บทที่ 8 ตอนที่ 8 อภิเษกสมรส
ตอนที่ 8 อภิเษกสมรส
เช้าวันรุ่งขึ้น
อันดาถูกนางกำนัลหลายคนจับแต่งตัว แต่งหน้า ด้วยชุดชาววังพื้นเมือง เสื้อแขนยาวสีขาวลายลูกไม้กับกระโปรงยาวสีขาวสะอาดถูกปักด้วยใยไหมอย่างดีหลากสีสัน ผมสวยถูกก้าวขึ้นแล้วปักด้วยปิ่นทองคำประดับด้วยอัญมณีสีเขียวมรกตเม็ดโต ซึ่งเป็นทรัพยากรที่หาได้ไม่ยากของประเทศนี้
“ชุดนี้สวยจังเลย” อันดาชื่นชมชุดที่ตอนนี้มันอยู่บนตัวของเธอ
“ค่ะ ชุดนี้อยู่บนตัวคุณหนูยิ่งสวยเข้าไปอีก” กิ่งไผ่ชม
“ไปทำอะไรที่ท้องพระโรงคะ แล้วอันดาจำเป็นต้องใส่ชุดที่สวยขนาดนี้เลยเหรอ” ชุดนี้เป็นชุดพระราชทานจากองค์ราชินี ถูกตัดเย็บและออกแบบด้วยช่างมืออาชีพคิวทองของประเทศ
“เป็นพิธีประทานยศท่านหญิงเจ้าค่ะ” ต่อจากพิธีประทานยศก็จะเป็นพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเธอกับองค์ชายอีริคเลย ซึ่งนางกำนัลทั้งสองถูกสั่งห้ามมาไม่ให้บอกเธอจนหมด โดยเฉพาะเรื่องพิธีอภิเษกสมรส
“ทำไมต้องประทานยศด้วยคะ” อันดาไม่เข้าใจ
“ก็เพราะ...ถ้าเป็นสามัญชน แต่งงานกับองค์ชายจะดูไม่ค่อยเหมาะ องค์ราชาจึงจัดพิธีเลื่อนยศให้คุณหนูก่อนไงคะ” แสงรุ้งอธิบายถึงพิธีและความจำเป็นของการเลื่อนยศให้อันดาฟัง
“เราไม่เหมาะสม แล้วพาเรามาทำไม ที่จริงเราก็ไม่ได้อยากจะมาด้วยสักหน่อย” เธอพูดพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“อย่าคิดมากเลยนะคะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้นานมากแล้ว ส่วนเหมาะสมหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของคนนอกที่มองเข้ามา พิธีประทานยศจึงจำเป็นต้องจัดขึ้นก่อนงานอภิเษกสมรส” กิ่งไผ่ช่วยอธิบายอีกครั้ง
“อยากจะทำอะไรก็ทำ เราปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วนี่” ทั้งหมดนี้เหมือนมัดมือชก ยกเลิกไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น แต่งหน้ากันนะคะ อีกครึ่งชั่วโมงท่านจอมพลคงจะมารับตัวคุณหนูไปที่ท้องพระโรง”
“ค่ะ...” อันดายอมนั่งให้ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าให้ ใบหน้าเรียบเนียนใสทำให้ง่ายต่อการแต่งหน้าของช่าง ไม่นานใบหน้าสวยหวานก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ สวยมากเลย สวยเหมือนเจ้าหญิงเลย” อันดาเป็นผู้หญิงตัวเล็กแถมยังมีใบหน้าที่สวยหวานอยู่แล้ว ดวงตาของเธอกลมโตได้มาจากผู้เป็นแม่ เหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นไม่มีผิด
หลังจากแต่งตัวและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางกำนัลจึงพาอันดาลงมาจากชั้นสองของตำหนัก ก็เห็นว่าท่านจอมพลเพชรตะวันมารอรับลูกสาวได้สักครู่แล้ว จากนั้นจึงพากันไปที่ท้องพระโรงเพื่อทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
ท่านจอมพลเพชรตะวันเดินพาลูกสาวเข้ามาในท้องพระโรง หยุดยืนต่อหน้าพระพักตร์
“ทำความเคารพทั้งสองพระองค์ซิลูก” อันดาทำความเคารพโดยการก้มศีรษะตามแบบประเพณีของที่นี่ ซึ่งชายหญิงไม่ได้ต่างกัน
“เอาล่ะ วันนี้เป็นวันดี มีการจัดพิธีมงคลศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในวัง บัดนี้เราขอประกาศแต่งตั้งให้อันดาจากสามัญชนเป็นท่านหญิงนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” เสียงขององค์ราชาดังขึ้นในท้องพระโรงทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รับทราบกันอย่างทั่วหน้า
“ยังไม่รีบขอบคุณทั้งสองพระองค์อีก” เพชรตะวันเอ่ยบอกลูกสาว ซึ่งตอนนี้อันดารู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
“เป็นพระมหากรุณายิ่งเพคะ”
“เอาเถอะ อันดาต้องการเวลาปรับตัว เพิ่งเข้าวังครั้งแรก ท่านจอมพลก็อย่าเอ็ดลูกไปนักเลย เราไม่ถือสาเธอหรอก”
“เป็นพระมหากรุณาพระเจ้าค่ะ” จากนั้นองค์ราชาก็ทรงประทานเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ให้กับอันดา บ่งบอกว่าตอนนี้ อันดาได้ยศเป็นท่านหญิงแล้ว ยศนี้ถือเป็นเชื้อพระวงศ์อันดับสุดท้าย
อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ก็จะเป็นพิธีอภิเษกสมรสของเธอกับองค์ชายอีริค จึงจำเป็นต้องแต่งตั้งยศก่อนที่จะเข้าพิธีมงคลต่อไป
บรรยากาศโดยรอบถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราใหญ่โต ผู้คนดูวุ่นวายไปหมดแต่ก็เป็นระเบียบ อันดาไม่เคยเข้าวังมาก่อน เธอจึงไม่รู้ว่าสถานที่ก่อนหน้ากับตอนนี้มันแตกต่างกันมาก เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ งานอภิเษกสมรสระหว่างเธอกับองค์ชายอีริคกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“เริ่มพิธีต่อไปได้...” เสียงทหารในท้องพระโรงดังขึ้นอีกครั้ง อันดาหันซ้ายมองขวา ผู้คนในท้องพระโรงแห่งนี้ จับจ้องสายตามาที่เธอเป็นตาเดียว ซึ่งเธอไม่รู้จักใครเลยนอกจากท่านพ่อของเธอ
“พิธีอะไรเหรอคะท่านพ่อ” อันดาเอ่ยถาม เพราะรู้สึกแปลกๆ
“องค์ชายเสด็จ...” ในขณะเดียวกันนั้นเสียงทหารก็ดังลั่นขึ้นในท้องพระโรงแห่งนี้อีกครั้ง องค์ชายอีริคเดินเข้ามาด้วยชุดชาววังพื้นเมืองสีขาวกับรองเท้าหนังราคาแพง
“พิธีอภิเษกสมรสของลูกกับองค์ชายอีริคไง” ท่านพ่อของเธอบอกด้วยสีหน้ายินดี แต่อันดากลับทำหน้ายุ่งคิ้วขมวด ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ก็ยากที่จะปฏิเสธ
“ทำไมเร็วจังคะ” ความรู้สึกของอันดาในตอนนี้ ทั้งตื่นเต้น ทั้งไม่พอใจรวมๆกัน ตื่นเต้นเพราะพิธีที่กำลังจะเกิดขึ้นคืองานแต่งของเธอซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์ราชาและองค์ราชินี ผู้หญิงชาวบ้านอย่างเธอได้อยู่ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงส่งมาก ส่วนไม่พอใจนั้นก็เพราะไม่มีใครบอกกับเธอในเรื่องนี้เลย อีกอย่างเธอยังไม่พร้อมด้วย
“จะเร็วจะช้าก็ต้องแต่งอยู่ดี” การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งคิด แต่คิดมาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนนานแล้ว
“ทำไมไม่เห็นมีใครบอกอันดาเรื่องนี้เลยคะ” น้ำเสียงของเธอดูตัดพ้อสุดๆ
“เลิกพูดได้แล้ว แล้วก็ทำหน้าให้ดีๆด้วย” ถอยก็ไม่ได้! เวลาปรับตัวก็ไม่มี!
ท่านพ่อพูดกับลูกสาวเสร็จ ท่านก็เดินไปยืนประจำที่ของตัวเอง โดยให้องค์ชายอีริคเดินเข้ามายืนคู่กับท่านหญิงอันดาแทนเป็นที่เรียบร้อย
“บ่าวสาวจับมือ” เสียงทหารในท้องพระโรงดังขึ้นอีกครั้ง องค์ชายอีริคส่งมือของตัวเองให้อันดาจับ แต่เธอไม่ยอมจับ
“........” อันดามองหน้าองค์ชายด้วยความไม่พอใจ แต่ใบหน้าขององค์ชายนั้นกลับเฉยชาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลย
องค์ชายอีริคหันไปมองใบหน้าสวยของว่าที่พระชายาของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะทหารได้ประกาศให้จับมือกันตั้งนานแล้ว แต่ท่านหญิงอันดายังคงมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น เธอยังไม่ยอมส่งมือมาอีก...
“เสียเวลา” องค์ชายอีริคจึงยอมเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของอันดามาวางไว้บนมือของเขาด้วยตัวเอง นั่นจึงทำให้เสด็จแม่ที่กำลังมองอยู่ยิ้มพอใจให้กับกิริยาของอีริคที่มีต่อว่าที่พระชายา
ในใจอันดาคิดถึงผู้มีพระคุณของเธอที่เลี้ยงดูเธอมา ที่จริงพวกท่านน่าจะได้มาร่วมพิธีงานแต่งในครั้งนี้ของเธอด้วย อันดารู้สึกเสียใจที่วันมงคลนี้ของเธอไม่มีพวกท่าน
“ทำหน้าในมันดีๆหน่อย ถ้าไม่เห็นแกหน้าเรา ก็ให้เห็นแก่หน้าคนที่เลี้ยงดูเธอมาบ้าง” คำพูดขององค์ชายทำให้เธอกวาดสายตาไปมองรอบๆ ซึ่งคนในท้องพระโรงแห่งนี้ค่อนข้างหนาแน่นไปด้วยผู้คน สุดท้ายอันดาก็เห็นมือของเคนน้องชายคนเดียวของเธอโบกมือมาทางเธอพร้อมกับรอยยิ้ม คุณพ่อคุณแม่ก็มา มาตอนไหนเธอไม่รู้เลย
สิ่งที่เธอได้เห็นทำให้เธอซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ เธอคิดว่างานแต่งของเธอจะไม่มีพวกท่านซะแล้ว อันดายิ้มให้พวกท่านก่อนที่จะหันกลับไปทำพิธีต่อ
อันดาจึงยอมเดินตามองค์ชายไปอย่างว่าง่าย เธอไม่เคยเห็นประเพณีแต่งงานของคนที่นี่มาก่อน ใครให้เธอทำอะไรเธอก็ทำตาม อีกอย่างอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ด้วย
การแต่งงานของคนในประเทศนี้ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด สุดท้ายพิธีอภิเษกสมรส ระหว่างองค์ชายอีริคกับท่านหญิงอันดาก็เป็นอันเสร็จพิธี
ในขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนนั้น อันดาก็รีบวิ่งมาดักหน้าท่านพ่อของเธอก่อนที่ท่านจะเดินหายไป
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งไปค่ะ อันดาขอคุยด้วยหน่อย”
“ว่ายังไงท่านหญิงของพ่อ”
“ท่านพ่อไม่เคยบอกอะไรอันดาก่อนล่วงหน้าเลยนะคะ มีอะไรที่อันดาจะต้องตื่นเต้นก่อนอีกมั้ยคะ” คำพูดของลูกสาวดูเหมือนจะต่อว่า
“ช่วงเย็นจะมีพิธีเข้าหออีก เสร็จจากพิธีนี้ก็เสร็จแล้ว” สิ่งที่อันดาได้ยินนั้นยิ่งทำให้อันดารู้สึกไม่พอใจ แต่ก็คงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“ต้องเข้าหอด้วยเหรอคะ...ลูกยังไม่พร้อม” อันดารู้สึกไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ที่สุด
“อันดามาบอกพ่อไม่ได้ อันดาต้องไปบอกองค์ชายโน่น” ท่านพูดขึ้นยิ้มๆ เพราะด้วยวัฒนธรรมของที่นี่ยังไงไม่ช้าก็เร็ว องค์ชายก็ต้องทำหน้าที่สามีอย่างสมบูรณ์ เพราะการแต่งงานของลูกกษัตริย์ถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่จะต้องมีโอรสน้อยเพื่อขยายอาณาจักรต่อไปในภายภาคหน้า
“ท่านพ่อ พูดแบบนี้อันดาโกรธจริงๆแล้วนะคะ”
“เอาล่ะ...พ่อคิดว่าองค์ชายอีริคจะไม่มีวันรังแกลูกของพ่ออย่างแน่นอนถ้าลูกไม่ยอม”
“เขาเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เธอไม่อยากจะเชื่อ
“เขาเป็นเจ้าชายนะลูก เขาถูกฝึกความอดทนมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ เรื่องแค่นี้เขาอดทนได้สบายอยู่แล้ว” อดทนอะไร...อันดาฟังไม่เข้าใจ
เสร็จจากพิธีทางด้านคุณพ่อคุณแม่และน้องชายก็ถูกพาไปพักในตำหนักขององค์ชายอีริค โดยมีอันดาบ่นโน่นบ่นนี่ให้พวกท่านฟังไม่ได้หยุดปาก













































