บทที่ 1 หนูหน่อย ผู้ไร้เดียงสา
-ย้อนกลับไปเมื่อสิบสามปีก่อน-
สิ่งที่ฉันจำได้ในตอนนั้นก็คือ..
ฉันอายุห้าขวบ ฉันพลัดหลงกับแม่ ฉันไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน สิ่งที่ฉันถือติดตัวอยู่ก็มีแค่ตุ๊กตาบาร์บี้เก่าๆ ตัวเดียวเท่านั้น และฉันก็ไม่รู้ว่าแม่จะตามหาฉันไหม?
ในขณะที่ฉันพยายามจะตามหาแม่เท่าที่เด็กอายุห้าขวบคนนึงจะทำได้ สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่เจอแม่ ฉันร้องไห้จนตาบวมเพราะทั้งกลัวและหิว
ฉันจึงได้แต่เดินไปได้เรื่อยๆ จนมาถึงที่ป้ายรถเมล์ซึ่งฉันจำไม่ได้หรอกว่าป้ายรถเมล์นั้นอยู่ที่ไหน ฉันรู้แค่ฉันเหนื่อยมากและฉันไปไหนต่อไม่ได้แล้ว แถมฝนที่กำลังทำท่าจะตกมานั้นยังมีเสียงฟ้าร้องที่ดังจนฉันแทบจะต้องรีบเอามืออุดหูทุกครั้ง ฉันกลัวมาก ฉันร้องไห้อีกแล้ว ทุกอย่างมันหนักเกินไปสำหรับเด็กอย่างฉัน
“หนูจ๋า มานั่งทำไมตรงนี้คนเดียวจ๊ะ" เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ฉันเอ่ยถามขึ้นมา
".........." ฉันได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่กล้าจะพูดกับคนแปลกหน้า
"ว่าไงจ๊ะ แล้วนี่แม่หนูล่ะไม่อยู่ด้วยเหรอ?" ผู้หญิงท่าทางใจดีคนนั้นยังถามฉันต่อ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือมาลูบที่หัวของฉันเบาๆ จนฉันคลายความกลัวลงมาได้บ้าง
"ไม่รู้ค่ะ" ฉันตอบก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้น
"อ้าว หลงทางมาเหรอจ๊ะ แย่จังเลยนะ นี่ฝนก็ใกล้จะตกแล้วด้วยซิ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?"
ฉันเงยหน้ามองดูท้องฟ้าสีดำทะมึนสลับกับหน้าผู้หญิงใจดีคนนั้นที่ดูเป็นห่วงจริงๆ ก่อนจะส่ายหัวอย่างจนปัญญาที่เด็กห้าขวบจะตอบได้
"แล้วนี่หิวหรือเปล่าจ๊ะ?" เธอถามขึ้นอีก แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่ง...
'จ๊อกกก..' เสียงท้องของฉันร้องดังออกมายิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องซะอีก ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน เธอยิ้มแล้วล้วงมือเข้าไปในหนึ่งถุงพลาสติกหูหิ้วที่หอบพะรุงพะรังอยู่ ก่อนจะหยิบซาลาเปาสีขาวที่มีจุดสีแดงเล็กๆ แต้มอยู่บนนั้น
"เอาสิจ๊ะ! หิวไม่ใช่เหรอ?" ฉันมองหน้าของผู้หญิงคนนั้นสลับกับซาลาเปาลูกใหญ่ที่อยู่ในมือไปมา ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือเล็กๆ ออกไปรับซาลาเปาลูกนั้นมาถือไว้อย่างดีใจ พร้อมกับอ้าปากเพื่อเริ่มกินซาลาปาอย่างรวดเร็วด้วยความหิว
“แล้วบ้านของหนูอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวน้าจะไปส่ง” ผู้หญิงคนนั้นก้มหน้าลงมาถาม ก่อนที่ฉันจะส่ายหัวไปมาเพราะฉันเองก็จำไม่ได้ว่าบ้านของฉันอยู่ที่ไหน อีกอย่างฉันก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย
“ฮืออออ.. หนูหน่อยจะหาแม่ แม่จ๋าหนูหน่อยกลัวจังเลย ฮือฮือ” เมื่อความหิวเริ่มลดลง ฉันก็เริ่มคิดถึงแม่ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็กอดตัวฉันไว้แน่น พร้อมกับใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลอยู่เต็มหน้าของฉันอย่างเอ็นดู
แล้วฉันก็รู้สึกถึงมือที่อบอุ่นค่อยๆ ลูบไปตามเส้นผมของฉัน ก่อนที่วงแขนนั้นจะรัดฉันมากยิ่งขึ้นจนฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้น
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปอยู่ด้วยกันก่อนก็ได้นะ” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็จูงมือฉันเดินไปโบกรถแท็กซี่โดยที่ฉันไม่ได้ขัดขืนอะไรด้วยซ้ำ ก่อนที่ฝนจะตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งถ้าฉันยังนั่งอยู่ตรงนั้นป่านนี้จะมีสภาพยังไง ฉันเองก็ยังคิดไม่ออกจริงๆ
แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่ฉันได้รู้จักแม่เปิ้ล แม่ที่เลี้ยงฉันมาสิบสามปีจนตอนนี้ฉันอายุ 18 ปีแล้ว
-ปัจจุบัน-
'ปี๊นนน!! ปี๊นนน!!'
“หนูหน่อย อยู่หน้าบ้านหรือเปล่าลูก ช่วยไปรับของจากวินมอเตอร์ไซค์ให้แม่หน่อยซิ” แม่เปิ้ลร้องบอกฉันจากในครัวเพราะวันนี้ที่บ้านกำลังมีงานปาร์ตี้เล็กๆ เพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณหนูดีลูกสาวเจ้าของบ้าน แม่เปิ้ลเลยสั่งของที่ตลาดแล้วจ้างวินมอเตอร์ไซต์ให้มาส่ง
“จ๊ะแม่” ฉันตะโกนบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้กับแขกที่จะมาร่วมงานวันเกิด ก่อนจะทิ้งสายยางที่ฉันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่แล้วเดินไปรับของจากวินมอเตอร์ไซค์ที่มาส่งถึงหน้าบ้าน
ใช่แล้ว! แม่เปิ้ลของฉันมีอาชีพเป็นแม่บ้านแต่สำหรับพวกคนรวยมักจะเรียกแม่เปิ้ลว่าคนรับใช้นั่นเอง ตั้งแต่วันที่ฉันถูกแม่เปิ้ลรับมาเลี้ยงจนถึงตอนนี้ แม่เปิ้ลก็ต้องเปลี่ยนบ้านที่ทำงานมาแล้วสามหลัง เพราะแม่เปิ้ลอยากให้ฉันได้เรียนหนังสือใกล้ๆ จนตอนนี้ฉันเรียนจบมอปลายแล้ว และกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เพราะฉันตั้งใจว่าถ้าฉันเรียนจบมีงานทำเมื่อไหร่ฉันจะเลี้ยงแม่เปิ้ลไม่ให้เป็นแม่บ้านอีก
