บทที่ 2 บทที่ 2

สุริยะทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมทั้งดึงร่างบางของจันทร์ดาราขึ้นมาด้วย ชายหนุ่มลากหญิงสาวฝ่าสายน้ำที่เริ่มไหลเชี่ยวเข้าหาโขดหินใหญ่ และปีนขึ้นไปนั่งหอบหายใจจนตัวโยนด้วยกันทั้งคู่ ดีหน่อยที่น้ำลึกและเขาก็กอดหญิงสาวแน่นทำให้ร่างของเธอไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน

“โอ๊ย...อีตาบ้า ไม่มีหัวคิดรึไง ถึงได้กระโดดลงน้ำตกแบบนี้”

“เพราะมีหัวไง เลยต้องโดดลงมานี่ ถ้าไม่โดด คุณคิดว่าเราจะรอดเหรอ”

จันทร์ดาราค้อนใส่ร่างหนาขวับๆ ใส่คนมีหัวคิด และยื่นมือให้สุริยะช่วยแกะเชือกให้ อดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า ‘นี่มีหัวคิดแล้วนะ ถ้าไม่มีหัวคิดเธอคงตายแน่ อีตาบ้าเอ๊ย!’

“แกะเชือกให้หน่อย”

เสียงห้วนๆ ที่ไม่คิดจะขอร้องด้วยเสียงหวาน ทำให้สุริยะเบ้ปากมองเธอหมิ่นๆ

“พูดเพราะๆ ไม่เป็นรึไง หรือคิดว่าเป็นลูกสาวนายพล แล้วจะเหยียบหัวใครก็ได้”

“นี่! ฉันก็พูดดีแล้วนะ เพียงแต่ไม่มีคำลงท้ายว่าคะขาเท่านั้น แล้วที่สำคัญเท้าฉันก็เหยียบบนหิน ไม่ได้เหยียบบนหัวนายเลยสักนิด”

“อายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมพูดจากับผู้ใหญ่แบบนี้ ที่โรงเรียนไม่มีสอนหรือไง ว่าเวลาพูดจากับผู้ใหญ่น่ะ ต้องพูดยังไงบ้าง เอ...คุณก็น่าจะเรียนโรงเรียนผู้ดีหรอกนะ แต่ทำไม...”

“ทำไมอะไร พูดให้ดีๆ นะ”

“เปล่า อย่ารู้เลย รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา” สุริยะแกะเชือกที่ผูกข้อมือบางออก “คุณชื่ออะไร”

จันทร์ดาราได้ยิน แต่ทำเป็นไม่ได้ยินไม่รู้ไม่ชี้ไปเสียอย่างนั้น

“ผมถามว่าชื่ออะไร ไม่ได้ยินรึไง” สุริยะต้องถามซ้ำ

“แล้วนายมาจากไหน ทำไมไม่รู้ว่าฉันชื่ออะไร แล้วถ้าช่วยผิดคนจะทำยังไง”

ดูจากชุดทหารก็รู้แล้วว่าพ่อเธอคงส่งมาช่วย

“ก็คิดซะว่าทำบุญไง คุณคิดว่าผมอยากช่วยคุณนักเหรอ ผมรู้แต่หน้าตาและรูปร่าง เขาบอกเหมือนกันว่าชื่ออะไร แต่ไม่ใส่ใจเพราะถึงจะจำชื่อได้ แต่ถ้าจำหน้าไม่ได้ก็ไลฟ์บอย”

สุริยะแบมือออกด้านข้าง และยักไหล่ขึ้นน้อยๆ ด้วยท่าทีกวนประสาท

จันทร์ดาราทำหน้าย่นอย่างไม่พอใจผู้ชายข้างหน้านี้เลย ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพาเขา เธอจะเอาไม้ฟาดปากให้สลบเหมือดไปเลย

สุริยะเดินนำเลียบไปตามธารน้ำตก และไปหยุดลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง

“จะบอกได้หรือยังว่าชื่ออะไร”

“นายก็บอกมาก่อนสิว่าชื่ออะไร” จันทร์ดาราย้อนถาม

“ผมชื่อพันตรีสุริยะ สุริโยปกรณ์ แต่ใครๆ เค้าก็เรียกผู้พันยะ” สุริยะยอมบอกก่อน

“ฉันชื่อจันทร์ดารา จักราพิมุข พ่อแม่เรียกว่าจันทร์เจ้า”

หญิงสาวจึงยอมบอกไปบ้าง แล้วต้องหน้างอง้ำ เมื่อสุริยะหัวเราะขำชื่อเธอจนตัวโยน

“คนอะไรชื่อจันทร์ดารา ชื่อเหมือนหนังโป๊ชะมัด”

“กรี๊ด! ไอ้บ้า ไอ้คนบ้า แล้วนายล่ะชื่อสุริยะได้ยังไง”

“ทำไมครับ ชื่อสุริยะมันเป็นยังไงไม่ทราบ”

สุริยะลอยหน้าลอยตาถามอย่างยียวน

“ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่แปลก แต่นายน่ะมันดำปิ๊ดปี๋ต้องชื่อราหูมากกว่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ นายราหู...”

ว่าแล้วจันทร์ดารา ก็เท้าสะเอวเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างชอบใจ

“ราหูเหรอ ได้...งั้นผมจะเป็นราหูอมจันทร์ให้คุณดู”

สุริยะบอก ก่อนกระชากร่างบางเข้าหา ใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มนวลกระชับ และบดขยี้ปากร้อนๆ แนบปากนุ่มอย่างรุนแรง

จันทร์ดาราถึงกับอ่อนปวกเปียก เพราะไม่เคยถูกจูบมาก่อน รางบางอ่อนระทวยเอนกายเข้าหาร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว กลีบปากนุ่มถูกแยกแย้มด้วยปลายลิ้นสาก และสอดแทรกดูดดื่มความหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับนั้น ทำให้เขาลืมตัวเบียดต้นขากำยำแทรกขาเรียวและแยกออกกว้าง เบียดแนบความแข็งแกร่งเข้าหาความอ่อนนุ่มอย่างเร่าร้อน

เมื่อจูบจนพอใจ สุริยะก็ถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย สีหน้าและดวงตาที่มองจันทร์ดารานั้นแวววาวคล้ายกำลังเยาะหยันอะไรบางอย่าง ก่อนวาจาสามหาวจะเปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูป

“เป็นไงล่ะ เจอฤทธิ์ราหูอมจันทร์เข้าไปถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอ ถ้าอยากได้อีกก็บอกนะ จะจัดให้ตามที่ขอ”

“เพียะ”

เสียงฝ่ามือสะบัดใส่แก้มสาก ใบหน้าดำๆ หันไปตามแรงตบ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กล้าตบหน้าเขาเป็นคนแรกด้วยดวงตาวาวโรจน์ แต่ชั่วครู่เดียวมุมปากลึกก็ขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน

“ผู้หญิงตบ เขาว่าผู้หญิงรัก แต่สำหรับคุณคงอยากได้มากกว่าจูบ ถึงได้ตบผมซะจนหน้าชาแบบนี้”

จันทร์ดาราก้าวถอยหลังทันทีที่สุริยะก้าวเข้าหา หนึ่งก้าวต่อหนึ่งก้าว หญิงสาวมองร่างสูงอย่างหวาดผวา ริมฝีปากบ่วมเจ่อจากการถูกจูบอย่างรุนแรงนั้นสั่นระริก ดวงตาคู่สวยฉายชัดถึงความหวาดกลัวคนตรงหน้า

“อย่าเข้ามานะ ถ้านายทำอะไรฉันล่ะก็ ฉันจะฟ้องพ่อจริงๆ ด้วย แล้วฉันจะบอกพ่อให้ไล่นายออกจากราชการ”

“เหรอ...อย่าลืมบอกด้วยล่ะ ว่าได้พันตรีสุริยะเป็นผัวตั้งแต่อยู่กลางป่าแล้ว”

“อ๊าย...คนบ้า ถึงฉันจะดูง่าย แต่ฉันก็เลือกนะยะ” จันทร์ดาราบอกเสียงหลง แต่เท้าบางที่เดินถอยหลังไปทีละก้าว ต้องหยุดนิ่ง เมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง

“ผมไม่อยากเป็นตัวเลือกของคุณหรอก” สุริยะก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกชิดกัน “แต่ถ้าแก้ขัดล่ะก็พอได้”

“เอาหน้าดำๆ ของนายออกไปนะนายราหู ไม่งั้น...ฉันจะร้องจริงๆ ด้วย” จันทร์ดาราเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกโด่งที่เอียงวูบเพียงให้ริมฝีปากทำงานได้ถนัดถนี่

“เชิญเลย ถ้าคุณไม่กลัวพวกมันมาตามไล่ล่าอีก ก็เอาสิ” สุริยะขู่เสียงดุ แต่ดวงตานั้นพราวระยับ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป