บทที่ 6 หากชาติหน้ามีจริง
“เอื้อง” แม่ทัพมองการกระทำของสาวเจ้าอย่างมึนงง
“หนูเคยคิดว่าจะเอาเงินนี้ไปซื้อรถเข็นให้พ่อ แต่ตอนนี้หนูไม่มีพ่อแล้วและหนูก็รังเกียจเงินนี่ไม่ต่างจากที่รังเกียจคุณ ฮึก...ฮือๆๆ” เธอระบายความในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกโกรธตัวเอง ที่ไม่น่าทิ้งพ่อเอาไว้คนเดียว ทำให้ท่านต้องมาด่วนจากไป
แม่ทัพได้ฟังก็ถึงกับสตั๊นไปชั่วขณะ “ธะ...เธอจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่ช่วยตั้งสติหน่อย ตอนนี้เราต้องไปวัด โอเค้!”
“ฮึก...ฮึก...” คนที่ร้องไห้อยู่ถึงกับหยุดชะงักไปทันใด
“ไปอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวไปส่งพ่อของเธอครั้งสุดท้ายด้วยกัน เรื่องอื่นเอาไว้เคลียร์กันทีหลัง” แม่ทัพรีบกล่อมหลังเห็นสาวเจ้ามีท่าทีอ่อนลง
“ฮึก...” ช่อเอื้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำตามที่อีกฝ่ายบอก ขณะที่หยดน้ำใสๆ ยังคงไหลอาบแก้มอยู่ไม่ขาดสาย แม้ตอนนี้เธอจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่ก็ต้องตั้งสติเหมือนที่เขาบอก เพราะยังมีสิ่งที่สำคัญกว่ารออยู่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ช่อเอื้องอาบน้ำเสร็จ ก็พันผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกมาที่ด้านนอกด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
“ตามมาทางนี้เอื้อง” แม่ทัพจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ดวงตาบวมเป่งอย่างรู้สึกสงสาร อยากจะดึงเธอเข้ามากอด แต่ตัวเองก็ยังมีชนักติดหลังหลายเรื่อง จึงคิดว่าควรรอจังหวะดีๆ ก่อน แล้วค่อยง้อ
“...” เธอไม่ตอบแต่เดินตามหลังเขาไปเงียบๆ
“นี่ชุดของเธอ ส่วนไดร์เป่าผมอยู่ตรงนั้น ถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ตามออกไปนะ ฉันจะเตรียมอาหารรอ” แม่ทัพชี้ไปยังสิ่งของต่างๆ แล้วปล่อยให้สาวเจ้าอยู่ในห้องตามลำพัง
ช่อเอื้องมองตามร่างสูงที่เดินออกไป ทันทีที่เขาก้าวพ้นประตู เธอก็รีบเดินไปกดล็อก แล้วเดินกลับมาจ้องมองชุดเดรสสีดำเรียบหรูของแบรนด์ดังอย่างรู้สึกอึ้ง และอึ้งหนักกว่าเดิมที่พอหยิบออกมาดู ก็เห็นชุดชั้นในแขวนซ้อนอยู่ด้านหลัง เธอวางชุดเดรสลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วหยิบบรากับแพนตี้สีขาวนวลขึ้นมาดูอย่างมึนงง เพราะขนาดของไซซ์มันพอดีกับตัวเธอ
ยี่สิบนาทีต่อมา...ช่อเอื้องเดินออกจากห้องมาด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ รู้สึกแปลกๆ กับชุดและรองเท้าคัทชูสีขาวมีส้นนิดๆ อย่างบอกไม่ถูก
“ฉันเตรียมแฮมเบอร์เกอร์เอาไว้แล้ว คิดว่าจะทานในรถ จะได้ประหยัดเวลา” แม่ทัพอมยิ้ม เมื่อเห็นสาวเจ้าใส่ชุดที่เตรียมไว้ให้แล้วดูสวยสง่า แม้ว่าใบหน้างามนั้นจะดูเศร้าหมองไปนิดก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องหลบสายตาของหนุ่มตรงหน้าที่ใส่สูทสีดำเนี้ยบแลดูภูมิฐาน ทรงผมถูกมัดรวบเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นเดียวกับหนวดเคราที่อยู่บนใบหน้า มันทำให้เธอรู้สึกเกร็งขึ้นมานิดๆ
“เราไปกันเลยนะ” แม่ทัพหันไปหยิบถุงกระดาษที่มีทั้งแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์และน้ำส้มคั้นมาถือ จากนั้นออกเดินตรงไปที่ประตูห้อง
“ค่ะ” ช่อเอื้องเดินตามอีกฝ่ายไปด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น ทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งเสียใจ ทั้งขุ่นเคือง ทั้งนอยด์ สารพัดความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามาให้ครุ่นคิดอยู่ไม่ขาดสาย
สิบนาทีต่อมา...หลังจากที่รถตู้คันใหญ่แล่นออกมาได้สักพัก ช่อเอื้องก็ถูกแม่ทัพขู่ให้กินแฮมเบอร์เกอร์ให้หมดชิ้น ไม่อย่างนั้นจะไม่พาไปงานศพของพ่อ ทำเอาคนที่กลืนอะไรไม่ลง จำต้องฝืนใจก้มหน้ากินทั้งน้ำตาคลอหน่วย
“น้ำส้ม” แม่ทัพรีบส่งไปให้ หลังจากที่สาวเจ้าทานเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องรับมาดื่ม พร้อมกับเบือนหน้าหนีคนชอบบงการชีวิตคนอื่น
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเอื้อง เธอไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวัน แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปช่วยป้านิลรับแขก” แม่ทัพกลอกตากับท่าทีของสาวเจ้า
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องหันไปยกมือไหว้ราวกับซาบซึ้งในความหวังดีของอีกฝ่าย จากนั้นหันไปมองข้างทางต่ออย่างไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของเขา
ทันทีที่ไปถึงงาน...ช่อเอื้องก็รีบลงจากรถ แล้วเดินไปหยุดยืนมองรูปถ่ายของบิดาที่จัดอยู่บนบอร์ดหน้างานอย่างรู้สึกอยากจะร้องไห้ เพราะรูปทุกใบล้วนแต่เป็นรูปถ่ายที่เธอโพสต์ลงในเฟซบุ๊กตามช่วงเวลาต่างๆ
แม่ทัพที่เดินตามหลังมาติดๆ รีบหยุดชะงักเมื่อเห็นสาวเจ้ายืนนิ่งอยู่กับที่
“เอื้อง! มาแล้วเหรอลูก” นิลยาที่เป็นคนจัดงานร่วมกับสายบัว ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่ทัพ เอ่ยทักทายเด็กสาวที่แต่งตัวดูดีราวกับคนละคนที่เธอเห็นมา ตั้งแต่เด็ก
“ป้านิล” ช่อเอื้องโผเข้ากอดผู้ใหญ่แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่
“ชู่ว์ๆ ไม่ร้องนะลูก เดี๋ยวพ่อจะมีห่วง” นิลยารีบปลอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน
“ฮึก...ค่ะ” ช่อเอื้องรีบเช็ดน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“เชิญข้างในค่ะคุณทัพ” นิลยาหันไปเชิญคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วย สีหน้ายิ้มๆ
“ครับ”แม่ทัพยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างมีมารยาท
“เอื้องพาคุณทัพไปจุดธูปไหว้พ่อก่อนนะ เดี๋ยวป้าจะไปหาน้ำมาต้อนรับ” นิลยาหันมาบอกเด็กสาว
“ค่ะป้านิล” ช่อเอื้องพยักหน้ารับ แล้วหันไปเอ่ยกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “เชิญค่ะ”
“ครับ” แม่ทัพยิ้มแล้วเดินตามสาวเจ้าเข้าไปข้างในศาลาเพื่อจุดธูปบอกกล่าวและขอขมาดวงวิญญาณบิดาของอีกฝ่าย
ช่อเอื้องเดินเข้าไปด้านในศาลาก็ถึงกับอึ้ง เพราะดอกไม้มากมายที่ถูกจัดล้อมรอบรูปขนาดใหญ่ของบิดาและโลงศพนั้น ดูงดงามราวกับว่าเป็นงานศพของ คนรวย
“ขอบคุณคุณมากๆ นะคะ ที่จัดการทุกอย่างให้พร้อมขนาดนี้” เธอหันไปบอกและยกมือไหว้เขาอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ
“ผมเต็มใจทำให้ครับ” แม่ทัพรีบยกมือขึ้นรับไหว้
ช่อเอื้องรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบหันไปหยิบธูปหอมที่วางอยู่บนโต๊ะมาจุด แล้วส่งไปให้กับอีกฝ่าย
แม่ทัพรับธูปมาถือ แล้วพนมมือไหว้พร้อมกับจ้องมองรูปของบิดาหญิงสาว “ผมแม่ทัพ อินธิรากรณ์ครับคุณพ่อ ขอให้สัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะดูแลช่อเอื้องด้วยชีวิต คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ขอให้คุณพ่อไปสู่ภพภูมิที่ดี หากชาติหน้ามีจริง มาเกิดเป็นลูกของผมกับน้องเอื้องนะครับ”
“คะ...คุณพูดอะไร?” ช่อเอื้องขนลุกซู่ไปทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่เข้าใจว่าเหตุใด อีกฝ่ายถึงเอ่ยแบบนั้น โชคดีที่ไม่มีใครยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่งั้นเธอคงได้อับอายและเป็น ขี้ปากคนในงานแน่ๆ
“คุณพ่อท่านจะได้หมดห่วงไงเอื้อง” แม่ทัพหันไปกระซิบนางฟ้าคนสวย ก่อนจะปักธูปลงในกระถางที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“...” ช่อเอื้องถึงกับสตั๊นไปทันใด ไม่คิดว่าเขาจะเอาประโยคที่ป้านิลปลอบเธอมาเป็นข้ออ้าง แถมยังบอกให้บิดาของเธอมาเกิดเป็นลูกของเขากับเธออีก
“สวัสดีครับลุงศักดิ์” แม่ทัพหันไปยกมื้อไหว้ผู้ใหญ่ที่เดินหน้าตั้งเข้ามาหาราวกับมีเรื่องร้อนใจอะไรสักอย่าง
“สวัสดีครับคุณทัพ” คงศักดิ์เดินเข้ามาหาหนุ่มสาว หลังจากที่จัดงานทุกอย่างได้ลงตัวในเวลาอันรวดเร็ว ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะช่วงค่ำๆ คนในชุมชนคงจะพากันมาร่วมงานหลายสิบคน
“ขอบคุณลุงศักดิ์มากๆ นะคะที่เป็นธุระจัดงานให้กับพ่อ” ช่อเอื้องยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังคงใส่ชุดเดิมกับตอนที่เธอเจอเมื่อช่วงเช้า
“ไม่เป็นไรหรอกเอื้อง ลุงเองก็พึ่งพาพ่อหนูมาตลอด เรื่องแค่นี้สบายมาก” คงศักดิ์เอื้อมมือไปลูบหลังเด็กสาวเบาๆ อย่างปลอบใจ ก่อนจะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ “เอ่อ...คุณทัพครับ เชิญทางนี้หน่อยครับ”
“ได้ครับ” แม่ทัพพยักหน้ารับ แล้วเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ
ช่อเอื้องมองตามอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย แต่พอเห็นคนในชุมชนมาร่วมงาน เธอจึงรีบเข้าไปต้อนรับ
“เอื้องป้าเสียใจด้วยนะลูก” อรนภารีบเข้าไปสวมกอดเด็กสาวอย่างรู้สึกสงสารแกมสงสัยนิดๆ ที่เห็นอีกฝ่ายแต่งเนื้อแต่งตัวดีผิดไปจากทุกๆ ครั้ง
“น้าก็เสียใจด้วยจ้ะ” สีมา เอ่ยพลางเข้าไปสวมกอดตามพี่สาว
“ขอบคุณป้าอรกับน้าสีมากๆ เลยค่ะ” ช่อเอื้องน้ำตาคลอ รีบหันไปจุดธูปให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองที่มีน้ำใจมาร่วมงานศพของบิดา
