บทที่ 6 เมืองเย่วซาน 1

พอถึงเวลานัดหมาย ฟางเหนียงก็เตรียมตัวออกเดินทาง นางพาเจ้าก้อนแป้งเข้าไปในมิติ และบอกป้าหวังว่าเด็ก ๆ จะไปอยู่กับท่านปู่เช่นเคย และป้าหวังก็ไม่ได้สงสัยเพราะบ้านปู่ของเด็ก ๆ อยู่ห่างกันไม่น้อยจึงทำให้ป้าหวังไม่ได้สงสัย แค่อดที่จะเป็นห่วงเจ้าก้อนแป้งเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาแยกบ้านมาแล้ว แต่ฟางเหนียงไม่รู้สาเหตุของการแยกบ้าน แต่นับว่าเป็นการดีเพราะคนยิ่งเยอะปัญหายิ่งตามมา

“ครั้งหน้ามาฝากไว้บ้านป้าก็ได้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนหวังเปา”

ฟางเหนียงยิ้มรับและกล่าวขอบคุณเสียงเบา

“ขอบคุณท่านป้าหวัง”

การเดินทางในวันนี้ มีป้าหวังกับป้าจางที่อยู่บ้านหลังถัดไปร่วมเดินทางด้วย ส่วนลุงหวังไม่ได้มาด้วย เพราะต้องไปถางหญ้าที่ไร่ให้นางพร้อมคนงานอีกสิบคน ซึ่งตอนเย็นนางจะกลับมาจ่ายค่าแรงให้ นางจ่ายเป็นรายวันจะได้กระตุ้นพวกเขาไปในตัวด้วย และไม่เกินหนึ่งสัปดาห์พื้นที่ก็น่าจะพร้อมเพาะปลูก นางคำนวณแล้วค่าจ้างเจ็ดวันประมาณสองพันหนึ่งร้อยอีแปะ หรือสองตำลึงเงินกับหนึ่งร้อยอีแปะ

ฟางเหนียงเดินทางพร้อมสำรวจและจดจำเส้นทางเอาไว้ในใจ ใบหน้ามีเหงื่อและรู้สึกเหนื่อยมาก อาจเพราะร่างนี้ไม่เคยทำงานหนักและออกกำลังกายมาก่อน แต่ตลอดระยะทางนางไม่ได้ปริปากบ่นทำให้ป้าหวังกับป้าจางแปลกใจไม่น้อย ทั้งคู่มองนางอย่างเป็นห่วง เอ่ยถามเป็นระยะ จนทำให้นางยิ้มอย่างอ่อนใจ

“ใกล้ถึงแล้ว อดทนอีกนิดนะ”

ป้าหวังเอ่ยบอกอีกครั้ง ฟางเหนียงได้แต่ยิ้มแหย่ เพราะนางบอกมาหลายรอบแล้ว แต่เพราะนางก็หวังดีนางจึงตอบรับความหวังดีอย่างเต็มใจ

“ข้าไม่เป็นไร เหลือเพียงแค่ห้าร้อยลี้เองเจ้าค่ะ”

ฟางเหนียงเอ่ยบอกมองไปข้างหน้าที่เริ่มมองเห็นกำแพงเมืองบ้างแล้ว ที่นั่นด้วยสายตาของนาง ทำให้พอมองเห็นผู้คนเข้าแถวรอเข้าเมืองอย่างเป็นระเบียบ หมู่บ้านที่นางอยู่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น แม้จะเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่นางไม่ลืมที่จะมองดูก้อนแป้งคู่นั้นที่อยู่ในมิติสวรรค์ไปด้วย

ทั้งคู่กินผลผิงที่นางปลูกไว้นานมากแล้ว มีเพียงสองต้นเท่านั้น แต่กว่าจะได้มานางต้องต่อสู้กับงูยักษ์ที่ใหญ่กว่ารถไฟฟ้าเสียอีก แต่ดีที่ว่ามันเป็นเพียงสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองเท่านั้น หากนางเจอราชาซอมบี้ตั้งแต่แรกคงมีชีวิตไม่ได้นานขนาดนั้น ราชาซอมบี้นั้นโหดเหี้ยมและว่องไว มันเร็วมาก จนกระทั่งนางเองก็ไม่ทันหนีเข้ามิติ!

ฟางเหนียงเลิกคิดเรื่องในอดีต ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้า นางหอบหายใจอย่างเหนื่อย ๆ ขณะที่เดินไปเข้าแถว นับว่าเมืองนี้ปกครองด้วยคุณธรรมไม่น้อย เพราะไม่ได้เสียค่าเข้าเมืองเหมือนกับนิยายที่นางอ่านเจอ

“อีกหนึ่งชั่วยามมาเจอกันที่ทางออกก็แล้วกัน”

ป้าหวังหันมาบอก ฟางเหนียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ สองชั่วโมงกับการซื้อของจำเป็นก็น่าจะทัน เพราะนางเองก็ไม่ใช่นัก   ช็อปอยู่แล้ว ยิ่งหลังวันสิ้นโลก มีแต่จะหาอะไรกินและเอาชีวิตให้รอดเท่านั้นแหละ

เมื่อทั้งคู่ออกไปซื้อข้าวของจำเป็นของตัวเอง ฟางเหนียงจึงเดินไปสำรวจในเมืองไปด้วย แม้จะบอกว่าในเมืองแต่ก็เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ หากเทียบกับสมัยที่นางจากมา ก็น่าจะเรียกว่าอำเภอมากกว่า ด้วยประสบการณ์หลายปีทำให้นางมองสิ่งรอบกาย และจดจำได้อย่างรวดเร็ว นางเดินไปยังร้านขายผ้าก่อน

“ผ้าพวกนี้ขายอย่างไร” ฟางเหนียงหยิบผ้าที่ดูจะนิ่มกว่ากองอื่น ๆ

“แม่นางสายตาดีมากเลยขอรับ นี่เป็นผ้าเข้าใหม่วันนี้ เนื้อผ้านุ่มเหมาะสำหรับจะเข้าสารทฤดูพอดีเลย ราคาเพียงหลาละสองตำลึงเงินเท่านั้นขอรับ”

ฟางเหนียงอึ้งไปกับราคาผ้า หนึ่งหลาก็เพียงแค่เก้าสิบเซนติเมตรเท่านั้นและนางเองต้องตัดชุดให้เด็ก ๆ หลายชุดด้วย

“แล้วกองนี้ราคาเท่าไหร่หรือ”

“กองนี้อยู่ที่หนึ่งตำลึง ส่วนข้าง ๆ กันก็แปดร้อยอีแปะ แต่ถ้าแม่นางอยากได้ถูกกว่านี้จะอยู่ทางนี้ขอรับ ทางนี้หลาละสามร้อยอีแปะเท่านั้นขอรับ แต่จะมีราคาถูกกว่านี้จะเป็นผ้าบางเนื้อหยาบอยู่ที่หลาละสามสิบอีแปะขอรับ”

ฟางเหนียงเดินดูเนื้อผ้าตามที่แนะนำมา เนื้อผ้าดีจะราคาแพงมาก ตอนนี้นางมีเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินเท่านั้น และยังต้องเก็บไว้จ่ายค่าแรงคนงานอีกทั้งต้องเก็บไว้ฉุกเฉินตอนไม่สบายอีก แต่เมื่อนึกถึงฤดูหนาวที่จะมาถึงทำให้นางกัดฟันซื้อผ้าเนื้อดีเอาไว้เย็บเป็นส่วนในให้เด็ก ๆ และเอาราคากลางมาเย็บของตัวเองด้วย

ส่วนราคาถูกนั้น เนื้อผ้าหยาบกระด้างเกินไป แค่จับก็ให้รู้สึกไม่สบายมือ แล้วแบบนี้จะให้นางสวมใส่ได้อย่างไร

แม้นางจะไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ผ้าตรงหน้าก็เกินเยียวยาเกินไป แต่นั่นไม่ใช่สำหรับชาวบ้านธรรมดา เพราะนางก็เคยเห็นคนในหมู่บ้านสวมใส่ผ้าแบบนี้ไปไร่ไปนาเช่นกัน

“งั้นเอากองสามร้อยอีแปะสิบหลาและผ้าสองตำลึงสามหลา”

“ได้ขอรับ แม่นางรับอะไรเพิ่มหรือไม่ขอรับ”

คนขายกระตือรือร้นเอ่ยถาม ฟางเหนียงมองสำรวจก่อนจะเอ่ยถามเสื้อผ้าสำเร็จ เพราะนางตัดเย็บต้องใช้เวลาหลายวัน

“พอมีเสื้อผ้าสำเร็จของเด็กขายด้วยหรือไม่”

“มีขอรับ ทางนี้จะมีชุดละห้าสิบอีแปะไปถึงยี่สิบตำลึงเลยขอรับ”

ฟางเหนียงนิ่วหน้า มองผ้าสำเร็จที่ราคาแพงจนขนหน้าแข้งหลุดร่วง นางเลือกดูอย่างละเอียด ก่อนจะซื้อแบบชุดละหนึ่งตำลึงเงินคนละสองชุด รวมเป็นสิบสามตำลึงเงิน ซึ่งยังต้องเลือกซื้อข้าวของใช้อย่างอื่นอีกด้วย

“ท่านหลงจู๊มีผ้าห่มขายด้วยหรือไม่”

“ทางนี้ ๆ แม่นางเชิญมาชมก่อนขอรับ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป