บทที่ 9 ตอนที่ 9 เข้าหอ
ตอนที่ 9 เข้าหอ
ทางด้านองค์ชายอีธานและท่านหญิงเรืองลดา
ทั้งสองมาร่วมพิธีอภิเษกสมรสเหมือนกับคนอื่นๆ ระหว่างพิธีเรืองลดาแอบคิดถึงงานอภิเษกสมรสของตัวเองในวันนั้น ถ้าเธอย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะตัดสินใจยังไง
เธอแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงเธอกับเขาจะมาด้วยกัน แต่ใบหน้าของเธอถึงตอนนี้เขาก็ไม่ยอมมอง คำพูดสักคำก็ไม่มี แต่กับคนอื่นพูดคุยและหัวเราะได้
คนนอกมองเข้ามาคงจะรู้สึกอิจฉาเธอเป็นแน่ แต่สำหรับตัวของเธอเอง ถ้าถามว่าเสียใจมั้ยที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ เธอก็จะตอบว่าไม่ได้เสียใจ แต่ความรู้สึกของเธอคือน้อยใจ แต่ถ้าถามว่าดีใจมั้ย เธอก็คงตอบว่าไม่อีกนั่นแหละ
“เรืองลดา...ลูก หนูไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ” เสด็จแม่มักจะเป็นห่วงและสอบถามถึงสาระทุกข์สุขดิบแบบนี้อยู่เสมอเวลาได้เจอหน้ากัน แต่ไม่ว่าเธอจะไม่มีความสุขมากขนาดไหนเรื่องนี้ก็ให้ท่านทราบไม่ได้
“นิดหน่อยเพคะเสด็จแม่ ขอบพระทัยเพคะที่เป็นห่วง”
“เสร็จพิธีแล้ว พ่อกับแม่จะพักผ่อนสักหน่อย อีธานพาเมียกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักเถอะ”
“พระเจ้าค่ะ” อีธานรับคำ แล้วพาเรืองลดาเดินออกมา แต่เดินออกมาได้แค่ลับตาของทั้งสองพระองค์เท่านั้น เขาก็หยุดเดิน
“ไปเองนะ ไม่ได้ไกลมากคงไม่หลงทางหรอกมั้ง” พูดจบเขาก็เดินออกไปอีกทาง เรืองลดาไม่รู้ว่าเขาไปไหน เธอหันมามองรษาที่เดินตามเธอมา แล้วถอนหายใจยาว
“ไปเพคะท่านหญิง ไม่ต้องคิดมาก” ดีที่เธอยังมีรษาคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง
@ตำหนักขององค์ชายอีริค
หลังจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ได้กล่าวคำอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวทั้งสองในห้องหอเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกท่านก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน แต่ก่อนกลับองค์ราชินีได้สั่งให้นางกำนัลและทหารของท่านเฝ้าหน้าห้องเอาไว้ห้ามคู่บ่าวสาวทั้งสองออกจากห้องหอเด็ดขาด...
ชั้นสามของตำหนัก ทั้งชั้นคือห้องส่วนตัวของอีริค สำหรับค่ำคืนนี้ก็ยังเป็นห้องหอของทั้งสองคนอีกด้วย
“หวังว่าพระองค์จะไม่เร่งรัดหม่อมฉันหรอกนะเพคะ” อันดายืนกอดอกมองมาที่อีริคอย่างไม่เกรงกลัว
“คิดว่าเราอยากจะทำอะไรกับเธอมากนักหรือไง ฝันไปเถอะ!” ซึ่งอีริคเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยสักนิด
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็แยกกันนอน พระองค์จะไปนอนที่ไหนก็ไป หม่อมฉันจะนอนบนเตียงนี้” อันดาพูดจบเธอก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงแถมยังดิ้นไปดิ้นมาอย่างสบายใจ
“นี่! จะมากไปหน่อยมั้ย เตียงนี้เป็นเตียงนอนของเรา เธอนั่นแหละไปนอนที่อื่น” อีริคจับข้อมือของเธอได้ก็ดึงลงมาจากเตียงทันที
แน่นอนว่าทั้งสองไม่สามารถออกจากห้องหอได้ เพราะมีคนเฝ้าอยู่ อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่และน้องชายของเธอก็ยังอยู่ที่นี่
“พระองค์นอนพื้นแล้วกัน หม่อมฉันเป็นผู้หญิงขอนอนบนเตียงนะเพคะ” อันดาสรุปเอาง่าย โดยเข้าข้างตัวเอง
“ฝันไปเถอะ เราเป็นถึงองค์ชายจะให้นอนที่พื้นได้ยังไง เธอนั่นแหละที่ต้องนอนที่พื้น” อันดาใช้สายตามองไปที่พื้น...ก็กว้างดี โซฟาเธอคงนอนไม่ได้เพราะเธอเป็นคนนอนดิ้นมาก มีหวังกว่าจะถึงเช้าคงตกโซฟาหลายรอบแน่ๆ
“ที่นี่อากาศหนาวเย็นมาก หม่อมฉันยังไม่ชินกลัวไม่สบายเพคะ” อันดาต่อรอง
“นั่นมันเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับเรา” เฮ่อ!...ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย
“รีบนอนก่อนสี่ทุ่มนะพระเจ้าค่ะ” เสียงองครักษ์ด้านนอกร้องตะโกนเข้ามาตามคำสั่งของผู้เป็นมารดาที่คอยให้คนจับตาดูคู่บ่าวสาวสองคนนี้เอาไว้ให้ดี ซึ่งเสียงของทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่นั่น ก็ดังออกไปถึงข้างนอก
“เรารู้แล้ว!” อีริคตะโกนออกไป แล้วหันกลับมามองตัวปัญหาในห้องนี้อีกครั้ง
“ไปอาบน้ำ” อีริคออกคำสั่ง
“พระองค์ไปอาบก่อนสิเพคะ”
“เธอนั่นแหละไปอาบก่อน เราอาบน้ำนาน” เวลาอาบน้ำเขาชอบนอนแช่น้ำอุ่น จึงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานมาก
“พระองค์ไปอาบก่อนเถอะ หม่อมฉันหนาว...” ด้วยความขี้เกียจเป็นทุนเดิม ความหนาวก็แค่ข้ออ้าง
“มีน้ำอุ่น เธอก็ไปเปิดอาบเอาสิ” น้ำเสียงเริ่มไม่ค่อยพอใจ
“แต่...” ปกติตอนอยู่ที่เมืองไทยอากาศหนาวน้อยกว่านี้อีกเธอก็นอนเลย ทั้งๆที่บ้านของเธอก็มีน้ำอุ่น
“หรือจะอาบพร้อมกัน!” เมื่อสักครู่เสียงองครักษ์ของเสด็จแม่ตะโกนเข้ามาว่าให้นอนก่อนสี่ทุ่มนี่ก็ใกล้แล้ว
“อาบ...อาบ...หม่อมฉันอาบก่อนก็ได้เพคะ” อันดารีบหยิบสิ่งที่ต้องการใช้เข้าห้องน้ำไป แล้วเผลอบ่นออกมาเป็นภาษาไทยว่า...
“ว่าจะนอนเลยสักหน่อย หนาวแบบนี้ขี้เกียจชะมัด” องค์ชายที่ฟังภาษาไทยออกทุกคำแต่อันอาไม่รู้นั้น ถึงกลับมองตามแผ่นหลังเล็กไปด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะส่วนตัวแล้วองค์ชายอีริคเป็นผู้ที่รักในความสะอาดเป็นที่สุด แต่กลับต้องมาอยู่กับผู้หญิงที่สกปรกแบบเธอ
หลังจากอันดาอาบน้ำเสร็จแล้วกลับออกมา องค์ชายอีริคก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ซึ่งเขาหายเข้าไปนานมาก...มากจริงๆ
ทางด้านอันดาเธอรอเขาออกมาจากห้องน้ำ เพราะก่อนหน้านี้ยังตกลงกันเรื่องที่นอนไม่ได้ ครั้นจะนอนด้วยกันเธอก็กลัว ผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเธอถ้าจะให้สู้กันจริงๆ แรงผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขาเธอคงสู้ไม่ไหว
อันดานั่งคิดและรอให้องค์ชายออกมาจนเธอนั่งสัปหงก จังหวะนั้นเองเสียงประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกมา
“ทำไมยังไม่นอน” อีริคหันมาถาม ในขณะที่มือกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกๆเดินออกมา ท่อนบนไม่มีอะไรปกปิด ส่วนท่อนล่างนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว
อันดาที่กำลังง่วงอยู่ พอได้เห็นองค์ชายทรงโชว์ท่อนบนถึงกลับคลายง่วงไปได้หน่อย สมองของเธอคิดไปต่างๆนานา...แถมวันนี้ยังเป็นวันเข้าหอวันแรกอีกด้วย เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตายังคงจับจ้องหุ่นแน่นๆขององค์ชายอยู่อย่างนั้น
“ข๊าวขาว...”
เส้นผมเปียกๆถึงจะไม่เป็นทรงแต่ก็ดูเซ็กซี่ดี ใบหน้าหล่อเหลาไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา จมูก ริมฝีปาก หรือแม้แต่โครงหน้า ก็ดูสมส่วนไปหมด ไล่ต่ำลงมา ว้าว...กล้ามแขนเป็นมัดถ้าได้สัมผัสน่าจะแข็งมากแน่ๆ แผงอกแน่นทั้งขาวทั้งเนียน หน้าท้องมีลอนสวยได้รูป ต่ำลงไปอีกหน่อยว้า...ติดผ้าแล้ว
“แน๊นแน่น...” ทุกประโยคของเธอพูดเป็นภาษาไทย อีริคได้ยินดังนั้นเขาก็ทำท่าทีเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็เช็ดผมให้แห้งต่อก่อนที่จะไปหยิบไดร์เป่าผมเอาขึ้นมาเป่าท่าทางไม่ได้สนใจอันดาเลยสักนิด แต่ในใจของเขานั้นไม่มีใครรู้
“ถ้ามองนานกว่านี้เราจะเก็บเงินแล้วนะ” เสียงเข้มๆขององค์ชายทำให้อันดาออกจากภวังค์ ตอนนี้เขาเป่าผมจนแห้งแล้วแต่เธอก็ยังไม่เลิกมอง
“แล้วจะให้นอนตรงไหนล่ะเพคะ” สายตาที่จ้องมองหุ่นล่ำกำยำตรงหน้า ไม่คิดที่จะปกปิดเลยสักนิด ทำเอาอีริคถึงกับส่ายหน้า
“พื้นไง...ไป!” อีริคสะบัดหน้าให้อันดา พร้อมกับแบ่งหมอนและผ้าห่มให้เธอไปหนึ่งชุดด้วย
อันดาหยิบเอาหมอนและผ้าห่มมาอย่างเลือกไม่ได้ นอนก็นอนเพราะตอนนี้เธอง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว...และในขณะที่อันดากำลังเอนตัวลงนอนที่พื้นพอดีนั้น
“องค์ชายเพคะ องค์ราชินีให้หม่อนฉันเอานมอุ่นๆมาให้องค์ชายกับท่านหญิงเพคะ” เมื่อองค์ชายได้ยินดังนั้น เขาจึงดึงมืออันดาให้ลุกขึ้น แล้วจัดการหยิบหมอนและผ้าห่มของเธอเอาขึ้นมาไว้บนเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วทำท่าทาบทับอยู่บนตัวของพระชายาหมาดๆของเขา ให้ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันอยู่
“พระองค์! กำลังจะทำอะไร!” อันดาถามด้วยความตกใจ ความง่วงของเธอก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมดสิ้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อใบหน้าของเธออยู่ตรงแผงอกที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาพอดี
“อยู่เฉยๆเถอะน่า อยากให้ทุกคนรู้หรือไงว่าเรากับเธอนอนแยกกัน” เป็นจังหวะที่นางกำนัลเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพของทั้งสองพอดี อีริครู้ดีว่าคงไม่มีใครกล้าเข้ามาถ้าเสด็จแม่ของเขาไม่ได้ใช้ให้มาดู
“หม่อมฉันรบกวน ขอประทานอภัยด้วยนะเพคะ” ภาพที่นางกำนัลคนนี้เห็นหลังจากนี้ไม่นานก็คงไปถึงหนูองค์ราชินีอย่างแน่นอน
“วางไว้แล้วออกไป แล้วห้ามให้ใครเข้ามาในนี้อีก” เสียงเข้มของอีริคเอ่ยบอกนางกำนัลคนที่กล้าเดินเข้ามา ทำให้อันดาตัวแข็งทื่อไม่ได้แข็งเพราะเสียงขององค์ชาย แต่แข็งเพราะตอนนี้ใบหน้าเล็กๆของเธออยู่ตรงหน้าอกแน่นๆของเขาพอดีเลย เสื้อก็ยังไม่ได้ใส่ แถมผิวยังขาวใสอมชมพู กลิ่นนี้ไม่ต้องพูดถึง หอมเป็นบ้าเลย...
“เพคะ” หลังจากที่นางกำนัลเดินออกไปแล้ว ประตูหน้าห้องได้ถูกกดล็อกด้วยรีโมทเป็นฝีมือของเจ้าของห้อง ก่อนหน้านี้เขาไม่ล็อกเพราะคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้
“ลงไปนอนที่เดิมได้แล้ว” แต่เสียงตะกุกตะกักที่หน้าประตูห้องยังคงดังต่อเนื่อง นั่นก็แปลว่าคงมีคนกำลังแอบฟังเสียงด้านในอยู่แน่นอน
“............” อันดากำลังจะลุกขึ้นแล้วเตรียมขนผ้าห่มกับหมอนลงไปนอนที่เดิม แต่!
“เดี๋ยว...พูดเบาๆ” อีริคทำท่าจุ๊ปาก แล้วส่งสายตาไปที่ประตู ซึ่งเสียงตะกุกตะกักที่อันดาได้ยินก็ทำให้เธอเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังต้องการจะสื่อ
“อะไรอีกคะ”
“อย่าเพิ่งไป เราต้องเล่นละครก่อน”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ร้อง...” ในห้องหอคืนแรกแบบนี้ ต้องทำให้คนด้านนอกเชื่อว่าในห้องหอแห่งนี้หวานหยาดเยิ้มยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า จะได้ไปๆกันสักที
“ร้องหรือเพคะ ร้องว่าอะไร” อันดาไม่เข้าใจ สำหรับเรื่องแบบนี้เธอยังอ่อนหัดนัก
“ไม่ใช่ เราหมายถึงให้ทำเสียงเหมือนกับ...” อีริคหยุดพูดไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
“เหมือนกับอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ” เธอไม่เข้าใจจริงๆ ซึ่งสายตาของเธอมันก็ฟ้องแบบนั้น เธอไม่ได้แกล้ง
“เหมือนกับ...เอ่อ คนที่กำลังทำอะไรกัน” อีริคเริ่มอธิบายแต่ดูเหมือนว่าอันดาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ทำอะไร...ยังไง” ยิ่งพูดอันดาก็ยิ่งงง เพราะเขาบอกให้เธอร้อง เธอต้องร้องเพลงหรือร้องไห้
“อ้า...” อีริคสาธิตเสียงดังเพื่อให้เสียงลอยไปถึงหน้าประตูห้อง ทำเป็นตัวอย่างให้เธอฟังก่อน จากนั้นอันดาก็ลองออกเสียงดูบ้าง
“อ้า...” อันดาเริ่มส่งเสียง โดยเลียบแบบเสียงเหมือนเขาเปี๊ยบ ซึ่งสิ่งที่ได้ยินทำให้อีริคถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
เมื่อเสียงของทั้งสองดังออกไป เสียงตะกุกตะกักที่หน้าห้องก็ยิ่งดังขึ้นหนักกว่าเดิม นั่นก็แปลว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยแอบฟังอยู่จริงๆ แต่เสียงของอันดามันไม่ได้จริงๆ นั่นเป็นเพราะเธอไร้เดียงสาเรื่องนี้เกินไป
“เสียงของเธอ ขอหวานกว่านี้อีกหน่อยจะได้มั้ย”
“ก็ทำเหมือนที่พระองค์ทำไงเพคะ” เธอตอบออกมาด้วยสายตาไร้เดียงสา แต่ก็ดูตั้งใจที่จะส่งเสียงแบบนั้นตามที่เขาบอก
“ผู้หญิงกับผู้ชายมันไม่เหมือนกัน” เธอพยักหน้าเข้าใจ แล้วเริ่มออกเสียงใหม่
“อ้า...” ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลยสักนิด องค์ชายจึงโน้มตัวลงมาแนบอยู่กับตัวของเธออีกหน่อย แต่ก็ยังคงเว้นระยะห่างเอาไว้ ซึ่งอันดาเองก็หน้าแดงจัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“พอเถอะ...เสียงอย่างกับ...” เขาหยุดพูดแค่นี้แล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม เดินออกไปที่หน้าห้อง เปิดประตู…
“เฮ๊ย!...” ทั้งทหารองครักษ์และนางกำนัลรวมห้าหกคนที่กำลังแอบฟังอยู่ดันประตูเอาไว้ พอประตูถูกเปิดเข้ามาด้านใน คนพวกนั้นจึงร่วงเป็นระนาว
“กำลังทำอะไรกัน!” อีริคถามลูกน้องเสียงเข้ม รู้สึกไม่พอใจและรำคาญมากๆ
“ปะ...เปล่าเพคะ”
“ออกไปจากชั้นนี้ให้หมด! ถ้าใครไม่ฟังคำสั่ง เราจะย้ายทุกคนออกไปอยู่ที่อื่นแล้วหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน” ชั้นสามของตำหนักนี้ จะถูกแยกส่วนเป็นห้องๆ ไม่เหมือนกับตำหนักขององค์ชายอีธาน ที่รวมทุกอย่างไว้อยู่ในห้องเดียวกัน
“ไปแล้วพระเจ้าค่ะ” สิบทิศก็ร่วมวงกับเขาด้วย รีบวิ่งก่อนคนแรก
“ปั้ง!” อีริคปิดประตูเสียงดัง บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจ จากนั้นก็หันกลับเข้ามาในห้อง เห็นพระชายาหมาดๆของเขาปูผ้าเสร็จแล้วกำลังเอนตัวนอนลงที่พื้นพอดี
องค์ชายมองไปที่พระชายาของเขานิดหน่อยก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงมานอนลงบนเตียงของเขาโดยไม่คิดที่จะสนใจอันดาเลยสักนิด













































