บทที่ 5 บทที่ 5
“ต้องรอให้คณะลูกทัวร์ออกจากห้องประชุมก่อนนะคะ เราถึงจะแจกกุญแจห้อง” ประชาสัมพันธ์สาวบอกเขาเช่นนั้น
“ทำไมหรือครับ ผมเป็นโชเฟอร์ ตอนนี้ก็เสร็จงานของผมแล้วนี่นา ทำไมผมถึงยังไม่ได้เข้าห้องพักอีก”
“มันเป็นกฎของทางคณะทัวร์ค่ะ เมื่อก่อนจะแจกกุญแจให้ตั้งแต่ได้เข้าโรงแรม แต่พอถึงเวลากินเลี้ยงก็มีคนบางส่วนหายตัวขึ้นไปนอนก่อน”
“อ้อ...การแก้ปัญหาก็เลยเป็นแบบนี้สินะ สรุปว่าผมต้องรอให้ลูกทัวร์ 400 คน ออกมาจากห้องประชุมนั่น ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมง ถ้างั้นผมขอไม่ใช้สิทธิ์โชเฟอร์ที่มากับคณะทัวร์แล้วกัน เปิดห้องใหม่ให้ผม 1 ห้องนะ”
“เอ๊ะ! ห้องที่นี่ คืนละ 1,800 บาท เป็นห้องที่ถูกที่สุดนะคะ”
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจ่ายเองไม่ได้หรอกน่ะ คุณมีหน้าที่บริการก็บริการไปเถอะ เอ้านี่” นักรบส่งเครดิตการ์ดสีทองให้ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม “ผมขอห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกับไกด์ หวังว่ามันจะยังมีเหลืออยู่บ้าง” บอกความประสงค์แล้วกระตุกมุมปากมอบรอยยิ้มกระชากใจสาวอย่างตั้งใจ
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณครับ” เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วขยิบตาข้างหนึ่งให้สาวๆ ความหล่อล่ำกระชากใจเรียกรอยยิ้มหวานจากสาวๆ ประชาสัมพันธ์ได้ไม่ยาก
รอสักครู่เดียวกุญแจห้องในชั้นที่ต้องการก็อยู่ในมือ สวัสดิการการเข้าพักของไกด์ก็เหมือนสวัสดิการของพนักงาน บริษัทไม่มีทางจะให้พักห้องละคนอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ำกว่า 3 คน เป็นการประหยัดงบประมาณไปในตัว เพราะห้องพักของโรงแรมระดับนี้มีราคาสูงพอสมควร
“อ้าว...มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งไม่ใช่เพราะเสียงดังอยู่ข้างหลัง แต่เพราะเป็นเสียงหวานที่หลอกหลอนเขาอยู่ในหัว ยัยไกด์กระเทยนั่นจะเรียกทำไมกัน
นักรบสวมแว่นกันแดดปิดบังดวงตาเช่นเดิม ก่อนจะหันไปมองเห็นเธอเอียงหน้ามองเขาราวจะจับผิด แต่เขากลับยืดอกแกร่งๆ อวดโอ้ว่าเขาเป็นชายแท้ต้องการแต่ผู้หญิง ไม่ใช่ชายก็ได้หญิงก็ดี
“ผมมาขอกุญแจห้องพัก”
“ยังไม่ได้เวลารับกุญแจเลยนะคะ ต้องรอให้ลูกทัวร์ออกจากห้องประชุมก่อนนะ” ชาครียาอธิบาย
“แต่ผมเหนื่อย อยากพัก”
“ถ้าคุณเอาไปตอนนี้ วินัยที่วางไว้ก็เสียหมดน่ะสิ ทำไมคุณไม่ออกไปเดินเล่นหรือนอนรออยู่ในรถก่อนล่ะ”
“ในรถที่ดับเครื่องน่ะร้อนจะตายชัก ใครจะไปนอนรออยู่ไหว จะติดเครื่องนอนรอจนกว่าจะได้เวลา ก็ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษเอาเปล่าๆ คุณนี่ไม่รักโลกเอาซะเลยนะ”
ชาครียาเริ่มฉุนกึก เธอก็พูดอธิบายดีๆ แล้วทำไมเขาไม่ยอมฟังกันบ้าง รอนิดรอหน่อยทำเป็นไม่ไหว อีตานี่นิสัยยอดแย่จริงๆ เลย
“นี่คุณ! ถึงคุณจะเป็นโชเฟอร์ชั่วคราว แต่คุณก็รับเงินจากเสี่ยยุทธนาเหมือนฉันนะ ถ้าเสี่ยรู้ว่าคุณไม่รักษาระบบที่วางไว้ เสี่ยต้องไม่พอใจคุณแน่”
“แล้วใครแคร์ ผมเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ทำงานไม่กี่วันก็ไปแล้ว”
“แต่ถึงยังไง คุณก็ต้องเคารพกฎระเบียบของเรา”
นักรบนึกนิยมในความรักษาระเบียบแบบแผนของชาครียาไม่น้อย ถ้าเธอเป็นหญิงแท้ก็คงจะดี นึกแล้วก็อดกวาดตามองไปทั่วร่างระหงนั้นไม่ได้ หมอศัลยกรรมสมัยนี้เขาเก่ง ทำผู้ชายให้เป็นผู้หญิงได้อย่างที่แทบจะมองไม่ออก
“เงินเดือนก็ไม่มากนัก แต่เอาไปให้หมอศัลยกรรมถลุงเสียหมด”
“อะ...อะไรนะ คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” ชาครียาไม่รู้จริงๆ ไม่ใช่แสร้งทำเป็นไม่รู้ ก็เถียงกันเรื่องห้องพักอยู่ดีๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นหมอศัลยกรรมได้อย่างไร
“ผู้ชายสมัยนี้ก็กระไร เกิดมาเป็นตัวผู้ดีอยู่แล้ว ยังอยากจะเป็นผู้หญิงให้เสียชาติเกิด” นักรบบอกเรียบๆ แล้วออกเดินไปทางลิฟต์เพื่อจะขึ้นห้องพักของตน
ชาครียาไม่ปล่อยให้ความคับข้องใจผ่านเลยไปได้ง่ายๆ เธอจ้ำอ้าวตามติดเขาไปทันควัน แต่ดูเหมือนผู้ชายตรงหน้าอยากจะหนีหายไปจากเธอมากกว่า ทำไม?
“นี่...เดี๋ยวสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะ”
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” นักรบหันมาบอก พร้อมกับเบ้ปากอย่างเย้ยหยัน ยิ่งทำให้ชาครียางุนงงหนัก เธอทำอะไรผิด ถึงจะไม่เห็นดวงตาเพราะถูกปิดบังด้วยแว่นกันแดด แต่มุมปากที่ลากลึกนั้นมันดูหมิ่นเธอชัดๆ แบบนี้จะปล่อยให้เขาเดินลอยนวลจากไปง่ายๆ ได้ยังไงกัน
“แต่ฉันจะไม่ให้คุณไปไหน ถ้าไม่บอกว่าที่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง” เธอเดินมาขวางน้ำ หนำซ้ำยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง
กระเทยตรงหน้าคงตัวเล็กมาตั้งแต่เกิด ผู้ชายที่สูงไม่เกิน 160 ซม. จัดว่าเป็นผู้ชายตัวเล็ก แบบนี้สิเล่าคนอื่นถึงมองเห็นเธอเป็นสาวแท้
“ผมไม่ชอบคุยกับกระเทย หนีไป”
“เฮ้ย!! พูดอย่างนี้หาเรื่องกันนี่นา” ชาครียาโวย
“จะคิดยังไงก็ช่าง หลีก”
แม้จะถูกไล่ซ้ำ ชาครียาก็ยังไม่ขยับ เธอเท้าสะเอวตั้งหลักขวางหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฉันจะไปบอกเสี่ย”
“เรื่อง?”
“ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติผู้หญิง”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ผู้หญิงเรอะ ไม่น่าจะใช่ของแท้ล่ะนะ” นักรบหัวเราะร่วม แล้วเขาก็ดึงแว่นออกจากหน้า ทีนี้กวาดตามองไปทั่วร่างเล็กสะโอดสะองของคนที่คิดว่าเป็นสาวประเภทสอง อย่างที่เจ้าตัวเห็นก็ต้องหน้าร้อนผ่าว “นมก็ไม่มี หน้าก็เรียวแหลม สะโพกก็...อืม...ยังไม่ค่อยผายเท่าไหร่ สงสัยไม่พ้นมีดหมออีกหลายครั้งกระมัง เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ”
คราวนี้ชาครียาตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เธออยากกระทืบเท้าเร่าๆ แล้วกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือโรงแรม และลูกค้าของบริษัทมากมายที่อยู่ในห้องประชุมนั่นล่ะก็ ไอ้หมอนี่...ตาย!!!
“นาย!!! ไอ้ตาถั่วเอ๊ย! ถึงว่าใส่แว่นกันแดดตลอดแม้จะเข้ามาในโรงแรมแล้ว ก็เพราะมีตาถั่วๆ นี่เอง ทีหลังรู้จักหัดกินนมหรือไม่ก็กินข้าวซะบ้างนะ อย่ากินนักไอ้ถั่วกับหญ้าเนี่ย!”
ต่อว่าต่อขานเขาเสียงสั่น ยังไม่หายยังอยากจะหาอะไรมาแพ่นกระบาลให้หนำใจ ‘อย่าให้อยู่ในที่ลับตาคนเมื่อไหร่เลย คอยดูจะฟาดหัวให้สลบเหมือด หนอย...หาว่าเป็นกระเทยซะได้ คนออกจะสวยเริ่ดขนาดนี้ ชิ!’
ชาครียาเดินลงส้นจากไปอย่างสุดโกรธ พยายามนับหนึ่งถึงร้อยก็แล้ว แต่ไฉนตัวเลขมันถึงได้น้อยนัก กว่าเธอจะเดินไปถึงห้องประชุมซึ่งมีคณะลูกทัวร์กำลังนั่งฟังคำบรรยายจากอาจารย์ท่านหนึ่ง เธอก็รู้สึกคล้ายจะหอบจนตัวโยน แล้วนับต่อจากร้อยไปถึงล้าน
นักรบได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งลิฟต์เปิดแล้วปิดลง เขาก็ยังไม่ก้าวเข้าไปเพราะมัวแต่มองตามหลังและโมโหไม่น้อยเมื่อถูกกระเทยเสียงหวานหาว่ากินหญ้าแทนข้าว เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิง...ไม่ใช่สิ ถูกกระเทยด่าว่าเอาขนาดนี้ แม้จะมีบ้างบางครั้งที่เขาเกือบจะถูกทึ้งจากพวกสาวประเภทสองที่มากไปด้วยเขี้ยวเล็บเหมือนเสือโหยเหล่านั้น ไม่มีเสียล่ะไอ้ที่เท้าสะเอวด่าปาวๆ แค่หาว่าตาถั่วนี่ยังไม่มากเท่าหาว่ากินหญ้าแทนข้าว
