บทที่ 3 3

เทียนหอมขับรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่กลับห้องเช่าเล็กๆ ที่เธอมาเช่าอยู่ได้ 1 ปีเต็มๆ แล้ว นับตั้งแต่มาทำงานเป็นนักข่าว เธอขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง กอดเข่าจุมปุกอยู่บนเตียง น้ำตาไม่มีไหลสักหยด มันงงและสับสนจนไม่มีแม้แต่อารมณ์จะร้องไห้

“ฉันเสียตัวให้กับเป้าหมายเนี่ยนะ” เธอพึมพำในลำคอ...มันอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เธอแค่จะไปสัมภาษณ์เขา สำหรับเธอแล้ว...เขาเป็นแค่งานที่เธอต้องทำให้สำเร็จ แล้วทำไมมันถึงได้เลยเถิดบานปลายไปใหญ่โตขนาดนี้ได้

ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเธอกลายเป็นมือที่สามไปเสียแล้ว ทั้งที่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้วเชียว

เขาผิดที่มาทำแบบนี้กับเธอ แต่เธอก็ผิดที่ดันไปเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากเขา

เธอตัดสินใจโทรหาอิงฟ้าและกุหลาบ เพื่อนรักของเธอ สองคนนั้นพอรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ก็พากันไม่สบายใจ กุหลาบเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนมัธยม ไม่สามารถปลีกตัวมาหาได้ในตอนนี้ แต่อิงฟ้าเป็นนักเขียนนวนิยาย ทำงานอยู่ที่บ้าน เลยรีบวางมือจากงานที่ทำแล้วเดินทางมาหาเทียนหอมที่ห้องเช่าอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายนนทิวรรธน์ เขาถอดเสื้อผ้าออกหมด ยืนอยู่ใต้ฝักบัวให้สายน้ำสาดซัดรินรดกายจนเปียกปอน... เขายืนอยู่อย่างนั้นกว่ายี่สิบนาที ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น อาการร้อนวูบวาบเริ่มหายไป จนกลายเป็นปกติ เขาถอนลมหายใจออกมาแผ่วเบา คว้าผ้าขนหนูมาเช็ดตัวแล้วพันรอบสะโพก ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เดินออกจากห้องน้ำมา ก่อนจะชะงัก ดวงตาคู่คมเบิกกว้างเมื่อไม่เห็นใครอยู่บนโซฟาเลย

ผู้หญิงคนนั้นไปไหนเสียแล้ว !?

สันกรามขบแน่น ดวงตาลุกวาว เปิดประตูห้อง ก่อนจะคว้าคอเสื้อพิพัฒน์ที่กำลังนั่งทำงานให้ลุกขึ้น

“โอ๊ะ ! เกิดอะไรขึ้นครับคุณนนท์” พิพัฒน์ระล่ำระลักถามด้วยใบหน้าซีดขาว จ้องมองสีหน้าถมึงทึงของผู้เป็นนายแล้วนึกหวาดหวั่น จริงอยู่ที่เขาอายุมากกว่านนทิวรรธน์สิบกว่าปี แต่ด้วยสถานะที่อีกฝ่ายเป็นเจ้านาย เป็นผู้มีอำนาจ รวมทั้งอุปนิสัยบางอย่างของนนทิวรรธน์ที่ทำให้เขารู้สึกครั่นคร้ามกริ่งเกรง

“ผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้ว” นนทิวรรธน์ถามเสียงต่ำ

“กะ กลับไปแล้วครับ เธอดูรีบร้อนมาก ตอนกลับก็ไม่ได้ทักทายผมเลย เดินยังกับวิ่ง” พิพัฒน์ตอบเสียงสั่น แม้จะนึกแปลกใจที่ผู้เป็นนายเปลือยอก มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบสะโพกผืนเดียวเท่านั้น

“งั้นตอบผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น” ดวงตาสีนิลกาฬลุกโชติช่วงจนแทบจะเผาไหม้คู่สนทนา

“คุณนนท์มะ หมาย...หมายถึงเรื่องอะไรครับ”

“ไวน์ขวดนั้น...ผสมอะไรอยู่กันแน่ ที่คุณเอามาให้ผมดื่มน่ะ”

พิพัฒน์ตัวสั่นเทิ้ม ทิ้งตัวลงนั่งกองที่พื้น คุกเข่า ก้มหน้า สารภาพ “ผสมยาปลุกเซ็กซ์ครับ ผมทำแบบนี้เพราะมีความจำเป็นนะครับ เมียผมป่วยมาสองเดือนแล้ว คุณวิบอกว่าจะช่วยหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาเมียผมครับ แต่แลกกับการที่ผมเอาไวน์ขวดนี้มาคุณ คุณวิบอกว่ากว่าจะออกฤทธิ์ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถ้าผมให้คุณดื่มเมื่อไหร่ ให้โทรบอกคุณวิ แล้วคุณวิจะมา ผมเห็นว่าอีก 2 ชั่วโมงคุณนนท์จะเข้าประชุม เลยเอาไวน์ไปให้ดื่ม แล้วก็....คุณนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ ผมเลยให้เข้ามาพบคุณสัก 1 ชั่วโมงน่ะครับ คำนวณเวลาไว้แล้วว่าเหมาะสม”

“เหมาะสมกับผีน่ะสิ แก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว คิดไม่ได้เหรอว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ แม่งเอ๊ย...” มือใหญ่ยีผมตัวเอง รู้สึกวุ่นวายใจระคนโมโห และในจังหวะนั้นเองที่เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกึกๆ เข้ามาใกล้ ดวงตาคู่คมตวัดไปมอง และก็พบว่าเป็นวิมลินคู่หมั้นของเขาเอง เธออยู่ในชุดเดรสรัดรูป อวดขาเรียวสวย และเนินอกอิ่ม เธอสวยเป๊ะทุกองศา มองตรงไหนก็ไม่มีจุดบกพร่อง ผมดัดลอนยาวสยายถึงกลางหลัง แต่งหน้างดงามประณีต กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเข้าจมูก...เป็นกลิ่นของน้ำหอมแบรนด์ดังราคาแพง

“ที่รักขา...อุ๊ย ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณนนท์นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวในที่ทำงาน” หญิงสาวห่อปากตาโต เข้ามาคล้องแขนเขาอย่างมีจริต “เข้าไปในห้องกันเถอะนะคะ”

“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” นนทิวรรธน์สลัดเธออย่างแรงจนเธอกระเด็น เซไปหลายก้าว

“อะไรกันคะ...นี่คุณ...” วิมลินอึ้ง ปากอิ่มขบเม้ม “วิไม่ใช่แมลงสาบนะคะ ทำไมผลักกันแบบนี้ ทำยังกับว่ารังเกียจกัน นี่วิเป็นคู่หมั้นของคุณนะคะ”

“คู่หมั้นงั้นเหรอ เล่นอะไรปัญญาอ่อน เอาของพวกนั้นมาให้ผมกิน นี่คุณว่างมากเลยหรือไงวิมลิน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป