บทที่ 3

ฉันตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ พูดอะไรไม่ออก

พศินกดฉันลงใต้ร่างของเขา ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา มือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนบีบเคล้นไปตามร่างกายของฉัน ทุกสัมผัสราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ทำให้ฉันเผลอครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว

พอฉันได้สติกลับมา เสื้อผ้าบนตัวก็กลายเป็นเศษผ้าไปแล้ว อยู่ในสภาพเกือบจะเปลือยเปล่า ขณะที่เขาเพียงแค่ถอดเสื้อนอกออกเท่านั้น

ที่นี่คือหน้าบาร์นะ พศินบ้าไปแล้วเหรอ?

ฉันจึงรวบรวมแรงทั้งหมดกัดไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างแรง

พศินเจ็บจนต้องปล่อยฉัน

ฉันมองหน้าเขา ความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยว มือของฉันค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ

"รีบร้อนขนาดนี้เชียว พศิน คุณกับกัญญาคงจะเร่าร้อนกันไม่พอสินะ เธอถึงทำให้คุณไม่หนำใจรึไง?"

“เธอไม่เหมือนคุณ”

เมื่อเขาเห็นว่าแววตาของฉันกลับมากระจ่างใสอีกครั้ง และเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เขาจึงยิ่งเย็นชามากขึ้น

พูดจบ เขาก็เข้าครอบครองร่างกายของฉันโดยไม่ปรานีแม้แต่น้อย

ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ในชั่วพริบตานั้นร่างกายของฉันราวกับถูกฉีกออกเป็นสองซีก

เจ็บจนแทบจะหมดสติ

ไม่เหมือนกับฉันงั้นเหรอ?

ฉันแยกไม่ออกว่าเป็นความเจ็บปวดทางกายหรือทางใจกันแน่ ทำได้เพียงใช้เล็บจิกแผ่นหลังของเขาอย่างแรง อยากจะฉีกผู้ชายคนที่ฉันรักจนเข้ากระดูกดำและเกลียดจนสุดหัวใจคนนี้ให้เป็นชิ้นๆ แล้วค่อยๆ กลืนกินเข้าไป

เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง?

กัญญาคือรักแรกที่สูงส่งของเขา ส่วนฉันก็เป็นแค่โสเภณีที่ถูกกฎหมายอย่างนั้นเหรอ?

"ปล่อยนะ... อื้อ..."

ในเวลาแบบนี้ พศินมักจะแข็งกร้าวและเอาแต่ใจเสมอ

เขาจับฉันพลิกตัวอย่างรำคาญ แล้วใช้มือปิดปากของฉันไว้

เมื่อคนสองคนรักกัน มันคือการร่วมรัก แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างเบื่อหน่ายกัน มันก็ไม่ต่างอะไรจากการทรมานดีๆ นี่เอง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน พศินถึงจะหยุดลง เขาจัดเข็มขัดของเขาเรียบร้อย กลับมาดูดีเหมือนเดิม แต่ฉันกลับอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย

"ไปซื้อยามากินเองนะ"

ชายหนุ่มจุดบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วหันมามองฉัน

“อันน์ อย่าคิดแอบมีลูกขึ้นมาล่ะ คุณรู้ดีว่าผมจะทำยังไง”

ฉันเจ็บไปทั้งตัวจนขยับนิ้วไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว ใบหน้าปวดแสบปวดร้อน ดวงตาก็เจ็บปวดเช่นกัน

ในโลกนี้ นอกจากกัญญาแล้ว ก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่คู่ควรจะให้กำเนิดลูกของเขาได้อีก

แต่แล้วทำไมตอนนั้นเขาถึงแต่งงานกับฉันล่ะ?

ทำไมตอนแรกถึงทำท่าเหมือนกับว่าอยากให้ฉันมีลูกให้เขานักหนา?

พศินสูบบุหรี่จนหมดมวนแล้วหันมามองฉันที่ยังคงนอนนิ่งอย่างหมดแรง ก่อนจะโยนเสื้อนอกของเขามาให้ราวกับกำลังให้ทาน

"จัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วกลับไปอย่าให้เวลส์เห็นสภาพนี้ล่ะ"

กลับไปเหรอ?

ฉันรู้สึกเหมือนถูกคำพูดของเขาแทงใจดำ จึงรวบรวมแรงทั้งหมดลุกขึ้นนั่ง คว้ากระโปรงกับเสื้อนอกมาพันรอบตัวลวกๆ

"ฉันไม่กลับ! พศิน นั่นมันบ้านของคุณกับผู้หญิงคนนั้น! ถ้าคุณไม่ยอมหย่า ฉันจะไปฆ่าไอ้ลูกนอกคอกของคุณซะ!"

"ยังไงซะ ชีวิตนี้ของฉันมันก็พังไปแล้ว อย่างมากก็แค่เรามาทุกข์ทรมานไปด้วยกัน"

“คุณไม่กล้าหรอก” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเซ็กซี่ แฝงไปด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “แม่ของคุณยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะ”

เมื่อมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขา ความเกลียดชังในใจของฉันก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด

เขาดูเหมือนจะเย็นชาและแข็งกระด้างแบบนี้เสมอ ไม่มีใครสามารถได้รับความอ่อนโยนและความนุ่มนวลจากเขาได้เลย

อย่างน้อย ฉันก็ไม่ใช่คนคนนั้น

ความใจเย็นและสุขุมของเขาทำให้ฉันดูเหมือนคนบ้าที่กำลังอาละวาดไร้เหตุผล

ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วทุบไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรง

"คุณคิดว่าคุณรู้จักฉันดีนักเหรอ เมื่อวานนี้ฉันก็เกือบจะฆ่าไอ้ลูกชู้นั่นแล้ว!"

"พศิน ฉันเกลียดคุณ ใช่ ฉันมันหน้าไม่อาย ฉันมันฝันลมๆ แล้งๆ ในเมื่อคุณรังเกียจฉันขนาดนั้น แล้วตอนนั้นคุณมาแต่งงานกับฉันทำไม? คุณรักกัญญามากไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่แต่งงานกับเธอไปเลยล่ะ คุณคิดว่าฉันอยากจะแกล้งท้องรึไง? หมอวินิจฉัยผิด มันเป็นความผิดของฉันเหรอ? ฉันอธิบายให้คุณฟังแล้ว ทำไมคุณไม่เคยเชื่อเลย?"

"ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ดึงดันที่จะต้องแต่งงานกับคุณสักหน่อย... ฉันก็แค่ชอบคุณ..."

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

"หลายปีมานี้ ฉันพยายามเป็นนายหญิงที่ดี พยายามเอาใจครอบครัวของคุณอย่างสุดความสามารถ แต่ในสายตาของคุณ ฉันเป็นอะไร? โสเภณีที่ถูกกฎหมายคนหนึ่ง? พอคุณพอใจคุณก็นอนกับฉัน พอไม่พอใจก็ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน พศิน ทำไมคุณต้องใจร้ายกับฉันขนาดนี้ ฉันก็แค่ต้องการจะหย่า ฉันก็แค่ชอบคุณเท่านั้นเอง..."

ฉันเช็ดน้ำตาอย่างน่าสมเพช ผู้ชายที่นั่งอยู่ในความมืดมองมาที่ฉัน แววตาของเขามืดมนจนยากจะคาดเดา

“อาละวาดพอรึยัง?”

เขาลงจากรถ แล้วไปนั่งที่ฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว

“ถ้ายังอาละวาดไม่พอ ก็ลงจากรถไปซะ แต่ถ้าพอแล้ว ก็กลับบ้าน”

ชายหนุ่มหันหลังให้ฉัน แผ่นหลังของเขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูแข็งแกร่งและเย็นชา

ทีนี้ ฉันสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งเลย

ที่แท้ ในสายตาของเขา ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่การอาละวาดไร้เหตุผลของฉันเท่านั้นเอง

ฉันหัวเราะออกมา ทั้งๆ ที่น้ำตากำลังไหลพราก

“พศิน คุณมันใจร้ายจริงๆ”

ไม่รู้ว่าฉันตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ฉันเห็นแผ่นหลังของเขาแข็งเกร็งไปชั่วขณะ

ฉันขี้เกียจจะไปใส่ใจรายละเอียดอีกต่อไป ฝืนทนความเจ็บปวดรวดร้าวของร่างกาย ก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูดังปัง!

มิ้นท์ออกมาจากบาร์ก็ไม่เจอฉันแล้ว พอเธอมาเห็นฉันอีกทีที่ริมถนน ฉันก็นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลย

“อันน์ นี่เธอ...”

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่สามีภรรยาที่กำลังจะหย่ากัน เกิดเหงาขึ้นมา ก็เลยหาอะไรทำแก้เซ็งนิดหน่อย”

“มิ้นท์ ฉันขอไปอยู่บ้านเธอสักพักได้ไหม?”

มิ้นท์พยักหน้า แล้วพยุงฉันขึ้นรถ

ความเหนื่อยล้าทางร่างกายและความเจ็บปวดทางใจ ทำให้ฉันเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว

ในความสลึมสลือ ฉันเหมือนจะได้ยินมิ้นท์พูดขึ้นมาว่า “ที่รัก คันที่ตามหลังมานั่นใช่รถของไอ้พศินรึเปล่า?”

พอฉันสร่างเมาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นช่วงบ่ายของอีกวันแล้ว

ฉันรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา ร่างกายก็แข็งทื่อไปในทันที

แย่แล้ว!

เหมือนว่าฉันจะยังไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน

ใบหน้าของฉันพลันซีดเผือด รีบกดสั่งยาในโทรศัพท์ทันที

คงไม่โชคร้ายขนาดตั้งท้องหรอกนะ?

หลังจากกินยาเข้าไปแล้ว ฉันถึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

มิ้นท์ออกไปข้างนอกแล้ว เธอเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว แถมฐานะทางบ้านก็ดี จึงมักจะออกไปหาแรงบันดาลใจข้างนอกบ่อยๆ เพื่อประชุมวางแผนงานกับทีม

ฉันมองสัญญาหย่าที่วางอยู่บนโต๊ะอยู่นาน ก่อนจะส่งข้อความไปหาคุณไนน์ เลขาของพศิน

【คุณไนน์คะ พศินอยู่ที่บริษัทไหมคะ?】

คุณไนน์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

【ท่านประธานอยู่ที่บริษัทค่ะ】

【ทราบแล้วค่ะ】

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็มาปรากฏตัวที่ใต้ตึกบริษัทของพศิน พนักงานต้อนรับเห็นฉันก็ไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจอะไร

แต่ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้เธอถึงพยายามขวางไม่ให้ฉันเข้าไปในห้องทำงานของพศิน

“คุณอันน์คะ พอดีในห้องทำงานของท่านประธานมีแขกอยู่ค่ะ”

"ฉันแค่เอาเอกสารไปให้ เดี๋ยวก็ลงมาแล้วค่ะ ไม่รบกวนนานหรอก"

ฉันขอบคุณในความหวังดีของเธอ แล้วเดินเข้าลิฟต์ไป

พอมาถึงหน้าห้องทำงาน ฉันถึงได้เข้าใจว่าทำไมพนักงานต้อนรับถึงได้เตือนฉันแบบนั้น

กัญญาอยู่ในห้องทำงาน พร้อมกับลูกของเธอกับพศิน พวกเขากำลังกินข้าวกันอยู่ พศินไม่ได้แตะตะเกียบเลย แต่สายตาที่เขามองไปยังกัญญานั้น ช่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความคิดถึง... เป็นสายตาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

ภาพตรงหน้าทิ่มแทงใจฉันอย่างจัง

กัญญาเห็นฉันก่อน เธอจึงลุกขึ้นยืนอย่างประหม่า

“น้องคะ อย่าเข้าใจผิดนะ คือเวลส์เขาคิดถึงพ่อ พี่ก็เลย...”

“ลูกชายคุณคิดถึงพ่อ หรือว่าคุณกันแน่ที่อยากจะมาแทนที่ฉัน?”

ฉันพูดแดกดันกลับไปโดยไม่ไว้หน้า

“กัญญา ไปอยู่เมืองนอกมาห้าปีไม่ได้เรียนรู้อะไรมาบ้างเลยเหรอ? เล่ห์เหลี่ยมยังต่ำตมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”

ฉันแกล้งทำเป็นเด็กดีเชื่อฟังมาห้าปีเต็มจนเบื่อจะแย่แล้ว ในเมื่อตอนนี้ก็จะหย่ากันอยู่แล้ว ฉันก็ขี้เกียจจะแสร้งทำต่อไป

สีหน้าของกัญญาหมองลง “พศินคะ คือฉัน...”

พศินอุ้มเวลส์ที่กำลังก้มหน้าขึ้นมา แล้วมองมาที่ฉัน

“อันน์ ขอโทษกัญญาซะ”

“ทำไมฉันต้องขอโทษ? ตอนที่สองแม่ลูกคู่นี้มาแย่งรังนกไป พวกเขาเคยขอโทษแม่ฉันบ้างไหม? พศิน คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันแล้ว” ถึงแม้จะพอเดาปฏิกิริยาของเขาได้อยู่แล้ว แต่ในใจก็ยังเจ็บแปลบขึ้นมาอยู่ดี ฉันไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้พวกเขาได้หัวเราะเยาะ “เอ้านี่ของคุณ”

พศินขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ยื่นมือมารับ

“นี่มันอะไร?”

“สัญญาหย่า เซ็นซะ แล้วหลังจากนี้คุณอยากจะมีผู้หญิงกี่คน จะเลี้ยงลูกนอกสมรสอีกกี่คนก็เชิญตามสบาย”

เมื่อเห็นเขากับกัญญายืนอยู่ด้วยกัน ดวงตาของฉันก็เจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป