บทที่ 5 ก็แค่อาบน้ำ
ทิวา เล่าเรื่อง
ผมยืนค้างอยู่หน้าประตู ส่วนขุนน้ำพยายามทำตัวเล็กเดินผ่านผม มันคงคิดว่าตัวเล็กมาก จึงทำเนียนเดินผ่านผมราวกับมองไม่เห็นกัน ความเงียบกินเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่หัวใจของผมมันโหวงเหวงพิกล
ตอนแรกผมอยากคุยกับขุนน้ำ แต่ปากมันหนักเหลือเกิน แข้งขามันก็ไม่ยอมทำตามหัวใจสั่ง สุดท้ายผมเลยเลือกเดินกลับหอพักใน. ทิ้งความรู้สึกสำนึกผิดเอาไว้ข้างหลัง
ปกติผมชอบนอนตอนหัวค่ำ ตื่นมากินข้าวช่วงสองสามทุ่ม จากนั้นก็อาบน้ำอีกรอบและอ่านหนังสือ บางคืนอยู่ยาวไปจนถึงตีสี่ตีห้า พอหิวอีกรอบก็ออกหาไก่ทอดหาดใหญ่กิน แต่คืนนี้ ผมไม่ได้นัดใครหน้ามหา’ลัยเพื่อเดินไปซื้อไก่ทอดกับข้าวเหนียว จากนั้นก็มานั่งแย่งกันกินใต้ตึกคณะฯ
ตอนนี้ ผมคิดถึงขุนน้ำ จนอยากโทร.ไปง้อมัน เพื่อออกไปซื้อไก่ทอดร้อนๆ และนั่งแย่งกันกินตูดไก่!
ผมหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ เวลาเกือบตีหนึ่งเช่นนี้ ไม่ค่อยมีใครอาบน้ำสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะแย่งกันอาบตอนหัวค่ำ หรือไม่ก็ก่อนไปเรียนช่วงเช้า
ผมนึกถึงหน้าขุนน้ำตอนที่มันทำตาโต เมื่อรู้ว่าหอพักใน.เป็นห้อง
น้ำรวม และผู้ชายต้องอาบน้ำด้วยกัน สำหรับผมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และขณะที่เดินไปห้องน้ำ จู่ๆ ผมคิดถึงตอนที่คุยกับขุนน้ำขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มึงกลัวอะไรวะขุน แค่อาบน้ำ”
“กลัวที่ไหน แค่ชอบความเป็นส่วนตัว” มันอ้างพลางยื่นคอยาวเข้าไปในห้องน้ำรวม พอเห็นรางสเตนเลสสำหรับปัสสาวะแบบไม่มีฝาผนังกั้น หน้ามันก็ซีดเผือด
“ยิงกระต่ายแบบโต้งๆ เลยหรือ เหอๆ วัดใจกันเกินไปมั้ง กูขอลาขาด”
การที่หอพักในมหาวิทยาลัยทำแบบนี้ เพราะต้องการลดเวลาของนักศึกษาที่ชอบอาบน้ำนานๆ บางคนไม่รู้อาบน้ำ หรือเข้าไปทำอะไร
“ห้องน้ำแบบนี้ดีแล้ว ฝึกวินัยไปด้วย กูเห็นบางคนชอบสิงในห้องน้ำนานเป็นชั่วโมง และกูก็ไม่มีปัญหาอะไร แค่ถูสบู่ให้สะอาด สระผม ล้างน้องชาย ไม่เกินยี่สิบนาทีก็เสร็จ” ผมบอกมัน
“หา 20 นาทีเองเหรอ แบบนี้มันจะไปสนุกหรือ เฮ้อ...กูสงสาร น้องจิมิที่นอนโก้งโค้งให้มึงจังเลย แบบนี้คงไม่ถึงสวรรค์ เพราะพี่เบิ้มจอดตั้งแต่ต้นทาง”
“ไอ้เวร มึงนี่หื่นไม่เข้าเรื่อง” ผมชอบด่าไอ้ขุนน้ำมาก เพราะมันชวนผมให้นึกถึงแต่เรื่องใต้สะดือบ่อยๆ
“นี่ถามจริงๆ นะเว้ย พวกมึงอยู่กันตั้ง 4 คน และห้องเปิดโล่งแบบนั้น แล้วเวลา...มีอารมณ์ ทำยังไงวะ” ขุนน้ำซัก
ผมอยากเขกกะโหลกขุนน้ำหลายๆ ที โทษฐานที่ถามเรื่องส่วนตัวมากไปหน่อย อันที่จริง สิ่งนี้เป็นปัญหาของผมไม่น้อย เวลาที่ต้องการความผ่อนคลายของน้องชายก็ลำบากมาก กว่าผมจะทำให้มันสงบลงต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ
“สำหรับกูนะเหรอ แข็งเมื่อไหร่ก็ต้องหาคนระบาย ไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยเอง”
ขุนน้ำมองผมตาโต
“จริงดิ กูคิดไว้แล้ว เป็นมึงใช่ไหมไอ้โจรบ้ากามที่สาวๆ ใน มหา’ลัย
พูดถึง เขาว่ามีผู้ชายสวมชุดช่างสีน้ำเงิน ชอบเดินไปเดินมาตอนกลางคืน พอหาเหยื่อได้ก็สไลด์ปีกาจูโชว์”
“ไอ้สาดดดด มึงเนี่ยนะ คิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย คนอย่างกูแค่ขยิบตา ขี้คร้านจะมีคนวิ่งมาช่วยระบายน้ำกะทิเข้มข้นไม่หวาดไม่ไหว”
“อี๋ ไม่เอาแล้วโว้ย คุยกับมึงทีไร นอนฝันร้ายทุกที”
ผมยิ้มกว้างก่อนแก้เผ็ดด้วยคำพูดจี้ใจดำมัน
“น้ำหน้าอย่างมึง ทำได้แค่ฝันเปียกสิ ไอ้ขุนน้ำน้อย ฮ่าๆ ๆ”
ห้องน้ำเงียบอย่างที่ผมคิด เวลาดึกสงัดอย่างนี้ ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก ผมเปิดน้ำอุ่นอาบอย่างสบายใจ หลังจากถูตัวไปสักพัก มือดันซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้น ผมไม่ใช่คนตื่นตัวง่าย แต่ในหัวคิดอะไรวนไปมาเกินกว่าเหตุ ทั้งหมดก็เป็นเรื่องสัปดนที่เคยคุยกับขุนน้ำ เพียงประเดี๋ยวเดียว ผมก็เกิดอาการงุ่นง่าน
ผมก้าวยาวๆ ไปยังห้องอาบน้ำ ในขณะที่เปิดประตูเข้าไป และถอดกางเกงขาสั้นออก น้องชายผมก็ตั้งฉากกับพื้น และผมยังไม่ทันได้สัมผัสความร้อนที่กำลังเต้นเร่าๆ อยู่ข้างใน หูผมก็ได้ยินเสียงประหลาด
มันเป็นเสียงครางต่ำๆ พร้อมเสียงจุ๊บจั๊บคล้ายมีคนกำลังแอบกินไอศกรีมโคนอย่างสุขสม
แน่แล้ว คืนนี้มีคนแอบมาขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด และเสียงนั้นทำให้หัวใจผมแทบระเบิด!!!
ขุนน้ำ (เล่าเรื่อง)
หลังจากพี่โจขอตัวกลับคณะฯ ผมก็ไปตามนัดของกีกี้กับจักจั่น สองสาวเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมและสอบได้ที่นี่เหมือนกัน กีกี้เป็นสาวหวานมาก ส่วนจักจั่นนิสัยคล้ายลูกสาวกำนัน เรามีแผนปรึกษาเรื่องการจัดกิจกรรมร่วมกับเด็กนักเรียนชั้นประถมเมื่อเราไปออกค่ายรับน้อง ระหว่างที่คุยกันอย่างออกรส หูผมก็ได้ยินเสียงทุ้มห้าวของใครบางคนแดกดันว่า
“แรด!”
เมื่อทิวามาถึงโต๊ะที่ผมกับสองสาวนั่งอยู่ บรรยากาศตึงเครียดก็โอบคลุมเราทุกคน
“คุณชายขุนอย่าเฉยสิ บอสใหญ่อยู่ข้างหลังแกแล้ว” กีกี้ว่าพร้อมคว้าสมุดเล่มบางมาพันเป็นกระบองและทำท่าจะตีผม
“ไปเดินเล่นที่สวนข้างหลังมหา’ลัยกัน”
ไอ้ทิชวนผมง่ายๆ แบบนั้น ราวกับไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน บ้าแล้ว ผมไม่ได้สมองเสื่อมนะ ยังเคืองอยู่ และเคืองมากเสียด้วย ตอนนี้เลยเห็นคนตัวโตเป็นอากาศธาตุ
“ปะ ไปเดินเล่นกัน อากาศกำลังดี” มันชวนอีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มน่าฟังมาก ไม่มีวี่แววจิกกัดสักนิด
“เดินเล่นอะไร”
