บทที่ 5 มิติสวรรค์ 2

เมื่อกินข้าวล้างจานเรียบร้อยแล้ว จึงได้พากันที่ห้องนอน ซึ่งที่นอนก็เก่าและขาดไปมากแล้ว อีกทั้งยังบางจนไม่อาจให้ความอบอุ่นร่างกายได้อีก เด็กน้อยเดินไปหามารดาที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างแปลกใจ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อภาพที่พวกเขาเห็นนั้นเปลี่ยนไป ที่นี่ไม่มีกลางคืนจึงสว่างตลอดเวลา นั่นทำให้เห็นบ้านหลังน้อยน่ารักและพืชผักเป็นจำนวนมาก

“ท่านแม่ที่นี่คือที่ไหนขอรับ”

ฟางหรงเอ่ยถาม ขณะที่มือจับมือมารดาไว้แน่น ที่นี่น่าสนใจไปหมดมันงดงาม แต่ก็ยังหวาดกลัวที่จะวิ่งออกไปสำรวจ ขณะที่แฝดพี่เม้มปากแน่น ขณะที่ดวงตามองอย่างหวาดระแวง

“เหรินเอ๋อร์ หรงเอ๋อร์ ลูกฟังแม่นะ”

ฟางเหนียงย่อตัวจนใบหน้าสบกับดวงตากลมโตของทั้งคู่ นางยังไม่ได้ปล่อยมือ นางจับมือทั้งคู่ไว้คนละข้าง ก่อนจะค่อย ๆ บอกเล่า และสั่งสอนเด็กน้อยให้รู้ความลับพวกนี้ และเป็นอันตรายแค่ไหนหากมีคนรู้ความลับนี้

“สิ่งที่ลูกเห็นที่นี่ ลูกสัญญากับแม่ก่อน ว่าจะไม่นำไปพูดข้างนอก เข้าใจหรือไม่” เด็กน้อยก้อนแป้งทั้งคู่ยังฉงนสงสัย แต่ความฉลาดของทั้งคู่ ทำให้พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

“ที่นี่คือมิติสวรรค์ เป็นมิติลับที่เราไม่อาจบอกใครได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือสนิทมากแค่ไหนก็ตามเข้าใจหรือไม่”

“ทำไมขอรับ”

คนน้องเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ที่นี่งดงามมาก หากมีคนรู้พวกเขาจะได้ไม่ต้องดูถูกเหยียดหยามอีก

“เพราะหากมีคนรู้พวกเรื่องพวกนี้ พวกเขาจะฆ่าแม่ และนำแม่ไปเผาทั้งเป็น และลูกก็จะไม่มีแม่อีกต่อไป”

เด็กน้อยทั้งสองเบิกตากว้างอย่างตกใจ หากไม่มีแม่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร แม้อายุยังน้อยแต่ก็ผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย และยังได้ยินผู้ใหญ่บางคนนินทามารดาบ่อยครั้ง แม้ที่ผ่านมามารดาจะไม่ค่อยใส่ใจพวกเขา แต่ก็ยังหาข้าวหาน้ำให้กิน

“พวกข้าจะไม่บอกใครขอรับ”

ฟางเหรินคนเป็นพี่รีบตอบรับอย่างหนักแน่น นิทานชาวบ้านที่ตาจี้เคยเล่านั้น เคยมีเรื่องเกี่ยวกับผีปีศาจที่จะถูกจับเผาทั้งเป็นอยู่ ดวงตากลมโตมองมารดาอย่างหนักแน่น แม้มารดาตรงหน้าจะเป็นปีศาจ ตนก็จะปกป้องไม่นำพาเรื่องนี้ไปเล่าโดยเด็ดขาด

“ข้าก็เช่นกันขอรับ พวกเขาจะไม่มีวันเผาแม่เด็ดขาด”

ฟางหรงคนน้องรีบเอ่ยบอก ฟางเหนียงส่งยิ้มให้ทั้งคู่

“เด็กดี เก่งมากครับ หากเรามีที่นี่เราจะไม่อดตาย เราจะสามารถมีบ้าน มีเสื้อผ้าใหม่ ๆ ใส่ เพียงแต่ต้องเป็นความลับของเราสามแม่ลูก”

“พวกเราสัญญาขอรับ” ทั้งคู่ตอบพร้อมเพียงกัน ด้วยสีหน้าหนักแน่นเกินกว่าเด็กสี่ขวบ ฟางเหนียงมองตามอย่างวางใจ ทั้งคู่เป็นเด็กฉลาด นางเชื่อว่าพวกเด็ก ๆ จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะที่ผ่านมาพวกเด็ก ๆ ก็เรียนรู้อะไรมาหลายอย่าง

“ดีมาก พรุ่งนี้แม่จะเข้าเมือง แต่ไม่วางใจที่จะปล่อยลูก ๆ ไว้ที่บ้าน แม่ก็เลยจะพาลูกมาอยู่ที่นี่ก่อน”

“จริงหรือขอรับ พวกเราจะได้เล่นอยู่ที่นี่หรือขอรับ”

ก้อนแป้งทั้งคู่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น พวกเขามองเห็นน้ำตกที่น่าเล่นนั่น ฟางเหนียงมองตาม ก่อนจะเอ่ยบอกอีกครั้ง

“ลูกเล่นในนี้ได้ แต่ห้ามลงน้ำโดยเด็ดขาด พวกลูก ๆ ยังเล็กและยังว่ายน้ำไม่เป็น เพราะฉะนั้นหากลูกจะเล่นจริง ๆ ต้องให้แม่อยู่ด้วย และสอนลูกว่ายน้ำเสียก่อน”

“วันนี้แม่สอนว่ายน้ำได้หรือไม่ขอรับ” ฟางหรงเอ่ยถามตาเป็นประกาย ฟางเหนียงลูบหัวเล็ก ๆ นั่นอย่างเอ็นดู

“วันนี้ยังไม่ได้ ตอนนี้ค่ำแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า ไว้แม่ว่างแล้วจะมาสอนลูก ๆ ตกลงหรือไม่”

ฟางเหนียงเอ่ยบอกอย่างใจเย็น นางเข้าใจความรู้สึกเด็ก ๆ แต่เวลานี้ควรเป็นเวลานอน ร่างกายพักผ่อนเต็มที่ถึงจะเจริญเติมโตได้ดี ในมิตินี้เวลาเท่ากับข้างนอก มีเพียงแต่ผักผลไม้เท่านั้นที่เติบโตได้เร็ว อาจเป็นเพราะน้ำตกนั่น

“ตกลงขอรับ”

เมื่อทั้งคู่ตอบรับคำ ฟางเหนียงจึงพาทั้งคู่ออกจากมิติ พร้อมให้เด็ก ๆ เข้านอน นางห่มผ้าผืนบางให้อย่างหดหู่ เด็ก ๆ วัยนี้ควรได้รับสิ่งดี ๆ ไม่รู้ว่าร่างเดิมเป็นอย่างไรจึงปล่อยให้ลูก ๆ อดอยากและขาดแคลนเสื้อผ้า ผ้าห่มขนาดนี้ แต่เมื่อเทียบกับยุคที่จากมา ที่นี่นับว่าโชคดีนัก เพราะเด็ก ๆ ที่นั่นไม่เหลืออีกแล้ว

เพียงไม่นาน เด็กน้อยก้อนแป้งทั้งสองก็เข้าสู่ห้วงนิทรา   ฟางเหนียงจึงได้ลองค้นหาสิ่งของตามลิ้นชักและเสื้อผ้าเพื่อหาทรัพย์สินเก่าก่อนที่นางจะมาอยู่ร่างนี้ ส่วนมากนางเห็นเครื่องประทินโฉมหลายอย่าง ที่ไร้ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ถึงว่าร่างนี้ถึงได้ผิวพรรณดี เอาเงินเดือนที่สามีให้มาดูแลตัวเองหมด แต่กลับไม่ซื้ออะไรให้ลูกเลย

ฟางเหนียงส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเห็นก้อนเงินที่เหลือน้อยนิด เพียงสิบห้าอีแปะเท่านั้นที่ถูกเก็บไว้ในกล่องเล็ก ๆ กับเครื่องประดับราคาน่าจะแพงหลายชิ้น นางหยิบของมีค่าเหล่านั้นขึ้นมาดู แล้วน่าจะเป็นของใหม่ ไม่น่าจะใช่ของแทนใจ หรือของหมั้นหมาย เพราะฉะนั้นมันสมควรถูกเปลี่ยนเป็นเงิน เอามาเลี้ยงดูเจ้าก้อนแป้งดีกว่า

ฟางเหนียงใช้เวลาค้นไม่นาน เพราะห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก ก่อนหน้านี้ไม่ได้ค้นหาเพราะยังต้องสำรวจพื้นที่แถวนี้ก่อน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ จนพอใจแล้ว เมื่อไม่มีอะไรพอจะแลกเป็นเงินได้ จึงได้กลับมานอนร่วมกับเด็ก ๆ ยังดีที่เตียงนี้สามารถนอนได้สี่คนพอดี

แม้จะเป็นเพียงเตียงไม้เก่า ๆ แต่ก็นอนได้ เตียงไม่นิ่มแต่นับว่าดีกว่าวันสิ้นโลก ยิ่งอากาศบ้านนอกเช่นนี้บรรยากาศชวนนอนจริง ๆ แต่น่าเสียดายว่านางมีชีวิตอยู่บนเส้นด้ายมาหลายปีไม่อาจหลับได้สนิท เพราะยังเปิดประสาทสัมผัสเอาไว้ข้างนอกตลอดเวลา แต่นางก็ชินแล้วที่จะทำอย่างนี้ และคงยากที่จะทำให้นางหลับได้สนิท...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป