บทที่ 8 8
“คุณทำไม่ได้หรอกค่ะ คีธ...คุณจะกักขังฉันไว้ที่นี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าพ่อฉันรู้เขาต้องตามมาแน่ และถึงตอนนั้นคุณจะต้องถูกจับโทษฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันเอาไว้”
“ให้เขามา!...ถ้ายาซาโน่มาถึงที่นี่เมื่อไหร่ผมจะฆ่าเขา”
“อย่านะคะ!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องปกป้องชีวิตพ่อของคุณ”
“คุณจะให้ฉันทำอะไร...คุณมันใจร้าย คีธ...คุณไม่เหมือนคีธที่ฉันเคยรู้จักมาก่อนเลย”
บทที่ 4
ร่างเล็กตัดพ้อ แม้จะผิดหวังหากก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมจำนนต่อพญาอิทรีที่กำลังจะขยี้ชีวิตเธอ โคเลสนิกยกยิ้มอันร้ายกาจ เขากดรัดเธอไว้แนบลำตัวด้วยแขนข้างเดียว ขณะที่อีกข้างล้วงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและส่งให้หญิงสาว
“โทรไปหายาซาโน่ บอกพ่อของคุณว่าต้องอยู่ทำความตกลงกับผมที่บรัสเซลส์ต่ออีกสักระยะ”
ทิพชยาเอียงหน้า “อีกระยะหรือคะ...ฉันไม่รู้ว่าจะบอกท่านว่าอีกนานแค่ไหน ที่สำคัญฉันต้องกลับไปเรียนต่อที่ลอนดอนหลังจากนี้”
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผม...ไม่ว่าคุณจะบอกพ่อคุณยังไงหรือว่าจะต้องหยุดเรียนอีกนานแค่ไหน”
“คีธ...คุณกำลังจะทำลายอนาคตของฉันนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปมหาวิทยาลัยตอนนี้ต้องมีปัญหาแน่ ๆ “
“ก็เลือกเอาระหว่างอนาคตของคุณกับชีวิตของยาซาโน่ ถ้าอยากได้อนาคตคุณก็กลับไปลอนดอนซะตอนนี้เลย”
คำพูดของเขาเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่หล่นลงบนการตัดสินใจของหญิงสาว เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนทรงพลังขณะจ้องดวงตาสีอำพันที่วาววามยามสะท้อนแสงไฟ มันขุ่นข้นและประกายอันกล้าแข็งนั้นกำลังสยบทุกอย่าง ร่างแน่งน้อยไมรู้ว่าจะทำยังไงทว่าสุดท้ายเธอก็กดโทรออก
“ฮัลโหล...พ่อคะ...นี่แทมมี่นะคะ...เอ้อ...หนูจะโทรมาบอกคุณพ่อว่าหนูพบคีธแล้วนะคะ หนู...ได้คุยกับเขาแล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาเจรจาข้อตกลงเรื่องนักมวยในสังกัดอีกสักระยะ...ค่ะ...อีกสักระยะ ถ้าเขาตอบตกลงเมื่อไหร่หนูจะบอกให้คุณพ่อรู้อีกครั้งนะคะ...มหาวิทยาลัยหรือคะ...เอ้อ...ไม่เป็นไรค่ะ หนูคุยกับอาจารย์แล้วค่ะ...ค่ะ...รักพ่อนะคะ”
นิ้วเรียวกดวางสายพร้อมทั้งน้ำตาหยดน้อยที่ไหลร่นลงบนผิวแก้ม ทิพชยายังกุมโทรศัพท์ไว้แน่น เธอเลื่อนสายตากลับมามองบุรุษที่ใบหน้าเข้มเครียดอยู่เกือบชิดกับหน้าของเธอ
“พอใจรึยังคะคีธ...แต่คุณจะบีบบังคับฉันได้ไม่นาน”
“ผมไม่แคร์เรื่องเวลา อย่างน้อยที่สุดตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว แทม”
น้ำเสียงของเขายังขุ่นข้นทว่าส่วนลึกของชายหนุ่มกลับบังเกิดความวาบไหวเมื่อร่างนุ่มอยู่แนบชิด นานมาแล้วที่เขาเองก็เคยแอบมองเธอ สาวน้อยลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่บางครั้งเขาตั้งใจฝึกซ้อมแต่ก็อดใจไม่ไหวที่จะมองเธอกลับไปอยู่บ่อยครั้ง
สาวน้อยวัยสิบแปดใบหน้าหมดจดทั้งปากจมูกจิ้มลิ้มพริ้มเพราที่โคเลสนิกพยายามซ่อนความรู้สึกข่มมันไว้ในส่วนลึกว่าไม่ได้สนใจและไม่อยากมอง แต่เขาก็เห็นทุกครั้ง เห็นดวงตากลมโตงดงามส่องประกายสดใสยามจับจ้องมายังเขา
“คีธ...ถ้าฉันยอมให้คุณกักตัวไว้ที่นี่ คุณจะยอมช่วยพ่อฉันใช่มั้ยคะ”
“หืมม์?” ปื้นคิ้วหนาเหนือดวงตาสีอำพันเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหยียด
“ผมบอกคุณอย่างนั้นหรือแทม?”
เธอส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ไม่ค่ะ...คุณไม่ได้บอก แต่ฉันคิดว่าอย่างน้อยที่สุดถ้าฉันยอมทำตามในสิ่งที่คุณต้องการ มันอาจแลกได้กับความเห็นใจของคุณ”
“คุณพูดเหมือนรู้ว่าผมต้องการอะไร”
“ถ้าเป็นชีวิตพ่อของฉันก็เอาชีวิตฉันไปเถอะค่ะ”
หญิงสาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลแกมทองแดง มันเข้มคลั่กจนทำให้เธอหยั่งไปไม่ถึงว่ามีสิ่งใดนอกจากความเจ็บแค้นที่แอบซ่อนอยู่ภายในนั้น
“มันจะสนุกอะไรก็แค่ฆ่าคนให้ตายเท่านั้น แต่ถ้าทำให้คนที่เราอยากฆ่าทุกข์ทรมานมากเท่าไหร่ผมว่ามันก็น่าจะสะใจยิ่งกว่า”
“คีธ!”ทิพชยาร้องลั่นหากก็ไม่ทันริมฝีปากหยักหนาที่จาบจ้วงลงมาเป็นหนที่สาม เขาจูบเธออย่างหิวกระหาย เหมือนไม่เคยพอและอยากลิ้มลองมันซ้ำแล้วซ้ำอีก
ร่างเล็กแข็งขืนทว่าน่าแปลกนักที่เธอไม่ได้รังเกียจจูบหนักที่กำลังรุกราน มือไม้และร่างกายของหญิงสาวเริ่มอ่อนเปลี้ยลงด้วยซ้ำ ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะผลักไสเขาออกห่าง
ทิพชยา...เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้และดูเหมือนจะเริ่มคล้อยตามเขาไปเสียอย่างนั้น ร่างเล็กเกิดอาการวูบวาบและเสียวซ่านในช่องท้อง โคเลสนิกกลั่นแกล้งเธอและเขาก็ทำราวกับเธอเป็นวัตถุไร้ค่าด้วยซ้ำไป
ในขณะเดียวกันร่างสูงใหญ่ก็กระหวัดเกี่ยวร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้น มีอะไรบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งที่ถูกฝังอยู่เนิ่นนานใต้ก้นบึ้ง ใช่...เขาอยากจูบทิพชยามานานแล้ว อยากกอดสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นรูปร่างบอบบางตั้งแต่ได้สบตาเธอครั้งแรก แต่เขาก็จำต้องกดเก็บมัน กักขังมันไว้ตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนานไม่ให้ใครได้รับรู้
ถ้าหากทิพชยาไม่ใช่ลูกสาวของยาซาโน่ คนเลวที่ทำลายชื่อเสียงของเขาจนป่นปี้ย่อยยับเขาก็อาจจะรักเธอตั้งแต่ได้พบกันอีกครั้ง
“คีธ...อ๊ะ!” หญิงสาวร้องออกมาอีกครั้งเมื่อร่างสูงผลักร่างบอบบางลงไปนั่งบนเก้าอี้ เขามองเธออย่างหมายมาดและเหยียดยิ้มร้ายที่เธอแทบไม่อยากมองเพราะความเจ็บปวด
“คุณต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก”
“นานแค่ไหนกันคะ?”
โคเลสนิกหรี่นัยน์ตาสีน้ำตาลแกมทองแดง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นด้านหลัง
