บทที่ 1 บทนำ

“ท่านแม่ตื่น ๆ พวกข้าหิวแล้ว”

เสียงร้องเรียกพร้อมร่างที่ถูกเขย่าทำให้ฟางเหนียงลืมตาขึ้น ทว่าดวงตาของนางมีแต่กลิ่นไอสังหาร แม้แต่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสายังถอยหลังอย่างหวาดกลัว ดวงตาคู่งามมองก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ในยุคที่สิ้นหวังเช่นนี้ไม่ควรมีเด็กน้อยในวัยนี้ นางพยายามลุกขึ้นนั่งมองสถานที่แห่งนี้อย่างไม่เข้าใจ แม้โลกจะใกล้ล่มสลายแต่ไม่ควรทรุดโทรมเช่นนี้

ฟางเหนียงหลับตาแผ่สัมผัสไปรอบรัศมีรอบตัวหนึ่งกิโลเมตร ก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเวลานี้นางไม่อาจสัมผัสเหล่าซอมบี้ได้เลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ราวกับไม่ใช่โลกที่ใกล้ล่มสลาย แต่เมื่อนึกไปถึงอดีตเวลานี้นางควรตายไปแล้ว เกิดใหม่ ? นั่นเป็นสิ่งที่นางพอคิดได้

“ท่านแม่”

เด็กน้อยก้อนแป้งเอ่ยเรียกมารดาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

‘ก้อนแป้งคู่นี้คือลูกข้า?’

ฟางเหนียงมองก้อนแป้งแฝดตรงหน้าตาไม่พริบ นางลุกขึ้นยืนเดินวนรอบร่างของก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ก่อนจะหยิกแก้มอวบอ้วนของก้อนแป้งอย่างใคร่รู้ หวังว่าเรื่องราวที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ จะไม่ใช่แค่ความฝันเท่านั้น เพราะนางเองก็เบื่อที่จะฆ่าสังหารกับซอมบี้ทุกวันแล้วเช่นกัน

เนื้อนุ่ม ๆ น่าฟัดของฝาแฝดทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ใบหน้าน่ารักดวงตาที่มองมาไร้เดียงสาจนนางต้องปล่อยมือออกจากแก้มนิ่ม และสัมผัสนี้ทำให้นางมั่นใจว่านางไม่ได้ฝันไป

“ท่านแม่พวกข้าหิว”

แม้ดวงตาจะไร้เดียงสา แต่แสดงออกถึงความฉลาดหลักแหลม และคำเรียกขานนี่แหละที่เป็นปัญหาของนาง เกิดมาสามสิบห้าปียังไม่เคยมีแฟน แต่วันนี้นางกลับได้เป็นแม่คน ที่สำคัญนางไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและอยู่ร่างใคร

ทำไมถึงคิดว่าตัวเองรู้ว่าไม่ใช่ร่างของตัวเองนะหรือ นี่ไงมองแค่มือก็รู้แล้ว นางเป็นคนผิวสีน้ำผึ้งแต่เวลานี้ มือคู่นี้ของนางกลับขาวและบอบบางเสียจนกลัวจะหัก ที่สำคัญนางเจอกับราชาซอมบี้ขนาดนั้นก็ไม่น่าจะมีชีวิตรอด

สถานที่นางอยู่โกโรโกโสเสียจนไม่ใช่บ้าน แต่มันกลับเป็นที่ซุกหัวนอนของครอบครัวนี้ ความทรงจำเดิมของร่างนี้ก็ไม่มีทำให้นางจัดการยากเสียจริง

“ข้าชื่อว่าอะไร” นางย่อตัวลงจนตัวเท่าก้อนแป้งแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ฟางเหนียงขอรับ” คนซ้ายมือนางเอ่ยตอบอย่างสงสัย ดวงตากลมโตมองนางอย่างสับสนจนน่ารัก

ฟางเหนียงยกมือลูบศีรษะเล็ก ๆ นั่นอย่างปลอบโยน ชื่อของนางกับร่างนี้เหมือนกันนั่นทำให้นางพอใจไม่น้อย

“เด็กดี แล้วพวกเจ้าชื่อเรียกอะไรกันบ้าง มารดาพวกเจ้าไม่สบายเลยทำให้หลงลืมอะไรไปหลายอย่าง”

ฟางเหนียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม มองเด็กก้อนแป้งทั้งสองที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ซักจนซีดหมดมีรอยปะเป็นบางจุดและกางเกงก็สั้นไปคงใส่มาหลายปี

“ข้าเรียกว่าฟางเหรินเป็นพี่ขอรับ”

“ส่วนข้าฟางหรงเป็นน้องขอรับ”

ฟางเหนียงมองก้อนแป้งซ้ายขวาที่มองนางตาไม่กะพริบ คนพี่มีไฝเม็ดเล็ก ๆ ใต้ตาข้างซ้าย ส่วนคนน้องไม่มีทำให้แยกได้ง่าย แต่หากไม่สังเกตก็คงจะยากจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน

นางลูบหัวทั้งคู่ก่อนจะนิ่งอึ้งไปเมื่อเสียงท้องของเด็กน้อยร้องเสียงดัง บ่งบอกความหิว ใบหน้าของทั้งคู่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย

“ท่านแม่ ตั้งแต่ท่านสลบไป พวกข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ”

ฟางเหนียงมองคนพี่เอ่ยอย่างตะกุกตะกัก นางไม่รู้ว่าร่างนี้สลบไปกี่วัน แต่เด็กน้อยก้อนแป้งทั้งสองคงหิวมากจริง ๆ ว่าแต่พ่อเด็กอยู่ไหน ทำไมปล่อยให้ลูกหิวได้ แม้จะสงสัยแต่นางยังต้องรีบหาอะไรให้เจ้าก้อนแป้งน้อยนี่กินก่อน

“เอาเถอะข้าจะทำอะไรให้กิน”

ฟางเหนียงเอ่ยบอก พร้อมพาร่างบอบบางที่ค่อนข้างอ่อนแรงเดินไปยังห้องทำอาหาร นางค้นหาอะไรอยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่มีอะไรให้นางทำกินเลยแม้แต่น้อย ข้าวสารในหม้อไม่มีสักเม็ด แม้กระทั่งเครื่องปรุง สิ่งที่มองเห็นอยู่ตอนนี้คือมันหวานสองหัวเท่านั้น

นางไปหยิบมันสองหัวมาพิจารณาดูแล้วได้แต่ส่ายหน้า เด็กกำลังกินกำลังนอนกินเพียงแค่นี้ร่างกายจะแข็งแรงได้อย่างไร

นางหลับตาค้นหาบางอย่างเผื่อโชคดี

นางเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นบางอย่างตามนางมาด้วย มิติของนางพลังวิเศษที่นางปลุกขึ้นมาได้ในวันสิ้นโลก ผักที่ปลูกมันยังเจริญเติมโตอยู่ในนั้น ใบหน้าระบายยิ้มกว้างอย่างยินดี พระเจ้าไม่ได้โหดร้ายกับนางนัก

แม้มิตินี้จะมีข้าวของไม่มากนัก เพราะผ่านวันสิ้นโลกมาเกือบสิบปี ข้าวของที่เป็นการผลิตก่อนวันสิ้นโลกจึงหมดไปกับกาลเวลานี้ จะมีเพียงผักที่กลายพันธุ์ที่นางปลูกไว้เท่านั้น ส่วนสัตว์เลี้ยงก็กลายพันธุ์หมดและยังดุร้ายจนเกินกำลังนางที่จะจับมาเลี้ยง

นางไม่มีไอเทมที่ทำให้มันเชื่อง แต่เพียงแค่นี้ก็มีชีวิตรอดมาหลายปี นางไม่ชอบโลกนั้นแต่ก็ไม่อยากตายจึงได้ดิ้นรนมาหลายปี จนโชคร้ายที่มาเจอกับราชาซอมบี้เข้า ไม่สิไม่นับว่าโชคร้ายเพราะตอนนี้นางได้รับชีวิตใหม่แล้วจริง ๆ นางหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอารมณ์ดี

เสียงหัวเราะของนาง ทำให้ก้อนแป้งทั้งสองมาเมี่ยงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น สองแฝดสบตากันเมื่อเห็นมารดาหัวเราะอยู่คนเดียวกัน หรือท่านแม่จะป่วยหนักจริง ๆ

ฟางเหนียงเหลือบมองเด็กน้อยนิดหนึ่ง ก่อนจะไล่ให้ทั้งคู่ไปนั่งรอทานข้าว จากนั้นจึงเดินไปยังเตาไฟ สำรวจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้ว่ามันใช้งานยังไง มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก ไม่เช่นนั้นนางจะมีชีวิตในวันสิ้นโลกมาได้ตั้งหลายปีได้อย่างไร

บทถัดไป