บทที่ 4 4

“ นิสัยของหนูเอมแม่ว่าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เธอเป็นคนชอบเอาแต่ใจเท่านั้น แม่เชื่อว่าลูกปราบพยศเธอได้”

คุณวรรณวลีหลิ่วตาให้ลูกชาย

“ แต่เธอมีแฟนแล้วนะครับแม่ ผมไม่ชอบแย่งของใครแม่ก็รู้”  ภูตะวันพูดเสียงหนักแน่น

“ แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบแย่งของใคร แต่นี่แม่ไม่คิดว่าเป็นการแย่งนะ เพราะหนูเอมเธอยังโสด”

“ แต่การที่เธอมีแฟนก็ถือว่าเธอไม่โสดไปครึ่งหนึ่ง”

“ ไม่ใช่จ้ะ การที่เขาเป็นคู่หมั้นของภู แม่ถือว่าเธอเป็นคนของลูกครึ่งหนึ่งแล้วจ้ะ ไม่ใช่แบบที่ลูกคิด”

“ แต่”

“ ไม่มีแต่ ภูเชื่อแม่นะลูก เธอเป็นของภู และลูกไม่ได้แย่งใคร”

“ ครับแม่”

“ ข้อสำคัญ ทำให้เธอรักให้ได้นะภู”

“ครับแม่ ผมจะพยายาม ”

“ ครับแล้วต้องทำให้ได้นะภู แม่หาสิ่งดีไว้ให้ลูกแล้ว เพียงแต่ลูกจะเก็บรักษามันไว้ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”

ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองมือตัวเอง สิ่งที่คุณวรรณวลีบอกเขาว่าเป็นสิ่งดี ชายหนุ่มยังไม่รู้เลยว่ามันดีแน่หรือเปล่า แต่เขายอมรับว่าเธอทำให้หัวใจที่แข็งของเขาอ่อนยวบ และเต้นแรงได้เพียงแค่ได้สบตาเธอ

“แม่อยากออกไปดูดอกไม้ข้างนอก ภูช่วยพาแม่ไปหน่อยสิ”

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรกับคำขอของมารดา เขาเพียงขยับตัว  ลุกขึ้นใช้ลำแขนที่แข็งแรงสอดเข้าใต้ขาพับมารดาอีกแขนซ้อนด้านหลัง ก่อนจะยกตัวมารดาลอยขึ้นมาแนบอกเหมือนว่าตัวคุณวรรณวลีเบาแสนเบา เดินมาไม่ไกลจากเตียงนัก ภูตะวันก็วางร่างมารดาลงบนรถเข็นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเข็นรถพาร่างบางของมารดาออกจากห้อง

ร่างบางนอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนหนานุ่มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ หลังจากที่กินแซนวิชรสอร่อยไปถึงหกชิ้น และหากไม่มีเสียงของใครปลุกเสียก่อน

“ ตื่นเถอะค่ะคุณ” อำภาเขย่าตัวหญิงสาวเบาๆ

“ หือ มาปลุกทำไมอำภา” เสียงงัวเงียของหญิงสาว ทำให้คนมาปลุกหัวเราะคิกคัก

“ตื่นเถอะค่ะ ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว มัวนอนจะไม่ทันนะคะ”

“ ไม่ทันก็ไม่ทันสิ อำภาออกไปเถอะ ฉันจะนอนต่อ กำลังหลับสบาย”

“เขาไม่อยากตื่นก็ปล่อยเขานอนเถอะอำภา พวกคุณหนูก็  แบบนี้แหละ สบายจนเคยตัว”

เสียงทุ้มนุ่มที่พูดเนิบๆดังมาจากหน้าประตูทำเอาเอมวิกาหูผึ่งดีดตัวลุกขึ้นนั่งหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างไม่พอใจ

“ ก็ฉันมาเหนื่อยๆอยากจะนอนพัก คุณจะต้องมาพูดแบบนี้ทำไม”

“ ผมพูดอะไรไปเหรอคนสวย ผมแค่บอกอำภาว่าคุณอยากนอนก็ให้นอน ไม่ต้องไปปลุกคนเขาจะนอน ผมพูดเสียหายอะไรตรงไหน” ภูตะวันยืนเท้าเอวถาม

เอมวิกาตัวสั่นด้วยเถียงไม่ออก คุณหนูจอมวีนอย่างเธอ ต้องมาเถียงแพ้นายรูปหล่อปากจัดอย่างนั้นหรอ

“ ไปเถอะอำภา คุณของอำภาเขาอยากนอนก็ปล่อยเขานอนไป ปล่อยให้คนแก่เจ้าของบ้านนั่งรอไปก่อน”

หญิงสาวรู้สึกว่าจะทนไม่ไหวกับคำถากถางของชายหนุ่ม  ร่างบางสมส่วนกระโดดโครมลงไปยืนข้างเตียง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่อำภานำมาแขวนไว้ให้ก่อนเธอหลับ

“ คุณเลิกพูดจาแบบนี้กับฉันเถอะ อีกสิบนาทีฉันถึงห้องอาหารแน่นอน”

พูดจบไม่รอให้ชายหนุ่มพูดอะไร เธอรีบเดินจะเข้าห้องน้ำ แต่เสียงทุ้มนุ่มของเขาก็ยังคงดังมารบกวนเธอจนได้

“ แน่ใจเหรอว่าสิบนาทีจะพอ ผมให้คุณยี่สิบนาทีเลยคุณหนู”

เสียงประตูห้องน้ำปิดดังโครม!! พร้อมกับเสียงร้องกรี๊ดที่ดังลอดออกมา ภูตะวันหัวเราะหึๆอย่างชอบใจที่คำพูดของเขาทำให้ผู้หญิงอย่างเอมวิกากรี๊ดได้

ร่างสูงหันไปมาอยู่หน้าห้อง ก่อนจะหันไปบอกให้อำภาออกไป เขาจะอยู่รอเอมวิกาเอง เด็กสาวก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มออกจากห้องไปเงียบๆ

หลังจากได้อาบน้ำเย็นจนชื่นใจแล้ว เอมวิกาก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยท่าทางที่สดชื่น แต่ความเย็นสดชื่นอยู่กับเธอไม่นานนัก เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนรอเธออยู่ในห้องไม่ใช่อำภา

กรี๊ดดด

เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังหันมามองเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน

“ เป็นบ้าอะไรกันคุณหนูจะร้องทำไม”

“ก็คุณมาอยู่ทำไมในห้องนี้ล่ะ”

“ อ้าว! ผมรอพาคุณไปห้องอาหารยังไงล่ะคุณหนู”

“ แล้วทำไมคุณไม่ให้อำภามารอ คุณมารอเองทำไม” เธอทำเสียงเหมือนว่าเขาเป็นนัยๆ

“อำภามีงานต้องทำ ไม่ได้ว่างมานั่งรอใครนะสิ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป