บทที่ 4
ลูเซียนตกตะลึงอยู่เพียงชั่วครู่ เมื่อได้สติ ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงด้วยความโกรธ
“ไม่”
“เราจะไม่หย่า”
“เป็นอะไรของเธอ? ช่วงนี้เธอคิดอะไรอยู่กันแน่? เลิกทำตัวเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจแบบนี้ได้แล้ว”
ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเร็วขนาดนี้มาก่อน แต่เขาจะมาหัวเสียเพื่อฉัน ภรรยาที่ถูกทอดทิ้งมาตลอดได้อย่างไรกัน?
“นี่ไม่ใช่เรื่องการเรียกร้องความสนใจ” ฉันพยายามจะพูด
ลูเซียนจ้องหน้าฉัน “ที่ผ่านมาเธอเคยเป็นคนที่ว่าง่ายมาตลอด แต่ช่วงหลัง ๆ นี้เธอกลับเริ่มออกฤทธิ์ และฉันก็เบื่อเต็มทีแล้ว เธอต้องเลิกสร้างปัญหาให้ฉันและให้ชีล่าได้แล้ว”
คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจฉัน แต่การเอ่ยชื่อชีล่านั่นต่างหากที่กรีดลึกลงไปในจิตวิญญาณของฉัน
เขาไม่ฟังเหตุผล เขาไม่ฟังอะไรเลย ฉันจะพูดอะไรให้เขาเชื่อได้อีก? หรือว่าเคธี่พูดถูก... ฉันควรจะพยายามต่อไปอีกหรือเปล่า?
ฉันเหลือคำถามสุดท้ายเพียงข้อเดียว และดูเหมือนว่ามันจะเป็นคำถามที่สำคัญที่สุด
ฉันเอ่ยถามออกไปทั้งที่หัวใจเหมือนมาจุกอยู่ที่คอ “ลูเซียน... คุณเคยรักฉันบ้างไหม?”
เขาจ้องมองฉันอยู่ครู่ใหญ่ ในชั่วแวบหนึ่ง ฉันคิดว่าฉันเห็นบางอย่างที่อ่อนโยนลงในดวงตาของเขา แต่เมื่อเขากะพริบตา มันก็หายไป บางทีฉันอาจจะจินตนาการไปเองเพราะฉันอยากให้มันเป็นเช่นนั้นเหลือเกิน
“พูดจาให้มันจริงจังหน่อยสิ อาเรีย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สุภาพ แต่ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “ไปทำงานบ้านของเธอซะ แล้วก็เลิกยุ่งกับชีล่า”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของฉัน ซึ่งนั่นก็รู้สึกเหมือนเป็นคำตอบในตัวของมันเองแล้ว
หลังจากทุกสิ่งที่ฉันทำไปเพื่อชีวิตแต่งงานนี้และเพื่อสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นความรักของเราตลอดสามปีที่ผ่านมา มันช่างไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง สำหรับคนทั้งโลก ลูเซียนอาจเป็นสุภาพบุรุษผู้สง่างาม แต่เขาไม่ได้แสดงด้านที่อ่อนโยนนั้นให้ฉันเห็นมานานแล้ว
เขาดูถูกฉันด้วยการพูดจาเหมือนฉันเป็นเด็ก และหยามเหยียดฉันด้วยการเลือกชีล่าแทนที่จะเป็นฉัน
ฉันเอ่ยถามเบา ๆ ขณะที่ความขุ่นเคืองคุกรุ่นอยู่ภายใน “ทำไมคุณถึงได้ห่วงชีล่านัก ทั้งที่เธอกำลังไม่ซื่อสัตย์?”
“เธอพูดเรื่องอะไร?” ลูเซียนถาม
“อาการบาดเจ็บที่เท้าของชีล่าน่ะเป็นเรื่องโกหก” ฉันบอกเขา พลางอธิบายช้า ๆ เพื่อไม่ให้มีคำไหนตกหล่นหรือถูกตีความผิดไป “เธอไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย”
คิ้วของลูเซียนขมวดเข้าหากันด้วยความสับสน “มันดูเหมือนจริงนะ เธอแน่ใจได้ยังไง?”
แทนที่จะตอบคำถามของเขา ฉันกลับเค้นยิ้ม “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ อันที่จริง ไม่ต้องห่วงอะไรเลย ฉันจะออกไปเอง ฉันคิดว่านั่นคงเป็นสิ่งที่ชีล่าต้องการ เธอน่าจะแอบฟังบทสนทนาของเราอยู่แถวนี้ และคงกำลังยินดีกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ตอนนี้”
ฉันเดินไปที่ประตู เตรียมจะพุ่งออกไป แต่เมื่อผลักประตู ฉันก็รู้สึกถึงแรงต้าน ฉันจึงผลักแรงขึ้นอีก และชีล่าก็เซถอยหลังไปจากประตู แม้จะยังทรงตัวยืนอยู่ได้
“โอ๊ย คุณผู้หญิงชีล่า! ระวังค่ะ! นี่ค่ะ เดี๋ยวฉันช่วย! เดี๋ยว...” สาวใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ร้องขึ้น พลางปรี่เข้าไปช่วย
แต่ขณะที่พูด สายตาของเธอกลับเลื่อนลงไปยังข้อเท้าข้างที่ชีล่าอ้างว่าบาดเจ็บ... ข้างที่เธอกำลังใช้ยืนรับน้ำหนักอย่างมั่นคงในตอนนั้น
"คุณชีล่าคะ?! ข้อ ข้อเท้าของคุณ...?!"
ลูเซียนเคลื่อนตัวจากด้านหลังฉัน ก้าวอ้อมฉันออกไปที่โถงทางเดิน และดูตกใจเช่นกัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชีล่า แม้ว่าเธอจะดูเหมือนตั้งใจเพิกเฉยต่อสายตาของเขาก็ตาม
ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังเดินจากไป ฉันได้ยินเสียงลูเซียนพูดกับชีล่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอยู่ข้างหลัง แม้จะไม่ได้ยินว่าพูดอะไร แต่จากน้ำเสียงก็บอกได้ว่าเขากำลังปลอบโยนเธอ
เขายังคงเลือกที่จะเข้าข้างเธอ แม้ว่าฉันจะแสดงหลักฐานให้เห็นแล้วว่าเธอโกหก
ฉันอยากจะบอกว่าฉันประหลาดใจ แต่ก็ไม่เลย ในเมื่อมาถึงจุดนี้ มันก็เป็นเพียงตะปูอีกตัวที่ตอกฝาโลงชีวิตแต่งงานของเราเท่านั้น
หลักฐานมันชัดเจนเสียจนแม้แต่ลูน่าในหัวของฉันยังเงียบไป
การหย่าไม่ใช่แค่คำขอร้องอีกต่อไปแล้ว มันคือความจำเป็น — และฉันจะไม่ยอมรับอะไรที่น้อยไปกว่านี้!
ในตู้เสื้อผ้า ฉันคว้ากระเป๋าเดินทาง ลากมันมาที่เตียงแล้วเริ่มยัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวลงไป
ในเมื่อเขาเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ฉันก็ไม่คิดว่าลูเซียนจะอยากดูแลลูกของฉัน ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไม่บอกเขาเลย
ยังไงเขาก็ต้องอยากได้ลูกที่เกิดจากชีล่ามากกว่าอยู่แล้ว
ลูกของฉันน่ะเหรอ? ฉันเลี้ยงเองได้!
เช้าวันต่อมา
มุมมองของลูเซียน
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุก ผมลุกจากเตียง อาบน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นชุดสูทเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว ผมไล่สายตามองคอลเลกชันเนกไทของตัวเอง
เส้นไหนที่อาเรียจะเลือกนะ
“อาเรีย” ผมตะโกนเรียก ผมรู้ว่าเสียงของผมดังไปถึงโถงทางเดิน ทุกครั้งที่ผมเรียกหาเธอในอดีต เธอจะรีบวิ่งมาหาทันที กระตือรือร้นที่จะเอาใจผม
แต่วันนี้กลับไม่มีเสียงตอบรับ
บางทีเธออาจจะยังไม่หายงอนจากเรื่องไร้สาระเมื่อวาน
ถึงอย่างนั้น ก็มีบางอย่างรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการที่เธอไม่ยอมตอบรับ มันไม่เหมือนเธอเกินไป
“มีบางอย่างผิดปกติ” แม็กซ์ หมาป่าในตัวผมกระซิบในความคิด
หลังจากเลือกเนกไทด้วยตัวเอง ผมก็เดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับความสับสนในใจและเข้าไปในห้องครัว
ชีล่านั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวคนเดียว อาเรียก็ไม่ได้อยู่ข้างล่างนี้เช่นกัน
ชีล่ากำลังกินขนมปังปิ้งกับข้าวโอ๊ตตอนที่ผมเดินเข้าไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผม ชีล่าก็ส่งรอยยิ้มที่ดูอึดอัดใจมาให้ รอยยิ้มแบบเดียวกับที่เธอใช้เมื่อวานนี้ หลังจากถูกจับได้ว่าแอบฟังอยู่หน้าประตู ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ได้พูดถึงกัน ตอนนี้ผมต้องทำตัวอย่างระมัดระวังเมื่ออยู่ใกล้ชีล่า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ลูเซียน” เธอกล่าว
“อรุณสวัสดิ์” ผมตอบ
“มีความคืบหน้าเรื่องการตามหาด็อกเตอร์เอบ้างไหมคะ” เธอถาม
ผมยังไม่ได้เช็คข้อความของวันนี้ แต่ก็เดาว่าคงเหมือนเดิม คือน่าผิดหวัง “ด็อกเตอร์เอหายตัวไปสามปีแล้ว แทบไม่มีเบาะแสเหลือให้ตามอีก แต่เราจะหาเธอให้พบนะชีล่า ผมจะไม่หยุดพักจนกว่าเราจะทำสำเร็จ”
แม้กระทั่งตอนที่คุยกับชีล่า จิตใจของผมก็ยังเผลอไผลไปถึงความคิดและความทรงจำที่มีร่วมกับอาเรีย
อาเรียรู้ได้ทันทีว่าชีล่าแกล้งเจ็บข้อเท้า เธอรู้ได้อย่างไร
...แล้วเธอก็จากไปจริงๆ น่ะหรือ
“เธอเห็นอาเรียไหม” ผมถาม
“เธอโกรธฉันเหรอคะ เธอโกรธฉันใช่ไหม ที่ไม่อยากลงมากินข้าวเช้ากับเรา”
ผมตอบไม่ได้เลยได้แต่เงียบไป แต่ในใจก็เริ่มสงสัยอย่างรวดเร็วว่าอาเรียไม่ได้อยู่ในบ้านด้วยซ้ำ
“เธอคงไม่หนีออกไปแล้วพยายามจะหย่ากับคุณจริงๆ ใช่ไหมคะ” ชีล่าถาม
ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น แค่หัวเราะเยาะในความคิด
มันอาจจะไม่สุภาพ แต่มันคือเรื่องจริง—มันเป็นไปไม่ได้
คดีหย่าร้างระหว่างอัลฟ่ากับลูน่าต้องใช้ค่าทนายความจำนวนมหาศาล อาเรียที่เป็นแค่แม่บ้านและมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคงไม่มีเงินพอที่จะจ้างทนายได้หรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทนายที่มีฝีมือ
เธอไม่เพียงแต่ต้องการทนายที่เก่ง แต่ต้องเป็นทนายที่เก่งที่สุด เพื่อที่จะหย่ากับราชาอัลฟ่า
เธอจะทำแบบนั้นได้อย่างไร
ใช่ เดี๋ยวเธอก็กลับมา... ผมมั่นใจ
ทั้งหมดนี่ก็เป็นแค่อาการเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ พอเธอหายบ้าไปเอง เธอก็จะกลับมาทำหน้าที่แม่บ้านของผมเหมือนเดิม
ทันใดนั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ผมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสาวใช้ในการเปิดประตู แล้วเดินไปที่กาต้มน้ำ ตั้งใจจะชงชาให้ตัวเองสักถ้วยก่อนที่จะต้องเผชิญกับข่าวคราวอื่นๆ ของวัน
ครู่ต่อมา สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับจดหมายในมือ
“ราชันลูเซียนคะ มีทนายความมาที่ประตูค่ะ เขาบอกให้เอาสิ่งนี้มาให้ท่าน...”
คงเป็นแค่โฆษณาอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็คดีความน่าเบื่อๆ ผมถอนหายใจ แล้วฉีกซองจดหมายที่สาวใช้ยื่นให้
แต่เมื่อผมเห็นหัวข้อของเอกสารกองนั้นที่มีจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว ผมก็ลุกพรวดจากโต๊ะอาหารทันที
“ลูเซียน?!” ชีล่าตกใจกับการกระทำของผมและพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นคะ—”
เสียงของเธอก็ขาดห้วงไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นเอกสารในมือผม
[ลูน่า อาเรีย รีด ได้ยื่นฟ้องหย่า]
[คำร้องนี้จะถูกยื่นต่อศาลสูงสุดมนุษย์หมาป่า โปรดตอบกลับภายในสามวัน]
“...หา?!” ชีล่าอุทานอย่างตกตะลึง
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
—อาเรีย ยื่นฟ้องหย่างั้นเหรอ...?
