บทที่ 3 3

พันไมล์กลับมาถึงบ้านก็ได้เจอกับมารดาที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องนั่งเล่น ความที่เป็นคนรักมารดามาก จึงรีบเข้าไปถามไถ่ในทันทีว่าท่านเป็นอะไร

“คุณแม่เป็นอะไรครับ”

“พ่อ... พ่อของลูกเขานอกใจแม่ ฮือ ๆ” เสียงร้องห่มร้องไห้ของมารดาทำไมพันไมล์ทุกข์ใจเป็นอันมาก

“คุณพ่อน่ะเหรอครับนอกใจคุณแม่” พันไมล์เอ่ยถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เพราะวันๆ ก็เห็นบิดาเอาแต่ทำงานทำการ ท่านเป็นคนขยันและเฉลียวฉลาด จึงสร้างฐานะได้เป็นปึกแผ่น

“ใช่จ้ะ แม่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพ่อของลูกจะทำแบบนี้กับแม่ ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อแต่พอได้เห็นกับตา แม่ถึงกับล้มทั้งยืน” คนพูดร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด พันไมล์เองก็ไม่เคยเห็นมารดาร้องไห้เสียใจหนักขนาดนี้มาก่อน

คนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ ปรับทุกข์กับลูกชายด้วยสีหน้าหมองเศร้า เธอมีฐานะชาติกำเนิดที่ดีก็จริง แต่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีไม่เคยให้ทำงานทำการอะไร เรียนจบก็ถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับพงศ์ ผู้ชายที่มีฐานะทัดเทียมกัน เธอจึงเป็นแค่แม่บ้าน คอยดูแลบ้าน ดูแลสามีและลูก ถึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือแต่ก็เป็นเงินจากสามีแทบทั้งสิ้น ท่านไม่มีปัญญาหาเงินเข้าบ้านเลย ดังนั้นสามีจึงเป็นใหญ่ เขาพูดอะไรก็ต้องทำตาม

ดูเหมือนชีวิตของเธอจะเป็นที่อิจฉา เธอเองก็คิดเช่นนั้นมาตลอด จนได้รู้ว่าสามีนอกใจ คนที่ทำงานอะไรไม่เป็นเลย ธุรกิจของครอบครัวที่ต้องยกให้สามีดูแลหลังจากบิดามารดาเสียชีวิต ก็เริ่มรู้สึกสั่นคลอน กลัวสามีทิ้ง กลัวคนครหานินทาว่าตนเองทำหน้าที่บกพร่อง สามีถึงมีได้นอกใจไปมีเมียน้อย

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับ” พันไมล์เอ่ยถามอย่างใจเย็น เขาเองก็อยากรู้ว่าหล่อนเป็นใคร ถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้

“เลขาของคุณพ่อไงลูก ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ชื่อดวงรัตน์อะไรนั่น”

“เลขาของคุณพ่อเหรอครับ” พันไมล์เลิกคิ้วขึ้นถาม ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะโดนหลอกว่าไม่มีเมีย หรือเตรียมหย่ากับเมีย หรือหย่ากันไปแล้ว เป็นมุขที่ผู้ชายใช้หลอกผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่นี่รู้อยู่เต็มอกว่าบิดามีภรรยาอยู่แล้ว แต่ยังจะเป็นชู้กันอีก ช่างเป็นผู้หญิงที่เลวจริงๆ

ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ไร้ยางอายสิ้นดี!!!

“คุณแม่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมครับ” พันไมล์ถามย้ำ เพราะการจะกล่าวหาใครสักคนต้องมีพยานและหลักฐาน จับให้ได้คาหนังคาเขา ยิ่งเรื่องคบชู้ยิ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวเสียชื่อเสียง จะพูดลอย ๆ หวาดระแวงไปเองไม่ได้

“ใช่ แม่ไม่ได้คิดไปเอง แต่แม่เห็นกับตาว่าพ่อของลูกพาผู้หญิงคนนั้นเข้าโรงแรมนับครั้งไม่ถ้วน มีคนมาบอกแม่ แม่เลยรู้ ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้แม่เชื่อสนิทใจ”

“ใครบอกคุณแม่เหรอครับ”

“ก็น้าวารุณีไง แม่ของหนูวารี”

“คุณแม่เห็นกับตาแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่จ้ะ แม่เห็นกับตาว่าคุณพ่อทำแบบนั้นจริงๆ เดี๋ยวนี้คุณพ่อทะเลาะกับแม่บ่อยๆ ตอนแรกนึกว่าเครียดเรื่องงาน แต่ไม่คิดเลยว่าเพราะมีคนอื่น” พิมพ์ประภาพูดไปร้องไห้ไป

“ไม่ช้าไม่นานพ่อของลูกคงเอานังเมียน้อยนั่นเข้าบ้าน” ประโยคของมารดาทำให้พันไมล์ขบกรามเข้าหากันจนแน่น

“ผมจะไม่ยอมให้คุณพ่อทำแบบนั้นแน่นอนครับคุณแม่”

“เราจะไปทำอะไรได้ พ่อของเราเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน แม่เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาที่ไม่ได้ช่วยคุณพ่อเขาทำงานหาเงินเลย ต้องอาศัยพึ่งใบบัวจากเขา แม่ไม่สาวไม่สวยเหมือนนังเอ๊าะ ๆ นั่น แม่ไม่มีอะไรสู้นังนั่นได้เลย”

คนพูดปาดน้ำตาทิ้ง สะอึกสะอื้นปริ่มใจจะขาด ยิ่งได้ยินเพื่อน ๆ ในกลุ่มคุยกันว่าเวลาสามีไปมีเมียน้อยก็หลงเมียน้อยจนโงหัวไม่ขึ้น มีอะไรก็ประเคนให้เมียน้อยจนหมด แถมดีไม่ดีเมียน้อยปั่นหัวเลิกกับเมียหลวงก็มี เธอก็รู้สึกว้าวุ่นใจ

“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณแม่”

คุณพิมพ์ประภายังนึกถึงประโยคของเพื่อนๆ ในกลุ่ม ที่พูดกันว่าหากเมียหลวงคนไหนเก่งกาจหน่อยก็อาจจะเอาผัวอยู่ ตามไปตบเมียน้อยจนกระเด็นหรือจัดการเมียน้อยออกไปจากชีวิตได้ แต่ท่านคงทำแบบนั้นไม่ได้ จะให้ไปสู้รบตบมือกับใครคงไม่ไหว

“ผมจะจัดการทุกอย่างเองครับคุณแม่”

“พันจะทำยังไงลูก”

“ถ้าคุณพ่อมีเมียน้อยจริงๆ ก็ต้องจัดการครับ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ดี ไม่เคยทำอะไรผิด ไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” พันไมล์กุมมือของมารดาเอาไว้ ปลอบประโลมท่านด้วยการบีบมือของท่านเบาๆ

“ขอบใจพันมากนะลูก แม่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว มืดแปดด้านไปหมด จะไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ก็อายเขา พวกเขาเคยอิจฉาแม่ที่พ่อของลูกน่ะเป็นคนดี ขยันทำงาน ไม่เคยเกาะแกะกับหญิงอื่น พอพ่อของลูกเหลวไหลแบบนี้ แม่ก็ไม่มีหน้าไปเล่าให้ใครเขาฟังหรอก”

“คุณแม่ทำใจดีๆ เอาไว้นะครับ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไข เชื่อผมสิครับ”

“แม่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ตอนนี้พ่อของลูกก็ไม่ต่างจากผู้ชายเจ้าชู้คนอื่น พอมีเงินก็ลืมครอบครัว ลืมไปแล้วว่าตัวเองมีลูกมีเมียแล้ว ไปเที่ยวยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นโดยไม่กลัวบาปกรรม ไม่รู้จักศีลข้อสาม” คนพูดร้องไห้สะอึกสะอื้น ทุกข์ใจอย่างหนัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป