บทที่ 10 ตอนที่10

“ก็ถ้าหนูผิงทำตัวน่ารัก พูดง่ายๆไม่ดื้อ พ่อของหนูผิงก็จะอยู่สบาย แต่ถ้าหนูผิงดื้อไม่ยอมทำตามที่ป๋าบอกและขัดใจป๋า พ่อของหนูผิงก็จะอยู่ไม่สบาย”ท่านเจ้าสัวตอบฉันกลับมา คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตของพ่อขึ้นอยู่ที่ฉันคนนี้ ฉันจะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด ฉันจะไม่ดื้อกับท่านเจ้าสัวจะไม่ขัดใจท่าน

“นี้แสดงว่าหนูผิงยังไม่ได้กระดาษที่ป๋าให้หนูไปงั้นเหรอ?”จริงสิ ฉันยังไม่ได้อ่านเลย กระดาษแผ่นนั้นยังวางอยู่บนโต๊ะในห้องนอนของฉันอยู่เลย

“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าหนูยังไม่ได้อ่าน”ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงดุๆแววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

“ป๋าอย่าทำหน้าแบบนั้นใส่หนูผิงสิคะ หนูผิงกลัว”ฉันเอ่ยขึ้นบีบมือตัวเองแน่น

“ถ้าไม่อยากให้ป๋าทำทำหน้าแบบนั้นหนูผิงก็ไม่อ่านข้อตกลงของเราซ่ะและไปหาป๋าที่ห้องทำงานของป๋าในสิบนาทีต่อจากนี้!”ท่านเจ้าสัวพูดแค่นั้นและเดินหันหลังให้ฉันออกไปทันที ฉันเมื่อมองตามแผ่งหลังของท่านเจ้าสัวที่เดินลับหายขึ้นบันไดไปแล้ว ฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องนอนและวิ่งแยกไปอีกทางกับที่ท่านเจ้าสัวไปทันที เพื่อไปยังห้องนอนของฉัน

“อ่ะ ยังอยู่ เห้อ โล่งอกไปที”ฉันรีบวิ่งไปหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมและเริ่มอ่านข้อความในกระดาษทันที มันถูกเขียนด้วยปากกาสีดำรายมือสวยงามมีระเบียบเรียบร้อยสะอาด

ข้อตกลงเขียนโดยเจ้าสัว จักภัทร.......

ถึงหนูผิง เวียงพิงค์ เธอมาอยู่ที่นี้ในสถานะภรรยาลับของฉัน ฉันจะรับเลี้ยงดูเธออย่างเงียบๆเรื่องของเราจะมีคนรู้เพียงไม่กี่คน เธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกให้ใครรู้เด็ดขาด และข้อต่างๆที่เธอต้องปฏิบัติต่อฉันมีดังนี้

1.เวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ทำเสมือนอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาแต่พออยู่ข้างนอกต้องทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน

2.ห้ามขัดใจฉันเป็นอันขาด ต้องน่ารักกับฉันแค่คนเดียวด้วย

3.ฉันอยากได้เธอเวลาไหนร่างกายของเธอต้องพร้อมตลอดเวลา

แค่3ข้อนี้แหละ เดี๋ยวคิดออกค่อยบอกมาเขียนใหม่ น่ะอิหนูของป๋า

“อะไรของเขากันน่ะ ฉันเป็นภรรยาลับๆของเขาเนี่ยน่ะ เมียน้อยรึป่าว?”ฉันพึมพำกับตัวเอง ฉันต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ขอแค่ฉันได้เรียนหมออย่างที่ฉันตั้งใจไว้ ไม่ว่าเขาจะให้ฉันอยู่ในสถานะไหนฉันก็ยอม

“ต้องน่ารักกับเขาคนเดียว แล้วอยู่บ้านแบบนี้ฉันจะไปน่ารักกับใครล่ะ เหงาจะแย่แล้ว😔”ฉันพูดขึ้นพลางย่นจมูกลง เหงาจริงๆน่ะ ให้ฉันนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเงียบๆแบบนี้น่ะ

“อยากได้ฉันเวลาไหน ร่างกายฉันต้องพร้อม งื้อ ทำไมป๋าเขาหื่นอย่างนี้ล่ะ หนูผิงกลัวนะคะเนี่ย”ฉันพูดขึ้นพลางทำตาปริบๆหน้าตาก็หล่อเหลาขนาดนั้น เขาน่าจะมีผู้หญิงเข้าหาอยู่ไม่น้อย ทำไมเขาต้องมาหื่นกับฉันด้วยเนี่ย และแถมวันนั้นที่เขาทำกับฉัน ฉันยังไม่หายเจ็บดีเลยน่ะ เมื่อกี้ก็ลืมตัวเผลอวิ่งมาอย่างไวซะด้วยสิ

“ยังบวมอยู่เลย หนูผิงจะไหวเหรอคะเนี่ย?”ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆในขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าชุดกระโปรงที่ฉันใส่เป็นเสื้อเชิ้ตทีขาวยาวคลุมปิดแค่ขาอ่อนของฉันเอง ฉันพอจะจับใจความได้ว่าเมื่อกี้ที่ท่านเจ้าสัวพูดว่าให้ฉันไปหาเขาที่ห้องทำงานและต้องทำให้เขาพึงพอใจในตัวฉันเพื่อฉันจะได้เรียนหมออย่างที่ใจหวัง และเวลาที่จะสอบหมอก็เหลือแค่สามวัน สามวันที่จะถึงนี้ ฉันใช้เวลาทั้งหมดของตัวเองเพื่อการสอบในครั้งนี้ และเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปใช้สมัครในการสอบมหาลัยDLมหาลัยชื่อดัง ฉันตั้งใจว่าถ้าฉันสอบติดคณะแพทยศาสตร์ฉันจะทำงานและเรียนไปด้วยเพื่อจะได้หาค่าเงินมาจ่ายค่าเทอม เพราะมหาลัยที่นี้เป็นมหาลัยอินเตอร์ค่าเทอมแพงมาก

“เพื่อคณะแพทยศาสตร์ หนูผิงจะสู้กับป๋าให้ถึงที่สุด!!!”ฉันพูดขึ้นและเริ่มหันหลังสำรวจร่างกายของฉัน และแกะยางที่มัดผมยาวของฉันให้สยายปล่อยผมยาวๆไปกับแผ่นหลังของฉัน และสะบัดผมให้ดูเซ็กซี่ ฉันก็ทำไม่เป็นหรอกเห็นพี่แพรวาทำแบบนี้บ่อยๆและเธอก็สวยดี

“สู้เว้ย!ท่านเจ้าสัวหล่อขนาดนั้น หนูผิงจะกลัวอะไร!!”ฉันพูดปลอบตัวเองและนึกถึงใบหน้าขาวริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อของท่านเจ้าสัว ผู้ชายอะไรหล่อไปหมดทุกอย่าง เพอร์เฟคมากๆอีกตั้งหาก ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆเดินออกจากห้องนอนของฉันมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของท่านเจ้าสัวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งทันที

ก๊อกๆๆๆ

“หนูผิงเหรอ เข้ามาได้เลย”เสียงของท่านเจ้าสัวตะโกนตอบกลับมา ฉันจึงยื่นมือไปบิดลูกบิดประตูแบะเดินเข้าไปในห้องที่เปิดแอร์เย็นเฉียบและมองไปยังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องทำงานก็พบกับร่างของผู้ชายที่นั่งกระตุกยิ้มมุมปากมองมาที่ฉันอยู่ สองมือใหญ่ผสานกันไว้ตรงหน้าเขาสายตาคู่คมจ้องมองมาที่ฉัน ถายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนี้ฉันไม่ได้สวมอะไรไว้เลย

แปะๆๆๆ

“เหอะ นางยั่วของป๋านี้น่ารักจริงๆถูกใจป๋ามาก”ท่าเจ้าสัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรบมือให้ฉัน ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความเขินอายและค่อยๆก้าวขาเรียวยาวของฉันเข้าไปหาเขาที่โต๊ะทำงานของเขา เอาว่ะเพื่ออนาคตฉันต้องทำได้ หนูผิงสู้ๆๆๆๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป