บทที่ 1 1

“เชิญคุณโมริน เลิศประวิทย์เข้ามาได้เลยค่ะ” เสียงหวานใสของเลขาหน้าห้องท่านประธานหนุ่ม เจ้าของโชว์รูมรถหรูนำเข้าราคาแพงลิ่วเอ่ยขึ้น

โมรินยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานอันโอ่อ่าตรงหน้า เธอรับงานเป็นพริตตี้และงานอีเว้นต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและลูกสาวตัวน้อย

ปกติแล้วงานพริตตี้หรืองานอีเว้นที่ทำอยู่ จะมีคนติดต่อเธอมาเองผ่านพี่ ๆ ที่รู้จักกัน ไม่ต้องเรียกสัมภาษณ์โดยตรงกับเจ้าของบริษัทเช่นนี้ แต่เคสนี้ค่อนข้างแปลก เพราะผู้บริหารต้องการที่จะคัดเลือกตัวพริตตี้ที่จะมาทำงานด้วยตัวเอง

โมรินเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทีมั่นใจ เธอยิ้มและยกมือไหว้ท่านประธานหนุ่มที่กำลังนั่งรอเธออยู่

หญิงสาวไหว้ค้าง หุบยิ้มสีหน้าแตกตื่นแทบจะทันที ร่างน้อยถึงกับเซ ถอยหนีแทบล้มเพราะตกตะลึงกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มองเธอด้วยสายตาคมกริบ

“สวัสดีครับ” คำเอ่ยทักทายของเขาทำให้โมรินกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอ ร่างกายของเธอเย็นเยียบราวยืนอยู่บนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ

ความเสียใจวูบขึ้นมาในอก แต่มันเป็นเพียงแค่แว็บเดียวก่อนจะจางหายไป เธอรีบสลัดความเสียใจนั้นทิ้งไป ดึงสติและกำลังใจกลับมาอีกครั้ง

โมรินเชิดหน้า คอแข็ง บอกตัวเองว่าเธอไม่ควรที่จะเสียใจกับผู้ชายคนนี้อีก ผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนรักของเธอเมื่อหลายปีก่อน

เขาคือผู้ชายใจร้ายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้

“ขอโทษนะคะ ดิฉันคงเข้าห้องผิด” เธอหมุนตัวเตรียมหนีออกจากห้องทำงานของเขา ไม่คิดจะรับงานนี้โดยเด็ดขาด

เธอไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อ พันไมล์ พิริยะพงศ์ไพศาลอีกแล้วในชีวิตนี้

“จะรีบไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันเลย” เขายืนขึ้นเต็มความสูง ร่างสูงสมาร์ทอันหล่อเหลา รีบเดินมาคว้าแขนของคนที่กำลังจะเปิดประตูหนีออกไป

“นี่ปล่อยนะ!” โมรินสลัดแขนจนหลุดจากมือหนา สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าตื่นตกใจและรังเกียจ

พันไมล์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับสายตาเช่นนี้จากหญิงสาวที่เคยรักเขาสุดหัวใจ

“โมมาสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ จะรีบไปไหนล่ะ” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าอยากให้เธอได้งานนี้จริงๆ จะด้วยความจริงใจหรือแผนการอะไร เธอก็ไม่สน วินาทีนี้เธออยากไปจากที่นี้เต็มกลืน

“ไม่ใช่ค่ะ” เธอตอบเสียงแข็ง ถอยหนีไปให้ห่างจากเขาอีกหลายก้าว สายตาเหลือบมองประตูห้องทำงานเป็นระยะ ความรู้สึกอึดอัดจุกขึ้นมาจนถึงคอหอย เธออยากจะหายไปจากตรงนี้เหลือเกิน

การได้เจอกับอดีตคนรักอีกครั้งทำให้เธอถึงกับเซ หัวใจช้ำเลือดช้ำหนองที่เคยรักษาจนเกือบหายดี ท่วมท้นไปด้วยแผลเหวอะหวะอีกครั้ง

โมรินพยายามระงับความสั่นระริกของเรือนกายสาว หัวใจเต้นรัวเร็ว ปวดแปลบเจ็บชาไปหมดทั้งร่าง

พันไมล์ยังมีอานุภาพรุนแรงกับหัวใจของเธอ แม้หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เหมือนกับว่าเธอจะลืมเขาไปได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เธอไม่เคยลืมเขาไปจากใจได้เลย

เขาได้ทิ้งชีวิตน้อยๆ อีกชีวิตหนึ่งให้เธอต้องเลี้ยงดูมาด้วยความยากลำบาก การได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยทำให้เธอยังคิดถึงพ่อลูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ถ้าโมมาสมัครเป็นพริตตี้ก็น่าจะไม่ผิดนะ เพราะพี่เป็นเจ้าของโชว์รูมรถ ที่จะจัดงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทสีเข้มราคาแพง

โมรินคิดว่าเขาดูหยิ่งยโสอยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน และหัวใจของเขาก็คงด้านชาสารเลวเหมือนเดิม

โมรินตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ ยืนตัวตรงเชิดหน้า และเรียกกำลังใจให้กลับมา แม้ว่าแข้งขาจะอ่อนแรงมากเพียงใด

เธอพลาดมากที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของผู้ว่าจ้าง ด้วยความที่เธอต้องเร่งทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกน้อย งานอะไรไม่ผิดกฎหมาย และเป็นงานที่ไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวเธอรับทำทั้งหมด

เธอโชคร้ายเรียนไม่จบ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ งานเดียวที่เหลืออยู่คือการใช้รูปร่างหน้าตาเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋า หลังจากที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ระยะหนึ่ง

เธอเช่าบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับบุตรสาว โชคดีว่าบ้านเช่ามีพื้นที่ไว้ให้ปลูกต้นไม้บ้าง เธอจึงปลูกพืชผักสวนครัวเกือบทุกชนิดที่กินได้ เอาไว้ประกอบอาหารเพราะประหยัดและปลอดสารพิษ

โมรินอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ส่งเสียให้ลูกน้อยได้เรียนสูงๆ เธอมีรถกลางเก่ากลางใหม่อยู่คันหนึ่ง ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่าการผ่อนรถมือสองนั้นดอกเบี้ยค่อนข้างสูง จึงเก็บเงินก้อนโดยการประหยัด กัดฟันซื้อจนมีรถยนต์เป็นของตัวเอง เวลาต้องพาลูกไปไหนมาไหนหรือไปเที่ยวที่ไหนจะได้ไม่ต้องลำบาก

“โมเข้ามาแล้ว ไม่คิดจะสัมภาษณ์งานกับพี่ก่อนเหรอ” ประโยคของเขาทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด

“ไม่ค่ะ” เธอตอบปฏิเสธ ทำท่าจะเดินหนีออกจากห้องทำงานของเขา แต่เขายังยืนขวางอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน

“กรุณาถอยไปด้วยค่ะคุณพันไมล์” เธอเรียกเขาเต็มยศ สาดประโยคคำพูดที่บ่งบอกว่าเหินห่างกับเขาไม่ต่างกัน

บทถัดไป