บทที่ 3

สองสามวันต่อมา

[อาเรียผลักชีล่า – ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าไม่ใช่มารยาทที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งลูน่า!!!]

พาดหัวข่าวสุดย้อนแย้งนั่นบาดตาฉันเหลือเกิน ฉันโยนหนังสือพิมพ์ไปข้างๆ ออกจากห้องนั่งเล่นแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟเพิ่มให้ตัวเอง วันนี้เป็นวันที่ต้องดื่มกาแฟถึงสองแก้วแน่ๆ

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับประโคมข่าวเรื่องที่ลูเซียนตามหา ดร. เอ ผู้ลึกลับ ลูเซียนได้ประกาศความตั้งใจของเขาต่อสาธารณชน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นความพยายามในการตามหาหมอคนดังกล่าว

...และใต้พาดหัวข่าวเรื่องการตามหาของลูเซียน ก็มีบทความเล็กๆ สองสามชิ้นที่เกี่ยวกับฉันและเหตุการณ์น่าอับอายในงานการกุศล

บทความใต้พาดหัวข่าวนั้นส่วนใหญ่เป็นการบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในคืนนั้น พร้อมกับสอดแทรกความคิดเห็นที่ไม่น่าฟังจากคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญ’

[“เธอเป็นลูน่าที่น่าผิดหวังมาโดยตลอด!” เนื้อหาในบทความว่าไว้

“ตอนนี้ชีล่าหย่าอีกครั้งแล้ว ทางเลือกของลูเซียนก็ชัดเจน ทิ้งอาเรียแล้วกลับไปคืนดีกับชีล่าซะ!”]

ขณะที่ฉันกำลังรินกาแฟ โทรศัพท์ที่ติดอยู่บนผนังก็เริ่มดังขึ้น ฉันวางหม้อกาแฟลง เดินข้ามห้องครัวไปยกหูโทรศัพท์ออกจากแท่นแล้วนำมาแนบหู สายโทรศัพท์ที่ขดเป็นเกลียวยาวทอดตัวลงมาระหว่างหูโทรศัพท์และฐานโทรศัพท์

“ฮัลโหลคะ” ฉันถาม

“อาเรียเหรอ เสียงเธอฟังดูเศร้าๆ นะ เธอกำลังดูหนังสือพิมพ์บ้าๆ พวกนั้นอีกแล้วใช่ไหม!”

เสียงปลายสายเป็นของเคธี่ เพื่อนสนิทของฉัน เธอเป็นเพื่อนแท้ที่รู้จักฉันมาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับราชันย์อัลฟ่าของฝูง

เธอเชียร์ให้ฉันหย่ามาตั้งแต่อาทิตย์ที่สองของการแต่งงานแล้ว

“บอกฉันอีกทีสิ ว่าทำไมเธอถึงยังไม่หย่ากับลูเซียน” เคธี่พูดอย่างฉุนเฉียว “เธอยอมสละทุกอย่างเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้ราชันย์อัลฟ่า แล้วดูสิว่าเขาไม่ให้เกียรติเธอขนาดไหน!”

“ปกป้องชีล่ามากกว่าเธอ แถมยังพยายามตามหา ดร. เอ ให้หล่อนอีก ในขณะที่ชื่อเสียงดีๆ ของเธอกำลังถูกสื่อเหยียบย่ำจนจมดิน แต่เขากลับไม่พูดปกป้องเธอสักคำ!”

“ลูเซียนไม่ชอบคุยกับนักข่าว” ฉันพูดเสียงแผ่ว ทั้งที่รู้ดีว่ามันเป็นข้อแก้ตัวที่ห่วยสิ้นดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเพิ่งจะไปให้ข่าวกับสื่อเรื่องการตามหา ดร. เอ เขาจะถือโอกาสนั้นพูดถึงฉันในแง่ดีสักหน่อยก็ได้ แต่เขากลับไม่ทำ

“ฉันไม่สนว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบอะไร คนที่ฉันแคร์คือเธอต่างหาก อาเรีย และตั้งแต่เธอแต่งงานเข้ามา เธอก็เปลี่ยนไป เธอสูญเสียความเป็นตัวเองในอดีตไปหมดแล้ว”

ฉันปฏิเสธไม่ได้เลย ฉันยอมทิ้งอาชีพและตัวตนส่วนใหญ่ของฉันไป การแสดงบทบาทภรรยาที่สมบูรณ์แบบและยอมทำตามทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยาก ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของฉันเป็นคนกล้าได้กล้าเสียกว่านี้มาก

“ฉันรักเขานะ เคธี่ ฉันปิดสวิตช์ความรู้สึกไม่ได้หรอก เธอก็รู้ว่าเขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้...”

เคธี่ถอนหายใจอย่างระอา “เฮ้อ... เอาเถอะ...”

“ลองคิดดูนะ อาเรีย โรงพยาบาลพร้อมต้อนรับเธอกลับไปเสมอ”

หลังจากวางสายจากเคธี่ ฉันตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะคุยกับลูเซียนอีกครั้ง เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก ทั้งเรื่องชีวิตคู่ของเรา เรื่องชีล่า เรื่องลูกที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องของฉัน…

ลูน่าสนับสนุนการพูดคุยครั้งนี้เป็นพิเศษ “เขาจะฟังเจ้า เขาคือเมทของเจ้านะ...”

ฉันไม่แน่ใจนัก

ชีวิตแต่งงานของเราไม่เคยสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว และตอนนี้มันก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่มันก็ยังสมควรได้รับโอกาสที่จะสู้ดูสักตั้ง

ฉันมองปฏิทินที่แขวนอยู่ข้างโทรศัพท์แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันพฤหัสบดี ลูเซียนทำงานแค่ช่วงเช้าของวันพฤหัสฯ และมักจะกลับถึงบ้านหลังมื้อเที่ยง

ฉันคงไม่ต้องรอนานนักก็ได้คุยกับเขา

อย่างน้อย นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด แต่ลูเซียนก็ไม่ได้ไขกุญแจประตูหน้าแล้วเดินเข้ามาจนกระทั่งสามทุ่ม

และเขาไม่ได้มาคนเดียว

ชีล่าเกาะติดเขาแจ แขนของหล่อนโอบรอบไหล่ของลูเซียน ส่วนแขนของเขาก็โอบรอบเอวของหล่อน โดยวางมืออย่างมั่นคงบนสะโพกของเธอ

ชีล่าเดินโซเซ ราวกับว่าเดินไม่ไหว เมื่อเห็นฉันยืนอยู่ในโถงทางเข้า หล่อนก็ยิ่งเบียดตัวเข้าหาลูเซียนมากขึ้น

ความสนใจทั้งหมดของลูเซียนดูเหมือนจะจดจ่ออยู่ที่ชีล่า ราวกับว่าเขาไม่ทันสังเกตเห็นฉันเลยด้วยซ้ำ

“ห้องนอนส่วนใหญ่อยู่ชั้นบน” เขาพูดเบาๆ “คุณคิดว่าจะขึ้นไปไหวไหม”

“ไหว...ถ้าคุณช่วยฉัน” เธอตอบด้วยเสียงอ่อนแรง

“ลูเซียนคะ” ฉันเอ่ยขึ้นเพื่อแสดงตัว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูเซียนพาชีล่ากลับมาที่บ้านของเรา เธอรู้ดีว่าห้องนอนอยู่ไหนและจะไปเองได้อย่างไร เธอไม่ควรต้องการความช่วยเหลือจากเขาเลย

เขาควรจะมีเวลาสักนาทีคุยกับฉันเรื่องชีวิตแต่งงานและอนาคตของเราบ้าง

ฉันรวบรวมความกล้า เดินไปข้างหน้า ตั้งใจว่าจะรักษาชีวิตแต่งงานของฉันไว้ “ฉันอยากจะคุยกับคุณ...”

“อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้นสิ อาเรีย” ลูเซียนพูดพลางเหลือบมองฉัน “ไปเตรียมห้องให้ชีล่า เธอต้องการเครื่องใช้ในห้องน้ำกับผ้าขนหนูหนึ่งชุด ของของเธอน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้”

“ของ...ของเธอเหรอคะ”

“ใช่” ลูเซียนตอบ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีล่าจะอยู่ที่บ้านของเรา”

“ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ คุณอาเรีย” ชีล่าพูดพลางซบหน้าเข้าหาลูเซียนราวกับพยายามซ่อนความอับอาย “ฉันมารบกวนคุณกับคุณลูเซียนอยู่เรื่อยเลย แต่ฉันสาบานได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราจริงๆ ความสัมพันธ์ของเราบริสุทธิ์ค่ะ”

ฉันขมวดคิ้วกับถ้อยคำนั้นและความเสแสร้งที่เห็นได้ชัดของคำขอโทษ

แต่ดูเหมือนลูเซียนจะหลงเชื่อ “ตอนที่เธอผลักชีล่าที่งานการกุศล เธอทำให้ข้อเท้าของชีล่าเจ็บ ในเมื่อตอนนี้ครอบครัวของเธอไม่ยอมช่วยดูแลเธอ ภาระจึงตกมาอยู่ที่เธอ อาเรีย นี่เป็นความผิดของเธอ และเป็นความรับผิดชอบของเธอ”

เขาดุฉันด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเอาแต่ใจที่ไร้ประโยชน์

เขายังโกรธฉันเรื่องที่ไม่ยอมขอโทษชีล่าครั้งที่แล้วอยู่หรือ

ลูเซียนช่วยชีล่าถอดเสื้อโค้ตแล้วยื่นมาให้ฉัน

รอบตัวเรา พวกสาวใช้บางคนก็กรูกันเข้ามาในโถงทางเข้าเพื่อช่วยเท่าที่จะทำได้ แต่ลูเซียนไม่ได้สั่งพวกเธอ เขายื่นเสื้อโค้ตตัวนั้นให้ฉันรับไป เพื่อให้ฉันนำไปแขวนในตู้เสื้อผ้าตรงโถงเป็นการให้เกียรติชีล่า

“ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัยฉันนะคะ คุณอาเรีย” ชีล่าพูดเสียงอ่อน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้ามาในบ้านของคุณเลย...”

รอบตัวฉัน พวกสาวใช้กระซิบกระซาบกัน

“คุณชีล่านี่ช่างมีน้ำใจและแสนดี...”

“คุณอาเรียไม่แม้แต่จะเอาเสื้อโค้ตไปแขวนให้...”

“คุณอาเรียยังไม่ขอโทษเรื่องที่ผลักคุณชีล่าเลย...”

ฉันไม่อยากให้สถานการณ์บานปลาย จึงรับเสื้อโค้ตมาแล้วนำไปแขวน จากนั้นฉันก็เดินเลี่ยงลูเซียนกับชีล่าขึ้นบันไดไปเพื่อเตรียมห้องให้ชีล่า ฉันเพิ่งจัดผ้าขนหนูและเครื่องใช้ในห้องน้ำเสร็จตอนที่ลูเซียนกับชีล่าเข้ามาในห้อง หลังจากที่ลูเซียนช่วยพยุงชีล่าขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลทีละขั้น

หลังจากช่วยให้ชีล่านั่งลงบนขอบเตียงแล้ว ลูเซียนก็มองไปรอบๆ แววตาของเขาอ่อนลงด้วยความโล่งใจ

“เธอคงจะสบายดีที่นี่นะ ชีล่า” เขาพูดกับฉันว่า “อาเรีย ไปพบฉันที่ห้องทำงาน”

ฉันพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เขายังอยู่ในห้องครู่หนึ่งก่อนจะตามฉันออกมา

ในห้องทำงานของเขา เราทั้งคู่ยืนอยู่หน้าโต๊ะไม้มะฮอกกานีตัวใหญ่ เอกสารของเขาทั้งหมดถูกเก็บเข้าที่ ปากกาทุกด้ามอยู่ในที่ใส่ปากกา ไม่มีของสิ่งไหนวางผิดที่ผิดทางเลย

“ทีนี้” เขาพูด “เธออยากจะคุยเรื่องอะไร”

ฉันหลบสายตาเขาชั่วครู่ พยายามรวบรวมความกล้าที่หายไปตอนที่ชีล่าปรากฏตัวอีกครั้ง ฉันพยายามเรียกมันกลับมาอย่างยากลำบากแม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่กันตามลำพังแล้วก็ตาม การนึกถึงลูกช่วยได้ อย่างน้อยที่สุด ฉันต้องบอกลูเซียนเรื่องที่ฉันท้อง

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็เงยหน้าขึ้นสบตากับลูเซียน

ฉันนิ่งงัน

ก่อนหน้านี้ แม้แต่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดของชีวิตแต่งงานของเรา ลูเซียนจะมองฉันด้วยความอดทนและความอบอุ่นบางอย่าง มันอาจจะจางลงในบางครั้ง แต่ฉันก็ยังเห็นมันหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่งในส่วนลึกของแววตาเขาเสมอ

แต่ในตอนนี้ ความอบอุ่นนั้นได้หายไปจากดวงตาของเขาอย่างสิ้นเชิง

“ฉันอยากจะบอกว่า...—” ฉันเริ่มพูด

“เธออยากจะพูดอะไรก็พูดมา” ลูเซียนกล่าว

เขามองฉันด้วยความเฉยเมยไม่ต่างจากที่เขามองคนแปลกหน้าหรือคนรู้จัก ไม่ใช่มองภรรยาของตัวเอง

เมื่ออ้าปากอีกครั้ง ถ้อยคำต่างๆ ก็หลั่งไหลออกมา

“— ฉันขอหย่า”

ฉันพูดอย่างหนักแน่น

“...อะไรนะ?!”

ลูเซียนเบิกตากว้าง ตกอยู่ในอาการตกใจอย่างหนัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป