บทที่ 1 ตอนที่ 1

เพลิงรักปฐพี

ผู้​เขียน : กาสะลอง

สงวน​ลิขสิทธิ์​ตาม​พระ​ราช​บัญญัติ พ.ศ.2537

ไม่​อนุญาต​ให้​สแกน​หนังสือ​หรือ​คัด​ลอก​เนื้อหา​ส่วน​ใด​ส่วน​หนึ่ง​ของ​หนังสือ เว้น​แต่​ได้​รับ​อนุญาต​จาก​เจ้าของ​หนังสือ​เท่านั้น

เพลิงรักปฐพี

จากใจนักเขียน

ผู้เขียนดีใจมาก ในครั้งแรกที่รู้ว่าจะได้มาเขียนนิยายเกี่ยวกับ     ‘สี่เหล่าทัพ’ ซึ่งประกอบไปด้วย ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ตามเค้าโครงเรื่องที่ได้วางเอาไว้ร่วมกันกับเพื่อนๆ ที่ให้โอกาสชักชวนกาสะลองมาร่วมงาน

ชายแดนอัฟกานิสถาน

ภายในฐานที่มั่นของกองทัพสหรัฐอเมริกา เบื้องหลังแนวบังเกอร์ป้องกันการโจมตีของข้าศึก เสียงปืนกลลั่นรัวถี่ยิบมาหลายนาทีไม่ได้หยุด ปลอกกระสุนที่สาดออกไปจากปากกระบอกปืนกลเกลื่อนกระจายอยู่เต็มพื้นทราย  สลับกับลูกไฟที่พุ่งออกจากฐานยิงขีปนาวุธทำลายล้างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตามสูตรการต่อสู้ป้องกันฐานทัพฉบับอเมริกาที่ต้องใช้กำลังทหารราบยิงสกัดป้องกันฐาน แล้วตามถล่มด้วยปืนใหญ่ ก่อนจะเรียกทันเดอร์โบกับอาปาเช่ เครื่องบินรบสมรรถนะสูงเข้ามาช่วยปูพรมยิงถล่มซ้ำอีกระลอก เพื่อให้ทหารราบบุกเข้าเคลียร์พื้นที่ได้สะดวก และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้… คืองานของ ‘ลีโอ โดโนแวน’ ผู้บังคับกองพัน U.S.  Army Rangers หน่วยทหารราบอันลือชื่อในเรื่องฝีมือการสู้รบของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา

สามวันถัดมา กลางดึกของคืนหนึ่ง ที่บ้านโดโนแวน ซานฟราน  ซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

“รอให้สว่างแล้วค่อยออกไปไม่ดีกว่าหรือลูก… ลีโอ”

ด้วยความเป็นห่วง รสรินรีบทักท้วงลูกชายคนเดียวที่เพิ่งกลับมาจากปฏิบัติภาระกิจกลางสมรภูมิรบในอัฟกานิสถานมาหยกๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มออกอาการร้อนรนจะไปหาแฟนสาวซึ่งพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ย่านลอมบาร์ดของซานฟรานซิสโก

“ไม่เป็นไรครับแม่…”

ตอบพลางลากกระเป๋าสัมภาระเข้าไปเก็บไว้ในห้องนอนของตัวเอง

“แน่ะ… ยังจะดื้ออีก”

รสรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ทำราวกับลีโอเป็นเด็กๆ

แม้รู้ดีว่าลูกชายของตนอายุกำลังจะย่างเข้าสามสิบสี่ปีในอีกไม่  กี่วัน หากแต่ในสายตาของมารดาที่รักและเลี้ยงดูลูกชายมาอย่างใกล้ชิด ก็อดแสดงความเป็นห่วงไม่ได้

“ผมอยากเจอนาตาลีครับ ไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือนมาแล้ว ลอมบาร์ดก็อยู่ใกล้แค่นี้เองครับแม่ ขับรถไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง”

ด้วยสีหน้าและแววตาดื้อดึงมาแต่ไหนแต่ไร นายทหารเลือดร้อนให้เหตุผลกับมารดาขณะก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

ลีโอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเครื่องแบบทหารบกชุดลายพรางเต็มยศจนแลดูน่าอึดอัด ใช้เวลาเพียงครู่สั้นๆ เขาก็ออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ซึ่งสบายกว่า

นานเกือบสามเดือนมาแล้วที่รสรินไม่ได้เห็นหน้าลีโอชัดๆ เหมือนในตอนนี้ สายตาภาคภูมิใจของหล่อนแทบไม่ละจากใบหน้าหล่อเหลาของลูกชาย

ลีโอมีดวงตาสีน้ำตาลชวนฝัน เหมือนกับดวงตาของเดวิดผู้เป็นสามีของหล่อนไม่มีผิดเพี้ยน แพขนคิ้วระบายแนวดกหนาอยู่เหนือกรอบดวงตาซึ่งแฝงประกายคมกริบ ดุจเดียวกับดวงตาของราชสีห์ สมกับชื่อ   ‘ลีโอ’ จมูกโด่งเป็นสันสวย หน้าผากกว้างเกลี้ยงเกลา รับกับทรงผมที่ตัดสั้นเกรียนคล้ายสกินเฮดยิ่งเน้นให้เห็นรูปทรงศีรษะสวย ริมฝีปากหยักลึกซึ่งในบางครั้งก็ทำให้เขาดูดุ หากแต่ใบหน้าคมคร้ามหน้ายำเกรงนั้นก็สามารถคลี่คลายไปสู่รอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่หันมาสบตากับรสรินผู้เป็นมารดาของตน

“ขับรถดีๆ นะลูก… แม่เป็นห่วง”

รสรินร้องสั่ง เมื่อเห็นว่าห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ จึงทำได้แค่มองตามคนตัวใหญ่ที่กำลังจะจากไปด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยเสียเหลือเกิน

หล่อนรู้จักลูกชายของตัวเองดีกว่าใคร ลีโอเป็นคนใจร้อน มีความเป็นตัวเองสูง ลองได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วละก็ ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่

“ครับแม่…”

ลีโอตะโกนตอบกลับมา หากแต่ในขณะที่ขายาวๆ กำลังจะก้าวพ้นกรอบประตูออกไป ดวงตาของมารดาที่ทอดมองอย่างเป็นห่วง ก็ทำให้คนเป็นลูกชายต้องหมุนตัวกลับมาสวมกอดหล่อนอีกครั้ง

“เดี๋ยวผมมานะครับ”

บอกพลางหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่สลับไปมาทั้งซ้ายขวา เสียงดังฟืดฟาดอย่างประจบประแจงเอาใจ ด้วยกลัวว่ารสรินจะน้อยใจที่เขาให้ความสำคัญกับแฟนสาวจนถึงกับอดทนรอให้ถึงรุ่งเช้าไม่ไหว

หลายนาทีต่อมา

“อ้าว… ลีโอไปแล้วรึโรส”

เดวิดผู้เป็นบิดาของลีโอ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในชุดนอนลายทาง เพิ่งเดินลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้าน เอ่ยถามกับรสรินที่ยืนมองส่งลูกชายตาละห้อยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

ทั้งเดวิดและลูกชายมักจะเรียกรสรินว่า ‘โรส’ จนติดปาก ด้วยออกเสียงได้ง่ายกว่า ‘รสริน’ ซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอ  ตอนแรกเดวิดเรียกชื่อ    ‘รสริน’ ผิดเพี้ยนไปเป็น ‘โรสราเลน’ แต่หล่อนกลับไม่ชอบ ด้วยคำว่า      ‘โรสลาเรน’ ในภาษาฝรั่งเศสนั้นแปลว่า ‘กุหลาบราชินี’ ซึ่งฟังดูเลิศหรูและสูงส่งเกินไป เพราะเธอตระหนักดีว่าตัวเองเปรียบเสมือนดอกหญ้าที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวของชาวนาจนๆ หากแต่ความทะเยอทะยานของวัยสาว ก็ผลักดันให้ข้ามผ่านอุปสรรคขวากหนามในชีวิตต่างๆ นานา กระทั่งได้มาพบรักกับเดวิดในที่สุด

“โน่นแน่ะ ขับรถออกไปแล้ว รีบร้อนจะไปหาสาว… บอกว่ารอให้เช้าก่อนแล้วค่อยไปก็ไม่เชื่อ… ดื้อรั้นออกปานนั้น ให้มันได้อย่างนี้สิลูกชายตัวดีของคุณ”

น้ำเสียงกระเง้ากระงอดของรสรินบอกความน้อยใจในตัวลูกชายจนเดวิดผู้เป็นสามีรู้สึกได้

“เข้าใจหัวอกผู้ชายหน่อยเถอะคุณ… ”

“แน่ะ… ยังจะมาเข้าข้างกันอีก ผู้ชายนะผู้ชาย”

บทถัดไป