บทที่ 9 9

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของผมเอง ผมอยู่คนเดียว ห้องนี้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ถ้าคุณผ่านฟ้าอยากใช้ประโยชน์อะไรก็เชิญตามสบายครับ”

“ผมไม่ใช้ของลุงฟรีๆ หรอก” ผ่านฟ้าพูด “ช่วงนี้เห็นอะไรก็อย่าพูอย่าถามและอย่าเล่า อ้อที่สำคัญ อย่าทำตัวเป็นนกสองหัวนะ”

“ผมไม่มีนิสัยแบบนั้นหรอกครับคุณผ่านฟ้า” คนเก่าคนแก่ของคุณอธิคมรีบยกมือโบกว่อน “ผมมีแต่จะสนับสนุนคุณ”

ดวงตาคมกล้าของชายหนุ่มมองคนสูงวัยนิ่ง แววตาของเขาไม่ต่างจากเครื่องเอ็กซเรย์ที่เห็นไปถึงข้างใน “ขอให้ซื่อสัตย์ต่อผมอย่างปากพูดเถอะ แล้วจะมีของสมนาคุณให้เมื่อถึงเวลาสมควร”

เสวกยกมือไหว้ชายหนุ่มประหลกๆ เขาเลือกที่จะมาเข้าข้างผ่านฟ้าแทนที่จะเป็นแผ่นดิน เพราะแฝดผู้น้องคนนี้ถึงจะเค็มไปบ้าง จริงจังและดุดันแต่ก็แฟร์กับลูกน้อง และที่สำคัญ เขารักและห่วงผ่านฟ้ามากกว่าแผ่นดิน

“เดี๋ยวจะมีคนเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาให้ผม ลุงคอยเปิดประตูให้ด้วย” เสียงของชายหนุ่มอ่อนลงเล็กน้อย

“ครับ”

ชายสูงวัยเดินจากไปแล้วผ่านฟ้าจึงเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว เจ้าของคงวางไว้นั่งรับลมเย็น

ผ่านฟ้าก้มมองมือตัวเองเหมือนนิ้วเรียวยาวนี้เป็นสิ่งที่น่าค้นหา....แต่สมองอันชาญฉลาดกำลังเหม่อลอยไปถึงอดีต ในวัยเด็กเขาอยู่กับแม่นมที่เลี้ยงดูเขามาแทนแม่ที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร นมแหวนเคยบอกกับเขาว่าแม่เขาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เขาได้ความงามคมเข้มจากมารดาที่เป็นสาวใต้มา ส่วนแผ่นดิน ใครๆ ก็รู้ว่าเหมือนพ่อทุกกระเบียดนิ้ว

คิดถึงพี่ชายแล้วก็คิดไปถึงนิสัยที่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝด แต่ความผูกพันแทบหาไม่เจอ เขากับแผ่นดินมักจะแก่งแย่งชิงดีกันทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องจีบสาว สเปคผู้หญิงของเขากับแผ่นดินก็คล้ายกัน ประเภทเนื้อนมไข่

เขาไม่รู้สาเหตุที่แม่ต้องทิ้งเขาไป นมแหวนเคยบ่นพึมพำยามที่เขาร้องไห้หาแม่ว่าแม่ใจดำ ไม่คิดถึงลูก ในยามนั้นเขาคิดไม่ออกและไม่เข้าใจ แต่วันนี้เขาเข้าใจแล้ว เหตุผลของผู้ใหญ่บางครั้งก็ต้องมองข้ามไปบ้าง

เฮ้อ

ชายหนุ่มถอนหายใจยาวออกมาหลายครั้ง แว่บหนึ่งของหัวใจเขาเห็นภาพสาวน้อยหน้าหวาน ปากนิดจมูกหน่อย ผิวผ่องเนียนละเอียดเหมือนผิวของทารก หลายครั้งที่เขาอยากยกมือขึ้นลูบแก้ม แต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้ ยังไงเธอก็ไม่พ้นมือเขาไปได้หรอก

ปรื้นนน เอี๊ยด

เสียงรถดังขึ้นที่หน้าบ้านข้างๆ เขาชะเง้อมอง เห็นคุณระย้ากำลังเคลื่อนรถเข้ามาจอดในบ้าน สักพักก็เห็นผู้หญิงหุ่นบางนางแบบก้าวลงจากรถ ทาทางดูกระปลกกระเปลี้ย เดินเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นเหมือนเย้ย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังเย้ยใคร ผู้หญิงคนนั้นหรือตัวเขาเอง

สิ่งที่เขาทำ หลายคนบอกว่าเขากำลังทำผิด แต่สมองที่ดื้อบอกว่าเขาทำถูกแล้ว เขาจะยอมแพ้พี่ชายไม่เอาไหนคนนั้นไม่ได้ สิ่งเดิมพันที่จะได้มาก็มีรสชาติหอมหวานไม่ต่างจากน้ำผึ้งเดือน

และต่อให้เขายอมแพ้ เขาจะไม่มีวันสงบสุขเพราะคำว่าไอ้ขี้แพ้จากปากของแผ่นดิน

ฉะนั้น ต่อให้เขาต้องสู้จนหมดทุกอย่างที่อยู่ในมือ เขาก็จะไม่ยอมแพ้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน

และคนที่จะเป็นเบี้ยให้เขาเดินหมากก็คือผู้หญิงที่ก้าวพ้นชายคาบ้านตรงข้ามไปเมื่อครู่นั่นเอง

หึๆ เราลองมาวัดดวงกันสักตั้งนะพี่ชาย ระหว่างนายกับฉัน ใครจะมีฝีมือเจ๋งกว่ากัน

คุณระย้าลงจากรถแล้วรู้สึกเหมือนว่ามีใครมองมา เธอเงยหน้ามองไปยังบ้านตรงกันข้ามก็เห็นผ่านฟ้านั่งมองมาจากริมระเบียง เธอเกือบยกมือขึ้นโบกให้และถามว่ามาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง แต่พอคิดได้ว่าจะทำให้เอมวิกาที่กำลังเดินเข้าบ้านสงสัย เธอจึงไม่พูดอะไร และเกิดความอยากรู้ว่าเจ้านายของเธอกำลังเล่นอะไรแผลงๆ

เฮ้อ ความรู้สึกนึกคิดของคนมีเงิน ลูกจ้างอย่างเธอหาได้เข้าใจไม่ เธอคงทำได้แค่ปล่อยวาง ปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่องของท่านๆ รวมไปถึงชะตาฟ้าลิขิตก็แล้วกัน

เธอบอกตัวเองพลางถอนใจยาว ก่อนจะก้าวเท้าตามเอมวิกาเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกอ่อนล้าทั้งกายใจ

“ผลตรวจเป็นอย่างไรบ้างหนู” คุณปรุงจิตถามเอมวิกาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ทุกอย่างปกติหมดค่ะคุณแม่” คุณระย้าเป็นคนตอบซะเอง

หญิงชรามองหน้าเอมวิกา รอยยิ้มที่ส่งให้บอกถึงความห่วงใยปนเวทนา “ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ทำให้เต็มที่ อะไรจะเกิดในวันข้างหน้า ก็ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องของอนาคต”

“ค่ะคุณยาย” หญิงสาวรับคำเบาๆ

ต่างคนต่างเงียบไปนาน สักพักเสียงโทรศัพท์คุณระย้าก็ดังขึ้น หญิงวัยกลางคนเลี่ยงเดินขึ้นบ้านไปคุยในห้อง ทิ้งให้เอมวิกาอยู่กับคุณปรุงจิตเพียงลำพัง ความเงียบเข้ามาปกคลุม คุณปรุงจิตเป็นฝ่ายอึดอัด จึงเริ่มชวนอีกฝ่ายคุย

“หิวไหมลูก”

“ตื้อๆ ค่ะ ไม่ค่อยรู้สึกหิวอะไร” หญิงสาวตอบเสียงแห้ง

“ไม่หิวก็ต้องกิน นี่ก็บ่ายมากแล้ว มานี่มา ตามยายมาในครัว ยายจะหาของให้กินจะได้มีแรงสู้ต่อไป”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป