บทที่ 9 Rofwell Grand Hotel

เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม ทำให้เหล่าคนงานหันมามองหลานชายคนโตของคุณเพียงดาวกันอย่างสนใจ ชายหนุ่มรีบเดินลงไปดูคนสนิท ที่ตอนนี้ถูกรายล้อมไว้ด้วยคนงานของไร่ราวสิบกว่าคน

“สภาพศพอยู่ครบนะ” เสกสรรประชดหลังเห็นคนสนิทนั่งสะบัดหัว   ไปมา

“โธ่ ผมยังไม่ตายสักหน่อยบอส” ไทเลอร์หันไปส่งค้อนให้ผู้เป็นนายอย่างขุ่นเคือง

“จะไปรู้เหรอ เห็นมึงซิ่งสั่งตายซะขนาดนั้น ”

“ก็จักรยานมันไม่มีเบรก ใครไม่รู้เอามาจอดไว้ บอกก็ไม่บอก ”

“เอาน่า...ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวให้คนงานขับรถกระบะตรงนั้นไปส่งแกที่เรือนใหญ่”

“ครับ อ้อ เมื่อกี้ผมเห็นคุณแพรที่...”

“ฉันรู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน” เสกสรรบอกก่อนจะเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์อย่างขำๆ

“บอส...รู้แล้ว” ไทเลอร์ทวนคำ ขณะมองผู้เป็นนายขับบิ๊กไบค์มุ่งตรงขึ้นเนินไปยังไร่องุ่น

“เฮ้อ...น่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้” ชายหนุ่มบ่นตามอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ แล้วให้คนงานขับไปส่งที่เรือนใหญ่

เสียงเครื่องยนต์ที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้แพรลานนาที่กำลังตัดองุ่นหันไปมองอย่างสนใจ ก็เห็นเสกสรรจอดบิ๊กไบค์ แล้วเดินตรงมาหาเธอ

“ผมขอตัวน้องแพรไปทำธุระสำคัญในเมืองครับ” เสกสรรบอก

“เอ่อ...ครับ” น่านนาวามองสีหน้าตึงๆ ของอีกฝ่ายอย่างมึนงง

“ไปค่ะน้องแพร ” เสกสรรเข้าไปยืนใกล้ๆ กับสาวเจ้า พร้อมกับก้มลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูให้ได้ยินกันสองคน ‘ขอเคลียร์ ’

“เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะพี่นาวา น้องแพรขอตัวก่อนค่ะ” แพรลานนาเอ่ยด้วยใบหน้าเจื่อนๆ

“แล้วเจอกันครับน้องแพร” น่านนาวาเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นโบกน้อยๆ ให้หญิงสาวอย่างเข้าใจ

“เดี๋ยวผมจะให้คนงานขับรถมารับครับ” เสกสรรบอกยิ้มๆ

“ครับ” น่านนาวาตอบ พลางมองตามหลังมอเตอร์ไซค์คันใหญ่        ที่ขับเคลื่อนออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

เรือนใหญ่...

เสกสรรขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าของเรือน พอดีกับที่ไทเลอร์มาถึง

“เจมส์” เสกสรรตะโกนเรียกคนสนิท พร้อมกับชี้ที่หัว

“ครับ” ไทเลอร์พยักหน้ารับ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหยิบหมวกกันน็อกให้    ผู้เป็นนายและคนที่ซ้อนท้ายอย่างรู้งาน

“เดี๋ยวแกให้คนไปรับน่านนาวาที่ไร่องุ่น แล้วก็บอกคุณยายว่าฉันพาน้องแพรไปทำธุระในเมือง” เสกสรรบอกพร้อมกับรับหมวกกันน็อกมาใส่ให้  สาวเจ้า

“ได้ครับบอส” ไทเลอร์ตอบก่อนจะส่งยิ้มให้แพรลานนา

“ไปทำอะไรมาคะ เปียกหมดเลย” แพรลานนาถามคนสนิทของอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“อากาศมันร้อนน่ะครับ ฮ่าๆๆๆ” ไทเลอร์หัวเราะอย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“อ๋อค่ะ” คนที่ไม่รู้สถานการณ์พยักหน้ารับอย่างมึนๆ

“น้องแพรกอดเอวพี่ด้วยค่ะ” เสกสรรรีบตัดบทการสนทนา ก่อนจะสตาร์ตเครื่อง

“ค่ะ” แพรลานนารีบขยับกอดเอวหนา เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำเธอหล่นกลางทาง

สามสิบนาทีต่อมา…Rofwell Grand Hotel

เสกสรรขับรถเข้าไปจอดด้านหน้าโรงแรมของครอบครัว ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงของเชียงใหม่

แพรลานนาขยับลงจากรถอย่างรู้สึกอายๆ กับสายตาของเหล่าพนักงานที่มองมา หลังจากที่เห็นเสกสรรถอดหมวกกันน็อกออก

ชายหนุ่มหันมาปลดล็อกหมวกกันน็อกออกให้สาวเจ้า แล้วส่งต่อให้พนักงานที่พากันวิ่งเข้ามาต้อนรับอย่างจ้าละหวั่น เมื่อเห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมโผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าว

“สวัสดีครับคุณแดเนียล สวัสดีครับคุณแพร” ผู้จัดการโรงแรมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ลุงปีแอร์มาถึงหรือยัง ?” เสกสรรถามถึงคนที่นัดไว้ ขณะที่แพรลานนายกมือรับไหว้พนักงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะมาที่นี่กับเพียงดาวบ่อยๆ

“คุณปีแอร์รออยู่ที่ชั้นบนครับ”

“ไปค่ะน้องแพร” เสกสรรพยักหน้าให้อีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปประคองสาวข้างกายให้ออกเดินไปยังลิฟต์ ร่างบางตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันใดกับการกระทำของคนหน้ามึน

ทันทีที่ลิฟต์ไปถึงชั้นบนสุด ซึ่งออกแบบเอาไว้สำหรับพักอย่างเป็นส่วนตัว เฉพาะคนสนิทและครอบครัว เสกสรรกดรหัสที่หน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็เจอปีแอร์ บาร์ตั้น ชายวัยหกสิบปีที่เป็นคนสนิทของบิดา นั่งจิบกาแฟรออยู่ตรงโต๊ะรับแขกด้วยท่าทีสบายๆ

“สวัสดีครับลุงปีแอร์ ขอบคุณที่มาครับ” เสกสรรยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย

“ของสำคัญต้องส่งมอบด้วยตัวเองครับ อ๊ะ  แล้วนี่ใช่คุณแพรลานนาหรือเปล่าครับ” ปีแอร์ตอบก่อนจะหันไปมองสาวน้อยที่มาด้วยอย่างดีใจ

“สวัสดีค่ะลุงปีแอร์ แพรเองค่ะ” แพรลานนายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้เจอมาหลายปี

“คุณแพรสวยขึ้นจนผมจำแทบไม่ได้แน่ะครับ” ปีแอร์เอ่ยชม

“เอ่อ...แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ท่านทราบไหมครับ เรื่องที่...” เสกสรรเอ่ยถามเรื่องสำคัญก่อนจะค้างไว้...ราวกับไม่อยากให้สาวเจ้ารู้

“ท่านทั้งสองทราบแล้วครับ แต่ที่ท่านอยากรู้ก็คือเธอคนนั้นเป็นใคร”

ปีแอร์ถามอย่างข้องใจ เพราะชายหนุ่มโทร. ไปขอแหวนเพชรที่ผู้เป็นนายสั่งทำไว้ให้กับบุตรชายทั้งสอง เพื่อขอผู้หญิงที่ตนรักแต่งงาน

สี่ปีก่อน...ที่คฤหาสน์ ร็อฟเวลล์ ประเทศอังกฤษ

‘ผมคงไม่มีโอกาสได้ใช้ครับ  เพราะทุกวันนี้โอเคกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นแล้ว ผมไม่ต้องการให้ใครมาผูกมัดชีวิตที่แสนจะอิสระของผมครับ’

เสกสรรให้เหตุผลเสร็จก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ จากนั้นก็ขับรถออกไปโดยไม่ได้อยู่ร่วมทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัว

‘ผู้หญิงก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ผมต้องการพวกเธอแค่ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้ต้องการให้อยู่กับผมไปตลอดชีวิต ขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมนัดกับอลันเอาไว้’ คารอสพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอาหารไปอย่างเร่งรีบ

แต่เมื่อสองคืนก่อนปีแอร์เพิ่งได้รับสายจากไทเลอร์ผู้เป็นลูกชายว่าเสกสรรต้องการแหวน และชุดเครื่องเพชรจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเซฟภายในคฤหาสน์ร็อฟเวลล์ ตนจึงต้องนั่งเครื่องบินด่วนมาส่งมอบของสำคัญด้วยตัวเอง

“ก็...” เสกสรรเอ่ยค้าง แล้วหันมามองสาวที่ยืนข้างๆ แทนคำตอบ “เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะโทร. ไปคุยรายละเอียดกับคุณพ่อครับ”

แพรลานนาไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน

“ครับ” ปีแอร์ยิ้มก่อนจะส่งกระเป๋าให้กับบุตรชายของเจ้านาย

“ขอบคุณครับ อ้อ เจมส์อยู่ที่ไร่นะครับตอนนี้” เสกสรรรับกระเป๋าเอามาถือไว้ก่อนจะบอกกล่าวอีกฝ่าย

“อ้าว ผมนึกว่าเจมส์ดูงานที่ดูไบซะอีก” ปีแอร์ตกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าลูกชายก็อยู่ที่นี่

“พอดีผมให้มาทำงานสำคัญน่ะครับ”

“งั้นผมถือโอกาสเที่ยวเชียงใหม่กับลูกชายเลยนะครับ”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมให้คนพาเที่ยว” เสกสรรเสนอพลางหันมาถามคนที่ยืนฟังเงียบๆ มานาน

“น้องแพรจ๊ะ พอจะมีใครที่เป็นไกด์พาเที่ยวมั่งคะ”

“ให้น้ำมนต์ พาเที่ยวดีไหมคะ” แพรลานนาเสนอคนสนิทไป

“ว้าว ขอบคุณมากๆ ครับ” ปีแอร์รีบเอ่ยขอบคุณ

“แล้วลุงปีแอร์จะพักที่โรงแรมหรือที่ไร่ครับ ผมจะได้ให้เขาเตรียมห้องให้” เสกสรรเอ่ยถาม

“ผมพักที่โรงแรมดีกว่าครับ พรุ่งนี้ตอนสายๆ ต้องนั่งเครื่องกลับแล้ว”

“โอเคครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะครับ”

“ได้ครับ ยังไงก็ขอตัวก่อนนะครับคุณต้อม ผมไปก่อนนะครับคุณแพร” ปีแอร์เอ่ยลาทั้งสอง

“แล้วเจอกันครับ” เสกสรรเอ่ยพร้อมกับจับมือกับปีแอร์

“แล้วเจอกันค่ะ” แพรลานนายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างอ่อนน้อม ปีแอร์รับไหว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป