บทที่ 6 ตอนที่ 6 เข้าวัง

ตอนที่ 6 เข้าวัง

ทางด้านองค์ชายอีธานและท่านหญิงเรืองลดา

หลังจากงานอภิเษกสมรสระหว่างองค์ชายอีธานและท่านหญิงเรืองลดาได้ผ่านพ้นไป บิดาและมารดาของเรืองลดาจึงเดินทางกลับประเทศไทย

พวกท่านรีบกลับโดยให้เหตุผลว่าต้องกลับไปทำงาน ระหว่างที่พวกท่านทั้งสองอยู่ที่นี่ทุกคนต่างต้อนรับพวกท่านเป็นอย่างดี นั่นจึงทำให้พวกท่านคิดว่าลูกสาวของพวกท่านน่าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข แต่เมื่อพวกท่านกลับไปแล้ว อีธานก็เริ่มแสดงท่าทีว่าไม่ชอบเธออย่างเห็นได้ชัด

“คืนนี้เธอไปนอนที่อื่น ห้องนี้ไม่ต้อนรับ” เรืองลดางงว่าเขาพูดอะไร หลังจากแต่งงานกัน เธอนอนอยู่กับเขาสองคืน ถึงเขาจะไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวเธอเลยสักนิด เรื่องนี้เรืองลดาเข้าใจได้เพราะเธอกับเขาก็เปรียบเสมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ที่เขาพูดว่าให้เธอไปนอนที่อื่นมันหมายความว่ายังไง…

“หมายความว่ายังไงเพคะ”

“ได้ยินไม่ชัดหรือว่าหูหนวก ไปนอนที่อื่นไป!” เขาแสดงท่าที่รังเกียจเธออย่างเห็นได้ชัด แถมยังผลักหัวไหล่เธออีกด้วย เรืองลดางงมากขึ้นไปอีก ซึ่งก่อนหน้านี้เขามีท่าทีเฉยๆหน้าเธอเขาไม่มองก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเธอมากขนาดนี้

“เสด็จพี่จะให้หม่อมฉันไปนอนที่ไหนเหรอเพคะ” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่น เมื่อได้เห็นสีหน้าของเขาทำท่ารังเกียจเธอ

“ตำหนักนี้ออกจะใหญ่โตเธอก็เลือกเอาสักห้องสิ แล้วจำเอาไว้เลยนะว่าเธอไม่มีทางมาแทนที่อิงเดือนได้ จำเอาไว้!” มือหนาเอื้อมมาบีบคางเธอเอาไว้แน่น ความเจ็บทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่ได้เจ็บแค่ที่ร่างกาย แต่เธอเจ็บมาที่หัวใจด้วย

“ปะ...ปล่อย หม่อมฉัน...นะ...เพคะ” เขามองหน้าเธอด้วยสีหน้าดุดัน แต่ก็ยอมปล่อยมือออกจากคางของเธอ

“ต่างคนต่างอยู่ ถ้าเรากลับมาอีกครั้งหวังว่าจะไม่เห็นเธออยู่ในห้องนี้แล้วนะ” อีธานเดินออกไปจากห้องส่วนตัวของเขาด้วยอารมณ์ และหวังว่าถ้าเขากลับเข้ามาอีกครั้งจะไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ในห้องของเขาอีก

บนพื้นที่แห่งนี้คือชั้นสามของตำหนัก เป็นชั้นที่อยู่สูงที่สุด และชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ ซึ่งประตูที่จะสามารถเข้าออกชั้นนี้ได้จะต้องใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น

ในขณะที่เรืองลดากำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่นั้น รษานางกำนัลที่มีหน้าที่ดูแลเรืองลดาได้รับคำสั่งให้เดินเข้ามา เนื่องจากประตูได้เปิดอ้าเอาไว้จากเจ้าของห้อง

“ท่านหญิงร้องไห้ทำไมเพคะ”

“เปล่า...ไม่มีอะไร” เรืองลดาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ

“ไม่มีอะไรแล้วท่านหญิงร้องไห้ทำไมหรือเพคะ”

“ที่ตำหนักนี้มีห้องว่างอีกมั้ย” ในเมื่อเขาไล่เธอแล้ว เธอก็คงต้องไป เรืองลดารู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่พี่อิงเดือน เธอคงไม่มีสิทธิ์อยู่ที่ห้องนี้ ถึงจะแต่งงานกันแล้วมันก็เป็นแค่หน้าที่ที่เขาต้องทำเท่านั้น

“มีเพคะ”

“เราขอห้องนึงสิ” ตำหนักนี้มีทั้งหมดสามชั้นเหมือนกับตำหนักขององค์ชายอีริค ชั้นบนสุดทั้งชั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของตำหนัก ส่วนตำหนักนี้ชั้นที่สองจะมีห้องรับรองแขก ห้องฟิตเนส และสระว่ายน้ำขนาดกำลังดี ส่วนชั้นแรกจะเป็นห้องอาหาร ห้องรับแขกและห้องของลูกน้องที่ประจำอยู่ที่นี่แค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้นเหรอเพคะ ทำไมต้องย้าย”

“เขาไม่ให้เราอยู่ เจ้าของห้องเขาไล่เราแล้ว ช่วยเราเก็บของเถอะ”

“เพคะ” รษารับคำ ก่อนงานอภิเษกทุกห้องถูกทำความสะอาดไว้ก่อนแล้ว เพื่อรอต้อนรับฝ่ายเจ้าสาวแต่หลังจากที่ทราบว่าเจ้าสาวถูกเปลี่ยนตัวองค์ชายอีธานจึงไม่อนุญาตให้เข้ามาพัก

“ท่านหญิง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะเพคะ ถ้าองค์ราชากับองค์ราชินีทรงรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ”

“รษาช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ อย่าทำให้ทุกคนต้องลำบากใจเพราะเราเลย”

“ท่านหญิง ความลับไม่มีในโลกนะเพคะ วันนี้ไม่รู้ วันหน้าก็ไม่แน่”

“เอาเป็นว่า อย่าพูดไปก็แล้วกัน”

“เพคะ”

“ท่านหญิง ทราบเรื่องวัฒนธรรมของที่นี่ดีแค่ไหนคะ”

“เราทราบดี เรื่องมีบุตรถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะบุตรขององค์รัชทายาท ถ้าเราไม่สามารถมีลูกให้กับพระองค์ได้ พระองค์สามารถมีเมียเพิ่มได้อีกหนึ่ง สนมอีกสี่ เราพูดถูกมั้ย”

“ถูกเพคะ แล้วอย่างนี้ท่านหญิงยอมได้หรือเพคะ”

“แล้วจะให้เราทำอะไรได้ ในเมื่อหน้าเราเขายังไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ”

“เอาอย่างนี้มั้ยเพคะ หม่อมฉันจะช่วยคิดหาวิธีทำให้องค์รัชทายาทใจอ่อน พระองค์จะได้มีท่านหญิงแค่คนเดียว ดีมั้ยเพคะ”

“ขอบใจนะ” เรืองลดาไม่รู้หรอกว่าวันที่เขาจะใจอ่อนให้กับเธอนั้น มันจะมีไหม แต่เธอจะขอทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ

“ยินดีเพคะ”

“ท่านหญิง วันนี้พระคู่หมั้นขององค์ชายอีริคเดินทางมาถึงแล้วนะเพคะ”

“ใครเหรอ ทำไมรษาถึงได้ดูตื่นเต้นจัง”

“เธอมีแม่เป็นคนไทย เกิดและโตที่เมืองไทยเหมือนท่านหญิงเลยเพคะ”

“จริงเหรอ”

“จริงที่สุดเพคะ” สิ่งที่รษาเล่าให้ท่านหญิงฟังก็แค่ชวนคุยเท่านั้น รษาช่วยท่านหญิงของเธอเก็บของแล้วจึงพากันย้ายห้องไปอยู่ชั้นสอง ซึ่งเป็นแค่ห้องรับรองแขกขนาดของห้องคงแค่พออยู่ได้เท่านั้น

ทางด้านอันดา ตอนนี้เธอเดินทางมาถึงหน้าตำหนักขององค์ชายอีริคแล้ว

“เชิญทางนี้ค่ะคุณหนู” นางกำนัลเห็นว่าอันดาเป็นลูกสาวของท่านจอมพล จึงเรียกเธอว่าคุณหนู ซึ่งวันพรุ่งนี้จะมีพิธีประทานยศท่านหญิงให้กับอันดาต่อไป

“พวกพี่จะพาเราไปไหนคะ แล้วท่านพ่อล่ะ” อันดาถามนางกำนัลแต่หันไปมองท่านพ่อของเธอ ที่ไม่ยอมเดินตามเธอมาด้วย

“อันดาอยู่กับพ่อไม่ได้ บ้านพักที่พ่ออยู่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น อันดาเป็นผู้หญิงเข้าไปอยู่ในตำหนักชั้นในนั่นแหละดีแล้ว” ซึ่งตำหนักที่ท่านพ่อพูดถึงก็คือตำหนักขององค์ชายอีริคนั่นเอง

คนที่นี่จะไม่ถือเหมือนคนไทยอีกอย่างวันรุ่งขึ้นหลังจากพิธีประทานยศเสร็จเรียบร้อยก็จะต่อด้วย พิธีอภิเษกสมรสเลย ซึ่งทุกคนนั้นรู้หมดยกเว้นอันดาคนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เพราะทุกคนกลัวว่าเธอจะต่อต้าน

“อ้าวอันดาคิดว่าจะได้พักอยู่กับท่านพ่อซะอีก” เพชรตะวันยิ้มให้ลูกสาว ที่กำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที ถึงเธอจะไม่ได้เต็มใจ แต่คงไม่มีพ่อแม่คนไหนปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ของลูกสาวแน่ ช่วงแรกอันดาอาจจะต้องการการปรับตัวสักหน่อยก็เท่านั้น

“ไปลูกเดินตามนางกำนัลพวกนั้นไป แล้วอย่าดื้อล่ะ” นางกำนัลสองคนที่ถูกสั่งให้มาดูแลอันดา คนแรกชื่อกิ่งไผ่ คนที่สองชื่อแสงรุ้ง ทั้งสองคนอายุมากกว่าอันดาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น

“เชิญคุณหนูเจ้าค่ะ” อันดายอมเดินตามนางกำนัลพวกนั้นไปอย่างว่าง่าย โดยที่เธอก็พยายามมองหาองค์ชายอีริคคนที่ไปรับเธอมา แต่ตอนนี้ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้ว

“วันนี้อยู่ห้องรับรองไปก่อนนะคะ” นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยบอก แต่อันดากลับไม่ได้สงสัยหรือเอะใจในสิ่งที่นางกำนัลพูดเลยแม้แต่นิดเดียว

“พวกพี่สองคนชื่ออะไรกันบ้างเหรอคะ ส่วนเราชื่ออันดานะ”

“กิ่งไผ่เจ้าค่ะ”

“แสงรุ้งเจ้าค่ะ” นางกำนัลทั้งสองคนแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มให้อันดาอย่างเป็นมิตร

“ที่นี่บ้านใครแล้วมีกันอยู่กี่คนเหรอคะ” อันดาสังเกตตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว บ้านหลังนี้หลังค่อนข้างใหญ่แถมยังมีตั้งสามชั้น ภายนอกดูทึบแต่เข้ามาด้านในกลับโปร่งโล่งสบาย แถมยังดูกว้างขวางมากอีกด้วย ภายในตกแต่งด้วยวัสดุที่ทันสมัยล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งสิ้น ข้าวของทุกอย่างดูสะอาดเรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าครบ ประตูทางเข้าจะถูกเปิดออกอัตโนมัติด้วยเครื่องสแกนใบหน้าในแบบล้ำสมัยสุดๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป