บทที่ 8 พี่หวงรู้ไหม!
แพททริกสันเดินมาถึงหน้าห้องแต่งตัวของหญิงสาว ที่ตอนนี้เขายอมรับอย่างไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป ว่าอยากเจอเธอมากขนาดไหน
ก๊อกๆๆ ซูซี่ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง รีบเดินไปเปิดประตูให้คนมาเยือน พลางคิดในใจว่าน่าจะเป็นสาวใช้ขึ้นมาตามหญิงสาว
“คร่าาาา รอแป๊บหนึ่งนะคะ” ซูซี่ลากเสียงอย่างเพลียๆ ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูให้คนด้านนอก แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงราวกับโดนมนตร์สะกดที่สั่งให้กะเทยยืนนิ่งอยู่กับที่ หลังจากได้เห็นความหล่อเหลาคมคายของแพททริกสันชัดๆ เต็มสองตา ‘แม่เจ้า... ใครก็ได้ช่วยตบหน้าอีซูซี่ทีเถอะ!นี่มันเทพบุตรชัดๆ’
แพททริกสันเดินเบี่ยงตัวหลบสาวประเภทสองที่ยืนแข็งเป็นหินไปอย่างไม่สนใจ ทันทีที่เข้ามาในห้องก็เห็นพิมพลอยยืนก้มมองเช็กความเรียบร้อยของชุดที่ใส่อยู่ตรงกระจกบานใหญ่ ‘พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อ เขาดูรูปเธอทุกวัน แต่พอมาเห็นตัวจริงแบบนี้ เขาชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ เธอสวยและมีเสน่ห์ เย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอ ที่เคยสัมผัสมา’
พิมพลอยมัวแต่สำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย ก่อนจะออกไปยังงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณมะลิฉัตรที่ด้านนอก พอเงยหน้าขึ้นมองที่กระจกก็ตกใจที่เห็นแพททริกสันยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังของเธอ
“สวัสดีค่ะน้องพิม!” แพททริกสันเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง
“พะ...พี่แพท” พิมพลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ค่ะ! พี่เอง ออกไปได้แล้ว” ชายหนุ่มตอบแล้วหันไปเอ่ยปากไล่สาวประเภทสองที่ยืนเซ่ออยู่ตรงประตูห้อง
“ฮะ!... เอ่อ ค่ะๆ ซูซี่ขอตัวก่อนนะคะคุณพิม” ซูซี่ที่เพิ่งได้สติหลังจากที่ยืนแข็งเป็นหินไปนานรีบขอตัว แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางมึนๆ งงๆ
“สะ...สวัสดีค่ะพี่แพท...เอ่อ คือว่า...คือว่าน้องพิมกำลังจะเข้าไปในงานพอดีค่ะ” พิมพลอยหันมามองคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเธออย่างตื่นเต้น!
“น้องพิมกลัวพี่เหรอคะคนดี ดูซิ! สั่นใหญ่เลย หึๆ” แพททริกสันเอ่ยถามและขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“เอ่อ...” หญิงสาวอายหน้าแดงก่ำเมื่ออยู่ห่างจากอีกฝ่ายไม่ถึงคืบ
“คุณแม่ให้พี่ขึ้นมาตามน้องพิมน่ะค่ะ อ้อ! แล้วพี่ก็มีของจะให้เราด้วย” ชายหนุ่มบอกก่อนจะล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบสร้อยที่มีจี้เป็นคำว่า P&P โดยฝังเพชรเอาไว้ตรงส่วนหัวโค้งของตัวพีทั้งสองตัว ซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษสำหรับเธอ
หญิงสาวหน้าแดงปลั่ง ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่ออีกฝ่ายสวมสร้อยให้ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากยังต้นคอระหงอย่างแผ่วเบา
“อ๊ะ!” พิมพลอยสะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำแบบนี้กับเธอ
แพททริกสันยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างชอบใจกับท่าทางเขินอายของสาวเจ้า ก่อนจะค่อยๆ เชยคางของเธอขึ้นแล้วกดจูบเบาๆ ลงยังริมฝีปากบางอวบอิ่ม ที่เขาถวิลหามาตลอด ‘เขาเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเธอ!’
หญิงสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับจูบแสนหวาน พยายามดึงสติที่ล่องลอยให้กลับมา ‘พระเจ้า! เขาทำแบบนี้อีกแล้ว!’
สองปีก่อน...
เขาจูบเธอครั้งแรกตอนงานวันเกิดของเขา หลังจากที่เขาท้าดวลเหล้ากับคาเรนเทีย สุดท้ายทุกคนต่างก็เมาจนบอดี้การ์ดต้องช่วยกันหามกลับห้อง แพททริกสันเห็นจะหนักกว่าคนอื่น คุณมะลิฉัตรเลยขอให้เธอขึ้นไปช่วยดูอีกฝ่าย ขณะที่ท่านต้องไปดู เจคอปที่เมาไม่แพ้กันในห้องถัดไป
‘พี่แพทคะ! พี่แพท! น้องพิมเข้าไปได้ไหมคะ' พิมพลอยร้องเรียกคนข้างในห้อง แต่ก็เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เธอจึงล้วงกุญแจที่มาดามให้มาและกำลังจะไขประตูเข้าไป แต่อยู่ๆ คนด้านในก็เปิดประตูออกมา แล้วดึงเธอเข้าไปในห้อง และตรึงแขนทั้งสองของเธอเอาไว้กับประตูห้อง เขาจู่โจมรวดเร็วไม่ให้เธอได้มีโอกาสตั้งตัวใดๆ
จูบที่รุนแรงและดุดันราวกับต้องการจะลงโทษเธอให้ขาดใจตายในตอนแรก เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลและเนิ่นนาน จนทำให้เธอหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปหมด
จนกระทั่งมือหนาของเขาเริ่มลูบไล้บั้นท้ายของเธอไปมา เธอจึงได้สติ และทุบที่หน้าอกของเขาให้หยุดการกระทำทุกอย่าง
เขาครางในลำคอราวกับกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดใจ แต่ก็ยอมถอนจูบออกให้แต่โดยดี เธอรู้สึกถึงลิ้นอุ่นๆ แล้วก็กลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ร้อนแรงและความหวานปานจะขาดใจ
เธอสั่นไปหมด แข้งขาแทบจะไม่มีแรงยืน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงต่อไป
‘อย่าใส่ชุดนี้อีกนะน้องพิม พี่หวงรู้ไหม! ถ้าพี่เห็นอีกครั้งนะเป็นเรื่องแน่ แล้วก็ห้ามมอง ห้ามยิ้มให้ผู้ชายคนไหนอีก เข้าใจใช่ไหมพิมพลอย!!’ เขาต่อว่าเสียงดัง จนเธอทำตัวไม่ถูก เพราะชุดที่ใส่นั้น คุณมะลิฉัตรเป็นคนเลือกมาให้เธอเอง
วันนี้เธอดีใจยิ่งกว่าอะไรที่จะได้เจอเขา...คนที่เธอแอบหลงรักมานาน แต่พอเธอเข้าไปในงานวันเกิดเขา เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังโกรธใครสักคนอยู่ สายตาขวางๆ ที่มองมามันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
และตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าเพราะอะไร เป็นเธอสินะ ที่ทำให้เขาโกรธ พลันน้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจก็ไหลบ่าออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
“พิมพลอย! พี่ถามว่าเข้าใจไหม!” แพททริกสันเผลอตะคอกอย่างลืมตัว ‘เขาโมโหที่เห็นสายตาของเพื่อนๆ จ้องมองเธอราวกับจะกลืนกิน มันทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ ส่วนพิมพลอยน่ะเหรอ? หึ! ใครยิ้มให้เธอก็ยิ้มตอบทุกคนนั่นแหละ และนั่นมันทำให้เขาแทบจะยกโต๊ะขึ้นทุ่มลงกลางงานวันเกิดของตัวเองเสียให้ได้’
พิมพลอยเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมตอบอะไร ทำให้คนที่รอฟังคำตอบอยู่ทนไม่ไหว ใช้มือประคองใบหน้าจิ้มลิ้มให้เงยขึ้นมองตน
แต่แล้วคนที่กำลังโกรธก็ต้องชะงักนิ่ง! เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนหยดน้ำตาของสาวเจ้าที่มองเขาอย่างตัดพ้อต่อว่า ทำเอาคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโหถึงกับใจอ่อนขึ้นมาแทบจะทันทีทันใด
“น้องพิมไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้พี่แพทโกรธและไม่พอใจน้องพิมขอโทษนะคะ” พิมพลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ชู่ว์ๆ คนดีไม่ร้องนะคะ พี่ขอโทษค่ะ พี่ผิดเองที่หวง น้องพิมมากไปหน่อยเลยพาลโมโห’ แพททริกสันบอกพร้อมกับดึงสาวเจ้าเข้ามากอด แล้วจูบซับน้ำตาที่แก้มนวลทั้งสองข้างให้อย่างอ่อนโยน
คนที่กำลังร้องไห้อยู่ถึงกับอึ้ง หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายนี่เขาหวงเธอเหรอ หรือว่าเมื่อกี้เธอจะหูฝาดไป
“เมื่อกี้พี่แพทบอกว่า...ว่าเอ่อ...พี่แพทหวงน้องพิมหรือคะ?” พิมพลอยเอ่ยถามออกไปราวกับคนละเมอ
“ไม่ใช่ค่ะ...ไม่ใช่แค่หวง แต่ทั้งหึงและหวงต่างหากคนดี” แพททริกสันย้ำความรู้สึก พร้อมกับก้มลงจูบที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มคู่นั้นอีกครั้งอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล จนบางอย่างในกายของเขาเริ่มจะแข็งขึงขึ้นมา ชายหนุ่มจึงต้องรีบถอนจูบออกอย่างหักห้ามใจตัวเอง
“พี่จะรอให้น้องพิมเรียนจบก่อน แล้วเราจะคุยเรื่องสำคัญกันอีกที ตอนนี้น้องพิมกลับไปนอนได้แล้วค่ะ ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจ ไม่หยุดอยู่แค่จูบอย่างเดียว” เขาบอกเสร็จก็จำใจเปิดประตูให้สาวเจ้าอย่างแสนเสียดาย
“นอนหลับฝันดีค่ะ เจ้าหญิงของพี่”
“นอนหลับฝันดีค่ะพี่แพท” เธอเอ่ยเสร็จก็รีบหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างมึนงง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่นั้นใช่เรื่องจริงหรือเปล่า ทำให้คนที่เพิ่งเคยจูบเป็นครั้งแรกข่มตาแทบไม่หลับ นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เอาแต่นึกถึงจูบและคำพูดที่ดูเหมือนจะแสดงความรัก ความหึงหวงในตัวเธอเกินกว่าพี่น้องของอีกฝ่าย!
จากวันที่เขาจูบเธอเมื่อสองปีก่อน...เขาก็หลบหน้าเธอมาตลอดแล้ววันนี้ก็โผล่หน้ามาในงาน พร้อมกับจูบเธออีกครั้ง แล้วยังให้สร้อยพร้อมจี้ที่มีอักษร P&P มา มันคืออะไร? เขากำลังจะทำอะไร?
เธอมองคนตรงหน้าอย่างค้นหา ก่อนที่ประโยคหนึ่งของอีกฝ่ายจะลอยเข้ามาในความคิดของเธอ 'พี่จะรอให้น้องพิมเรียนจบ เเล้วเราจะคุยเรื่องสำคัญกันอีกที’ พระเจ้า! นี่คงไม่ได้หมายความว่า..