“อืมม.. วันนี้หนูหน่อยสวยจังเลยนะ อยากออกไปขี่รถเล่นกับพี่รึป่าว?” พี่เซฟที่ขับวินมอเตอร์ไซต์หน้าหมู่บ้านพูดชวนฉันไปนู้นมานี่หลายครั้ง ตั้งแต่ที่ฉันอายุ 15 ปี จนตอนนี้ฉันยังก็ไม่เคยไปไหนกับพี่เซฟเลยซักครั้ง เพราะแม่เปิ้ลจะสอนให้รักนวลสงวนตัวอยู่เสมอ และฉันก็รักแม่เปิ้ลมากเลยทำให้ฉันเชื่อฟังแม่เปิ้ลเหมือนแม่แท้ๆ เพราะถ้าวันนั้นแม่เปิ้ลไม่รับฉันมาอยู่ด้วย ป่านนี้ฉันคงกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไปแล้ว
“ไม่ดีกว่าจ๊ะ เดี๋ยวแม่เปิ้ลว่า” ฉันตอบปฏิเสธ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบของที่พี่เซฟถืออยู่ในมือ แต่ก็ยังโดนพี่เขาฉวยโอกาสแอบจับมือฉันจนได้ ก่อนจะเอามือไปลูบหน้าแล้วทำท่าดมมือของตัวเองอย่างชื่นใจ
ฉันได้แต่เบ้หน้า ก่อนจะรีบเดินกลับเข้ามาในบ้านเพื่อเอาของไปให้แม่เปิ้ลที่กำลังง่วนอยู่ในครัว
"แม่จ๋า หนูหน่อยวางตรงนี้นะ"
"จ๊ะ.. แล้วนี่รดน้ำต้นไม้เสร็จหรือยัง? ถ้าเสร็จแล้วจะได้มาช่วยแม่ในครัวหน่อย นี่ก็ใกล้เวลาที่คุณหนูจะกลับจากโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันเอา"
"อีกแปบก็เสร็จแล้วจ๊ะแม่ เดี๋ยวหนูหน่อยจะรีบมาช่วยนะ" ฉันพูดจบแล้วก็ยิ้มให้แม่เปิ้ล ก่อนจะรีบเดินไปรดน้ำต้นไม้ต่อให้เสร็จ
แต่ทันทีที่เดินออกมาหน้าบ้านฉันก็เห็นรถของคุณผู้ชายขับเข้ามาข้างในบ้านแล้ว ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อช่วยถือของแต่พอไม่ระวังฉันเลยเดินสะดุดสายยางฉีดน้ำล้ม ทำให้เสื้อยืดสีขาวของฉันเปียกน้ำที่ขังอยู่บนพื้นหญ้าจนผ้าสีขาวที่เปียกน้ำนั้นลู่แนบติดกับส่วนเว้าส่วนโค้งของฉันอย่างช่วยไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างล่ะ หนูหน่อย” คุณผู้ชายพูดพร้อมกับรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้น แถมยังช่วยฉันตัดเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวออกโดยเฉพาะที่สะโพกกับหน้าอก
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูหน่อยทำเอง” ฉันพูดขึ้น เพราะตอนนี้มือของคุณผู้ชายกำลังจะเอื้อมมือมาปัดที่หน้าอกของฉันอีกแล้ว
“น่า.. ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันช่วย ดูสิ! หน้าอกเธอยังเปียกน้ำอยู่เลย” คุณผู้ชายพูดพร้อมกับพยายามจะเอามือมาปัดที่หน้าอกของฉันให้ได้
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนี่คุณผู้ชายจะทำแบบนี้กับฉัน ซึ่งฉันเองก็เคยเล่าเรื่องนี้ให้แม่เปิ้ลฟังแล้ว แต่แม่เปิ้ลก็ได้แค่บอกว่าให้ฉันพยายามอยู่ให้ห่างๆ จากคุณผู้ชายไว้ ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
‘ปี๊นนน.. ปี๊นนน’ เสียงรถของคุณผู้หญิงบีบแตรดังอยู่หน้าบ้าน ทำให้ฉันใช้โอกาสนี้หนีจากมือปลาหมึกของคุณผู้ชายได้สำเร็จ
จากนั้นฉันรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วให้กับคุณผู้หญิง ก่อนที่เธอ จะลดกระจกรถแล้วมองหน้าฉันด้วยแววตาแข็งและไม่พูดอะไร จนฉันรู้สึกว่าคุณผู้หญิงต้องเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แน่ๆ เลย
'เฮ้อ ขอร้องล่ะ อย่าให้ความซวยมาตกถึงฉันเลย'
