บทที่ 2 บทที่ 2

บทที่ 2

ทันทีที่ประตูปิดลงสาวน้อยก็ระบายลมหายใจออกมายาวๆ ขณะกวาดสายตามองรอบๆ ห้อง นอกจากในทุ่งกว้างและโรงนาแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมากที่สุดก็คือห้องนี้ แม้จะไม่ใช่ห้องที่หรูหราและกว้างขวางที่สุดในคฤหาสน์ แต่ก็จัดว่ากว้างพอควร ภายในห้องตกแต่งแบบยุโรปสมัยเก่า มีกลิ่นอายของอินเดียนแดงผสมผสานเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ กว่าสิบห้องในคฤหาสน์หลังนี้ ตอนแรกไวแอตจะให้เธอพักชั้นบน แต่แพรวดาวกลับแย้งว่าให้พักชั้นล่างก็ได้ ซึ่งละอองฝนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่ต้องไปอยู่ปะปนกับเจ้าของคฤหาสน์ แม้ไวแอตจะเอ็นดูเธอมากแค่ไหน แต่ ‘เมสัน แม็คไบรด์’ ลูกชายของเขากลับไม่ได้แสดงท่าทางเป็นมิตรกับเธอและแม่ของเธอเลยแม้แต่น้อย

สาวน้อยยืนพิงประตูห้องอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยเข้าไปอาบน้ำสระผมในห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีโดยมีผ้าเช็ดตัวพันเรือนร่างอยู่เพียงผืนเดียว จากนั้นก็ไปนั่งเช็ดผมที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เนื้อตัวที่มอมแมมเมื่อครู่นี้ถูกชำระล้างออกจนสะอาดสะอ้าน ภาพที่สะท้อนออกมาเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าละอองฝนเป็นผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักมากแค่ไหน ดวงหน้ารูปไข่นั้นช่างงดงามเย็นตาประดุจพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ รับกับนัยน์ตากลมโตสีนิลมณีที่มีเงานุ่มส่งประกายคล้ายดั่งแก้วเจียระไน ริมฝีปากอิ่มสวยราวกับกลีบกุหลาบเป็นสีชมพูอ่อนตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเสริมเติมแต่งลิปสติกให้ยุ่งยาก ผมดำขลับที่เปียกชื้นอยู่นั้นนุ่มสลวยไม่ต่างจากแพรไหม ตัดกับสีขาวนวลผุดผ่องของผิวกาย ซึ่งเนียนละเอียดไปทั่วร่าง ทั้งหมดนี้ล้วนถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อและแม่ แต่ทว่าละอองฝนก็ไม่เคยสนใจรูปโฉมโนมพรรณของตัวเองแต่อย่างใด

หลังจากที่เช็ดผมเผ้าจนแห้งหมาดๆ สาวน้อยก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นมาสวมใส่ และรอเวลาจนแน่ใจว่าทุกคนขึ้นไปยังชั้นบนหมดแล้ว จึงออกไปหาอะไรกินในห้องครัว

พออิ่มก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง พร้อมกับจัดการล้างหน้าแปรงฟันใหม่ ก่อนจะคลานขึ้นไปนอนมองนาฬิกาอยู่บนเตียงจนเข็มชี้ว่าเป็นเวลาห้าทุ่มก็ดีดตัวขึ้นปิดไฟและแอบย่องออกจากห้องของตัวเองเงียบๆ ตรงไปยังห้องดูดาวบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องที่เธอแอบขึ้นไปเป็นประจำในยามค่ำคืน เพื่อชื่นชมความงดงามของเหล่าเดือนดารานับหมื่นนับล้านดวงที่มองเห็นได้อย่างแจ่มชัดในเวลานั้น

ในยามดึกอันเงียบสงัด เจ้าของคฤหาสน์วัยกลางคนหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังจากกินยาหลังอาหารซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ง่วงงุน อดีตนางแบบสาวไฮโซในวัยเกือบสี่สิบปี จ้องมองสามีแต่ใจกลับประหวัดไปถึงผู้ชายอีกคน...

เมสันบุตรชายคนเดียวของไวแอต ถึงแม้เขาจะมีฐานะเป็นลูกเลี้ยงของเธอ แต่ก็มีอายุน้อยกว่าเธอเพียงแค่หกปี เขาช่างเป็นผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเร่าร้อนและน่าปรารถนาอย่างเหลือร้าย ไม่ต่างอะไรจากเปลวเพลิงกองใหญ่ๆ ที่หลอกล่อเหล่าแมงเม่าทั้งหลายให้กระเสือกกระสนโบยบินเข้าไปหาอย่างเต็มใจ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มปกคลุมด้วยหนวดเครารกครึ้มไม่ได้ทำให้เขาน่ามองน้อยลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับทำให้ดูดุดันและน่าค้นหามากกว่าเดิม ดวงตาคู่คมสีอำพันแข็งกระด้างบ่งบอกความทระนงและมั่นใจในตัวเอง เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงไปทุกสัดส่วนสมกับเป็นคาวบอยที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลของขุนนางเก่าแก่ในอังกฤษ สิ่งที่ชวนให้น่าลุ่มหลงมากที่สุดในตัวบุรุษผู้นั้นก็คือท่าทีซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและไม่ยอมใครของเขามันเป็นเสน่ห์และความท้าทายให้อยากมีโอกาสนอนครางกระเส่าอยู่ใต้ร่างกำยำของเขาสักครั้ง

ความรู้สึกนึกคิดนั้นทำให้แพรวดาวค่อยๆ ลุกขึ้นไปยืนอยู่หน้ากระจก ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ รูปร่างในวัยเกือบสี่สิบ ของเธอยังคงสมส่วน เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมอง เพราะเธอดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เธอใคร่รู้เหลือเกินว่ายามที่ร่างกายอันหนั่นแน่นทรงพลังของเมสันเสียดสีถูไถเข้ากับร่างกายของเธอมันจะให้ความรู้สึกที่ซาบซ่านสยิวทรวงมากแค่ไหน...

เมื่อความปรารถนาอันพลุ่งพล่านอยู่เหนือความถูกต้องและเหตุผลทั้งมวล แพรวดาวจึงหยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วเร้นกายออกจากห้องนอนในยามดึกอย่างเงียบเชียบ ตรงไปยังห้องของผู้ชายที่ทำให้เธอหวั่นไหวตั้งแต่สบประสานกับดวงตาสีอำพันครั้งแรกในวันที่เดินทางมาที่นี่ ซึ่งเธอรู้ดีว่าห้องของเขาอยู่ตรงไหนในคฤหาสน์หลังนี้

ครั้นพอไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเมสันแล้ว แพรวดาวก็ไม่รีรอที่จะยกมือขึ้นเคาะประตู เพียงครู่หนึ่งประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออกมาจากข้างใน สาวใหญ่คลี่ยิ้มยั่วยวนทันทีที่เห็นเจ้าของห้องอยู่ในชุดนอนลายทาง เปิดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนเผยให้เห็นแผงอกกว้างล่ำสันที่มีขนสีทองขึ้นประดับเป็นแนวยาว ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดขนเหล่านั้นคงจะเรียงตัวลงไปจนถึงหน้าท้องและหายเข้าไปในขอบกางเกงของเขาเป็นแน่

“มีอะไร?” เสียงห้าวดุเอ่ยถามอย่างห้วนจัด

“ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว...”

อดีตนางแบบสาวไฮโซเน้นคำว่า ‘ส่วนตัว’ พลางชม้ายสายตาขึ้นไปสบประสานกับดวงตาคู่คมอย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีชายใดรอดพ้นบ่วงพิศวาสของเธอได้สักคน

“มีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ”

“ฮื้อ...ใจเย็นๆ สิคะ เราเข้าไปคุยกันข้างในห้องดีกว่านะ”

แพรวดาวไม่พูดเปล่า แต่ยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นอกกำยำด้วยลีลาจัดเจน จงใจปลุกเร้าให้อีกฝ่ายลุกโชนเป็นไฟ ตาอันหยาดเยิ้มคล้ายกับดอกกระดังงาลนไฟลดลงมามองริมฝีปากหยักได้รูปที่เป็นเส้นชัดเจนบ่งบอกว่าเป็นคนรักแรงและดุเดือดน่าดู

บทก่อนหน้า
บทถัดไป