บทที่ 2 1
เขมราชนั่งคู้ตัวตรงมุมห้องแล้วกอดรูปเมียรักที่จากไปพร้อมกับลูกในท้อง ขณะที่ความเศร้ากำลังกัดกินจิตใจ เขาได้ปล่อยให้น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย คิดถึงอุ่นไอจากอ้อมกอดมีนรญา โหยหาความอ่อนหวานของเธอจนแทบบ้า และทรมานยิ่งกว่าที่ต้องบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีหล่อนอีกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะความริษยาของผู้หญิงบ้าคนนั้น เขากับหล่อนคงได้เข้าพิธีวิวาห์ และสองเราคงได้เฝ้ารอวันที่ลูกน้อยจะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก
“พี่ขอโทษนะมีน ฮือ ๆๆ”
ขอโทษที่เขาดูแลปกป้องเธอกับลูกในท้องให้ปลอดภัยจากอมายาไม่ได้ และถ้าเขาไม่ปล่อยให้มีนรญาออกไปข้างนอกในคืนปาร์ตี้สละโสดตามลำพัง มันก็คงไม่เป็นอย่างนี้
ไม่คิดว่าอมายาจะโกรธแค้นถึงขนาดต้องฆ่ากัน แต่เขาน่าจะฉุกคิดให้เร็วกว่านี้ว่าเธอไม่มีทางปล่อยให้ใครมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของตัวเอง
เขาเคยคบหากับอมายา ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย เธอเป็นคนสวยสายลุยในแบบที่เขาชอบ เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้จักคำน้ำเน่าอย่าง ‘รักแรกพบ’
แต่เธอหึงหวงมากเกินไปจนเขาอึดอัด อมายาตามไปมีเรื่องตบตีกับผู้หญิงทุกคนที่เกาะแกะเขาไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ประจำคณะ จนตัวเองโดนทัณฑ์บน ส่วนเขาก็ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ
ขนาดกับมีนรญาซึ่งตอนนั้นเป็นเพื่อนสนิทเธอ อมายายังไม่วายค่อนแคะเหน็บแนมทุกครั้งที่มีนรญาเข้าใกล้เขา
‘มีน แกไม่ไปดูหนังกับพวกไอ้เก้ามันเหรอ มานั่งอ่อยไรตรงนี้’
วันหนึ่งขณะอมายามานั่งเฝ้าเขาอ่านหนังสือที่ห้องสมุด มีนรญาที่ไม่มีอะไรทำก็ตามมาอยู่เป็นเพื่อน อมายาที่อารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ ก็หงุดหงิดฟาดงวงฟาดงา ดูงี่เง่าไร้เหตุผลสิ้นดี
‘เราดูแล้วไงเรื่องนั้น ที่เราบอกแกไง’
‘อ๋อ ที่ไปดูกับพี่นพ นายกสโมฯ ปีสามแฟนแกช้ะ?’
อมายาตั้งใจพูดให้เขารู้ว่าเพื่อนสนิทมีคนของใจ แต่ตอนนั้นเขมราชไม่ได้สนใจมีนรญา เขาเห็นหล่อนเป็นแค่น้องสาว และที่อมายาหวาดระแวงกันก็เท่ากับว่าเธอกำลังไม่เชื่อใจเขา
‘ไม่ใช่แฟนซะหน่อย เราไปดูคนเดียวน่ะ’
มีนรญาก้มหน้าตอบเสียงค่อย เป็นสาวเรียบร้อยนุ่มนิ่มที่ไม่คิดว่าจะอยู่กับคนอย่างอมายาได้ แต่ความแตกต่างคงช่วยเติมเต็มสองสาวให้กลายเป็นเพื่อนที่พอดีของกันและกันก็ได้
‘แหม ๆ ไม่ต้องอายหรอกมีน เอ... หรือว่าที่กั๊กไว้เนี่ย ก็เพราะอยากคบเผื่อเลือก? หรือกำลังจ้องจะฉกของใครอยู่’
‘น้องออย’
‘แป๊บนะคะ ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะพี่เฟลม คุณย่าโทร. มาน่ะค่ะ’
อมายาออกไปคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ ส่วนเขาก็แค่ส่งยิ้มแห้ง ๆ แล้วขอโทษที่แฟนตัวเองพูดจาไม่ดีใส่มีนรญา หล่อนบอกอย่างใจดีว่าไม่ถือสาแถมยังชวนเขาคุยเรื่องหนังสือที่เขาสนใจ แต่จู่ ๆ อมายาก็พุ่งเข้ามาสาดน้ำใส่มีนรญาท่ามกลางความตกใจของคนทั้งชั้น
‘น้องออย ทำอะไรลงไปรู้ตัวไหมคะ?’
‘พี่ไม่ต้องยุ่ง นี่มันเรื่องของออยกับมัน’
อมายาชี้หน้าเพื่อนอย่างเกรี้ยวกราด ส่วนเขาอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
‘ฉันไปทำอะไรให้แกเหรอออย’
มีนรญาถามเสียงสะอื้น พลางยกมือขึ้นมาปิดทรวงอกเพราะเสื้อนักศึกษาเปียกน้ำทำให้เห็นไปถึงข้างใน
เขมราชรีบถอดเสื้อคลุมไหล่ให้หล่อน แต่ยิ่งเห็นแบบนั้นอมายาก็ยิ่งฉุนจัด เธอผลักเขาออกแล้วกระชากเสื้อที่ควรจะเป็นของเธอไปก่อนจะตบหน้ามีนรญาฉาดใหญ่
‘ออย!’
เขมราชพุ่งเข้าไปจับอมายาไว้เพราะเจ้าหล่อนทำท่าจะเข้ามาซ้ำมีนรญาอีก เขาไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะบ้าถึงขนาดที่เพื่อนสนิทก็ไม่เว้น
‘คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอที่แกขยับเข้าไปใกล้พี่เฟลมแล้วดมเสื้อพี่เขาน่ะ ฮะ? นี่แฟนฉันนะเว้ย แกนี่เผลอไม่ได้เลยนะ อีหน้าด้าน’
‘จะบ้าไปกันใหญ่แล้วออย’
‘พี่ไม่มีตาหลังแถมยังก้มดูแต่หนังสือ พี่ก็พูดได้สิ ไปดูกล้องวงจรปิดไหมล่ะ?’
‘ไร้สาระน่า แล้วนี่ก็เพื่อนออยนะ’
‘นังคุณสารภีก็เพื่อนแม่ออยเหมือนกัน สนิทด้วย!’
เขมราชถอนหายใจเอือมระอา หลายครั้งหลายหนที่เจ้าหล่อนเอาปมด้อยของตัวเองมาอ้างเพื่อทำตามใจและไล่หึงหวงไปทั่ว
‘พี่ชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ’
‘พี่เฟลมเรียกออยว่าเธอเหรอ?’
‘เออ แล้วถ้าเธอยังบ้าอยู่แบบนี้ พี่จะไม่คุยกับเธอด้วยซ้ำ’
‘พี่เฟลม!!!’
อมายาแหกปากร้องอย่างขัดใจ เขาบอกให้มีนรญารีบหลบไปก่อนที่เขาจะรั้งคนบ้าเอาไว้ไม่อยู่แล้วกวาดของบนโต๊ะพร้อมลากตัวแฟนสาวไปอีกทาง
‘พี่เฟลม ปล่อยออยนะ’
เขายอมปล่อยเธอเมื่อมั่นใจว่าออกมาไกลพอแล้ว แต่พอเจอสายตาดุ ๆ ของเขา สาวเจ้าก็ได้แต่ค้อนปะหลับปะเหลือก
‘อย่ามองออยแบบนี้นะ’
‘ต้องให้พี่ทำยังไงคะ?’ เขาถามอย่างใจเย็น ‘บอกมาเลย’
‘พี่ไม่ต้องทำอะไร ออยทำเองค่ะ’
‘น้องออยคะ’ เขาจับข้อศอกเธอ รั้งเข้ามาใกล้ แล้วโอบกอดไว้ทั้งตัว ‘พี่รู้ว่าน้องออยมีปมเรื่องพ่อ แต่พี่จะไม่ทำแบบที่พ่อน้องออยทำเด็ดขาดค่ะ โอเค้?’
‘ถ้าพี่ทำแบบนั้น ออยขอให้ชีวิตพี่หรือยัยมีนมีอันเป็นไป’
‘โห แรงนะเนี่ย’
‘กล้าสาบานมั้ยล่ะคะ’
‘สาบานค่ะ’
เขาสาบานด้วยสัญลักษณ์ลูกเสือสามัญ จนเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าสวย ๆ ของน้อง เมื่อน้องใจเย็นลงอีกนิดเขาจึงตะล่อมให้ไปขอโทษเพื่อน ทั้งยังโทร. ไปคุยกับมีนรญาเป็นการส่วนตัวเพื่อให้หล่อนยกโทษให้แฟนตัวเอง
แต่วันต่อมาทุกอย่างที่ดูจะไปได้สวยกลับตาลปัตร เพราะอมายาหาเรื่องตบตีแถมยังผลักมีนรญาตกบันไดขาหักจนต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ความอดทนของเขาจึงขาดสะบั้น
‘เราเลิกกันเถอะออย’
‘อะไรนะคะ’
‘เลิกกันไง’
‘ดะ... เดี๋ยวนะคะ พี่จะเลิกทั้งที่ออยไม่ได้ทำอะไรผิดเหรอ’
‘ต้องให้น้องมีนตายก่อนใช่ไหมถึงจะเรียกว่าผิด’
‘ก็ทำไมพี่ไม่ฟังออยบ้าง ออยไม่ได้ทำ มันทำตัวเอง’
‘พอที ออย พอที!!!’
‘...’
‘ถ้าจะมีใครโรคจิตพอที่จะทำแบบนั้น ก็มีแต่เธอนั่นแหละ’
‘พี่เฟลม...’
อมายาจ้องหน้าเขาอย่างตัดพ้อ น้ำตาไหลอาบแก้ม คงเพราะตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยพูดจารุนแรงกับเธอขนาดนี้มาก่อน
‘พี่ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครเจ็บตัว เธอไม่เข้าใจเหรอ? ถ้าทำตัวเป็นแฟนที่ดีมันยากขนาดนี้ เราเลิกกันก็ถูกแล้วออย’
‘พี่อยากจะเลิกกับออยเพื่อไปคบมันจนตัวสั่นสิท่า’
เขานิ่วหน้ามองเธออย่างไม่เข้าใจ เธอยังคิดว่าเขาจะทนอยู่กับผู้หญิงบ้า ๆ อย่างเธอได้อีกงั้นหรือ
รอบตัวเขามีผู้หญิงมากหน้าหลายตา ป้าเขาก็เป็นผู้หญิง คนงานที่บ้าน พนักงานที่บริษัท เพื่อนบ้านเขาก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น เจ้าหล่อนจะตามไปทำร้ายทุกคนเพื่อเขาไม่ได้
แต่พูดไปก็คงไม่เข้าใจ ไม่อย่างนั้นน้องมีนคงไม่เจ็บตัวแบบนั้น เอาเป็นว่าเธอจะเข้าใจอย่างไรก็แล้วแต่เธอเลย เขาห้ามความคิดใครไม่ได้ เขมราชเดินจากอมายาไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ถึงอมายาจะทั้งโทร. และส่งข้อความมาปรับความเข้าใจแต่เขาไม่เชื่อเธออีกต่อไป การกระทำของเขาชัดเจนพอให้เธอตัดใจได้และจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เห็นว่าอมายาดร็อปเรียนหนึ่งปีเพื่อดูแลคุณย่า ส่วนเขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งเอาจริง ๆ ก็แค่ข้ออ้างเพื่อหลบคุณป้าที่ชอบบังคับให้เขาทำโน่นนี่ แต่ด้วยความบังเอิญเขาเจอน้องมีนที่นั่น เจ้าหล่อนสอบได้ทุนไปเรียนต่อในด้านที่ตรงกับความสามารถของตัวเอง
เขากับน้องมีโอกาสได้พัฒนาความสัมพันธ์ จากพี่น้อง เป็นเพื่อน จนกลายเป็นคนรักและกำลังจะมีพยานรักด้วยกันเลยต้องกลับมาทำตามประเพณี
แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นยังซุกซ่อนความอิจฉาริษยาเอาไว้เต็มหัวใจและลงมือเข่นฆ่าทั้งลูกและเมียเขาอย่างเลือดเย็น
“เฟลม เห็นนี่หรือยังลูก”
คุณแขไข ป้าแท้ ๆ ของเขาเดินเข้ามาพร้อมยื่นสมาร์ตโฟนให้เขาดูภาพจากอินสตาแกรมของอมายา
เป็นภาพถ่ายจากด้านหลังให้เห็นว่าเธอเปลือยกายลงแช่ในอ่างน้ำ แต่โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำแค่ส่วนบน เรือนผมยาวสลวยเปียกตรงปลายให้ความรู้สึกเซ็กซี่ไม่ต่างจากซูเปอร์โมเดลตามนิตยสารชุดชั้นใน แต่ที่สะดุดคงเป็นแคปชันที่เจ้าหล่อนลงไว้ว่า ‘สำลักความสุข’
ทำเอาเขมราชกำหมัดแน่นด้วยความคลั่งแค้น เธอจะลองดีกับเขาจริง ๆ งั้นสินะ ต่อไปนี้เขาจะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!
อมายาจอดรถที่หน้าบ้านมีนรญาแล้วมองผ่านรั้วเข้าไป เห็นพ่อแม่หล่อนกำลังขนข้าวของของหล่อนเข้าไปเก็บในบ้าน แววตาเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกใด แม้ในใจจะเกลียดแค้นคนที่ตายแล้วจนแทบคลั่ง แต่มีนรญาก็ถือว่าได้รับจุดจบที่เกินคำว่าสาสมไปมากแล้ว
เธอกับฝ่ายนั้นไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอย่างที่ทุกคนเข้าใจ คนอย่างเธอใครจะอยากมาสนิทสนมกันล่ะ ทั้งก้าวร้าว หัวรุนแรง ที่สำคัญประสบการณ์ของแม่ทำให้เธอกลัวการมีเพื่อน
แต่พอเธอกับเขมราชตกลงคบหาดูใจ มีนรญาที่ไม่เคยคุยกันเลยก็เข้ามาตีสนิท ผู้หญิงด้วยกันดูออกทั้งนั้นว่าหล่อนต้องการอะไร
หล่อนทำเหมือนเราสนิทกัน บอกใครต่อใครว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยให้ใจ
วันที่หล่อนตกบันได เธอกำลังจะไปขอโทษที่ทำร้ายหล่อน และยอมรับผิดว่าเธอคิดมากจนระแวงไปเอง แต่มีนรญากลับพูดจายั่วยุ บอกว่าเขมราชกำลังจะไปคบกับตัวเอง เพราะเบื่อผู้หญิงน่ารำคาญอย่างเธอ ทั้งยังให้ดูหลักฐานคือบันทึกการโทร. ที่ชายหนุ่มโทร. หาหล่อนเมื่อคืนซึ่งคุยกันนานเป็นชั่วโมง
มีนรญาเรียกเธอว่านังลูกพ่อไม่รัก แล้วบอกว่าจะไม่มีใครรักเธอแม้กระทั่งเขมราชก็จะตีตัวออกห่างเธอไปเรื่อย ๆ จนเกิดมีปากเสียงกัน
มีนรญาพลาดท่าตกบันได โชคดีที่เธอมือไวคว้ามือหล่อนไว้ทัน แต่เสี้ยวนาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มผู้ชนะบนใบหน้าหล่อน มีนรญาก็ปล่อยมือแล้วทิ้งตัวลงไปอย่างคาดไม่ถึง
เพื่ออะไรกัน...
ในตอนนั้นอมายาสับสนกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่เมื่อความสัมพันธ์ของเธอกับเขมราชเดินทางมาถึงจุดจบเธอถึงได้เข้าใจ
“หลับให้สบายนะ เพื่อน...”
มือบางหย่อนดอกไม้จันทน์ลงนอกหน้าต่างรถแล้วดึงแว่นดำลงมาสวม เป็นครั้งแรกที่เธอยอมรับมีนรญาในฐานะเพื่อน คงเพราะไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วกระมัง
แต่ตลกดีเหมือนกัน...
เธอเกลียดการกระทำของพ่อมาทั้งชีวิต แต่กลับถูกผู้ชายที่ตัวเองรักทรยศหักหลัง ซ้ำร้ายรอบกายยังหาคนจริงใจไม่ได้สักคนไม่ต่างจากแม่ของเธอเอง
หลังเกิดอุบัติเหตุกับเอมมาลิน พ่อกับแม่เธอมีปากเสียงกัน ทั้งเรื่องที่พ่อพาเมียน้อยกับลูกสาวที่หน้าเหมือนลูกเมียหลวงราวกับแฝดเข้าบ้าน กับเรื่องที่แม่และเธอทำให้เอมมาลินต้องพิการ ทั้งสองหย่ากัน ต่างคนต่างไปและแม่ทิ้งเธอไว้กับพ่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าให้เธอเป็นเสี้ยนตำใจครอบครัวใหม่ของพ่อไปจนวันตาย ส่วนพ่อก็จงเกลียดจงชังเธอเพราะคิดว่ามันจะทำให้แม่เจ็บปวด
เธอก็แค่สิ่งปรักหักพังที่ถูกทิ้งไว้ตรงกลางระหว่างความรักกับความเกลียดชัง....
ต่อให้อ่อนแอแค่ไหนก็ต้องกัดฟันแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อตั้งรับความเลวทรามที่ทั้งพ่อและแม่พากันสาดเข้ามา ต่อให้ต้องเหน็บหนาวและอ้างว้างเจียนตายก็ต้องกลับมายืนหยัดให้ได้อีกครั้งเพื่อมีชีวิตต่อไปบนโลกเฮงซวยใบนี้ และเพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็นว่าชีวิตที่เกิดจากความมักง่ายมันก็หาดีได้เหมือนกัน
“โอโห... ดูซิว่าใครมาหาฉัน”
พิยดายังดูสาวสมฉายาแม่มดสองพันปี หล่อนในชุดเดรสปักเลื่อมเดินเข้ามาในห้องรับรองของคลับที่ตัวเองดูแล แทบไม่อยากเชื่อตอนคนไปบอกว่าลูกมาหา เพราะไม่คิดว่าแม่นางฟ้านางสวรรค์จะกล้าเหยียบเข้ามาในนี้
“ก็ไม่ได้อยากมาหรอก”
“แล้วอะไรทำให้ลูกสาวแสนสวยของฉันถ่อมาในซ่องโสมมแบบนี้ได้ล่ะ หือ?”
คนเป็นแม่ทิ้งตัวลงกับโซฟาหนังแพงหูฉี่ ดูอมายาจะระมัดระวังตัวเองจนเกร็งเมื่ออยู่ที่นี่ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะ ‘นิกร’ สามีใหม่ของตน ไม่ใช่พวกที่จะอยู่ร่วมกับลูกติดเมียที่สวยระดับนางงามแบบนี้ได้
“...อ้อ แต่ลืมไป ในคุกมันโสมมยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”
อมายากำหมัดแน่น
“จะในคุกหรือที่นี่ ก็โคตรโสมมทั้งนั้นแหละ แล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม หนูไม่ได้ทำ”
“จ้า...” พิยดาประชดเสียงยาว คว้าแก้วบรรจุน้ำสีชาสาดล้างความโสมมขมปร่าลงคอจนหมด “ฉันจะพยายามเชื่อนะ ว่าแกไม่ได้คลั่งผู้ชายจนฆ่าคนตายได้”
“หนูไม่เหมือนคุณ!”
เธอจ้องคนเป็นแม่ตาเขม็ง พิยดาหลบสายตาลูกสาว เพราะแววเกลียดชังระคนผิดหวังนั้นกำลังกรีดเฉือนหัวใจตนให้เจ็บแปลบ แต่สีหน้ายังยิ้มแย้มราวกับไม่รู้สึกรู้สา
“ฉันสงสัยจังเลยนะ กับพ่อที่เลี้ยงแกมาด้วยหน้าแข้ง ไม่เห็นแกกระด้างกระเดื่องแบบนี้เลย แต่กับฉันที่ไม่เคยแม้แต่จะข่วนแกเนี่ย ทำไมแกถึงจงเกลียดจงชังฉันนักหนา”
หน้าตาฟกช้ำของอมายาบ่งบอกได้ว่าสามีเก่าตนตีนหนักมือหนักแค่ไหน
“ก็ไม่ได้เกลียดใครน้อยไปกว่าใครหรอก แค่พ่อเขาไม่ได้ทิ้งหนู”
“แต่เขาก็เลือกเมียใหม่ลูกใหม่มากกว่าแก”
“ก็ถึงบอกไง ว่าไม่ได้เกลียดใครน้อยไปกว่ากัน”
อมายายังจำได้ดีว่าตอนเธอบอกว่าถูกสามีใหม่แม่ลวนลามตอนมาอยู่ที่นี่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แม่เลือกผู้ชายไม่ใช่ลูก แม่ตบหน้าเธอ ด่าทอว่านังร่าน แล้วไล่ไม่ให้เธอกลับมาเหยียบที่นี่อีก
แต่ก็นั่นแหละ... ทางเลือกของผู้หญิงคนนี้ชัดเจนตั้งแต่ทิ้งเธอไว้ในนรกนั่นแล้ว จะเอาอะไรกับคนไม่มีหัวใจที่ไม่คู่ควรกับคำว่าแม่
“โอเค ๆ ว่าธุระแกมา” พิยดาโบกมือยอมแพ้แต่ยังไม่วายเหน็บแนม “แม่คนบริสุทธิ์”
“หนูขอยืมอะไรหน่อยสิ”
ขนาดจะถูกยัดซังเต อมายายังปฏิเสธความช่วยเหลือของแม่เสียงแข็ง เพราะรู้ดีว่ามันเป็นความปรารถนาของนิกร ซึ่งเธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าวันข้างหน้าเธอจะต้องชดใช้ด้วยอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวแบกหน้ามาขอความช่วยเหลืออื่นนอกจากสิ่งที่พิยดาควรให้ในฐานะแม่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับอมายาทำให้เอมมาลินเป็นกังวล หญิงสาวนั่งกัดเล็บตัวเองอยู่บนรถเข็นเพราะคิดไม่ตกและรอพี่สาวกลับมา ทว่าฝ่ายนั้นกลับเข้ามาพร้อมผู้ชายร่างใหญ่ห้าคน
“กลับมาแล้วเหรอคะ เอมเป็นห่วงแทบแย่ ว่าแต่ได้ทายาหรือยังคะ มาค่ะ เอมช่วยใส่ยาให้”
อมายาคว่ำปากพลางปรายตามองน้องสาวหัวจรดเท้า ดูหน้าใสซื่อบริสุทธิ์นั่นสิ กลัวใครเขาไม่เชื่อหรือไงว่าเป็นคนดี
“แกไม่ต้องแสดงเป็นอีง่อยแสนดีต่อหน้าคนพวกนี้ก็ได้ เขาไม่เอาไปบอกใครหรอกว่าแกไม่ใช่อย่างที่เห็น”
“พูดอะไรกันคะพี่ออย”
เอมมาลินส่ายหน้าน้ำตาซึม อมายาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบื่อเต็มทนที่ต้องแสร้งโง่เป็นควาย
“นี่! เลิกตอแหลได้แล้ว”
น้องน้อยตัวสั่นเทา เหลียวมองรอบกายหาคนช่วยแล้วก็ตะโกนเรียกคนเป็นพ่อ
“คุณพ่อขา คุณพ่อช่วยเอมด้วยค่ะ พี่ออยดุเอมค่ะ”
อมายาปล่อยมือจากไหล่น้อง ใช้ลิ้นดุนฟันกรามด้านบนแล้วกระแทกลมหายใจออกมา เธอมักทำเสมอเวลาที่เอือมระอากับอะไรสักอย่าง เช่นตอนนี้
“ไปทำอะไรก็ทำ”
อมายาหันไปสั่งคนของตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับคนเป็นพ่อที่เดินเข้ามา
“อะไรกันนังออย แกพาคนของแม่แกมาทำไม”
“เดาสิคะ” เธอทำเล่นลิ้น
ตอนนั้นคนของแม่กำลังลงมือขนเครื่องเรือนราคาแพงออกไปจากบ้าน คุณอธิปรีบเข้าไปห้ามแต่ไม่เป็นผล จึงหันมาเอาเรื่องนังลูกสาวตัวดีแทน
“แกบอกไอ้พวกนี้ให้วางของของฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“แน่จริงก็ห้ามออยให้ได้สิคะ”
“อีลูกเวร”
อธิปเงื้อมือจะตบ แต่การ์ดเข้ามารั้งมือไว้ได้ทำให้อมายายิ้มหยันอย่างผู้ชนะ
“คิดถูกจริง ๆ ค่ะที่พาคนของแม่มาด้วย ไม่งั้นออยคงได้นอนจมกองเลือดเพราะฝีมือคุณพ่อ”
“นังออย!!!”
“อย่าลืมเครื่องเพชรของคุณย่าที่อยู่ในตู้เซฟข้างบนนะ ถ้าเปิดไม่ได้ก็ยกมาทั้งเซฟเลยจ้ะ”
เธอไม่สนใจท่าทีพ่อแต่หันไปสั่งลูกน้องคนหนึ่งแทน แต่คุณอธิปก็ไม่ยอมง่าย ๆ สั่งให้คนใช้ที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ไม่ไกลโทร. แจ้งตำรวจ
“นังปิ่น โทร. แจ้งตำรวจที”
“เอาสิคะ” อมายาท้าทาย “ถ้าอยากให้คลิปโป๊ของลูกสาวสุดที่รักหลุดว่อนเน็ต เชิญแจ้งตำรวจมาจับออยได้เลยค่ะ”
“คะ… คลิปโป๊เหรอคะ” เอมมาลินไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ “เอาอะไรมาพูดคะ”
“งั้น... แกจำไอ้เก้าเพื่อนฉันได้ไหม”
“กะ เก้าไหนคะ”
เก้า... เพื่อนอมายาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาตามจีบเธอทันทีที่รู้ว่าเลิกกับเขมราช มักเข้านอกออกในบ้านนี้บ่อย ๆ แถมป่าวประกาศกับใครต่อใครว่าจริงจังกับเธอมากแค่ไหน แต่อมายาไม่เล่นด้วยเพราะรู้สันดานคนอย่างมันดี
แล้วเก้าก็ค่อย ๆ หายไปจากชีวิตเธอ อมายามารู้ทีหลังว่าเขารู้สึกผิดที่เผลอใจไปมีอะไรกับเอมมาลินซึ่งตอนนั้นยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ และเพราะรู้ดีว่าเก้าเป็นคนอย่างไร เธอจะพลาดถามถึงหลักฐานบัดสีบัดเถลิงนี้ได้อย่างไร
“แกจำไม่ได้สินะว่าแกแบให้ใครเอาบ้าง? เพราะขนาดตอนที่แกยังเป็นง่อย แกยังมั่วไม่เลือกเลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฉัน หรือผู้ชายของฉัน แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ แต่ที่ไม่พูดก็เพราะยังเห็นแกเป็นน้อง”
“พี่ออย...”
“แหกตาดูซะ!!!”
อมายาโยนรูปภาพเข้าด้ายเข้าเข็มที่เธอแคปมาจากคลิปเต็มให้น้องรักดู แล้วแค่นเสียงหัวเราะสาแก่ใจ ถ้าอยากสู้กับคนเลวแต่ดันเลวไม่เท่าเขา ก็ต้องเอาความบ้าเข้าสู้นั่นแหละถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
“มะ... ไม่ใช่”
เอมมาลินส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก ปากสั่นมือสั่นไปหมดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพ่อที่กำลังอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ไม่จริงนะคะ พี่ออยโกหก นี่มันภาพตัดต่อทั้งนั้นค่ะ คุณพ่อก็รู้ว่าพี่ออยเกลียดเอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาเคยจะฆ่าเอมมาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้ล่ะคะ”
“จ้า ๆๆ” อมายาปรบมือแปะ ๆ “พี่คิดไว้แล้วจ้ะน้องเอม ไดอะล็อกเป๊ะมากยังกับก็อปปี้ในความคิดพี่มาเลย แถมคุณพ่อก็ไม่เชื่อด้วย ใช่ไหมคะ”
“ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเลวกับน้องสาวในไส้ของแกได้ขนาดนี้นังออย แกต้องให้น้องตายก่อนใช่ไหมถึงจะพอใจ”
“ก็ลองตายให้ดูสิคะ”
“...”
“ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าสักแต่พูดค่ะ”
เธอมองเหยียดทั้งพ่อและน้องสาวสลับกัน รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำกับท่านแบบนี้ แต่พอคิดถึงเรื่องที่ท่านทำกับเธอทั้งที่เธอก็มีสายเลือดของท่านอยู่ในตัว ไฟแค้นในใจอมายาก็ลุกโชน
“แต่ถ้าตายวันนี้ ตายตรงนี้ ตายต่อหน้าออยได้ ออยอาจจะพอใจก็ได้นะคะ”
“นังออย!!!”
“อ๊ะ ๆ เดี๋ยวจ้ะ”
อมายาโบกมือให้ลูกน้องคนที่ยกแจกันเก่าแก่สมัยราชวงศ์อะไรสักอย่างที่จำได้ว่าพ่อต้องพลิกแผ่นดินหาถึงจะได้มาเข้ามาใกล้ ๆ รับแจกันมาชื่นชม แต่คนมองกลัวใจเหลือเกิน
“ของชิ้นนี้ราคาแพงที่สุดเท่าที่พ่อเคยซื้อมาเลยใช่ไหมคะ”
“นังออย วางมันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“กลัวเหรอคะ” จ้องลึกเข้าไปในแววตาท่านแล้วหัวเราะเยาะ แต่เธอเยาะตัวเองมากกว่า เจ้านี่เป็นแค่แจกันแท้ ๆ แต่กลับมีความหมายต่อท่านมากกว่าลูกอย่างเธอ
เพล้ง!
“อุ๊ย!” หลังแกล้งปล่อยแจกันหลุดมือแตกกระจาย อมายาแสร้งอุทานอย่างตกใจแต่กลับยิ้มทั้งตาทั้งปาก
“ร่วงเลยอะ”
“อีชั่วออย สารเลวเอ๊ย” คุณอธิปฮึดฮัดจะเข้ามาทำร้าย ถ้าไม่ได้คนของแม่ช่วยล็อกท่านไว้ป่านนี้อมายาคงสลบอยู่แทบเท้าท่านนั่นแหละ
“จริง ๆ ออยก็อยากเอาไปขายนะคะ แต่มันไม่สะใจอะค่ะ”
แสร้งปั้นหน้าใสซื่อพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ เล่นเอาคุณอธิปโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“แต่อีกหน่อยก็จะโดนอายัดแล้วเนอะ ก็ดันไปโกงเขามาแบบนั้น เอาเป็นว่าคุณพ่อไม่ต้องเสียดายนะคะ”
“กูขอให้มึงฉิบหายวายวอดเพราะสิ่งที่มึงทำกับกู อีสารเลว”
ทุกวันนี้ชีวิตเธอก็ฉิบหายเกินพอจนไม่มีอะไรให้กลัวแล้ว แต่คำด่าทอพวกนี้ที่อมายาควรจะชินชา มันกลับทำให้ใจสั่นไหว เธอไม่รู้ว่าตัวเองเก่งขนาดที่ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความเจ็บปวดกลับกรีดลึกเข้าไปในความรู้สึกในทุก ๆ ครั้งที่ต้องฟังมันจากปากพ่อ
“ขอบคุณค่ะ” อมายาค้อมศีรษะให้พ่อแล้วไม่ลืมเดินตรงไปยังโซฟายี่ห้อดังที่ขึ้นต้นด้วยตัว H ของคุณสารภีแล้วใช้มีดคัตเตอร์กรีดจนเบาะหนังเละเทะยับเยิน
“ถ้าจะรู้สึกดีแบบนี้ ออยทำไปตั้งนานแล้ว”
หญิงสาวเป่าปากรู้สึกโล่ง พลางมองผลงานตัวเองอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินออกไปแต่ระเบิดลูกใหญ่ที่ทิ้งเอาไว้คือส่งภาพโพสต์ในโซเชียลมีเดียจาก Account นิรนามที่ลงภาพเอมมาลินระเริงรักกับชายปริศนาให้เจ้าตัว จนได้ยินเสียงกรีดร้องของน้องสาวดังลั่นบ้าน
ก็ที่รับปากไว้แค่ไม่ปล่อยคลิปนี่นา... ไม่ใช่ภาพเสียหน่อย
เธอแยกกับคนของแม่หลังจากเอาของพวกนั้นไปขาย วันอื่นค่อยเอาเช็คไปขึ้นเงินเพราะต้องไปเยี่ยมคุณย่าที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลก่อน แต่ขณะเดินไปตามโถงทางเดินไปห้องย่า ก็ถูกมือปริศนาดึงเข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งใครคนนั้นคือคนที่เกลียดเธอเข้าไส้
“พี่เฟลม!”
สายตาชิงชังที่จ้องมองมาทำให้เนื้อตัวอมายาสั่นน้อย ๆ
เขมราชยืนขวางประตูและสาวเท้าเข้ามาด้วยท่าทางน่ากลัว หญิงสาวมองหาสิ่งที่จะใช้แทนอาวุธ แต่ถูกคนตัวโตเข้าถึงตัวได้เสียก่อน
เขารั้งเรือนผมตรงท้ายทอยจนใบหน้าอมายาแหงนหงาย มืออีกข้างบีบกระพุ้งแก้มของเธอเต็มแรง จนน่ากลัวว่ามันจะทะลุเข้ามาในเนื้อหนัง แต่มันยังไม่เจ็บเท่าแววตาที่เขามองมา
หลายปีแล้วนะที่เรื่องของเราจบไป
เธอบอกตัวเองเป็นพันหนและเธอเกลียดเหลือเกินที่เขาทรยศกัน แต่เกลียดตัวเองมากกว่าที่ไม่ว่าจะพยายามลืมเขาอย่างไรก็ทำไม่ลง หนนี้ก็ยังมาคาดหวังทั้งที่สถานะตัวเองคือคนที่ฆ่าลูกฆ่าเมียเขาอีก
พอเสียที... อมายา พอเสียที
“เสียดายที่หน้าสวย ๆ แบบนี้มันดันมาอยู่บนตัวของผู้หญิงใจสกปรกอย่างเธอ”
“ก็หน้าแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เมื่อก่อนคุณหลงรักหัวปักหัวปำ”
“ถุย” เขาแกล้งทำเสียงถุยน้ำลาย “เมื่อก่อนฉันมันตาบอดไง ถึงได้ลดตัวไปเอาผู้หญิงอย่างเธอ จนมองข้ามเพชรเม็ดงามอย่างน้องมีนไป ฉันไม่น่ายุ่งกับนังสวะแบบเธอเลย ไม่งั้นฉันคงได้มีความสุขกับครอบครัวที่ฉันรักไปแล้ว”
คำก็ผู้หญิงอย่างเธอ...
สองคำก็นังสวะ
ถึงในสายตาเขาเธอจะเลวร้ายยังไง เขมราชก็ควรให้เกียรติกันบ้างในฐานะที่เป็นคนเท่ากัน อมายาได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้แล้วยั่วยุด้วยคำพูดแทน
“แล้วนี่ยังไง? คิดถึงฉันจนทนไม่ไหวเลยต้องโร่มาหาถึงที่นี่เลยเหรอ ลืมว่าฉันเป็นใคร ทำอะไรเอาไว้ หรือว่าห้ามใจตัวเองไม่ได้กันแน่จ๊ะ พ่อสุดหล่อ...”
สิ้นเสียง เรือนกายบอบบางก็ถูกเขาเหวี่ยงลงกับพื้นหินอ่อนเย็นเยียบ ศีรษะกระแทกขาเตียงจนมึนไปหมด อมายาพยายามสะบัดศีรษะขับไล่มันออกไป หากก็เจ็บจนน้ำตารื้น ทำไมมีแต่คนทำกับเธอเหมือนไม่ใช่คน
แวบหนึ่งเขมราชรู้สึกเสียวปลาบเข้ามาในสำนึก ยามที่เธอตัวอ่อนเอนซบขาเตียงนั้นช่างน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก เกือบเข้าประคองอมายาขึ้นมาแล้ว หากไม่นึกถึงเมียกับลูกที่ตายไปเสียก่อน
“อย่าเข้าใจผิด” เขมราชขจัดความลังเลและอารมณ์อ่อนโยนในใจเปลี่ยนเป็นตามลงไปกระชากสาบเสื้อเธอขึ้นแล้วกดเสียงต่ำ “ฉันแค่อยากมาเห็นหน้าคนมีความสุขน่ะ ว่าจะสดใสขนาดไหน ถึงได้ไม่สะทกสะท้านกับคำว่าฆาตกรที่มันตราหน้าตัวเองอยู่”
“ถึงฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำ คุณก็คงไม่เชื่อ งั้นเอาเป็นแบบนี้ดีไหม” ริมฝีปากของอมายากดลึกยามที่พูดออกมาว่า “...ทำไมฉันต้องเศร้าด้วยล่ะ ในเมื่อฉันอยากให้มันตาย”
“ออย!!!”
“ฉันแช่งชักหักกระดูกคุณกับมันทุกวันว่าขอให้พบจุดจบ แล้ววันนี้ก็มาถึง... แม่งโคตรสะใจเลยว่ะ” คนตัวบางแค่นเสียงหัวเราะสาแก่ใจทั้งที่หัวใจนั้นบอบช้ำเกินทน
เขมราชกำหมัดแน่น ต่อสู้กับความคิดที่อยากจะบีบคอเธอให้ตายไปตรงหน้าอย่างแสนสาหัส ยิ่งจ้องเข้าไปในแววตาไม่ยี่หระคู่นี้ เขาก็แทบจะพ่ายแพ้ให้แรงแค้น
“กรี๊ด...”
ทันใดนั้นเอง อมายาก็กรีดร้องเมื่อถูกเขมราชกดตัวให้นอนราบกับพื้นแล้วขึ้นมานั่งคร่อม เขาใช้เข่ากดใต้รักแร้ทั้งสองข้างไว้ เธอดิ้นรนสุดกำลังจนชายกระโปรงเลิกขึ้นมากองตรงเอวแต่ไม่เป็นผล
“ในเมื่อทั้งเวรกรรมทั้งกฎหมายมันเล่นงานเธอช้าขนาดนี้ ฉันจะทำให้เธอสำนึกกับความเหี้ยที่เธอทำลงไปเอง คนอย่างเธอมันต้องเจอกับฉัน”
“ปล่อยฉันนะ กรี๊ดดด ปล่อย”
เขมราชเทของในกระเป๋าเธอกระจัดกระจาย หยิบลิปสติกสีแดงขึ้นมาแล้วตะปบกระพุ้งแก้มเธออย่างแรงให้ใบหน้าเธออยู่นิ่ง แล้วเขียนลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อที่ปรากฏรอยฟกช้ำให้เห็นอยู่จาง ๆ
ใจเขาสะท้านไหวยามนึกขึ้นได้ว่าใครเป็นคนฝากรอยเอาไว้ เขารับรู้มาตลอดว่าตั้งแต่เล็กจนโตอมายาต้องเจ็บปวดเพราะเป็นเหยื่อในความสัมพันธ์เป็นพิษของพ่อกับแม่ แต่ก็แค่เสี้ยวนาที เพราะความสงสารแบบนี้เขาจะไม่มีทางมอบให้ผู้หญิงชั่วช้าสารเลวอย่างเธออีกเป็นอันขาด
เพื่อลูกและเมียที่ต้องตายด้วยแรงริษยาของเธอ... ต่อให้เขาต้องตายตกไปตามกัน เขาก็จะทำให้นังผู้หญิงชั่วมันสำนึกผิดและทรมานไปจนวันตาย
อมายาถูกกระชากขึ้นจากพื้นแล้วลากออกไปโยนไว้นอกห้อง เขามองผลงานตัวเองที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นแล้วกอดอกยิ้มสาแก่ใจ ลิปสติกที่เขียนบนหน้าผากเธอว่า ‘ฆาตกร’ ทำให้เธอไม่ต่างจากตัวประหลาดน่ารังเกียจในสายตาผู้คน
“บอกฉันสิว่าเธอเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกให้ฉันฟังว่าเธอก็ทรมานกับความรู้สึกผิดจนแทบกระอัก”
อมายาหัวเราะในลำคอ ช้อนสายตาเย้ยหยันขึ้นมองเขาพร้อมพยุงร่างอ่อนแรงให้ลุกขึ้นแล้วกอดตัวเอง ขณะที่น้ำตาไหลพรากเพราะการกระทำป่าเถื่อนแบบนั้น แต่ปากก็พูดกับคนใจร้ายเสียงแข็ง
“ต่อให้ฉันต้องตาย คุณก็จะไม่มีวันได้ยินมันออกมาจากปากฉันหรอก”
เพราะเธอไม่ได้ทำ เหตุใดต้องรู้สึกผิด เป็นเขามากกว่าที่จะต้องลิ้มรสคำนั้นเมื่อวันที่ความจริงปรากฏ เธอแค่ต้องอดทนรอ... แม้จะมองไม่ออกเลยว่าจะทำเช่นไร หรือกว่าจะถึงตอนนั้น หัวใจเธอจะเพพังยับเยินสักแค่ไหน
“ได้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
“ฉันจะรอ...” สองเท้าขยับเข้าไปประชิดแล้วจ้องตาเขาอย่างท้าทาย “ระหว่างนี้จะมีความสุขจนสำลักเลยละ ไม่เชื่อก็คอยดู”
เขมราชกำหมัดแน่นอย่างคลั่งแค้น แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็สังเกตเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งมาแต่ไกล อมายาจึงเดินชนไหล่เขาเข้าไปเก็บของในห้อง เขาจะกล้าทำร้ายกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ก็ให้มันรู้ไป
เขมราชตัดสินใจเดินหลบไปทางปีกตรงข้ามของโถงทางเดินซึ่งมี รปภ. คนหนึ่งวิ่งตามมา ด้านอมายาค่อย ๆ ทรุดตัวลงเก็บของที่ถูกเขาเทกระจาดทั้งที่น้ำตาไหลนองจนสายตาพร่ามัวไปหมด
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับคุณผู้หญิง”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันจัดการเองได้”
เธอตอบเพียงเท่านั้นก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วเดินออกไป ท่ามกลางสายตารังเกียจของคนที่เห็นคำว่า ’ฆาตกร’ บนหน้าผากเธอ
ทว่าหญิงสาวหาได้ใส่ใจ เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่น้ำตาไม่เคยทรยศความรู้สึกของใคร… มันยังคงรินไหลเพราะรู้ว่าหัวใจเจ้าของนั้นปวดร้าวเพียงใด
