บทที่ 4 แอบมอง
ทิวา เล่าเรื่อง
ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย และมั่นใจว่าทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะผู้ชายที่ชื่อ ขุนน้ำ
มันคงไม่รู้ว่าผมกำลังอิจฉาอาจารย์พิเศษที่ชื่อ ‘ทรงกลด’ เขาเป็นหนุ่มหน้าตาและฐานะจัดว่าดีคนหนึ่ง แถมเป็นคนประเภทที่พร้อมให้ หนุ่มๆ ใส่ชุดนักศึกษาเข้าไปหา!
ผมไม่ได้พูดเกินจริงหรอก มองปราดเดียวผมก็เห็นไปถึงไส้ในของเขาว่ามีกี่ขดต่อกี่ขด
และมันน่าประหลาดใจที่ผมต้องแคร์ความรู้สึกคนอื่น ทั้งหมดนี้เพราะผมค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง พอมีใครสักคนที่จะเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้เต็มปากผมก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาและเขาก็ต้องอยู่เคียงข้างผมด้วย แบบนี้ถึงไม่มีใครเสียเปรียบใคร
ผมมาเรียนที่กรุงเทพฯ ในช่วงมัธยมปลาย ปู่ตั้งความหวังอยากให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยดังในคณะวิศวกรรมโยธา หรือไม่ก็เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ผมอาศัยอยู่บ้านของคุณตาที่หาดใหญ่ เป็นลูกของชนชั้นกลางที่นับว่ามีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ ครอบครัวแม่เปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างใหญ่โตมีชื่อเสียงมานาน เริ่มจากห้องแถวเล็กๆ และตอนนี้เติบโตจนมีโรงงานผลิตท่อคอนกรีตสำเร็จรูป
ตั้งแต่เด็กผมวิ่งเข้าเล่นที่ร้านและโรงงานอยู่บ่อยๆ รู้จักเครื่องจักรต่างๆ และคลุกคลีกับงานพวกนี้จนหลงรัก แต่หลังจากพ่อเสียชีวิตเมื่อ 10 ปีก่อน หลายสิ่งก็เปลี่ยนไป จู่ๆ เหมือนมีฟ้าผ่ากลางใจผม แม่แต่งงานใหม่กับหนุ่มลูกครึ่งแขกขาว จากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
“เงินของตระกูลเขานะทิวา พ่อเอ็งไปแต่ตัว มาอยู่กับปู่กับย่าดีแล้ว ลูกฝ่ายนั้นก็ตามมาเป็นโขยง จะไปอยู่ขวางหูขวางตาเขาทำไม”
“แต่ที่นั่นก็บ้านผมเหมือนกัน” ผมแย้งเพราะไม่เข้าใจ
“มันเคยเป็นบ้านเอ็ง แต่ตอนนี้ปู่ชักไม่แน่ใจและแม่เอ็งก็กำลังหลงผู้ชาย”
สิ่งที่ผมรับรู้ในช่วงเวลานั้นยากเกินที่เด็กวัยประถมศึกษาอย่างผมจะเข้าใจ สุดท้ายผมอยู่ที่บ้านแม่ได้อีก 5 ปี กระทั่งโตพอจะออกจากบ้านเกิด จึงมุ่งหน้ามาพึ่งใบบุญปู่กับย่า
และถ้าหากใครบอกว่าผมรวย...ใช่ ผมยังยืนยันว่าผมรวยมาก แต่รวย...ค.ควายนะ ฮ่าๆ ๆ ได้ยินเสียงหัวเราะอันขมขื่นของผมไหมครับ
ห้องหมายเลข 516 ไม่มีเด็กหอนอกมาส่งเสียงล้งเล้งอย่างที่เคยเป็น น่าแปลกใจที่อารมณ์ร้ายๆ ของผมทำให้คนช่างจ้อหายหัวไปเลย
ผมโกรธขุนน้ำก็จริง แต่ให้ตัดขาดความเป็นเพื่อนคงยาก ตั้งแต่เริ่มเรียนซัมเมอร์เพื่อปรับพื้นฐาน ผมกับมันก็ตัวติดกันแจ ไม่รู้ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่ผมชอบหน้าเด๋อด๋าของมัน และจมูกเชิดรั้นๆ ยามที่มันแสนงอนเอาแต่ใจ พอผมขยี้ผมฟูของมันเล่น ขุนน้ำมักทำตัวสั่นน้อยๆ และแลบลิ้นน่ารักคล้ายลูกหมา ก็เพราะมันเป็นเสียอย่างนี้ ขี้อ้อน ชอบทำให้คนอยู่ใกล้มีความสุข เมื่อมีของดีอยู่ใกล้ตัว ถ้าผมไม่คว้าไว้ก็โง่เต็มทน
สองคืนแล้วที่ขุนน้ำปล่อยให้ผมเหงามือ ไม่มีใครให้ขยี้ผมเล่น ไม่มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ ดังพอให้รำคาญข้างหู ผมมองดูสมุดเลกเชอร์วิชาจิตวิทยาของตัวเอง จำได้ว่าวันก่อนมันหิ้วไอศกรีมมาฝากกล่องใหญ่พร้อมหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดของผมที่เพิ่งออกใหม่ แน่นอนมันอยากเอาใจผม เพราะมันคือคนที่ต้องทำหน้าที่เบ๊ตามข้อตกลงของเรา
ทว่า ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหนเข้าสิงผม หน้าตาที่หงิกอยู่แล้วยิ่งหงิกงอกว่าเดิม แถมเขี้ยวก็คล้ายจะงอกยาวออกมา ผมเลยกลายเป็น
คิงคองเผือกวิ่งไล่ฟัดขุนน้ำจนมันร้องไห้หนีกลับหอพักไป
และคืนเดียวกันนั้น ผมออกไปกินข้าวกับรูมเมต โฮม และข้าวปั้น ส่วนเด็กที่มาใหม่ชื่อ บุญเพิ่ม มาจากสุพรรณบุรี เรียนคณะคุรุศาสตร์การกีฬา มันยังไม่ค่อยสนิทกับพวกผมเท่าไหร่
“เออ ไม่เห็นขุนน้ำมาที่ห้องหลายวันแล้ว ไหนมันบอกว่าอยากให้เราช่วยซ้อมเพลงใช้ในการแสดงรับน้อง”
ข้าวปั้นมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมาก และเขายังมีชื่อเสียงทางด้านนี้ด้วย
ผมยักไหล่แบบที่ชอบทำ หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม
“อะไรของทิ เราไม่เข้าใจ”
ข้าวปั้นเป็นคุณสุภาพ พูดจาเพราะแต่ไม่ใช่แบบดัดจริต ด้วยที่บ้านสอนมาดีและยังเป็นตระกูลผู้ดีเก่า
“มึงเห็นมันไหมล่ะ ถ้าไม่เห็นแสดงว่าไม่มา”
ไอ้หล่อส่ายหน้าระอาความเล่นลิ้นของผม ก่อนหันไปซุบซิบกับโฮม
“มึงนั่นแหละผิดไอ้ข้าว ชอบถามเซ้าซี้ไม่เลิก ก็รู้ทั้งรู้ว่าผัวเมียกำลังทะเลาะกัน” ไอ้โฮมหาเรื่องให้ผมของขึ้นจนได้
ผมชี้หน้ามันและได้ผล ไอ้โฮมยกมือไหว้แบบลิงหลอกเจ้า พร้อมสัญญาว่าคืนนี้จะโหลดหนังโป๊ให้ผมสองเรื่อง ถือเสียว่าเป็นการไถ่โทษ
“ตูดงอน ตูดใหญ่ เด้งหน้า เด้งหลังเลยเนอะ ช่วงนี้มีสาวลาตินผิวสีด้วย กูรู้ บางทีมึงก็เบื่ออิไต อิคึ!”
“เชี่ย แล้วถ้าไม่เด็ดจริง มึงเตรียมรับกรรมด้วยไอ้โฮม” ผมข่มขู่อีกฝ่ายพอหอมปากหอมคอ
เมื่อกินน้ำและคอหมูย่างจิ้มแจ่วเสร็จ ผมก็แวะร้านสะดวกซื้อ ผมอยากได้ขนมปังกับขนมขบเคี้ยวสักอย่างสองอย่าง รวมถึงน้ำอัดลมเย็นๆ พอจ่ายเงินเสร็จเตรียมก้าวออกจากร้าน เป็นช่วงที่บานประตูเลื่อนเปิด ใครบางคนก็เดินเข้ามาพอดี รอยยิ้มของมันที่เต็มวงหน้าเพราะคุยกับเพื่อนๆ อยู่พลันหุบฉับ
