บทที่ 2 2
“ไม่คิดว่าพริตตี้แบบโมจะไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้” เขาพูดยั่วเพื่อให้เธอรับงานนี้ แต่โมรินไม่หลงกล เขาจะปรามาสหรือด่าว่าอะไรเธอ ก็ช่างหัวเขา แต่สำหรับเธอแล้ว ขอแค่ให้ออกไปจากที่นี่ได้เป็นพอ ถึงเธอไม่ทำงานกับเขา เธอก็มีงานอื่นๆ ให้ทำอีกหลายงาน
“แล้วแต่คุณจะคิด แต่ฉันขอสละสิทธิ์ให้คนอื่นก็แล้วกัน เพราะคงมีหลายคนอยากมาสัมภาษณ์งานกับคุณ ถึงไม่มีฉัน คุณก็มีพริตตี้ในงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของคุณอยู่แล้ว” เธอทำท่าจะเดินหนี แต่เขาก็ยังขวางเอาไว้
“กรุณาหลีกทางให้ฉันด้วยค่ะ” เธอพูดอย่างเอาจริง นั่นทำให้พันไมล์ต้องหลีกทางให้หญิงสาวตรงหน้า
เธอเห็นว่าเขาหลีกทางให้ก็รีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องของเขาในทันที
โมรินรู้สึกใจหายใจคว่ำ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอกับเขาอีก
เธอหนีหายไปจากชีวิตของเขานานหลายปี ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ไปดูแลคุณยาย หลังจากที่คุณตาเสียชีวิตและปักหลักอยู่บ้านเกิดอยู่นาน กว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง
ชาวบ้านนินทากันว่าเธอท้องไม่มีพ่อ แต่ยายเข้าใจ ไม่เคยตำหนิหรือซักถามให้เธอเสียใจเลยสักคำเดียว เธอเองที่อดรนทนไม่ไหวต้องเล่าให้ท่านฟังทั้งน้ำตาว่าโดนผู้ชายหลอกจนตั้งท้อง แล้วเขาก็ทิ้งไปแต่งงานกับหญิงอื่น
เขาเหยียบย่ำความรักของเธอ เหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่าที่เขาจะทำร้ายเช่นไรก็ได้ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก รู้สึกว่าตนเองโง่งมและไร้เดียงสาเสียเหลือเกินที่หลงเชื่อความรักจอมปลอมลวงโลกของผู้ชายอย่างพันไมล์
พันไมล์เป็นทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านที่แสนร่ำรวย เขาต้องเลือกผู้หญิงที่ฐานะเท่าเทียมกับเขา มากกว่าเด็กสาวต่างจังหวัดที่มาเรียนในเมืองใหญ่เช่นเธอ เขาก็แค่อยากกลืนกินความหวานสาวสดของเธอ ก่อนที่จะเขี่ยทิ้งเหมือนหมาข้างถนน ไร้ค่าไร้ราคาเพราะความใจง่ายของตัวเองล้วน ๆ
ร่างกายอันเหนื่อยล้าของโมรินค่อยๆ เดินออกมาจากโชว์รูมรถหรูของอดีตคนรักที่หักหลังเธออย่างเลือดเย็น
เขาหมดรักเธอยังเจ็บน้อยกว่าเขาแอบคบกับเพื่อนของเธอลับหลัง และมีแพลนจะแต่งงานกัน ในวันที่เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา
โมรินโบกแท็กซี่แล้วรีบปาดน้ำตาทิ้ง เธอไม่ควรเสียน้ำตาให้กับผู้ชายใจร้ายอย่างเขาอีก
หญิงสาวพิงศีรษะไปกับเบาะรถ ทอดสายตาออกไปมองด้านนอกด้วยจิตใจเหม่อลอย อดที่จะหวนคิดไปถึงเรื่องในอดีตเสียไม่ได้
“จะไปไหนครับคุณผู้หญิง” คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถาม ทำให้ภวังค์ความคิดของเธอจบลง วันนี้เธอไม่ได้ขับรถมาเอง เพราะรถเสียต้องเข้าอู่ซ่อม และอีกหลายวันกว่าอีแก่ของเธอจะใช้งานได้ ที่เรียกว่าอีแก่ก็เพราะว่ามันเป็นรถมือสองที่เกเรบ่อยๆ ทำให้เธอต้องเสียเงินเสียทองอยู่ไม่หยุดหย่อน ถ้ามีเงินมากพอ เธอก็อยากที่จะซื้อรถคันใหม่ไว้ใช้จะได้ไม่ต้องคอยซ่อมบ่อยๆ เช่นนี้ เข็ดหลาบแล้วกับรถมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว
“โรงเรียนอนุบาลรัศมีจันทราค่ะ” คำตอบของเธอทำให้คนขับแท็กซี่รับคำ รีบมุ่งหน้าไปยังเส้นทางนั้นในทันที ก่อนที่ความนึกคิดของโมรินจะดำดิ่งเข้าไปในอดีตอันแสนเจ็บปวดอีกครั้ง
“พี่รักโมนะครับ” ประโยคแสนหวานของแฟนหนุ่มนามว่าพันไมล์ทำให้โมริน นักศึกษาสาวปีสามของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งอมยิ้มออกมาแทบจะทันที
“พี่พันนี่ปากหวานจริงๆ เลยนะคะ”
“ปากหวานแล้วอยากชิมไหมครับ” พันไมล์ยื่นใบหน้าเข้าไปหาใบหน้าสวยใสของแฟนสาว แต่เธอรีบเบี่ยงหลบด้วยท่าทีหวงเนื้อหวงตัว
"พี่พัน ไม่เอาค่ะ” เธออยู่ที่แกลอรี่วาดภาพของเขา ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
พันไมล์เป็นทายาทเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน เขาร่ำรวยมากเมื่อเปรียบเทียบกับเธอ ซึ่งเป็นแค่เด็กสาวบ้านนอกที่เข้ามาเรียนในเมืองใหญ่เท่านั้น
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะสนใจเด็กสาวกะโปโลแบบเธอด้วย
เธอกับเขาเจอกันด้วยความบังเอิญ โดยการแนะนำให้รู้จักผ่านวารี เพื่อนรักของเธอ หลังจากวันนั้น เขาก็มีท่าทีสนใจเธอ แล้วความสัมพันธ์ของเขากับเธอก็เริ่มก่อตัวขึ้น แบบค่อยเป็นค่อยไป ต่างคนต่างมีใจให้กัน
“พี่รักโมจริงๆ นะครับ พี่จะรอจนกว่าจะถึงวันที่โมพร้อมจะเป็นของพี่ด้วยความเต็มใจ” เขากุมมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตหลังมือน้อยของเธอเบาๆ
“โมก็รักพี่พันค่ะ โมอยากเก็บสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดเอาไว้ให้ผู้ชายที่โมรัก คนคนนั้นก็คือพี่พัน พี่พันรอได้ใช่ไหมคะ” มารดาสอนให้รักนวลสงวนตัว เธอจึงไม่เคยคิดจะทำตัวไม่ดี แม้บิดามารดาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่คำสอนนี้เธอก็ยังยึดมั่นเอาไว้ในใจเสมอ
“พี่รอได้ครับ ไม่เคยคิดที่หักหาญน้ำใจหรือทำให้โมต้องเสียใจเลยครับ” เขาดึงเธอมากอดแนบอก จุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยงของเธอเอาไว้อย่างแสนรัก
พันไมล์มาส่งแฟนสาวกลับบ้านพักของหล่อน เธออาศัยอยู่กับน้าสาวของเธอ เขามาบ้านของเธอหลายครั้งแต่ไม่เคยได้เจอน้าสาวของเธอเลย อาจเพราะสวนทางกันเสียทุกครั้ง
