวเอง แล้วมองลงมาที่ฉันด้วยสายตาที่เหนือกว่า

"อันน์ เธอมีสิทธิ์อะไรมาขอหย่ากับฉัน?"

คำพูดไม่กี่คำนั้นเหมือนมีดที่กรีดแทงฉันจนเลือดโชก

ฉันหัวเราะในลำคอ

"ฉันแค่หลีกทางให้คนรักแรกของคุณ ไม่ได้เหรอคะ?"

"จะหย่าเมื่อไหร่ ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะตัดสินใจได้ อันน์ เธอไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน"

ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปปิดประตูรถ เข่าข้างหนึ่งกดลงบนเบาะหลังแล้วโน้มตัวลงมาทาบทับฉัน เสื้อเชิ้ตของเขาถูกปลดกระดุมออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"แล้วก็... ฉันทั้งเล็กทั้งสั้น? ลีลาห่วยแตก?"

บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นก้ำกึ่ง นิ้วเรียวยาวของเขาเชยคางฉันขึ้น แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

"ดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงจะเหงาจริงๆ สินะ"

ฉันได้กลิ่นของอันตรายจางๆ และสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง

คุณพศินมีความต้องการทางเพศสูงมาก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะห่างเหิน แต่ชีวิตคู่บนเตียงกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทุกครั้งฉันจะถูกเขาทรมานจนหมดเรี่ยวแรง

เมื่อกี้ฉันสมองกลับหรือไงกันนะ? ถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป

ฉันจบเห่แน่!

ฉันพยายามจะลงจากรถโดยไม่คิด แต่คุณพศินก็ใช้มือข้างเดียวรวบเอวฉันดึงกลับมา

"อันน์ เธอนี่ปากเก่งไม่ใช่เหรอ? พูดต่อสิ"

ฝ่ามือหนาของเขาวางลงบนเอวของฉัน เมื่อเห็นเอวบางที่โผล่ออกมา แววตาของเขาก็ฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

เขาเหมือนกำลังระบายอารมณ์ กัดลงบนต้นคอของฉันอย่างแรง

ในวินาทีนั้น ฉันรู้สึกเหมือนลูกแกะที่ถูกส่งเข้าปากเสือ

มือของชายหนุ่มเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงจุดที่ไวต่อความรู้สึกที่สุดของฉัน

"พูดสิ ทำไมเงียบไปล่ะ? หืม?"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป