บทที่ 2 บทที่ 2

“แหม...ก็ลูกของเราต้องไปเสี่ยงอันตรายมากมายกว่าจะกลับมานี่คะ ฮือๆ อิฉันก็ดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกน่ะสิ” บอกแล้วก็ปาดน้ำตาลวกๆ แต่น้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นสายก็ยังไม่มีท่าว่าจะหยุด

“คุณแม่ครับ จำได้มั้ยครับว่าผมเคยพูดว่ายังไง” นับรบถาม แล้วก็ได้รับค้อนงามๆ จากมารดามาเสียหลายวง

“ฮึ...จะทวนความจำของแม่รึ แม่จำได้หรอกน่ะว่าจะต้องภูมิใจที่มีลูกเป็นรั้วของชาติ และต้องทำใจแข็งเมื่อลูกต้องออกรบ แต่ไอ้หน่วยของลูกนี่มันอันตรายเสียจริง ไม่เพียงแค่ทำหน้าที่อยู่กลางน้ำกลางทะเล ยังต้องไปช่วยทั้งบนบกและบนฟ้าโน่นอีก แบบนี้จะให้แม่ไม่ดีใจจนน้ำตาตกได้ยังไงกันฮึ”ลงท้ายด้วยคำประชดประชันเล็กๆ น้อยๆ

“คุณแม่ก็ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจสิครับ ว่าลูกของแม่คนนี้จะเอาชีวิตรอดกลับมาให้คุณแม่ได้เห็นทุกครั้ง ผมสัญญาแล้วไงครับ แม่จำไม่ได้เหรอ”

“จำได้ เอาเถอะ แม่จะพยายามก็แล้วกัน” คุณนายนภาพรเดินไปหาสามีแล้วป้องปากกระซิบกระซาบ “คุณ...แบบนี้อิฉันคงต้องหาสมัครพรรคพวกเสียแล้ว ถ้าได้ลูกสะใภ้เมื่อไหร่ อิฉันคงมีเพื่อน”

“แล้วกันคุณ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

นักรบส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างบิดากับมารดา

“คุณแม่คงต้องรอนานหน่อยนะครับ เพราะตอนนี้ผมยังไม่คิดจะมีเมีย”

“ต๊าย!! ไม่ได้นะ อายุเราก็ตั้งมากแล้ว 32 ปีนี้แล้วนี่ จะให้แม่รอจนแกแก่หัวหงอกเลยหรือแม่ต้องตายก่อนล่ะ”

“โธ่...ผู้ชายอายุ 32 ใครบอกว่าแก่ครับ ผมยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว แถมยังแรงดีอีกต่างหาก แต่ถึงจะ 40 ผมรับรองว่ายังฟิตปั๋งนะครับ” นักรบโอ้อวดสรรพคุณ ยิ้มกว้างด้วยความสุขชีวิตในตอนนี้เขาก็มีความสุขอยู่กับงานที่ทำ ออกเรือไปแทบจะไม่มีผู้หญิงตกถึงท้อง ขึ้นบกได้พักเมื่อไหร่นั่นแลจึงจะหาความสุขใส่ตัว แต่ยังไม่อยากหาเหาใส่หัวในตอนนี้

“40 น่ะนานไป แม่ไม่รอแกหรอกนะตารบ ถ้าแกยังหาลูกสะใภ้ให้แม่ไม่ได้ แม่จะหาให้แกเอง”

“ผมว่าคุณอย่าไปบังคับลูกเลยนะ ไอ้ลูกเราน่ะบังคับได้ซะที่ไหน บังคับไปเดี๋ยวก็หายหน้าไป 5 ปี แล้วคุณจะเสียใจนะคุณนภา” เสี่ยยุทธนาเตือนศรีภรรยาด้วยความหวังดี เพราะรู้จักบุตรชายเป็นยังดีว่าไม่ชอบถูกใครบังคับ

“ผมเป็นทหาร จะหาคนที่เหมาะจะเป็นเมียทหารก็ต้องดูกันให้รอบคอบ ถ้าได้มาแล้วเอาแต่กระซิกๆ ขยับตัวไปไหนก็ไม่ได้ ผมคงโบกมือบ๊ายบายดีกว่าครับ แม่ให้เวลาผมหน่อยนะครับ ถ้ารอไม่ไหวก็บอก เดี๋ยวผมจะเลือกใครสักคนในกองมาแต่งงานด้วย”

“ห๊า...เดี๋ยวนี้นาวิกโยธินเขามีผู้หญิงแล้วเรอะ” มารดาทำตาโตอย่างสงสัย

“เปล่าหรอกครับ ก็ถ้าคุณแม่รีบ เดี๋ยวผมก็เลือกทหารในกองนั่นแหละครับ เลือกเอาสักคนมาเป็นลูกเขย เอ๊ย! ลูกสะใภ้ โอ๊ย!!!” เสียงสุดท้ายร้องลั่นเมี่อต้นแขนถูกหยิกหมับแล้วบิดแรงๆ

“นี่แน่ะ ตารบนะตารบ อย่าทำอย่างนั้นเชียวเสียชาติเกิดกันหมด” มารดาสะบัดหน้าพรืด

นับรบหัวเราะลั่น นึกอยากจะเล่าเรื่องของทหารบนเรือให้มารดาฟัง แต่นึกไปนึกมาก็กลัวจะทนฟังไม่ได้เลยตัดใจไม่เล่าดีกว่า เก็บไว้เป็นความลับสุดยอดของเหล่าทหารกล้าก็แล้วกัน คิดแล้วก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเหล่านั้น แต่เข้าใจว่าความต้องการอันมากล้นซึ่งเกิดจากการเก็บกักไว้นานจะต้องถูกปลดปล่อย แล้วในเมื่อผู้หญิงน่ะหาไม่ได้ก็ต้องใช้พลังมือวิเศษหรือรูมหัศจรรย์แทนเป็นกรณีไป เมื่อครั้งที่ออกเรือใหม่ๆ พอพบเจอเขาเองก็รับไม่ได้ แต่พอนานๆ เข้าก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

“แล้วกิจการของเราเป็นยังไงบ้างครับพ่อ” เขาถามบิดาหลังจากอาบน้ำพักผ่อนไปหลายชั่วโมงแล้วลงมาพบกันที่โต๊ะอาหาร

“ก็ดี ไปได้เรื่อยๆ พรุ่งนี้ก็มีทัวร์จากมาเก๊า มะรืนนี้ก็เป็นทัวร์ของกลุ่มแม่บ้านทั่วไทย”ที่พูดมานี่ล้วนแล้วแต่เป็นทัวร์กรุ๊ปใหญ่ที่มีไม่ต่ำกว่า 400 คน แล้วยังไม่นับทัวร์กรุ๊ปเล็กๆ ที่แบ่งกันแต่ละคันรถ เรียกว่าจำนวนรถทั้ง 150 คัน มีคิวเต็มตลอด

“อืม...แสดงว่ามีงานตลอดสินะครับ แบบนี้คุณพ่อคงเหนื่อยน่าดู”

“เหนื่อยแต่ก็สนุก พ่อคงเหมือนแกที่รักจะทำงานนี้แล้วเลิกไม่ได้ กว่าพ่อจะขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน แล้วจะให้วางมือทั้งที่ยังทำไหวน่ะไม่มีทาง”

นักรบเข้าใจว่าคนรักในอาชีพที่ทำมีความรู้สึกยังไง บิดาของเขาก่อร่างสร้างตัวมาจากการขับรถทัวร์ แล้วผันตัวเองมาเป็นไกด์ ก่อนจะลงทุนสร้างรากฐานจากบริษัททัวร์เล็กๆ กระทั่งเป็นบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน ชื่อเสียงของเสี่ยยุทธนาไม่มีใครไม่รู้จัก และน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักบริษัท ผดุงกิตติ์ทัวร์ จำกัด ชื่อเสียงที่ก้องกังวาลล้วนแล้วมีแต่ด้านดีๆ เท่านั้น ทั้งด้านการบริการ การเอาใจใส่ และการปรับปรุงให้อยู่บนเส้นมาตรฐานตลอดเวลา

“แล้วแบบนี้ต่อไปถ้าทำไม่ไหวล่ะครับ”

“ถ้าทำไม่ไหว แกก็ต้องมารับช่วงแทนพ่อสิตารบ”

นักรบทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ เรื่องธุรกิจไม่ต้องพูดถึงเพราะเขาไม่รู้เรื่องและไม่เคยคิดจะเรียนรู้แม้ครอบครัวจะมีกิจการใหญ่โต เพราะตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นทหารจนกว่าจะเกษียณไปตามกาลเวลา

“เฮ้ย! พ่อล้อแกเล่นน่ะ” เสี่ยยุทธนาตบบ่าลูกชาย “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวแกมากนะ ถึงแม้บางครั้งจะอดเป็นห่วงเสียไม่ได้ แต่ก็ภูมิใจที่มีลูกรับใช้ประเทศชาติ เพราะหากไม่มีทหารหาญประชาชนตาดำๆ ก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร”

“ขอบคุณครับพ่อที่เข้าใจผม”

“แม่ก็ภูมิใจในตัวลูกนะตารบ แต่พอเห็นข่าวที่นั่นที่นี่เกิดเรื่อง รู้ว่าบางแห่งอาจจะมีลูกแม่อยู่ในนั้นด้วย ก็ทำให้แม่ข่มตานอนไม่หลับเป็นพักๆ ไหว้พระสวดมนต์ขอให้ลูกของแม่ปลอดภัยกลับมาทุกครั้ง”

“ผมดีใจที่ได้ยินแม่พูดแบบนี้นะครับ” นักรบโน้มตัวกอดเอวมารดาแน่น “คืนนี้ขอนอนหนุนตักแม่จนกว่าจะหลับนะครับ”

“ได้สิลูก” คุณนายนภาพรบอกอย่างยินดี

“แต่อย่านานนักนะ นั่นน่ะเมียพ่อนะเว้ย” เสี่ยยุทธนากระเซ้าครื้นเครง หัวเราะจนพุงกระเพื่อมไปมา

“เมียพ่อแต่แม่ผมนี่ครับ ผมไม่ขัดจังหวะคุณพ่อนานๆ หรอกครับ ก็แค่...คิดถึง”

“ช่างประจบจริงไอ้ลูกคนนี้”

แล้วเสียงพูดคุยถามไถ่เรื่องราวทั่วๆ ไป ก็ลอยออกมาตามลมที่พัดโกรกอยู่ภายนอก บางช่วงบางตอนก็มีเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาตามประสาพ่อแม่ลูก ที่นานๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้าค่าตาแบบนี้ ความสุขและความอบอุ่นรายล้อมอยู่รอบบ้านหลังงามที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณกว้างขวาง มีสวนไม้ค่อนข้างหนาครึ้มตามความชอบของเจ้าของ ทั้งสดชื่นและอบอุ่นเสียนี่กระไร

บทก่อนหน้า
บทถัดไป