บทที่ 7 7

“จัดห้อง?”

“หนูพักที่นี่สักสองสามวันนะ จะได้เตรียมชุดแต่งงานด้วย ไหนๆ หนูก็ไม่มีคนทางบ้านให้เป็นห่วงอยู่แล้ว”

“เอ่อ คือไม่...”

“รัญชน์ พาน้องไปห้องสิ” เรไรสั่ง

“ครับๆ คุณย่า” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะผายมือไปทางประตู “เชิญครับคุณหนูขวัญ”

“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ” ปลอบขวัญแหว “ฉันไม่ใช่ลูกเศรษฐี”

“งั้นเปลี่ยนใหม่ เชิญครับเมียจ๋า”

หญิงสาวหน้าแดง เม้มปากแน่น ก่อนตวาด “บ้า! ฉันไม่ใช่เมียคุณ”

“เดี๋ยวก็ใช่แล้ว ตอนนี้ก็ซ้อมเรียกไว้ก่อนไง”

“อย่าพูดให้ฉันได้ยินอีก”

“จะพูดอะ ทำไมเหรอ คุณจะทำอะไรผม เมียจ๋า เมียจ๊ะ เมียจ๋า เมียจ๋าของผัว” เขาทำหน้ายียวน ก่อนวิ่งหนีเมื่อหญิงสาววิ่งไล่เตะ

“ว้าย!” ปลอบขวัญอุทานลั่นเมื่อสะดุดเท้าตัวเอง ล้มหงายหลัง กระโปรงร่นถึงขาอ่อน ชายหนุ่มหวนกลับมายืนดูใกล้ๆ แล้วยื่นมือให้

“เอ้า ลุกก่อนสิ เล่นเป็นเด็กไปได้”

หญิงสาวชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสมือเขา... จะว่าไป ผู้ชายคนนี้ก็มีน้ำใจนะ

“ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย” เธอโต้อุบอิบ ลุกยืนปัดกระโปรง

“ไม่ใช่เด็กแต่...” รชานนท์ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบข้างหูเธออย่างล้อเลียน “นุ่งกางเกงในลายหมีน้อยเนี่ยนะ”

“คุณ!” เธอแหว... อารมณ์ซาบซึ้งในน้ำใจของเขาสลายหายวับไปในพริบตา เหลือเพียงความโกรธที่คุกรุ่นในใจ “คุณแอบดูกางเกงในฉัน”

“ไม่ได้แอบดู ผมดูอย่างเปิดเผยต่างหาก คุณอยากนุ่งสั้นเองนี่ จะโทษผมได้ยังไง”

“ตายซะเถอะ!” ปลอบขวัญคำรามในลำคอ ก่อนวิ่งไล่ตีเขา ทว่าชายหนุ่มขายาวกว่าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะสามารถวิ่งได้เร็วกว่าเธอ

พลั่ก!

หญิงสาวชะงักเมื่อชนเข้ากับสตรีร่างผอมบางที่เพิ่งเดินออกจากห้องหนึ่งพอดี

“อุ๊ย!” ปลอบขวัญอุทาน ต่างฝ่ายต่างล้มลงก้นกระแทกพื้น คนที่เธอวิ่งชนนั้นเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ผมย้อมจนดำขลับ ดัดลอนยาวถึงกลางหลัง ที่หน้ามีสีเขียวๆ พอกเต็มไปหมด

“เธอเป็นใครเนี่ย ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ”

“ขะ...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวระล่ำระลัก รีบลุกมาประคองอีกฝ่าย แต่โดนสะบัดมือออก

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน บอกมาว่าเธอเป็นใคร” สาวใหญ่ตวาดลั่น ก่อนจะทรงตัวลุกยืนเองอย่างทุลักทุเล

รชานนท์เดินย้อนกลับมา สีหน้าทะเล้น ทะลึ่ง มาดกวนเมื่อครู่หายไป กลายเป็นชายหนุ่มผู้เงียบขรึมและเฉยชาตามเดิม “คุณแม่ครับ นี่ปลอบขวัญ ขวัญ... นี่แม่ผมเอง”

“สวัสดีค่ะคุณแม่” เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“ฉันไม่มีลูกสาว อย่ามาเรียกฉันว่าแม่” จำเรียงเสียงเข้ม

“ค่ะ ไม่เรียกแม่ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณป้า”

คนที่ไม่ยอมแก่ เมื่อโดนเรียกว่า ‘คุณป้า’ ก็ถึงกับตาถลนทันที “เธอ... เธอท่าทางจัดจ้านนี่ ทั้งลักษณะการแต่งตัวและคำพูด มองดูก็รู้ว่าไพร่สถุน นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่คุณย่ารับประกันนักหนาว่าดีเลิศประเสริฐศรี”

“คนนี้ละครับที่คุณย่าอยากได้เป็นหลานสะใภ้ แล้วขวัญไม่ใช่ไพร่นะครับ เธอเป็นถึงครูบาอาจารย์”

“แต่กำพืดก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีอะไรสักอย่าง กะอีแค่เงินเดือนครูคงแค่พอกินพอใช้ไปวันๆ ไม่มีอะไรเทียบแกได้สักอย่างเลยนะรัญชน์ แล้วดูการแต่งตัวสิ... ยังกับโสเภณี!”

ฟังแล้ว ปลอบขวัญก็เลือดขึ้นหน้า มันอะไรกัน... ทำไมเธอต้องมาทนยืนฟังคนอื่นด่าด้วย ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

“แล้วคนที่เที่ยวดูถูกคนโน้นคนนี้ละคะ อยู่สูงสักแค่ไหนกันเชียว จะรวยจะจนก็คนเหมือนกัน”

“คนเหมือนกัน แต่คุณค่ามีไม่เท่ากัน”

“ที่โรงเรียนไม่ได้สอนเหรอคะ...”

“สอนอะไร” จำเรียงกระชากเสียงถาม

“สมบัติผู้ดีน่ะค่ะ โรงเรียนไม่เคยสอนเหรอว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะต้องวางตัวยังไง”

หญิงวัยกลางคนหน้าร้อนผ่าว ประกาศก้อง “ตารัญชน์ ผู้หญิงคนนี้แม่ไม่อนุมัตินะ ยังไงแม่ก็จะขัดขวาง”

“คุณแม่...” ชายหนุ่มน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ “คุณย่าแก่แล้ว ตามใจแกหน่อยเถอะ”

“เรื่องอื่นตามใจได้ แต่เรื่องสะใภ้ แม่ยอมไม่ได้” จำเรียงสะบัดหน้ามาทางหญิงสาวอย่างเคืองขุ่น “จำไว้นะปลอบขวัญ ฉันนี่แหละคือศัตรูของเธอ” จากนั้นก็สะบัดก้นเดินกลับเข้าห้องไป

“คุณไม่น่าเถียงคุณแม่เลย” เสียงชายหนุ่มเหมือนเหนื่อยใจมากกว่าจะโกรธ

“ฉันถือคติว่า ใครดีมาก็ดีกลับ ใครร้ายมาก็แรงกลับค่ะ”

“คุณแม่ไม่พอใจคุณ เหมือนคุณสร้างศัตรูเลยนะขวัญ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นครั้งแรกที่รชานนท์ได้เห็นหญิงสาวยิ้ม “คุณแม่ของคุณก็น่ารักดีออก ไม่ชอบฉันก็ประกาศเป็นศัตรูแบบเปิดเผยไปเลย ฉันคิดว่า... ศัตรูในที่สว่างน่ากลัวน้อยกว่าศัตรูในที่มืดนะคะ”

ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียด พูดว่า “คุณพูดแบบนี้ได้ก็เพราะยังไม่รู้จักนิสัยคุณแม่ของผมดีน่ะสิ!”

จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก รชานนท์พาเธอมาส่งที่ห้องนอน ซึ่งมีลักษณะกว้างขวาง มีห้องน้ำอยู่ในตัว สะดวกสบาย มีเครื่องปรับอากาศ เครื่องเรือนหรูหราจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เตียงนอนสีฟ้าลวดลายกระจุ๋มกระจิ๋ม กลิ่นดอกไม้กลางคืนลอยมาตามลมเข้าทางหน้าต่าง... หอมสดชื่นจนอยากล้มตัวลงนอนแล้วหลับเสียตั้งแต่ตอนนี้

“ฉันไม่มีเสื้อผ้ามา”

“คุณย่าสั่งเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ในตู้ เลือกเอาเถอะว่าจะใส่ชุดไหน”

“ฉันอยากกลับไปนอนที่บ้านมากกว่า”

“แต่ผมขี้เกียจไปส่งคุณ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มยื่นปากมากดแนบหน้าผากมน ยังไม่ทันที่เธอจะโวยวาย เขาก็รีบผละห่างจากไป โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้ด้วย

“นี่มันวันอะไรของฉัน...!” ปลอบขวัญพึมพำอย่างมึนงง เดินลากขาไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มติดสปริง อยู่ดีๆ เธอก็โดนขโมยตัวมาเป็นเจ้าสาวของมหาเศรษฐี

ชีวิตจริงโอเวอร์ยิ่งกว่าในนิยายเสียอีก... เวอร์จนเธอตั้งหลักรับแทบไม่ทัน

เธอซึ้งใจในน้ำใจของเรไร แต่จะให้เธอแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เธอทำใจแทบไม่ได้ แม้ว่า...

ใบหน้าหล่อเหลาผุดขึ้นมาในห้วงนึก ถึงเขาจะหล่อจนบางนาทีเธอแอบหวั่นไหวไปบ้าง แต่เธอไม่ใช่คนใจง่ายที่เห็นผู้ชายหล่อรวยแล้วจะวิ่งเข้าใส่

การแต่งงานครั้งนี้ เธอจะต้องทำให้เป็นโมฆะให้ได้!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป