บทที่ 3 2
2
แรงกดดันที่ถาโถม
เพราะชีวิตมันไม่ง่าย อมายาถึงได้เรียนรู้ว่าอย่าอ่อนแอให้ใครเห็น และทุกครั้งที่ถูกรังแกก็ต้องปกป้องตัวเองให้ได้แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนแตกสลายก็ตาม
‘ย่ารู้ว่าออยน่ะเป็นนักสู้’
คำพูดของคุณย่าอิงอร คนเพียงคนเดียวที่รักและจริงใจต่อเธอยังคงชัดเจนเสมอในความทรงจำ แต่ตอนนี้อาการป่วยของท่านทรุดลงจนเธอกลัวจะสูญเสียท่านไปจริง ๆ
“หลานย่า มาหาย่าแล้วเหรอ”
มือเหี่ยวย่นสัมผัสใบหน้าบวมช้ำ อมายากุมมือท่านแล้วหลับตาซึมซับไออุ่นที่เธอหาได้จากย่าเท่านั้น
“ใครทำให้หน้าออยเป็นแบบนี้ลูก... พ่อออยเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณย่า” เธอโกหกคำโต ไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ “ออยทะเลาะกับเพื่อนน่ะค่ะ แต่ไม่มีอะไรแล้ว”
อิงอรส่ายหน้าน้อย ๆ ปากคลี่ยิ้มเอ็นดู ข้อนิ้วสัมผัสไปตามรอยเขียวช้ำบนใบหน้าหลานสาว ความอ่อนโยนของย่าทำให้อมายากล้าลดเกราะกำบังใจที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ลง แล้วปล่อยน้ำตาให้รินไหลอยู่ภายในวงล้อมแสนอุ่นใจที่สัมผัสได้จากท่าน
“โตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เลิกตบตีกับชาวบ้านเขาอีกเหรอลูก”
หญิงชรารู้ดีว่าที่หลานสาวแสดงออกรุนแรงก็เพื่อปกป้องตัวเอง ทั้งจากครอบครัวและคนรอบข้างที่หาความจริงใจไม่เจอ ทว่าไม่มีสิ่งใดที่มันจะดีหรือเลวร้ายไปทั้งหมด จึงเป็นหน้าที่ตนต้องอบรมสั่งสอนก่อนอมายาจะมองโลกเป็นสีดำและหลงทางจนกู่ไม่กลับ
ถึงอมายาจะถูกสอนมาเสมอว่าอย่าทำร้ายใครก่อน แต่นอกจากคนในครอบครัวแล้ว เธอไม่ยอมใครหน้าไหนทั้งนั้น ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อถึงมีแผลกลับบ้านมาเกือบทุกวัน
“นั่นสิคะ ออยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
เธอไม่คิดจะบอกย่าว่าที่หายไปหลายวันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง อยากให้ท่านทำใจให้สบายอาการป่วยจะได้ดีขึ้นไว ๆ และเพียงแวะมาสงบจิตสงบใจตัวเองก็เท่านั้น
“คิดถึงย่าจังเลยค่ะ” อมายาสวมกอดร่างผอมแล้วซบหน้ากับหน้าขาของท่านอย่างออดอ้อน “วันนี้ขออยู่นาน ๆ ได้ไหมคะ”
“ได้สิ แต่ไม่รู้หมอจะว่ายังไงนะ”
คนเป็นย่าพูดติดตลกไปพลางลูบศีรษะเธอไปด้วย อมายาสะอื้นไห้ ถ้าไม่มีย่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ป่านนี้เธอคงกลายเป็นนังเด็กเหลวแหลกไม่มีชิ้นดี เป็นที่รังเกียจของคนรอบข้างยิ่งกว่านี้ แล้วถ้าย่าจากไปเธอจะทำอย่างไร อมายาคนที่เหมือนไม่กลัวสิ่งใดกลับอ่อนไหวกับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว
เช็คเงินสดที่ได้จากการขายของมีค่าหายไปทั้งที่เก็บไว้อย่างดีในถุงซิปของกระเป๋าหนัง อมายารู้ในทันทีว่าใครเอาไป เธอรีบโทร. ไปหาที่ร้านเพื่อให้อายัดแล้วออกใหม่ให้ แต่ก็ช้าเกินไปเพราะมันถูกขึ้นเงินเแล้ว
หัวใจหญิงสาวปวดหนึบเมื่อเข้าใจแล้วว่าคนใจร้ายนั่นทำทุกอย่างได้เพื่อทำลายคนที่เขาเกลียดชังไม่ต่างจากเปลวไฟที่พร้อมแผดเผาศัตรูให้มอดไหม้ ราวกับว่าใจเขาไม่หลงเหลือความรักที่เคยมีให้กันอยู่เลย
แต่อย่าหวังว่าคนอย่างอมายาจะร้องขอความเมตตา หรือจะยอมถูกล่าอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้จะเข้าใจว่าเขมราชทำไปเพราะเจ็บปวดและสูญเสีย เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือชดใช้ให้ใคร
แต่หากวันใดความจริงเปิดเผย... เขานั่นจะต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้เธออย่างสาสม
อมายาปาดน้ำตาแล้วบอกลาคุณย่าเพื่อไปทวงมันคืนมาจากเขา แต่ทันทีที่ก้าวพ้นตัวอาคาร รถตู้สีดำติดฟิล์มทึบก็ขับมาจอดขวาง ชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมาแล้วโชว์ปืนที่เหน็บเข็มขัดแบบให้เห็นกันสองคน
“ท่านอยากเจอคุณหนูครับ”
คนของ ‘ท่าน’ เข้ามาชาร์จตัวคุณหนูอมายาที่ตัวแข็งทื่อ ก่อนร่างเพรียวบางจะถูกรุนหลังให้เดินขึ้นรถไป หญิงสาวนั่งตัวลีบ รู้สึกน้ำลายในคอเหนียวหนืดไปหมด ใจอยากแผลงฤทธิ์ให้รู้กันไปว่าบังคับเธอไม่ได้ แต่พวกมันมีปืน
“เชิญครับ ท่านรออยู่ข้างใน”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
เธอสะบัดทันทีที่คนของท่านเข้ามาประคองลงจากรถ เบื้องหน้าเธอคือคลับชื่อดังที่มีเบื้องหลังเป็นซ่องค้ากามแถมแม่ของเธอเป็นคนคุมอยู่
อมายากลั้นใจก้าวเท้าเข้าไปเป็นครั้งที่สองของวัน หากแต่หนนี้เธอหวาดกลัวมากกว่าเดิม ถึงได้เอาแต่มองหาทางหนี ท่าทีมีพิรุธไม่รอดพ้นสายตาคนของ ‘ท่าน’
“ไม่ใช่ความคิดที่ดีนะครับ”
อมายาแทบลืมหายใจเมื่อปลายกระบอกปืนเย็นเยียบจ่อสีข้าง พลางเขาก็กระซิบด้วยเสียงราบเรียบแต่จริงจัง สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องเดินเข้าไปข้างในอย่างเสียไม่ได้
“สวัสดี สาวน้อย”
นิกรซึ่งนั่งเอกเขนกบนโซฟาหนังราคาแพงในห้องที่ตกแต่งโทนสีดำสลับแดงและควบคุมแสงให้ริบหรี่กล่าวทักทาย หญิงสาวมองซ้ายมองขวาไม่เห็นแม่อยู่ด้วย ความกลัวก็พาให้สองขาสั่นระริก
“คุณมีธุระอะไรกับหนู” เธอมั่นใจแล้วว่าเสียงไม่ได้สั่นตอนที่พูดออกไป แต่ปากคอกลับแห้งผากยิ่งกว่าทะเลทรายขาดน้ำ
“ก็แค่คิดถึงน่ะ”
นิกรวางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะกลาง แล้วลุกขึ้นกระชับปีกเสื้อกั๊กสีควันบุหรี่ สายตามากความหมายจ้องมองลูกติดภรรยาไม่วางตาจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูก
“ได้ข่าววันนี้หนูแวะมา แต่ไม่ยักจะรอทักทายพ่อ ใจร้ายมากเลยนะ รู้หรือเปล่าว่าพ่อน้อยใจ”
คำพูดเชิงนี้พาให้อมายาเบ้หน้า ต่อหน้าคนอื่นเขามักแสดงออกว่าเอ็นดูเธอเหมือนลูก แต่ความจริงจ้องจะจับเธอขึ้นเตียงตลอดเวลา
“ไม่จำเป็น”
“ทำไมพูดเสียงแข็งกับพ่อขนาดนี้ล่ะ”
นิกรโบกมือให้ลูกน้องออกไป อมายาฉวยโอกาสนั้นวิ่งออกจากห้อง แต่เธอถูกผลักเข้ามาข้างในแล้วล็อกประตูไว้จากด้านนอก
“ไอ้พวกเวรเอ๊ย!!!”
หญิงสาวสบถลั่นพลางยกมือขึ้นมายีหัว ทั้งโกรธ กลัว และโมโหที่ไม่สามารถเอาตัวรอดจากคนเลว ๆ ได้ ด้านนิกรเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ พลางสายตาก็ไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหวังผล
“ทำใจให้สงบแล้วเรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า ลูกสาวพ่อ”
“เรียกแม่หนูมา แล้วค่อยว่ากัน” อย่างน้อยถ้าแม่อยู่ เขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอ
“หนูไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองกับพ่อได้นะ เด็กดี”
ทั้งคำพูดและแววตานั้นช่างแสนอ่อนโยน แต่มันแฝงนัยชั่วช้าและน่ารังเกียจเหลือเกินในความรู้สึกของอมายาจนเธอเผลอขยับหนี ก่อนฝ่ายนั้นจะก้าวเข้ามาประชิดแล้วขยุ้มเส้นผมตรงท้ายทอยเธอเต็มแรง
“โอ๊ย!”
“จะติดคุกหัวโตอยู่แล้วยังทำเก่งอยู่ได้นะมึง”
นิกรกรอกเสียงใส่หน้าเธออย่างหมดความอดทน อมายารั้งมือเขาไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บ สายตาที่จ้องตอบนั้นแน่วแน่
“ต่อให้ต้องตายในคุก หนูก็ไม่รับความช่วยเหลือของไอ้แก่ตัณหากลับอย่างคุณ”
อมายารู้ดีว่านิกรใช้โอกาสที่เธอตกที่นั่งลำบากแล้วยื่นมือมาช่วยเหลือ เพื่อให้เธอยอมมอบเรือนร่างให้แต่โดยดี เขารอคอยโอกาสแบบนี้มาตลอด แต่เธอไม่มีทางใช้สามีร่วมกับแม่ หรือต่อให้เขาไม่ใช่พ่อเลี้ยงของเธอ อมายาก็ไม่คิดจะเอาตัวเข้าแลก
เธอมีปัญญาหาหลักฐานมาสู้คดีเองได้ แม้แสงแห่งความหวังมันจะริบหรี่ แต่มันต้องมีสักทางนั่นแหละ
ทันใดนั้นเอง หลังมือหนัก ๆ ของนิกรก็ฟาดเข้าหน้าลูกเลี้ยงสาวจนอมายาได้ลิ้มรสเค็มปร่าของเลือดตรงมุมปาก ก่อนจะชกเข้าหน้าท้องเธออย่างจัง
อมายากุมหน้าท้องตัวเองเพราะจุกจนแทบลืมหายใจ ร่างอ่อนแรงถูกเหวี่ยงลงกับพื้นจนทั้งเข่าทั้งศอกกระแทกกับพื้นแข็ง ๆ ขณะที่นิกรถอดเข็มขัดออกมา ปลายข้างหนึ่งพันกับมือข้างถนัด สายตาก็จ้องมองนางทาสคนต่อไปของตัวเองอย่างคาดหวัง
“อวดดีนักนะ มึงคิดว่ากูไม่มีปัญญาทำให้มึงศิโรราบเหรอ”
“อย่า...”
เธอร้องห้ามแต่เสียงที่เปล่งออกมาเพียงแค่แผ่วเบา จึงพยายามคลานหนีแต่ฝ่ายนั้นก็ตามมากระชากศีรษะไว้
“อะไรนะ อย่าหยุดงั้นเหรอ”
นิกรกระซิบกลั้วเสียงหัวเราะ แล้วฟาดเข็มขัดเข้ากลางลำตัวบอบบางจัง ๆ
ความเจ็บปวดทำให้อมายาดิ้นเร่าพร้อมกรีดร้องสุดเสียง แล้วไอ้แก่สารเลวก็ลงมือกระชากเสื้อจนมันขาดออกจากกัน สองมือรีบยกขึ้นมาปิดบังทรวงอกพลางสะบัดดิ้นแล้วตะกายหนี
ในใจก็นึกเสียดาย ถ้าเธอใช้ลูกล่อลูกชนเข้าสู้มากกว่าโทสะและความยโสที่นำพาตัวเองมาพบจุดจบที่ไม่งดงาม สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปจากนี้หรือเปล่านะ
ตอนนั้นเองที่ประตูห้องเปิดผาง ปรากฏร่างของพิยดาพุ่งเข้ามาโอบกอดแล้วใช้แผ่นหลังตัวเองรับเข็มขัดของสามีที่ฟาดลงมาอีกครั้งแทนลูกสาว
“แม่...”
หัวใจของหญิงสาวไหวสั่นราวกับใบไม้ต้านแรงลม... แม่ปกป้องเธอโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะเจ็บ ขัดแย้งกับสิ่งที่อมายาเชื่อมาตลอดทั้งชีวิต
“หนีไปออย ทางนี้แม่รับหน้าเอง”
ไม่มีเวลามาถามมาก อมายาหอบร่างกายอ่อนล้าเดินโซซัดโซเซออกจากประตูไป โดยที่คนของนิกรไม่แม้แต่จะเข้ามาขวาง เดาว่าคงลังเล
“จับมันมา”
เสียงประกาศิตของนิกรระเบิดกร้าว ตามมาด้วยเสียงของคนเป็นแม่ที่โพล่งขึ้นสู้
“ใครกล้าก็ลองดู”
ลูกน้องของนิกรคงเกรงใจแม่อยู่พอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมเปิดประตูให้ท่านเข้าไปตั้งแต่แรก
ขณะที่เดินไปใจก็เป็นห่วงแม่ขึ้นมา ไม่รู้ต้องรับมือกับอะไรบ้าง แต่ถ้าเธอกลับไปเธอคงไม่รอด อมายาปาดน้ำตาแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีไป ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะรับมือกับสามีตัวเองไหว
ในเวลาเดียวกันพิยดาก็เผชิญหน้ากับสามีด้วยใจที่เจ็บปวดและร่างกายที่แสบร้อนเพราะถูกเข็มขัดฟาด
“ท่านทำแบบนี้กับลูกดิฉันได้ยังไง”
น้ำตาหล่อนไหลเป็นทางพลางจดจ้องสามีอย่างตัดพ้อ พอเด็กที่หล่อนให้คอยเป็นหูเป็นตาแจ้นไปบอกว่าเห็นท่านให้คนไปพาคุณหนูมาที่นี่หล่อนก็รีบมาทันที
“ฉันพยายามให้ทางเลือกลูกสาวเธอแล้ว แต่มันไม่รับเอง”
คำพูดของสามีเสมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางใจ รู้มาตลอดว่านิกรคิดยังไงกับบุตรสาว เพียงแต่หล่อนไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้
ครั้งนั้นหล่อนเลือกใช้ความรุนแรงกับอมายาก็เพื่อปกป้องลูกให้พ้นจากคนแบบนี้ ในขณะที่ตัวเองนั้นถลำลึกเกินกว่าจะถอยหนี และถ้าจะให้ต่อว่านิกรก็คงจะมีแต่เจ็บตัว หากครั้งนี้มันร้ายแรงเกินกว่าจะใช้วิธีนั้นได้แล้ว
“มันไม่ใช่ประเด็นนี้ค่ะท่าน”
“แล้วมันยังไง!!!”
นิกรตวาดลั่นอย่างหมดความอดทน เขาเกือบจะได้เชยชมอมายาอยู่แล้วหลังจากต้องทนเก็บความต้องการมานานเป็นสิบปี
“ก็ท่านรับปากกับฉันแล้วว่าจะไม่แตะต้องยัยออย แล้วทำไมตอนนี้ท่านถึงไม่รักษาสัญญาคะ เธอเป็นลูกสาวของฉันนะคะ ฉันที่เป็นภรรยาของท่าน”
“คนอย่างฉัน อยากได้อะไร ฉันก็ต้องได้ เธอเป็นเมีย หน้าที่ของเธอก็แค่ทำตามความต้องการของฉัน”
แววตาผิดหวังระคนเสียใจมองสามีอย่างตัดพ้อ หล่อนรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร แต่ไม่คิดว่าจะหาดีไม่ได้จนเหลืออด
“ท่านไม่รู้ตัวเลยเหรอคะว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำมันยิ่งเลวกว่าคำว่านรกส่งมาเกิด”
ผัวะ!!!
ฝ่ามือหนักฟาดเข้าหน้าพิยดา ร่างผอมสะบัดล้มลงกับพื้นก่อนจะถูกเขาขยุ้มศีรษะระบายความโกรธแค้น ปากดีกันทั้งแม่ทั้งลูก
“มึงอย่าลืมนะว่ามึงมีวันนี้ได้เพราะใครถ้าไม่ใช่กู กูสร้างมึงมากับมือ มึงอย่าให้กูต้องทำลายมึงด้วยตีนกูนะ พิยดา”
“เอาเลยค่ะ ท่านอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ แต่อย่ายุ่งกับลูกฉัน อย่างอื่นฉันยอมท่านหมด แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ฉันขอ”
หัวอกคนเป็นแม่แทบจะขาดรอน ๆ หล่อนประณมมือไว้ตรงคางพลางเงยหน้าอ้อนวอนทั้งน้ำตา ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งแบบนี้แล้ว นิกรคงไม่ใจร้ายจนเกินไป
นิกรชื่นชมในความรักที่หล่อนมีต่อลูกสาว ถึงจะแสดงออกไม่เก่งก็ตาม แต่คำอ้อนวอนของเมียที่อยู่กินกันมาสิบกว่าปีหาได้สลักสำคัญเท่าความต้องการของตัวเอง เขาผละไปเปิดลิ้นชักแล้วคว้าปืนออกมาจ่อศีรษะพิยดาซึ่งมีฐานะเป็นนายหญิงของทุกคนที่นี่เพื่อขจัดความลังเลของลูกน้อง
“จะไปเอาตัวคุณหนูมา หรือจะให้กูยิงคุณผู้หญิงของพวกมึง”
เนื้อตัวของพิยดาสั่นเทาเหงื่อเม็ดโตผุดพราย แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ หากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ก็เท่ากับว่าจะไม่มีใครคุ้มครองอมายาได้อีกต่อไป
ใจของแม่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกแคล้วคลาดปลอดภัย...
ความสูญเสียสร้างความเจ็บปวดให้คนที่เหลืออยู่จนเรียกได้ว่าเสียศูนย์ ทำให้เขมราชที่ต้องไปเจอหน้าครอบครัวมีนรญาไม่อาจทนอึดอัดต่อไปได้ เพราะสายตาที่ ‘มธุลิน’ น้องสาวมีนรญามองมา มันชัดเจนว่าเขาเป็นต้นเหตุให้พี่สาวหล่อนต้องมีจุดจบเช่นนี้
‘ยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ’
‘...’
‘ต้องหน้าด้านขนาดไหนถึงยังมองหน้าพวกเราได้อยู่’
คำพูดแสนเกลียดชังของมธุลินยังดังก้องในสมอง เขาเจ็บปวดเกินทนจนต้องหันหน้าพึ่งของมึนเมา และต้องมีสักคนรับผิดชอบความรู้สึกเหล่านี้
หลังสาดเหล้ากระแทกคอจนเมาอีกไม่ไหว ก็ถูกเพื่อนหามขึ้นมานอนบนห้องที่ทางคลับมีไว้เพื่อให้ลูกค้าค้างคืน
“เดี๋ยวกูพาสาว ๆ มาปลอบมึง”
ดนุที่โตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องเพราะคุณแขไขรับอุปการะตั้งแต่พ่อแม่ดนุซึ่งเป็นคนสนิทของท่านยอมพลีชีพในเหตุการณ์เพลิงไหม้เพื่อช่วยชีวิตท่านไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนพูดพลางวางถุงยางอนามัยบนอกของคนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง
“มึงอย่ามายุ่ง”
เขมราชเอ็ดเพื่อนเสียงยาน พลางปัดสิ่งที่วางบนอกออกไปอย่างรำคาญ
“กูว่ามีนคงไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้หรอก”
“เหอะ” เขมราชยิ้มหยัน
มีนรญาไม่อยากเห็นเขาในสภาพนี้อย่างที่เพื่อนว่า เพราะหล่อนไม่ได้อยากตาย ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงสารเลวคนนั้น สองเราคงได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
“อย่ามาโลกสวย ไอ้นุ”
ดนุส่ายศีรษะอ่อนใจ แต่จะโทษมันก็ไม่ได้เพราะคนสูญเสียที่ไหนจะมีแก่ใจมองโลกในแง่ดี จะมานั่งเถียงกันตอนที่มันเมาก็คงไม่เข้าท่า คิดว่าถ้ามีสาวสวยมาอยู่ใกล้ ๆ มีหรือมันจะอดใจไหว ขี้คร้านจะจัดหนักจนลืมวันลืมคืนและลืมความเศร้า
แต่นี่แหละที่เขาต้องการจากมัน...
ให้มันลืมความเศร้าไปบ้างแม้จะเพียงชั่วคราวมันก็ดีเกินพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินออกไปทำอย่างที่คิดแล้วทิ้งเขมราชให้ขัดใจอยู่ในนั้นเพียงลำพัง
เขมราชรู้ว่าดนุหวังดี แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่มันจะมาเจ้ากี้เจ้าการ ความเสียใจของเขาคงไม่มีวันลดน้อยถอยลงหากฆาตกรยังมีชีวิตที่ดี ในขณะที่ชีวิตของเขากำลังว่างเปล่า
“พี่ขอโทษ ฮือ ๆ พี่ขอโทษที่ปกป้องเธอไม่ได้ พี่ขอโทษ...”
ชายหนุ่มนอนกอดตัวเองแล้วปล่อยให้น้ำตารินไหล คิดถึงมีนรญาแทบขาดใจแต่รู้เต็มหัวใจว่าเธอจากไปไม่หวนคืน
ในขณะเดียวกันนังผู้หญิงสารเลวในสายตาใครต่อใครกำลังหอบร่างกายบอบช้ำเดินกระเซอะกระเซิงไล่เคาะห้องพักแขกทุกห้องที่เดินผ่าน หวังจะมีสักคนเปิดรับและให้ความช่วยเหลือเธอได้ เพราะคนของนิกรดักรออยู่ทั้งหน้าคลับและหน้าลิฟต์ รวมถึงประตูทางออกด้านหลัง ทางรอดของเธอก็คงเหลือเพียงซ่อนตัวให้พ้นจากพ่อเลี้ยงใจร้าย
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”
ไม่มีห้องไหนเปิดเลย คนข้างในบ้างก็เมาแอ๋ บ้างก็คงกำลังปฏิบัติกามกิจ แต่อมายาใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อพบว่าห้องหนึ่งไม่ได้ล็อก ร่างบางจึงแทรกผ่านประตูเข้าไปแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา
เธอรอดแล้ว...
หญิงสาวผ่อนลมหายใจโล่งอกแล้วแทบจะทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยความอ่อนแรง หากไม่รู้สึกว่ามีใครมายืนซ้อนหลังตัวเองเสียก่อน
“ว้าย”
อมายาร้องลั่นเมื่อร่างใหญ่ดึงเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว สัญชาตญาณหวงตัวทำให้พยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
ใจสาวอ่อนยวบและทำนบกั้นน้ำตาพังทลายลงอีกครั้ง เธอต้องฟาดฟันกับเขมราชที่โรงพยาบาล ไหนจะถูกเขาขโมยเช็คเงินสดไป ทั้งยังต้องมารับมือกับนิกร แล้วดันวิ่งมาเข้าห้องโรคจิตอีกสินะ ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายไปจนถึงเมื่อไหร่
“ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาแสนคุ้นเคยที่ดังขึ้นใกล้ท้ายทอยพาให้เธอเผลอกลั้นใจ ก่อนที่เขาจะจูบเนื้อนุ่มตรงหลังคออย่างถวิลหา เล่นเอาหัวใจอ่อนล้าไหวสั่น
“พี่เฟลม...”
ดวงตาชุ่มน้ำเบิกกว้าง ทั้งกลิ่นของเขา ทั้งจังหวะการหายใจไหนจะน้ำเสียงแบบนี้มันชัดเจนเสมอในความทรงจำ ความอ่อนโยนของเขาทำให้แรงต้านทานที่มีพลันมลายหายไป กลายเป็นอ่อนระทวยอิงแอบกับแผ่นอกอุ่นที่ลึกในใจเธอยังคะนึงหา
แต่นี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าเธอแค่ฝันไปกันแน่นะ…
“พี่เฟลมจริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“พี่จะปกป้องเธอเอง”
เขารวบผมอมายาให้ปัดไปอีกข้างก่อนโน้มใบหน้าลงมาจูบหลังคอชื้นเหงื่ออย่างโหยหา ขณะที่อมายายังคงสับสนกับคำพูดที่ราวกับระเบิดเวลาที่พาให้เธอปล่อยเสียงร้องไห้เหมือนจะขาดใจ
อมายาคือคนที่แบกรับความอัดอั้นและเจ็บปวดทั้งกายใจมาเนิ่นนาน การได้รู้ว่าจะมีคนคอยปกป้องมันมีความหมายมากพอให้ตื้นตันจนหลั่งน้ำตา
เธอไม่รู้หรอกว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...
ไม่รู้เช่นกันว่าเขาเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีสิ่งใดทำให้ท่าทีของเขาอ่อนโยนลงถึงขนาดนี้
อมายารู้เพียงแค่ว่าในยามที่ใจอ่อนแอและท้อแท้ เธอขอเพียงได้พักพิงใจกับใครสักคนที่พร้อมจะปกป้องและจับมือเธอข้ามผ่านมันไปด้วยกัน
“พี่คิดถึงเธอมากเลยรู้ไหม”
หัวใจเธอคงเหมือนเทียนไขที่ละลายซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะสัมผัสนุ่มนวลผสมกับเสียงกระซิบเคล้าน้ำตาของผู้ชายที่เธอไม่เคยลืมเลือน แต่ถ้าเขาคิดถึง ไยถึงใจร้ายกับเธอขนาดนั้นกัน
“ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้คะ”
“พี่ขอโทษค่ะ”
เขมราชกระชับอ้อมกอดแน่น อดที่จะฝากรอยจูบไว้กับซอกคอขาวไม่ได้เลย ความสยิวซ่านเล่นงานอมายาจนต้องห่อไหล่หลบ หากในจังหวะที่ใบหน้าสวยก้มลงมา จมูกสันเป็นคมก็กดฝังลงกับพวงแก้มช้ำรอยมือ
“พี่เฟลม อย่าค่ะ...”
แม้ปากจะร้องห้าม แต่เสียงกลับแผ่วเบาและไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอยากให้เขาหยุด อมายาเพียงต้องการใครสักคนคอยปลอบโยน
เธอยอมลดกำแพงใจผุพังลง แล้วเอียงศีรษะไปด้านหลังพลางหลับตาคลอเคลียกับศีรษะของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า ไม่ว่าเขาจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดเสียใจหรือจะถนอมเธอหรือไม่ แต่ขอแค่ใครสักคนให้ใจดวงนี้จับยึดก็เพียงพอแล้ว
เขมราชหมุนตัวคนในวงแขนให้หันมาหาช้า ๆ ข้อนิ้วใหญ่ลูบไล้ผิวแก้มเนียนลื่นปาดน้ำตาออกไป สายตาคู่คมเยิ้มหวานจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเป็นประกายเพราะน้ำตา
“พี่รักเธอนะ “
แต่อนิจจาภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำของเขาแล้วบดบังดวงหน้าหมองเศร้าของอมายาคือใบหน้าของคนอีกคน แต่อมายาที่คิดว่าตัวเองยังพอสำคัญกับหัวใจเขาอยู่บ้างไม่อาจล่วงรู้
หญิงสาวเผยอริมฝีปากรับจุมพิตปลอบประโลมแผ่วเบา รู้สึกถึงลิ้นร้อนที่สัมผัสเรียวปากอย่างนุ่มนวล ภายในอกจึงคล้ายเกิดคลื่นลมปั่นป่วนที่สาดซัดความเข้มแข็งในใจให้พังทลาย ผลที่ตามมาคือทรวงอกอวบหยุ่นกำลังสะท้อนขึ้นลงอย่างผิดจังหวะ
เขมราชประคองรอบเอวคอดกิ่ว พาเธอขยับเดินไปที่เตียงโดยยังไม่คลายจุมพิตจากเรียวปากงาม ทั้งสองเซน้อย ๆ ก่อนที่เธอจะต้านทานน้ำหนักเขาไม่ไหวแล้วล้มลงไปบนเตียงนุ่มด้วยกัน
ร่างของเขาทาบทับเรือนกายบอบบาง สองมือประสานกับมือนุ่มของเธอแล้วตรึงไว้กับที่นอน ส่งปลายลิ้นร้อนคว้านลึกในเรียวปากหวานละมุนของคนที่ตนคิดว่าเป็นเมียรัก พลันน้ำตาก็รินไหลจากหางตา
เขาต้องทนเหน็บหนาวทุกค่ำคืน และคิดถึงหล่อนมากจนหัวใจเฉียดใกล้คำว่าแหลกสลาย เขาไม่อยากลบลืมหล่อนไปจากใจ อยากจดจำหล่อนไว้ตราบลมหายใจสุดท้าย เขมราชจึงค่อย ๆ คลายจูบแล้วพิศมองใบหน้าสวยสะอาดของคนในความทรงจำทุกองคาพยพอย่างตั้งใจ
เขากลัวเหลือเกินว่าสักวันจะลืมใบหน้าของหล่อนไป...
กลัวว่าสักวันใบหน้าของผู้หญิงอีกคนที่เขาซ่อนเอาไว้ในใจมันจะชัดเจนขึ้นมาแทนที่คนที่เขาควรจดจำ
“พี่จะไม่มีวันลืมเธอ”
มือข้างหนึ่งลูบแก้มเปื้อนน้ำตาของคนใต้ร่าง อมายาหลับตาเอียงซบกับฝ่ามือหนาราวกับต้องการซึมซับความอบอุ่นที่ราวกับไอแดดยามเช้า ปล่อยให้มืออีกข้างของเขาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อเม็ดสุดท้ายหลุดจากกัน เธอก็ไม่อาจทนสบตาเขาอีกต่อไปจึงไพล่มองไปทางอื่นแทน
เขมราชยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเธอ แล้วจึงก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู
“ให้พี่ปลอบเธอได้ไหม”
ไอร้อนจากลมหายใจของเขาเล่นเอาอมายาหนีบไหล่เพราะความสยิวซ่าน พลางพยักหน้าตอบรับการปลอบโยนที่เธอปรารถนามานานแสนนาน เสี้ยวนาทีต่อจากนั้นเขาก็ปลดตะขอบราเซียที่อยู่ด้านหน้า เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงท้าทายสายตา
เขมราชวางมือทั้งสองข้างลงไปทาบทับความอวบหยุ่นหนั่นแน่นเต็มไม้เต็มมือนั้นเบา ๆ อมายาหลับตาพริ้มแล้วกัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง แต่ก็ได้เขาที่คอยจูบปลอบให้ผ่อนคลายแล้วกระซิบบอกด้วยเสียงนุ่มละลายใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ร้องออกมาได้”
เสียงครางเริ่มหลุดออกมาจากเรียวปากสวย ศีรษะของอมายาแหงนหงายไปทางด้านหลังอวดลำคอระหงที่รับกับลาดไหล่สวยปนเซ็กซี่อย่างคนชื่นชอบการออกกำลังกาย เขมราชอดใจไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากลงไป ลากปลายลิ้นเรียวร้อนลงมาตามไหปลาร้า กอปรกับสองมือที่เคล้นคลึงสองเต้างามส่งผลให้อมายารู้สึกถึงความฉ่ำลื่นกลางหว่างขา
แต่ในหัวใจเธอกำลังเต้นระส่ำคล้ายกลองศึกนับร้อยถูกลั่นอยู่ภายใน พลันแวบหนึ่งความลังเลฉาบฉายอยู่ในดวงตาแสนงาม
เธออยู่ในสถานะฆาตกรที่พรากลูกเมียไปจากเขา แต่ตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ทั้งตัวและหัวใจ มันจะมีใครยอมรับเรื่องแบบนี้ได้งั้นหรือ
แต่เธอจะสนคนอื่นเพื่ออะไรกัน ในเมื่อเขมราชน่าจะเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว และเธอเชื่อเหลือเกินว่านับตั้งแต่วินาทีที่คำว่า ‘ปกป้อง’ ออกมาจากปากของเขมราช เรื่องราวความเกลียดชังของเขากับเธอมันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
3
หลอกตัวเอง
อมายารับจุมพิตอ่อนโยนอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาสร้างกระแสวาบหวามร้อนแรงไปทั่วสรรพางค์กาย ผิดกับความป่าเถื่อนที่เขากระทำเมื่อตอนเช้า ทำให้หญิงสาวตอบรับการเชิญชวนของเขาอย่างว่าง่าย
กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจเขาฉุนจัดจนแทบทำให้เธอมึนเมาตามไปด้วย ในขณะที่ลิ้นร้อนของเขาก็กระหวัดพันเกี่ยวสร้างความซ่านเสียวให้หญิงสาวแสนบริสุทธิ์อย่างเธอได้มากมาย ฝ่ามือไม่นุ่มไม่หยาบจนเกินไปที่ถูไถบนปทุมถันก็ทำให้เธอรุ่มร้อนจากความปรารถนาล้ำลึกเกินบรรยาย
“อือ... พี่เฟลม”
เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อเขาเริ่มใช้ลิ้นสำรวจตามร่างกาย ไล่ตั้งแต่กรอบหน้า ปลายคาง ซอกคอขาว ไหปลาร้า ลงมาจนถึงเนินถันเต่งตึง ก่อนจะอ้าปากงับยอดอกสีชมพูหวานเข้าไปในช่องปาก แล้วดูดดึงจนแก้มที่เต็มไปด้วยไรเคราสีเขียวเย้ายวนนั้นตอบเข้าไป พาให้ลมหายใจสาวสะท้านเฮือกและปั่นป่วนในช่องท้องอย่างบอกไม่ถูก
เขาเซ็กซี่เหลือเกิน...
ในเวลาที่สมองกำลังมึนตื้อด้วยฤทธิ์รักที่เขามอมเมา อมายากลับตระหนักได้ว่าผู้ชายที่กำลังเคลื่อนไหวเหนือร่างนี้น่าปรารถนาเพียงใด มือบางค่อย ๆ ลูบศีรษะเขาราวกับจะทำให้ตัวเองแน่ใจว่านี่คือเขาจริง ๆ ไม่ใช่แค่ฝันไป พลางก็แอ่นอกเข้าหาเมื่อคลื่นปรารถนาสาดซัดรุนแรงจนเกือบจะควบคุมสติไม่ไหว
ปลายลิ้นของเขากำลังตวัดปลายถันของเธอไปมาอยู่ในช่องปากร้อนระอุ ปลายยอดอีกข้างก็ถูกปลายนิ้วแกร่งคีบคลึงอย่างไม่ยอมกัน แต่อมายาปรารถนาอยากให้เขาทำมากกว่านี้
เธอต้องการแตกสลายและเป็นเนื้อเดียวกับร่างกายที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อทรงพลังนี้ สองแขนเรียวเล็กจึงโอบกอดเขาไว้แล้วเบียดตัวขึ้นไปแนบชิดเขาอีก... ไม่อยากให้ระหว่างสองเรามีช่องว่างแม้เพียงเสี้ยวมิลลิเมตร
“ฮือ...”
หญิงสาวครางอย่างขัดใจเมื่อเขาผละออก เขมราชยิ้มหวานให้เด็กเอาแต่ใจก่อนจะรีบปลดกระดุมเชิ้ตแล้วถอดมันทิ้งไปไม่ต่างกับกางเกงที่เป็นอย่างต่อไป แต่เขากลับถอดได้ทั้งตัวนอกกับตัวในพร้อมกัน
ความรีบร้อนบวกกับความใหญ่โตของเจ้าสิ่งที่ผงาดเกยก่ายหน้าท้องของเธอทำให้หัวใจของอมายาเต้นแรง เหมือนกำลังยืนตรงปากเหว เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะชำแรกเข้ามาโดยไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ
“พี่เฟลม... เบา ๆ นะคะ”
เขายิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเมียแสนรักอีกคราก่อนจะโน้มลงไปบดเคล้ากลีบปากสวยแทนการปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่จะทำเบา ๆ ค่ะ”
ทั้งแววตาอ่อนโยน น้ำเสียงอ่อนหวานและท่าทางอบอุ่นราวกับแสงตะวันในวันที่เหน็บหนาวทำให้หญิงสาวไว้ใจในตัวเขาได้ง่ายดาย อมายาผ่อนคลายลงอย่างเป็นธรรมชาติ ปล่อยให้เขาครอบครองยอดถันอีกหน
ชายหนุ่มขยับข้างสะโพกซ้ายทีขวาทีเพื่อให้สองขาเรียวเปิดอ้าให้เขาอยู่ระหว่างกลาง ไอร้อนจากดอกไม้งามกลางกายพาหัวใจคนเมาเต้นระส่ำ ความเป็นชายแข็งขึงดุดันแนบกับหน้าท้องแบนราบที่มีรอยเขียวช้ำเพราะต้องรับมือกับคนใจร้ายรอบกายกำลังระอุร้อน
และอมายาดีใจเหลือเกินที่ต่อจากนี้เขมราชจะไม่ใช่หนึ่งในคนพวกนั้นอีกแล้ว...
เขาสอดมือเข้ามาระหว่างสองกาย ลากไล้ผ่านแอ่งเว้ากลางลำตัวลงไปวนเวียนตรงหัวหน่าวจนหญิงสาวหอบหายใจถี่กระชั้น ก่อนเขาจะใช้มันกอบกุมนวลเนื้อสวยที่อวบนุ่มพอดีมือแล้วคลึงไปมา
“ฮึก...”
อารมณ์รื่นรมย์แสนวาบหวามเล่นงานจนอมาหายใจติดขัดเลยต้องหอบหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างเมื่อปลายนิ้วแข็งแกร่งนั้นแหวกกลุ่มขนบางเบาแล้วเบียดแทรกเข้าไปกลางติ่งเนื้อแฉะร้อน
“พะ... พี่เฟลม จะ... เจ็บค่ะ”
“อดทนนะคะ คนดี”
เขมราชพรมจูบตามใบหน้าที่เขาหลงใหล แต่สิ่งแปลกปลอมทำให้อมายาที่กำลังเจ็บนั้นพลันหนีบขาเพราะหวาดกลัวจนตัวสั่น เขาเองก็รู้ ถึงได้ถอดลำนิ้วที่ยังไม่ทันได้ทักทายจุดที่ลึกที่สุดออกมา ขณะที่แลบลิ้นออกมาลากไล้โลมเลียตั้งแต่ร่องอกลงมาตามหน้าท้องเนียนสวย วนไล้พรมจูบตรงท้องน้อย พาให้อมายาปั่นป่วนจนเผลอจิกปลายเท้ากับที่นอน
“ไว้ใจพี่ไหมคะ”
“คะ... ค่ะ” เสียงตอบรับตะกุกตะกักนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกรักและหวงแหนเธอขึ้นมาเป็นเท่าทวี เพราะแม้เธอจะกลัวแต่ทั้งใจของเธอนั้นยังเชื่อมั่นในตัวเขา
อมายาหน้าแดงซ่านพลางหลับตาพริ้มเมื่อชายหนุ่มลดกายลงไปจนศีรษะอยู่กลางหว่างขาของเธอ มือหนาเคล้นคลึงนวลเนื้อสาวไปมาจนเธออดที่จะขยับบั้นท้ายไปตามจังหวะของเขาไม่ได้ และคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าชอร์ตอยู่ทั่วร่างกายในจังหวะที่เขมราชจูบติ่งเนื้อกลางดอกไม้งามอย่างหลงใหล
เขาใช้หัวนิ้วโป้งทั้งสองแหวกกลีบเนื้อของเธอออกจากกันจนสามารถเห็นเกสรแสนสวยสีเดียวกับยอดถันกำลังไหวระริกพร้อมกับผลิตน้ำหล่อลื่นฉ่ำเยิ้มออกมา อมายาอายจนอยากจะแทรกที่นอนหนี แต่ก็ทำได้เพียงดึงหมอนมาปิดหน้าไว้เท่านั้น
“พี่อยากให้เธอครางดัง ๆ ทำเพื่อพี่ได้ไหมคะ”
เขมราชตาวาวกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนไม่รู้ว่าตัวเองพูดออกมาเป็นภาษาหรือไม่ หากก็ได้ยินเสียงตอบรับอู้อี้ของเจ้าหล่อนมาจากใต้หมอน
“คะ... ค่ะ”
วินาทีนั้นโลกทั้งใบของเธอก็ถึงกับหมุนคว้าง ร่างกายทุกสัดส่วนหยัดเกร็งจนต้องกรีดร้องออกมาเมื่อเขาใช้ปลายลิ้นช่ำชองแทรกลึกเข้ามาในดินแดนลี้ลับของเธอ
เขามอบความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยมีชายใดมอบให้ จนชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนหลุดออกจากกรอบของความเป็นตัวเอง มาอยู่ในดินแดนที่ไม่มีใครพาเธอมาถึงมาก่อน
ตอนนี้เขาแทรกนิ้วเข้ามาแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเหมือนคราวก่อน จนเพิ่มจากหนึ่ง เป็นสอง เข้ามาขยับเข้าออกในโพรงรักจากเนิบช้าเป็นรัวเร็วประสานกับปลายลิ้นและเรียวปากที่สลับกับดูดดึง ขบเม้มและตวัดเลียจนร่างกายเธออ่อนระทวยราวกับกระดูกสันหลังถูกเลาะออกไปจนหมด
“อ๊าส์...” ในที่สุดหญิงสาวก็ระเบิดโพลงใส่ลิ้นและปากของเขาราวกับน้ำพุสวรรค์ แต่เขมราชกลับไม่รังเกียจและดื่มชิมน้ำหวานจากร่างกายเธอจนหมดเกลี้ยงทุกหยาดหยด ก่อนจะคลานขึ้นมาค้ำเหนือร่างเล็กที่กำลังนอนหอบหายใจอย่างเคลิบเคลิ้มกับความสุขสมแล้วกระซิบแผ่วเบา
“ถึงตาพี่บ้างแล้วค่ะ”
เขมราชทาบทับลงมาแล้วจูบกลีบปากแผ่วเบาพร้อมกับขยับสะโพกขึ้นเล็กน้อยก่อนดึงมือเธอลงมาจับท่อนเนื้อแข็งแกร่งของเขา อมายาเม้มปากสนิททั้งยังกลั้นหายใจเพราะไม่เคยสัมผัสของผู้ชายคนไหนมาก่อน มันให้ความรู้สึกแปลกปนสงสัย
ความเป็นชายของเขมราชตอนเหยียดขยายเต็มที่นั้นอวบอัดจนมือเล็ก ๆ ของเธอกำไม่รอบ มันไม่มีกระดูกแต่กลับชูชันสู้มือดีเหลือเกิน คงจะเป็นเพราะเส้นเอ็นข้างใต้แท่งเนื้อนี่กระมัง หญิงสาวออกแรงกำมากขึ้นเมื่อสำรวจเจอเส้นเอ็นที่ว่า ก่อนจะขยับมือไปตามที่เขาใช้มือดันขึ้นลง ฝ่ามือเธอรับรู้ได้ถึงความร้อนของมันและของเหลวที่ซึมหยดออกมาจากปลายยอดชาย เขาเองก็พร้อมพรักจนเกือบเรียกได้ว่าแตกสลาย ด้วยเก็บความปรารถนามาเป็นเวลานานแล้วนั่นเอง
“อ้าขาให้พี่อีกหน่อยนะคะ”
พวงแก้มของอมายาเห่อร้อนแดงซ่านเมื่อน้ำเสียงกระเส่าที่ทั้งอ่อนหวานและดุดันอยู่ในทีกระซิบชิดเรียวปากสวย เธอค่อย ๆ ขยับปลายขาเพื่ออ้ารับเขาเข้ามาอีกนิด แต่เขมราชดูจะยังไม่พอใจ ชายหนุ่มดันปลายเข่าเธอขึ้นชิดกับทรวงอกแล้วให้พาดบ่าเขาไว้ พลางสายตาทรงพลังอัดแน่นความปรารถนาก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาเป็นประกาย แล้วฉกใบหน้าลงมามอบจุมพิตให้เธออีกครั้งพร้อม ๆ กับผลักดันแก่นกายเข้ามาในกายสาว
เท่านั้นเองหญิงสาวถึงกับผละจากเรียวปากเขาแล้วกรีดร้องด้วยความทรมานราวกับร่างกายกำลังถูกแยกออกเป็นสองส่วน อมายาบิดเร่าน้ำตาไหลพรากและต้านทานเขาด้วยความเจ็บปวดอยู่ใต้ร่างกายหนาใหญ่นั้น หัวใจเขมราชกระตุกวูบยามที่เห็นน้ำใส ๆ ไหลลงจากหางตาของคนที่เขาคิดว่าเป็นภรรยา
ทุกครั้งมีเซ็กซ์กันมีนรญาจะรองรับตัวตนของเขาได้ดีเสมอ เหตุใดครานี้หล่อนทำเหมือนว่านี่เพิ่งเป็นครั้งแรก ไหนจะความรู้สึกคับแคบบีบรัดที่เขาสัมผัสได้ในกายนี้อีก
เสี้ยวนาทีที่เขาฉงนใจนั้นเอง ภาพใบหน้าของอมายาก็ชัดขึ้นจนเขาต้องหลับตาแล้วสะบัดศีรษะไล่ภาพนั้นออกไป เหลือไว้แต่เพียงคนที่เขาควรจดจำ หารู้ไม่ว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ทำให้เขาแยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงกับภาพลวงตา
“ทนไหวหรือเปล่าคะ”
เขากระซิบถามคนที่สะอื้นไห้อยู่ใต้ร่าง พลางจูบซับน้ำตาที่รินไหล อมายาหายใจเข้าเพื่อตั้งสติก่อนพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
ครั้งแรกใครก็ว่าเจ็บ... แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะผลักดันเข้ามาพรวดเดียวจนมิดลำแบบนี้ เลยจำต้องใช้สองมือรั้งสะโพกเขาไว้ตอนที่เขมราชเริ่มเคลื่อนไหว ด้วยร่างกายเธอยังปรับตัวรับสิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่กว่านิ้วของเขาหลายเท่าไม่ได้
“ช้า ๆ ค่ะ”
“พี่ไม่ไหวค่ะ” เขาบอกเสียงกระเส่า ขยับสะโพกฝืนแรงเธอแล้วกระแทกกระทั้นเข้าไปในช่องรักแบบเน้น ๆ
“ได้โปรดค่ะ ฮึก...” เสียงสะอื้นไห้ทำให้เขมราชระบายลมหายใจหนักหน่วง กรามแกร่งขบเข้าด้วยกันแน่นเพราะต้องอดทนกับความคับแน่นที่แทบจะบดขยี้แก่นกายของเขาให้แหลกสลาย หากก็ต้องแช่กายในตัวของเมียรักที่ทำราวกับว่าจะรองรับเขาไม่ไหว
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มสอดมือเข้ามาระหว่างสองกาย วางนิ้วชี้กับนิ้วกลางลงกับปุ่มกระสันเหนือโพรงสวาทของสาวงามใต้ร่างแล้วเคล้นคลึงไปมา
อมายาส่งเสียงครางกระเส่า ขยับบั้นท้ายไปตามจังหวะของเขา ส่วนร่างกายก็แอ่นหยัดแนบชิดอย่างเป็นธรรมชาติ ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ มลายหายไป
เขมราชเริ่มขยับกายอีกครั้งเพราะรู้โดยสัญชาตญาณ อมายาหลับตาแน่น เมื่อร่างกายตอบรับเขาแล้วทุกการเคลื่อนไหวจึงเป็นไปตามธรรมชาติ เขมราชกำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใน เสียงกรีดร้องของเธอก่อนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางที่ผสมผสานกับเขาอย่างลงตัว
“พี่จะเสร็จแล้วค่ะ”
คนตัวโตกระซิบข้างหู เส้นเอ็นทุกเส้นที่คอยกขึ้นและเป็นสีแดงเถือกไปจนถึงครึ่งหน้า เขาดุดันและเร่าร้อนในแบบที่เธอไม่อาจต้านทานไหวจริง ๆ
“จะเสร็จพร้อมกับพี่ไหมคะ”
“มะ... ไม่ไหวค่ะ พี่เฟลม”
เธอไม่รู้จักวิธีสะกดกลั้นแบบนั้นด้วยตอนนี้เขมราชกำลังส่งเธอขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่มีดาวนับล้านดวงระเบิดสว่างไสวเหมือนพลุในงานเฉลิมฉลอง หญิงสาวกรีดร้องขณะที่ร่างกายงดงามกระตุกเกร็งเมื่อค้นพบความสุขอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่ได้เกิดจากเรียวปากของเขาเหมือนหนก่อน ช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกินในสายตาพร่ามัวของเขมราช
“เสร็จเพื่อพี่อีกครั้งนะคะ”
คนที่เคลื่อนไหวเหนือร่างสวยกระแทกกระทั้นหนักหน่วงและลึกล้ำจนศีรษะอมายากระแทกกับหัวเตียง ความเจ็บปวดเสียดแทรกเข้ามาในความรู้สึกกระนั้นความกระสันก็มีมากกว่าราวกับว่าความรู้สึกถูกแยกออกเป็นสองส่วน
“ระ... เร็วอีกค่ะ”
“ขอพี่ทำแรงกว่านี้ด้วยได้ไหมคะ”
“ค่ะ แรงได้ค่ะ อ๊ะ” หญิงสาวเกร็งไปทั้งร่างแล้วแอ่นโค้งรอรับความสุขที่ลอยอยู่ตรงหน้า โสตประสาทอื้ออึงไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงหัวใจตัวเอง
แล้วเสี้ยวนาทีแห่งความอิ่มเอมใจซึ่งเธอไม่เคยพานพบก็มาถึงอีกครั้ง พร้อมกับที่เขมราชคำรามลั่นจนใบหน้าแหงนหงายแล้วโถมกายเข้ามาในกายเธอเป็นระลอกสุดท้ายขณะปลดปล่อยสารธารรักเข้ามาจนเอ่อล้น ชายหนุ่มซวนซบลงกับลาดไหล่ชื้นเหงื่อแต่ยังไม่ถอดถอนแก่นกาย อมายาได้ยินเสียงหัวเราะน้อย ๆ อย่างสุขสมก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเผยอขึ้นมาจูบหน้าผากเธออีกครั้ง
“มีความสุขไหมคะ”
“ที่สุดค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอู้อี้เพราะเขินอาย ยิ่งกับแววตาอบอุ่นที่มองมาไหนจะสภาพที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าเขาทั้งที่ไฟในห้องยังสว่างทุกดวงแบบนี้อีก
เขมราชพลิกกายลงนอนข้างเธอแล้วสอดแขนกระชับคนตัวบางมากอดแนบอก แล้วก้มลงซุกไซ้ยอดถันชูชันเพราะอารมณ์หวานที่ยังคั่งค้างอยู่อย่างทะนุถนอม ความหวามไหวแผ่กระจายจากจุดนั้นไปทั่วกาย อารมณ์ปราถรถนาของอมายาในตอนนี้ไม่ต่างจากถ่านไฟที่พร้อมลุกไหม้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าคนสุมไฟนั้นกำลังเมาและแทบหมดแรงจากกิจกรรมเมื่อครู่
“ไว้ต่อพรุ่งนี้นะคะ วันนี้พี่หมดสภาพแล้ว”
เขาพูดติดตลกแล้วดึงศีรษะออกมาจากทรวงสล้าง ก่อนจูบกลีบปากเธอเร็ว ๆ แล้วปิดเปลือกตาลงช้า ๆ พร้อมกับความอิ่มเอมใจเกินบรรยาย
เขาจะไม่มีวันปล่อยมีนรญาไป... แล้วสาบานกับหัวใจเลยว่าจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาแทนที่หล่อนได้ เพราะหล่อนเป็นคนที่เขาควรรัก หาใช่ผู้หญิงใจชั่วคนนั้น
“ค่ะ” ผู้หญิงใจชั่วในสายตาของเขาตอบรับหน้าแดงซ่าน แล้วเป็นฝ่ายซุกหน้าอกแข็งแกร่งของเขาแทน ขอแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้เธอก็มีความสุขล้นจนหาใดเปรียบแล้ว
ทว่าความสุขนั้นแสนสั้น แต่ความเศร้านั้นจีรัง
“ฝันดีนะคะน้องมีน”
หัวใจของอมายาคล้ายกับถูกมีดแหลมกรีดแทงเมื่อได้ฟังประโยคต่อไปจากผู้ชายที่เธอรัก น้องมีนงั้นหรือ...
เขาเรียกเธอด้วยชื่อนังนั่นงั้นหรือ?
มือเรียวกำหมัดแน่นพลันน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ที่เคยคิดว่าเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว และเรื่องราวของเรากำลังจะเปลี่ยนไปมันไม่จริงเลยสักนิด
เธอแค่เข้าใจผิดไปเอง...
ทั้งหมดมันอธิบายได้ง่ายดายตั้งแต่เธอพบว่าเขาอยู่ในห้องนี้พร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง... เขาเมา! และเขาเห็นเธอเป็นนังสารเลวนั่น อมายาน่าจะฉุกคิดได้ตั้งแต่แรก แต่เลือกจะเชื่อส่วนลึกของหัวใจที่มันกำลังหลอกตัวเองว่าเขายังรัก จนยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาราวกับผู้หญิงหน้าไม่อาย
มันเป็นเพราะเธอปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกช่วงเวลาได้รักเขาและได้เป็นคนที่เขารักมันดีมากเหลือเกิน แต่เมื่อรักของเราถึงทางตัน กลับมีเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องทนทุกข์ทรมานท่ามกลางความโดดเดี่ยวและเงียบเหงาเพราะไม่อาจลืมเขาได้เลย
เธออาจจะรักเขามากไป... ในขณะที่เขมราชก็รักเธอน้อยเกินไป
เธอยังคงเจ็บปวดเสมอเมื่อรู้ว่าเขาลืมเธอได้ง่ายดายและรักมีนรญามากกว่าที่เคยรักเธอ ถ้าลองเปลี่ยนให้เธอเป็นมีนรญาแล้วตายจากไป เขมราชจะเสียใจเท่านี้หรือเปล่านะ
คำตอบก็คงจะเป็น ‘ไม่’
ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวสะอื้นไห้เหมือนจะขาดใจ มั่นใจเลยว่าความบริสุทธิ์ที่ให้ไปมันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ พรุ่งนี้เขาอาจจะร้ายกับเธอเหมือนเดิมหรือคงจะแย่ยิ่งกว่า
แต่เธอก็ยังอยากอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกสักพัก แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ที่สำหรับเธอก็ตาม อมายาหลับตาลงทั้งน้ำตา ขออยู่แบบนี้สักสองสามชั่วโมงเพื่อให้มีแรงฟาดฟันเรื่องบ้า ๆ ที่อาจจะต้องเจอในวันต่อไป จากนั้นเธอจะรีบออกไปก่อนที่เขมราชจะตื่นแล้วพบความจริงว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาฝัน
ต้องขอบคุณความเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจที่ทำให้เธอหลับง่ายไม่ทรมานหัวใจมากเกินกว่านี้...
เพราะอมายาจมดิ่งในห้วงนิทราพร้อมกับความเศร้าสุดใจที่คอยกล่อมเกลาให้เจ็บปวดจึงไม่อาจปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาก่อนเขาได้ ในที่สุดเขมราชที่หลับไปพร้อมความอิ่มเอมใจก็ตื่นขึ้นมาก่อนในช่วงเช้ามืดของอีกวัน ฤทธิ์เหล้าทำให้ศีรษะของเขาหนักอึ้งเหมือนมีหินหล่นลงมาทับ แต่กลับยิ้มเคลิบเคลิ้มเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำกับเมียรักในความฝันแสนหวานเมื่อคืน
หากทันทีที่ก้มมองหน้าคนในอ้อมแขน กลับต้องเบิกตากว้างแล้วดีดตัวลงจากเตียงทั้งที่สภาพเปลือยเปล่าราวกับเจอเชื้อโรคน่ารังเกียจ แล้วสบถอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“นี่มันเหี้ยอะไรวะเนี่ย”
อมายางั้นหรือ?
เป็นเธอไปได้ยังไง ในเมื่อเขาฝันว่าเขาได้นอนกับเมียตัวเอง มันควรจะเป็นความฝันหรือเป็นโสเภณีสักคนสิ ทำไมความจริงมันถึงได้น่าขยะแขยงแบบนี้!
แค่คิดว่านอนกับฆาตกรที่ฆ่าลูกฆ่าเมียของตัวเองเขาก็รังเกียจตัวเองจนอยากจะล้างคราบสกปรกของเธอออกไปให้หมด แต่นั่นมันคงช่วยอะไรไม่ได้
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ผู้หญิงหน้าด้าน”
เขมราชปราดเข้าไปจับไหล่เปลือยและเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำของอมายาขึ้นมาเต็มแรง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวแล้วก็ถึงกับตัวแข็งเมื่อรู้ว่าตัวเองตื่นช้ากว่าเขาไปแล้ว
“เธอมาอยู่ในนี้ได้ยังไง”
อมายาพยายามหาเสียงของตัวเองให้เจอแล้วก็บอกกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” เขมราชยิ้มเยาะ
“ใช่ ฉันถูกคนไล่ตามแล้วออกไปไม่ได้ ก็เลย--”
“โกหก!”
“...”
อมายาใจหายวาบ เธอยังพูดไม่ทันจบเลยเขาก็ตัดสินกันได้แล้วหรือ เขารู้บ้างไหมว่าเมื่อวานเธอต้องเจอกับอะไร เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่พอมาเจอเขาพร้อมกับพูดคำว่า ‘พี่จะปกป้องเธอเอง’ ออกมาแบบนั้นทำให้เขมราชกลายเป็นเทพผู้พิทักษ์ของเธอแม้จะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม
แต่เขาคงไม่สนใจและไม่อยากจำ ในสายตาเขาเธอเป็นแค่นังฆาตกร ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเธอมันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฝ่ายที่เขาเชื่อว่าถูกต้องอยู่แล้ว
“เธอคงตามฉันมา พอฉันเมาเธอก็ได้โอกาสยั่วยวน สวมรอยเป็นมีนเพื่อจะได้นอนกับฉัน”
“อย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย!”
เธอโกรธจัดและปัดมือเขาออก เข้าใจว่าตอนนี้เขากำลังโกรธที่เรื่องมันผิดจากที่เขาตั้งใจ เธอเองก็ใช่จะอยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ที่เขาพูดมามันไม่จริงเลยสักนิด
“ฉันอาจจะหลงตัวเองนะ แต่เธอมันก็บ้าที่มาหลงฉันจนหัวปักหัวปำไม่ใช่เหรอ”
“พอซะทีได้ไหม เดี๋ยวก็ลากเข้าเรื่องเดิม ๆ อีก ฉันไม่อยากฟัง”
“ยอมรับความจริงไม่ได้เหรอว่าเธออยากได้ฉันจนตัวสั่น เลยวางแผนกำจัดมีนแล้วเอาตัวเองเข้ามาอ่อยฉันแบบนี้น่ะ”
“แล้วคุณล่ะ ยอมรับความจริงได้หรือเปล่า ว่าตัวเองโง่ถึงขนาดตกหลุมพรางที่นังฆาตกรอย่างฉันวางไว้ แถมดูท่าจะติดใจซะด้วย”
“ติดใจเหรอ?” เขมราชยิ้มหยัน “ผู้หญิงแบบเธอ ฉันไม่คิดจะให้ค่า เศษผมของมีนยังมีค่ามากกว่า”
อมายาเผลอกลั้นใจเมื่อได้ฟังคำเปรียบเทียบของเขา และหาเหตุผลที่จะทนให้เขาเหยียดหยามต่อไปไม่ได้จึงค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียงหมายจะไปหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้น แต่กลับรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนพร้อมกับปวดศีรษะฉับพลันจนร่างกายโอนเอน
จังหวะเดียวกันนั้นเขมราชที่กระโจนขึ้นเตียงก็กระชากเธอลงไปกดไว้กับที่นอนอย่างกักขฬะ
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ” ร่างน้อยสั่นเทาราวจับไข้เพราะแววตาอ่อนโยนของคนเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นแววตาดุร้ายยิ่งกว่าแววตาของสัตว์ป่า
นี่สินะแววตาที่ผู้หญิงที่ชื่ออมายาคู่ควร...
“เธออยากมาแทนที่มีนมากใช่ไหม”
“เฟลม ปล่อยฉัน!”
อมายาดิ้นเร่า เจ็บที่ไหล่เหมือนมันกำลังถูกฉีกออกจากร่างกาย แต่คนใจร้ายไม่คิดจะปล่อย เขายังกดแรงลงมาอีกราวกับความเจ็บปวดของเธอเป็นของหวาน
“ฉันจะทำให้เธอเข็ดจนอยากตายไปให้พ้น ๆ แล้วก็จำเอาไว้ว่าทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันเป็นเพราะความอิจฉาริษยาของเธอเอง!”
“บ้าไปใหญ่แล้ว ว้าย!” อมายาร้องลั่นเมื่อถูกเขารวบแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วมืออีกข้างก็ตะปบทรวงอกสล้างก่อนบีบเคล้นเต็มแรง ถ้ามันแตกคามือเขาได้มันคงแตกไปแล้ว
“เฟลม ฉันเจ็บนะ”
“ดี!” เขาออกแรงมากขึ้นอีกจนเธอปล่อยเสียงร้องไห้และน้ำตาไหลพราก “จะได้รู้ ว่าความอ่อนโยนของฉันไม่ได้มีไว้ให้เธอ ถ้ายังพยายามยัดเยียดตัวเองให้ฉันอีก เธอจะต้องเจอมากกว่านี้หลายเท่า”
เขาฉกใบหน้าลงไปบดจูบรุนแรงและตั้งใจกัดริมฝีปากบอบบางจนอมายาได้ลิ้มรสเค็มปร่าของเลือด แม้จะบิดหน้าหนีแต่เขาก็ตามมาลงทัณฑ์ได้ทุกครั้ง ซ้ำร้ายยังกัดไหล่เธอจนจมเขี้ยวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายที่หมายจะฉีกเธอออกเป็นชิ้น ๆ ไหนจะนิ้วแกร่งที่ล่วงล้ำเข้ามาในช่องรักโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยนนั่นอีก
“อ๊า! ฉันเจ็บ ฮือ ๆๆ” เธอบิดกายเร่า ๆ อยู่ใต้ร่างของเขา ในสมองก็ได้แต่คิดว่าจะไม่ยอมตกอยู่ในสภาพนี้ จึงรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีถีบเขาสุดขาจนร่างใหญ่ถลาลงจากเตียง
และเพราะเขาพยายามหาที่จับก่อนจะล้ม ทำให้ขวดแก้วบรรจุน้ำแร่บนโต๊ะข้างเตียงร่วงลงแตก อมายาเลยโผเข้าไปคว้าปากขวดแล้วตวัดใส่เขมราชที่พอตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้ามาหา จนมันเฉือนเข้าหน้าท้องเขาเป็นริ้วยาว
ชายหนุ่มก้มมองมัดหน้าท้องเป็นลอนที่มีเลือดไหลเป็นทางยาว ถ้าเขารั้งตัวเองช้ากว่านี้ ไส้เขาได้ทะลักออกมาแน่ ๆ
“อยากตายก็เข้ามา”
อมายาขู่ฟ่อ ถึงตอนนี้เธอสาบานเลยว่าจะแทงเขาจริง ๆ เพราะหมาจนตรอกมันทำได้ทุกอย่างแม้แต่ฆ่าคนที่มันรัก เขมราชกลืนน้ำลายลงคอ หมดอารมณ์ที่จะทำเรื่องอย่างว่าไปแล้ว แต่กลัวใจเธอมากกว่า
“ฉันยอมแล้ว ใจเย็น ๆ นะ” คนตัวโตยกมือขึ้นปราม “วางมันลงก่อนนะออย”
“อย่าเข้ามา!!!”
เธอตวาดกร้าวเมื่อเขาจะเข้ามาใกล้ เขมราชจึงเว้นระยะห่างอีกนิด แต่ตอนนั้นอมายาหน้าซีดเผือดเพราะอาการวิงเวียน มือข้างที่ถือปากขวดก็ไม่มีแรงเสียดื้อ ๆ ซ้ำร้ายยังปวดศีรษะจนต้องยกมือกุมไว้แล้วร้องโหยหวนด้วยความทรมานแสนสาหัสจนคนมองยังตกใจ
อมายามีโรคประจำตัวคือไมเกรน และอาจเป็นเพราะตรากตรำมาแล้วทั้งวันทั้งคืนจนร่างกายต่อต้าน ในที่สุดหญิงสาวก็ทรุดฮวบลงไม่ต่างกับต้นไม้ถูกโค่น โชคดีที่เขมราชโผเข้าไปรองรับร่างอ่อนเปลี้ยเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงไปทับเศษแก้วพวกนั้น
เขาผ่อนร่างเปลือยเปล่าของเธอลงกับที่นอน และเฝ้าดูอาการเธอไม่ห่าง อาการปวดศีรษะของอมายาดำเนินไปราว ๆ สองนาทีแต่ใจเขาสั่นไหวหน่วงหนึบและรู้สึกว่ามันนานหลายชั่วโมง
“ออย” เขาสะกิดไหล่ของคนที่นอนตะแคงกอดตัวเองหันหลังให้เขาแล้วแน่นิ่งไป ไหล่บางไหวน้อย ๆ ตามแรงหอบหายใจทำให้เขาเบาใจไปเปลาะหนึ่ง
“อย่าทำแบบนั้นกับฉันอีก”
หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟันพร้อมเสียงสะอื้นไห้ พลันหยดน้ำตาแห่งความอาดูรก็ไหลลงเปียกหมอน ที่เธอยอมพลีกายให้เขาเป็นเพราะเธอรักเขา แม้ทั้งหมดมันคือเรื่องเข้าใจผิด หาใช่เพราะว่าถูกเขาบังคับขืนใจเหมือนสัตว์ป่าแบบนี้
“ถึงฉันจะเป็นฆาตกรในสายตาทุกคน แต่ฉันก็เป็นคน ไม่ใช่สัตว์! คุณก็เป็นคนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“...”
“เพราะงั้นอย่าทำกับฉันเหมือนว่ากำลังสมสู่กับสัตว์”
เขมราชตัวชาวาบ ทบทวนสิ่งที่ทำลงไปก็ถึงกับขบกรามแน่น เขามันไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดที่หมายจะขย้ำงูพิษตัวหนึ่งที่บาดเจ็บใกล้ตาย
แล้วสิ่งที่ทำลงไปมันนำความภูมิใจอะไรมาให้เขางั้นหรือ...
“จะนอนก็นอนไป อย่ามาทำสำบัดสำนวน”
เขาทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน แล้วหันไปตลบผ้าห่มหมายจะคลุมร่างสะบักสะบอมของเธอ แต่สายตาดันไพล่ไปเห็นรอยเลือดเป็นดวงบนที่นอน
เก่าเกินจะเป็นเลือดจากแผลของเขา
น่าจะเป็นเลือดของเธอ...
แต่มันมาจากตรงไหนกัน ตามร่างกายอมายามีรอยฟกช้ำเต็มไปหมดก็จริงแต่ไม่มีแผลเลย เขาหลุบตาลงต่ำอย่างครุ่นคิด อดไม่ได้ที่จะมองอวัยวะเพศตัวเอง มีเลือดแห้งกรังติดปลายขนเล็กน้อย
“เป็นประจำเดือนเหรอ” กลั้นใจถามเธอออกไป ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันน้อยเกินจะเป็นเลือดประจำเดือน ซึ่งในใจก็แอบหวั่น จะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่านะ
“เปล่า” เธอตอบเพียงเท่านั้นก็เงียบไป อมายากลุกขึ้นแต่งตัวแล้วรีบออกไปเสีย ทว่าตอนนี้อาการวิงเวียนยังไม่ดีขึ้น
เขมราชกลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอ เขาพอเดาได้ว่าเมื่อคืนคงเป็นครั้งแรกของเธอ ตลอดเวลาที่เขาคบกับอมายาเขาไม่เคยล่วงเกินเจ้าหล่อนมากไปกว่ากอดหรือหอม เพราะคุณย่าของหญิงสาวขอเอาไว้ ท่านกลัวเขากับอมายาจะพลาดเหมือนกับพ่อแม่ของเธอ
เขมราชรักษาสัญญานั้นตลอดมา จนกระทั่งเลิกรากันไป แต่นับจากนั้นเธอยังเก็บความสาวของตัวเองไว้เสมอมา
เขาไม่เคยมีประสบการณ์เป็น ‘คนแรก’ ของใครมาก่อน แม้แต่เมียรักอย่างมีนรญา และไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันสักนิดเพราะหาใช่มาตรวัดความรักไม่
แต่พอมาสัมผัสเข้ากับตัวเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลึกลงไปเขาค้นเจอความปรีดีที่ซ่อนไว้ แต่ส่วนใหญ่ในใจบอกว่าครั้งแรกแล้วอย่างไร บริสุทธิ์แล้วมันสำคัญตรงไหน ในเมื่อมันเปลี่ยนความจริงที่เธอฆ่าคนที่เขารักไปถึงสองคนไม่ได้
เขมราชคลึงแหวนหมั้นบนนิ้วนางข้างซ้าย นึกถึงคำพูดของเมียรักที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
‘ต่อจากนี้ครอบครัวของเราจะมีแต่ความสุข จะไม่มีใครมาพรากมันไปได้ค่ะ’
แต่ผู้หญิงร้ายกาจคนนี้กลับทำมันลงไปอย่างเลือดเย็น เขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ลูกเมียตายแล้วมาภูมิใจที่ได้ครอบครองพรหมจรรย์ของฆาตกร เขมราชปล่อยมือจากผ้าห่ม ขจัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป ไม่สนใจว่าคนที่หลับไปแล้วจะนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เขาจัดการแต่งตัวเตรียมจะออกไป แต่ก็ไม่ลืมทำบางอย่างที่สร้างความยุ่งยากให้ชีวิตของอมายามากขึ้นไปอีก
4
สิ่งที่เขาทิ้งไว้
“มีธุระอะไรไอ้เฟลม”
ชาวีที่เพิ่งออกเวรกรอกเสียงเข้าไปในสาย นานแล้วที่เขมราชไม่ได้ติดต่อเขาเป็นการส่วนตัว ก็คงตั้งแต่ที่มันเลือกจะทิ้งอมายาเพราะอ้างว่ารับนิสัยน้องไม่ได้ แต่ไม่นานก็เปิดตัวคบกับเพื่อนสนิทของน้อง เท่ากับว่าที่เขายอมหลีกทางให้ ไม่ต่างกับการปล่อยให้มันทำร้ายจิตใจของผู้หญิงที่เขารัก
[ดีใจนะที่มึงยังไม่ลบเบอร์กู]
เขาจับความไม่พอใจในน้ำเสียงของอดีตเพื่อนรักได้ เพราะการยื่นมือเข้าช่วยเหลืออมายาก็เท่ากับประกาศสงครามกับเขมราชไปแล้วนั่นเอง
“มึงคือไม่กี่คนที่เหี้ยจนกูต้องจดจำไปจนวันตาย”
[จะเหี้ยเท่าว่าที่เมียมึงหรือเปล่านะ]
“อย่าลามถึงน้อง ไม่งั้นกูจะตามเอาตีนไปยัดปากมึงถึงที่”
[มาสิ ตอนนี้กูอยู่คลับ... ห้อง 12B นอนอยู่กับว่าที่เมียมึงเนี่ย จะมาทำแบบแซนด์วิชก็ได้นะ ผลัดกันเข้าทั้งปากทั้งตูด แตกพร้อมกันแม่งคงดีเข้าไปใหญ่]
“ไอ้ทุเรศ!!!”
[แต่ว่าที่เมียมึงดูจะชอบนะ]
“มึงโกหก!” ชาวีขบกรามแน่น สาบานว่าถ้าอยู่ต่อหน้าเขาจะชกมันให้ฟันร่วง
[ไม่เชื่อก็ตามมาดู กูเอากันหลายรอบมากและที่สำคัญกูครางชื่อมีนทั้งคืนแต่ว่าที่เมียของมึงก็ยังยอม เพราะมันอยากนอนกับกูจนตัวสั่น]
ชาวีพูดไม่ออก ได้แต่กำหมัดแน่น ใจไม่อยากจะเชื่อเพราะรู้ดีเขมราชต้องการปั่นหัวเขากับอมายาให้แตกคอกัน น้องจะได้หมดที่พึ่ง แต่อีกใจหนึ่งเขารู้ดีว่าน้องไม่เคยลืมมันไปจากหัวใจ
[มึงมันโง่ ไอ้แชมป์ โง่จนควายยังอาย จนป่านนี้มึงยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าออยกำลังหลอกใช้มึงอยู่ ผู้หญิงคนนี้มันร่านจนมาเอากับผัวของคนที่มันเพิ่งฆ่าตาย มึงยังจะให้ความช่วยเหลือมันอีกเหรอ?]
“แล้วมึงล่ะ ต้องเป็นผู้ชายประเภทไหนถึงเอากับคนที่เพิ่งฆ่าลูกฆ่าเมียตัวเองตายได้?” คำพูดของชาวีไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่เขมราชก็ถึงกับเสียอาการทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว
[คงจะเป็นผู้ชายประเภทที่ถูกมอมเหล้าจนเมาไม่รู้เรื่องละมั้ง]
“อ้อ ผู้ชายที่โง่ยิ่งกว่าควาย...” ชาวีหัวเราะเยาะไปตามสาย
[ก็เข้าใจได้ถ้ามึงจะไม่เชื่อ แต่เอาเป็นว่ามึงก็มาตามที่กูบอ--]
ชาวีตัดสายทันทีเพราะทนฟังต่อไปไม่ไหว
เขมราชที่ถูกปั่นหัวจนเกือบจะคุมเกมไม่อยู่ก็ผ่อนลมหายใจร้อนระอุมาพลางเหลียวมองร่างเปลือยเปล่าบนเตียง ก่อนถอดนาฬิกาข้อมือโยนใส่เจ้าหล่อนอย่างไม่อนาทร
ด้านชาวีก็ร้อนใจจนอยู่ไม่เป็นสุข เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ได้อยู่กับน้องในคืนที่มีนรญาตาย แต่เชื่อว่าน้องไม่ใช่คนที่จะทำแบบนั้นได้ ต่อให้น้องจะโกรธเกลียดอดีตเพื่อนสนิทแค่ไหนก็ตาม และด้วยความรักทำให้เขาไม่อาจทิ้งให้น้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายเพียงลำพังได้ เพราะน้องโดดเดี่ยวมานานเกินพอแล้ว
แต่ถ้าเขาคิดผิดล่ะ... ถ้าอมายาทำไปเพราะยังรักและต้องการให้เขมราชกลับมาเป็นเหมือนเดิม และถ้าน้องนอนกับเขมราชอย่างที่ฝ่ายนั้นพูดจริง ๆ คนที่โง่ก็คือเขา
ชาวีตัดสินใจมาตามที่บอก ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้งของเซ็กซ์ แต่เขาไม่เจอเขมราช พบเพียงนาฬิกาข้อมือที่สลักนามสกุลมันเอาไว้เป็นเครื่องยืนยันว่ามันเคยอยู่ในห้องนี้จริง ๆ
แต่หลังจากที่เห็นรอยฟกช้ำเหมือนโดนเข็มขัดฟาดตามร่างกาย บวกกับรอยฝ่ามือบนแก้มอมายา ทำให้เขายิ่งปักใจเชื่อว่าหญิงสาวถูกเขมราชบีบบังคับ และยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่พยายามลืมมันไปจากใจ
นี่เป็นคลับของคุณพิยดาแม่ของเธอ ไม่แปลกใจหากจะพบเจอเจ้าหล่อนได้ที่นี่
แต่กับเขมราช... มีสถานบันเทิงอีกไม่รู้กี่แห่งทำไมต้องเป็นที่แห่งนี้
เพื่อทำลายคนที่มันโกรธแค้น มันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ...
ใจที่คลั่งแค้นทำให้ชาวีนั่งกำหมัดแน่นอยู่ข้างเตียงยับยู่ยี่ ตัวเดียวกับที่อมายานอนอยู่ สภาพของเธอพาให้เขาเจ็บปวดหัวใจคล้ายถูกมีดกรีดแทง
เขาเคยแพ้เพราะยอมหลีกทางให้มันได้สมหวังกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่งจนพบว่าสุดท้ายสิ่งที่มันทิ้งไว้คือหัวใจยับเยินที่มันเคยเหยียบย่ำ และตอนนี้มันก็กำลังจะกลับมาทำแบบนั้นอีก
แต่อย่าหวังว่าเขาจะยอมแพ้คนอย่างเขมราชอีกเป็นครั้งที่สอง!
“ทำไมน้องยังไม่ตื่นอีกแชมป์”
พิยดาที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาก็ถามอย่างร้อนใจ หลังจากที่ลูกน้องกลับไปรายงานนิกรว่าหาอมายาไม่เจอ ฝ่ายนั้นก็ระบายอารมณ์กับหล่อนแล้วเพิ่งกลับไปตอนเช้า
แต่ขาล ลูกน้องที่หล่อนไว้ใจไปเช็กกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าอมายาอยู่ในห้องนี้ พวกเขาจึงปิดไว้ไม่ให้คนของนิกรรู้ กระทั่งชาวีโทร. บอกหล่อนว่าเจออมายานอนหมดแรงอยู่ด้านใน หล่อนก็ผละจากทุกอย่างมาหาลูกทันที
“น้องคงเพลียมากน่ะครับ ผมตรวจแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
คนเป็นแม่ซึ่งนั่งลงบนเตียงค่อย ๆ ลูบศีรษะของบุตรสาว น้ำตาหยดแหมะลงกับแก้มซีดเซียวเพราะหล่อนสงสารลูกจับใจ
แก้มนุ่ม ๆ นี้เคยมีเลือดฝาดและปราศจากรอยฟกช้ำ
ร่างกายขาวผ่องที่แม่คอยเฝ้าทะนุถนอมก็บอบช้ำจนบีบคั้นหัวใจคนเป็นแม่เจียนแหลกสลาย
พิยดาซบหน้าร้องไห้กับศีรษะชื้นเหงื่อของอมายาราวจะขาดใจ ในสายตาหล่อนอมายายังเป็นเพียงเด็กหญิงแก้มยุ้ยตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ควรต้องมาเจอเรื่องหนักหนาขนาดนี้
แต่สิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่หวั่นใจคือผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้ก่อนลูกสาวจะเข้ามามากกว่า
“แล้วเฟลมล่ะ”
เงยหน้าเปื้อนน้ำตาถามชาวีด้วยเสียงจริงจัง ยิ่งสายตาเหลือบไปเห็นรอยเลือดเป็นดวงบนที่นอน พิยดาก็ต้องยกมือขึ้นมาทาบอก
“นี่แหละครับสิ่งที่ผมอยากจะคุยกับคุณน้า”
ชาวีลุกขึ้นมายื่นนาฬิกาข้อมือที่เขาเก็บได้ให้พิยดา แววตาที่มองท่านนั้นจริงจังและหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ แต่กลับเป็นเรื่องที่พิยดาเองก็หนักใจไม่แพ้เรื่องเขมราชเหมือนกัน
อมายารู้สึกตัวตื่นขึ้นระหว่างบทสนทนาที่ทำให้สีหน้าของมารดาและชาวีตึงเครียด เธอฟังไม่ทันว่าคุยเรื่องอะไร แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือทั้งสองมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร
“กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า”
คุณพิยดาหลีกทางให้ชาวีเข้ามาประคองอมายาลงจากเตียง ระหว่างนั่งรถกลับบ้านของเธอ ซึ่งเธอตัดสินใจเช่าจากเพื่อนของชาวีหลังได้ประกันตัวออกมาจากคุก ตลอดทางก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน อมายาจึงหลับไปอีกครั้ง และกว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบค่ำแล้ว
หญิงสาวฝืนตัวพาร่างกายบอบช้ำเดินออกมาจากห้องนอน แต่แทบก้าวขาไม่ออกเพราะความเจ็บที่กลางลำตัวอันเกิดจากสิ่งที่ทำกับเขมราชเมื่อคืน
“พี่ช่วยค่ะ” ชาวีเข้ามาช่วยพยุง
“ขอบคุณค่ะ”
ดูจากเสื้อผ้าคนละชุดกับตอนเช้า เดาได้ว่าเขากลับบ้านไปแล้วก็มาใหม่ ส่วนมารดาเธอนั่งจิบไวน์ในห้องรับแขก
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
สรรพนาม ‘คุณ’ ที่ใช้เรียกแม่ยังเหมือนเดิมแต่ก็เรียกได้ไม่เต็มปากอีกแล้ว
“ฉันหนังเหนียว ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
“ดีแล้วค่ะ” เพราะเธอยังแสบร้อนตรงกลางหลังจากรอยเข็มขัดนิกรไม่หาย แต่บรรยากาศตอนนี้ดูกดดันจนเธอทำตัวไม่ถูก “มีเรื่องอะไรกันคะ”
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่แน่ใจว่าใครต้องเป็นคนพูด แต่ชาวีก็รู้ดีว่าควรจะเป็นเขา
“แต่งงานกับพี่นะคะออย”
ประโยคนี้พาให้น้ำลายในคออมายาเหนียวหนืด เกือบจะหาเส้นเสียงของตัวเองไม่เจอแล้วตอนที่ถามออกไปว่า
“พูดจริงเหรอคะ”
“ค่ะ”
เธอเจอเพียงความแน่วแน่ในแววตาของเขา แต่ทำไมกันล่ะ... ชาวีรู้เต็มอกว่าเธอเห็นเขาเป็นแค่พี่ชาย หนำซ้ำครอบครัวเขายังไม่อาจยอมรับฆาตกรอย่างเธอแม้ที่ผ่านมาจะเอ็นดูเธอมากก็ตาม ด้วยตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางบ้านเขาก็ยื่นคำขาดว่าจะยอมให้เขาช่วยเหลือเธอ แลกกับที่ชายหนุ่มต้องเลิกยุ่งกับอมายาตลอดไป
“เพราะอะไรคะ”
“พี่อยากปกป้องออย”
เขาขยับเข้ามาแล้วรวบมือเธอไว้ คำว่าปกป้องพาให้หัวใจอ่อนยวบลงอีกครั้ง แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีเท่าที่ได้ฟังจากปากของคนในหัวใจ
“มันจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อนทีหลังเหรอคะ คุณลุงกับคุณป้าท่านไม่ได้เอ็นดูออยอีกต่อไปแล้ว”
“พี่ไม่สน” เขาแกล้งยอมรับข้อเสนอของครอบครัวก็เพื่อจะได้ช่วยเหลืออมายา หวังว่าสักวันเธอจะเห็นความดีแล้วให้เขาไปแทนที่คนในใจได้ “ไม่สนด้วยว่าที่ผ่านมาออยจะเป็นของใคร ต่อจากนี้ไปออยจะเป็นของพี่ แล้วพี่จะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำหัวใจและศักดิ์ศรีของออยได้อีก”
“คิดดีแล้วเหรอคะ ที่จะเอาอนาคตมาผูกไว้กับผู้หญิงอย่างออย วันนึงออยสู้ไม่ไหวแล้วศาลตัดสินว่าออยผิดจริง ๆ พี่จะไม่เสียใจเหรอที่ตัดสินใจแบบนี้”
ชาวีเผลอกำหมัด การได้รู้ว่าอมายายังไม่ยอมรับเขาที่ช่วยเหลือเธอมาตลอด แถมไปนอนกับเขมราชทั้งที่เรื่องคาราคาซังอยู่แบบนี้ทำให้ความมั่นใจของเขาถูกสั่นคลอน
“แล้วออยก็ไม่ได้รั--”
“คิดดี ๆ ก่อนจะพูดคำนี้ออกมานะคะ”
“...” อมายานิ่วหน้ามองเขา ความจริงจังในแววตาชาวีพาให้เสียวสันหลังวาบ
“เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคำตอบของออย”
“พี่แชมป์...”
เขาหลบสายตาตัดพ้อของเธอแล้วพูดต่อไปอย่างไม่แยแส
“ถ้าออยมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ พี่จะร่วมหัวจมท้ายไปกับออย พี่จะทำให้ออยเห็นว่าพี่ตัดสินใจไม่ผิดที่ร่วมสู้ไปด้วยกัน แต่ถ้าออยเลือกที่จะปฏิเสธพี่เพื่อจะได้วิ่งตามในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้อย่างไอ้เฟลม... มันก็เท่ากับว่าออยยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วค่ะ ไม่ต้องรอให้ศาลตัดสินหรอก ส่วนพี่ก็คงไม่จำเป็นจะให้ความช่วยเหลืออะไรออยอีก”
อมายาดึงมือออกมาจากเขา รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนี้ เพราะแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้คนที่มีบุญคุณต่อกัน ไม่ได้จะไล่ตามใครอย่างที่เขาว่า
แต่ลึกลงไปก็เข้าใจได้ถ้าเขาจะไม่มั่นใจ หากสิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ต่างจากการบีบบังคับให้เธอยอมเป็นของเขาเพื่อแลกกับความช่วยเหลือ และเพื่อที่เขาจะได้ชนะคนที่ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้มาตลอดหลายปี เขาหวังผลในตัวเธอมาตั้งแต่ต้น ทำไมเธอจะดูไม่ออก และคงไม่ยอมช่วยเหลือเธอในสถานะอื่นเป็นแน่
“ออยขอเวลาคิดก่อนนะคะ” นี่คงเป็นคำตอบที่เธอพอจะให้ได้ในตอนนี้ คงไม่มีใครตัดสินชะตาชีวิตตัวเองได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
“พรุ่งนี้พี่จะมาเอาคำตอบนะคะ”
เขาคงให้เวลาเธอได้มากแค่นี้จริง ๆ สินะ อมายาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งเขาตรงนี้เพราะเธอเดินออกไปถึงหน้าบ้านไม่ไหว เมื่อชายหนุ่มกลับไปแล้วจึงเหลือแค่เธอกับแม่แค่สองคน
“ทำไมไม่รีบตกลง” พิยดาถาม “เป็นฉันจะคว้าโอกาสนี้ไว้ จะได้เข้าใกล้คนที่แกคิดว่ากุมความลับเรื่องอุบัติเหตุคืนนั้นอยู่”
ท่านหมายถึงชาร์ลส์ พี่ชายของชาวีและเป็นคู่หมั้นของเอมมาลิน คืนที่มีนรญาตายเขามาหาเอมมาลินที่บ้าน หากจะมีใครยืนยันตัวตนเธอได้ก็คงจะเป็นเขา แต่ชายหนุ่มกลับให้การว่าเขาไม่ได้เจอเธอ
“แล้วคุณช่วยหนูไม่ได้เหรอ แบบไม่ต้องพึ่งเส้นสายของสามีคุณ”
“มันก็ได้ แต่ก็ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ด้วย เพราะอย่าลืมว่าแกสู้อยู่กับเฟลม ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหน”
“หมายความว่าคุณตอบตกลงไปแล้วใช่ไหม”
พิยดากระดกไวน์จนหมดแก้วแล้วค่อยหันมาพูดกับบุตรสาว
“ฉันตอบตกลงในฐานะแม่ที่เห็นความปลอดภัยของลูกมาก่อน”
หัวใจของอมายาไหววูบ หลังจากแม่เอาตัวเองมาเจ็บแทน เธอก็มองท่านในมุมที่เปลี่ยนไป ความแข็งกระด้างที่เคยแสดงก็อ่อนลงจนแทบไม่เหลือ กับแม่แม้จะยังพูดจาห้วนเหมือนเดิมแต่คงพูดไม่ได้อีกแล้วว่าท่านไม่คู่ควรกับคำว่าแม่
“แต่มันเกี่ยวอะไรกัน หนูงง”
“ฉันกำลังจะออกมาจากไอ้ห่านั่น” ท่านยักไหล่บอกเธอยิ้ม ๆ “แกเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
“เขาจะยอมเหรอ”
“เรื่องของมัน” ท่านว่าพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา “ต่อจากนี้ฉันจะอยู่กับแก แกคงพอจะฝืนใจร่วมบ้านกับฉันได้ใช่ไหม”
“คงได้มั้ง” อมายักไหล่บ้าง พิยดารู้เลยว่าลูกสาวเหมือนใคร
“โอเค แต่ขอเตือนไว้อย่างนะ... ลืมเฟลมไปซะ อย่าจมปรักกับคนที่ทำให้แกเจ็บปวด แล้วก็แต่งงานกับแชมป์ มันจะเป็นผลดีกับแก”
ครอบครัวของชาวีมีผลประโยชน์ร่วมกับพรรคของนิกร แต่พอได้รู้แบบนี้สีหน้าของอมายาก็เริ่มเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งจนอดไม่ได้ที่จะคว้าขวดไวน์มาสาดลงคอจนพร่อง
ที่ผ่านมาแม่ของเธอเหมือนขึ้นขี่หลังเสือ ถ้าตกลงมาเมื่อไหร่มีให้เลือกสองทางคือไม่ถูกเสือฆ่าตายก็ต้องชิงฆ่ามันให้ได้ก่อน และเสือตัวนี้ก็มีความสนใจในตัวลูกสาวท่านมากเสียด้วย
ท่านจะสู้เต็มที่ได้อย่างไรในเมื่ออีกมือหนึ่งยังต้องปกป้องลูกอย่างเธอเอาไว้ การยืมมือของชาวีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่กลับเป็นทางเลือกที่น่าหนักใจเสียเหลือเกิน
อมายาไม่ใช่คนที่จะยอมถูกรังแกฝ่ายเดียว ต่อให้วันนี้เธอสู้ไม่ไหววันข้างหน้าก็จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่จนกว่าจะพินาศกันไปข้าง เขมราชน่าจะรู้ข้อนี้ดี แต่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะเล่นงานเขาผ่านครอบครัวมีนรญา
“ผมขอเก็บไว้เถอะนะครับคุณพ่อคุณแม่”
ชายหนุ่มคุกเข่าต่อหน้าพ่อกับแม่ของหล่อนอย่างอ้อนวอน เพราะท่านกำลังจะนำโกศทองเหลืองที่เก็บอัฐิของมีนรญาไป ทั้งที่ตอนแรกตกลงจะให้เขาเก็บเอาไว้
“เราเป็นพ่อแม่ของมีน กระดูกของมีนก็ควรต้องอยู่ที่เรา”
“ผมก็เป็นสามีของมีนนะครับคุณแม่”
“ความเป็นพ่อแม่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นผัวเมียสักวันมันก็ต้องเปลี่ยน”
คุณมานัสพ่อของมีนรญาเอ่ยขึ้น ก่อนจะประคองไหล่ภรรยาเดินกลับไป แต่เขมราชดันกอดขาท่านเอาไว้
“แต่นี่มันเป็นสิ่งสุดท้ายของมีนที่ผมเหลืออยู่นะครับ ผมขอร้อง อย่าพรากมีนไปจากผมเลย”
น้ำตาลูกผู้ชายร่วงผล็อย อาจจะน่าสงสารสำหรับคนอื่น แต่สำหรับมธุลินที่ยืนแสยะยิ้มมองอยู่นั้นกลับอยากควักเอาหัวใจไอ้ผู้ชายโลเลออกมาดูเสียจริง
“เลิกเฟกซะทีได้มะ”
เจ้าหล่อนปราดเข้าไปดึงเขมราชออกแล้วฟาดนาฬิกาข้อมือที่ได้จากอมายาเข้าเต็มหน้าผากของว่าที่พี่เขยท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
เขมราชยกมือแตะหน้าผากที่มีเลือดติดอยู่แล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับเมียรักเหลือเกิน ผิดกันก็ตรงที่ถ้ามีนรญาเป็นน้ำ มธุลินก็คือไฟ
“จำได้ไหมว่าทิ้งไว้ที่ไหน”
เขามองนาฬิกาข้อมือที่ตั้งใจทิ้งไว้กับอมายาก่อนพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เมื่อวานอมายาไปดักเจอหล่อนที่ร้านอาหารซึ่งหล่อนร้องเพลงอยู่ แล้วเล่าเรื่องที่ตัวเองนอนกับเขมราชให้ฟัง โหมกระพือความเกลียดชังในใจมธุลินขึ้นไปอีก
‘พอพี่เธอตาย เขาก็มานอนกับฉันที่เป็นคนฆ่าพี่สาวเธอ พล็อตแบบนี้นี่มันยังไงกันนะ?’
‘เธอกำลังจะบอกว่าเขามีส่วนรู้เห็นกับการตายของพี่ฉันเหรอ’
‘มีหรือเปล่านะ’ อมายาแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจ้องเข้ามาในแววตาหล่อน ‘เธอคิดว่ายังไง’
‘คิดว่าแกสองคนมันเลวไม่มีที่ติยังไงล่ะ’
ว่าแล้วมธุลินก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบคนตรงหน้า แต่อมายารั้งข้อมือหล่อนไว้ได้แล้วออกแรงผลักจนหล่อนเซเกือบล้ม
‘อย่าคิดจะมาแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ’
อมายาสะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งให้หล่อนขบกรามแน่นอย่างคลั่งแค้นพลางกำนาฬิกาของเขมราชเอาไว้แน่น
ครอบครัวหล่อนอุตส่าห์ไว้ใจให้เขาดูแลมีนรญา แต่ไอ้สารเลวนี่กลับหักหลังพี่สาวของหล่อนได้เหมือนที่มันเคยหักหลังผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายแบบเขมราชมันช่างไร้ค่าเช่นเดียวกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเขา!
“งั้นก็คงจะจริงสินะ”
เขมราชจำต้องยอมรับความจริง และไม่กล้าสบตากับพ่อแม่มีนรญาที่มองมาด้วยความผิดหวัง แต่จะบอกว่าตัวเองเมาก็ไม่ต่างจากแก้ตัว มธุลินเลยตบหน้าเขาหลายทีระบายความโกรธแค้น จนดนุที่ยืนดูเชิงอยู่เห็นท่าไม่ดีต้องเข้าไปห้าม
“เลิกทำอะไรบ้า ๆ เถอะน่ามุก”
“อย่ามายุ่ง” ดูเหมือนมธุลินจะฟิวส์ขาดไปแล้ว หล่อนทั้งดิ้นทั้งพยายามถีบเขมราชด้วยแค้นจัด “เมียตายไม่ถึงเดือน แต่มึงนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้ แถมมันยังเป็นอีฆาตกรที่ฆ่าเมียตัวเองอีก มึงเอาอะไรมารักพี่สาวกูวะ หา?”
ดนุลากมธุลินออกไปจากบ้านจนได้แล้วบอกให้เด็กรับใช้พาพ่อแม่หล่อนออกมา
“นี่มันเรื่องอะไรกันมุก”
“อย่ามาไขสือ” หญิงสาวตอบกระฟัดกระเฟียดพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “อ้อ ลืมไป โตมาด้วยกัน สันดานก็คงเหมือน ๆ กันสินะ”
“พูดอะไรน่ะ?”
“กลับกันเถอะจ้ะ พ่อ แม่”
มธุลินเข้าไปจูงมือพ่อกับแม่ที่เดินตามเด็กรับใช้ออกมาจากบ้าน สายตาที่มองดนุฉาบฉายความรังเกียจอย่างที่มองเขมราชไม่มีผิดจนเขาเองไม่แน่ใจว่าเผลอทำอะไรให้หล่อนโกรธ
ชีวิตคนเราพอได้มีเรื่องมันก็มีเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน นี่เป็นอีกวันที่อมายาต้องตื่นขึ้นมาเจอ ‘เรื่อง’ ที่เข้ามาพร้อมกันทีเดียว หนึ่งคือมีข่าวลงให้ว่อนว่าคุณหมอชาวีคนดังเตรียมวิวาห์สาวเลือดร้อนที่เพิ่งมีคดีฆาตกรรมว่าที่เจ้าสาวของแฟนเก่า ป่านนี้พ่อแม่ชาวีคงเห็นแล้วเหมือนกัน เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะคิดว่าเธอคือคนที่ปล่อยข่าวนี้หรือเปล่า
และเรื่องที่สองคือทนายความเพิ่งให้เลขาส่งอีเมลมาถอนตัวจากคดีของเธอ ให้เหตุผลว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะรอด ทั้งที่ตอนแรกเขามั่นใจนักหนา อดคิดไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับทนายหรือเปล่า
อาจเป็นไปได้ว่าโดนข่มขู่จากคู่กรณีของเธอ
ความร้อนใจทำให้อมายาคว้ากระเป๋ากับกุญแจรถขับตรงไปยังสำนักทนายความชื่อดัง แต่ความจริงก็กระแทกหน้าเธออย่างจังเมื่อเห็นทนายชื่อดังเดินออกมาส่งเขมราชที่ลานจอดรถด้วยท่าทางนอบน้อม
ทุกสิ่งปะติดปะต่อจนชัดเจน
“ไอ้เลว!” หญิงสาวกำหมัดแน่น จ้องเขมราชที่กำลังยิ้มแย้มกับอดีตทนายความของเธอตาเขม็ง
เขายิ้มแบบนั้นได้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเล่นสกปรกกับเธอได้อย่างไร เธอคิดว่าเอมมาลินเลือดเย็นแล้ว แต่ไม่ได้ครึ่งของเขาเลยสักนิด คิดพลางน้ำตาแห่งความอับจนร่วงหล่นจากหางตา อมายาตัดสินใจเปิดประตูเดินปรี่เข้าไปผลักอกเขมราชอย่างแรง โดยที่ลูกน้องเขาไม่ทันได้ห้ามไว้
“เลิกใช้วิธีทุเรศ ๆ แบบนี้ซะทีได้ไหม”
เขมราชแสยะยิ้มมองเธอ อมายายังเป็นนังหมาบ้าตัวเดิมที่พร้อมกัดทุกคนที่ขวางหน้า ถึงได้ตกหลุมพรางของเขาได้ง่าย ๆ โดยที่เขาไม่ต้องลงแรงมากมาย
“เห็นไหมครับ คุณทนาย”
อมายาไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่สายตาผิดหวังที่ทนายความกับเลขามองมาพาให้รู้สึกคล้ายตัวเล็กจ้อย ก่อนนักกฎหมายหนุ่มจะพยักหน้ารับอย่างจนใจ
“อดีตลูกความของคุณเป็นคนใจร้อน ไม่คำนึงถึงพฤติกรรมของตัวเองรวมถึงความเดือนร้อนที่ส่งผลต่อคนรอบข้างแม้แต่น้อย แล้วคิดเหรอครับว่าแค่ฆ่าลูกเมียผม มันจะเป็นเรื่องที่เธอไม่กล้าทำ”
อมายาหันขวับมองทนายคนดัง ใช่เธอจะโง่จนไม่รู้กระบวนการทำงานเบื้องต้นที่ทนายต้องทำความรู้จักกับลูกความ และลูกความก็ต้องเล่าทุกเรื่องให้เขาฟัง
แน่นอนเธอเล่าไปหมดแล้ว!
ทั้งวีรกรรมในอดีตที่ใครต่างก็รังเกียจเธอ ทั้งที่เคยเป็นคนรักของเขมราช ตอนนั้นเขาไม่เห็นจะยกเรื่องพวกนี้มาอ้างเพื่อไม่ทำคดี พร้อมบอกว่าการใช้อดีตของเธอมาตัดสินว่าเธอเป็นฆาตกรมันเลวร้ายเกินรับไหว แต่นี่อะไร!?
มันคงมีเหตุผลที่หนักพอจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ หนักเกินกว่าจำนวนเงินที่เธอยอมเสียให้เขาไป
“คุณมันน่าผิดหวังจนน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เลยนะคะ”
ทนายคนดังกลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอเพราะเข้าใจที่อมายาจะสื่อ เขารับเงินจากอมายามามากก็จริง แต่เขมราชให้มากกว่า ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างแต่สำหรับที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้นอกจากความสามารถแล้วก็ต้องพึ่งเงินด้วย
“ผมขอโทษด้วยนะครับ” เขาค้อมศีรษะให้อมายาแล้วหันไปเอ่ยขอตัวกับเขมราชเพื่อเดินกลับเข้าไปในสำนักงาน
อมายาน้ำตาไหลพราก หัวใวหวิวโหวงขณะมองความหวังเดินไปสุดสายตา เขาเคยเป็นทนายคนเดียวที่เชื่อว่าเธอถูกใส่ร้ายหากสุดท้ายก็แพ้ให้อำนาจของเงิน หญิงสาวหันไปจ้องหน้าคนใจร้ายราวกับจะค้นให้เจอว่าเขายังมีสำนึกของความเป็นคนอยู่ไหม
“ทั้งขโมยเช็คเงินสดของฉัน ทั้งยัดเงินทนายฉัน ต่อไปคุณจะทำอะไรอีก จะฆ่าฉันเลยไหม”
“มันจะสนุกยังไงล่ะแบบนั้น”
เลือดเย็น... ผู้ชายคนนี้เลือดเย็นเกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้หลายเท่า แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะต่อสู้ฟาดฟันกับคนอย่างเขาได้อีกนานแค่ไหน หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ด้วยอับจนหนทาง แต่ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากเขา
“อย่าเพิ่งร้องไห้ตอนนี้เลย” คนใจร้ายขยับเข้ามาจับแขนแล้วกระซิบใกล้ศีรษะ “กำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ เธอควรยินดีให้มากกว่านี้ แล้วก็ไปกราบกรานขอร้องให้ว่าที่สามีเธอช่วยหาทนายโง่ ๆ สักคนมาทำคดีให้”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” อมายาสะบัดเขาออกไป
“โอ้โห...” มุมปากหยักยกยิ้มหยัน “คืนก่อนเรายังเอากันจนเตียงแทบหักอยู่เลย วันนี้แตะไม่ได้แล้วเหรอ”
“...”
“หรือเธอผิดหวัง ที่ยอมพลีกายให้ฉันขนาดนั้นแต่ฉันกลับไม่ได้ซาบซึ้งอะไรเลย”
คำพูดเขากรีดเฉือนหัวใจเธอจนเป็นริ้ว ซ้ำร้ายสายตาชิงชังคู่นั้นยังเหมือนเอาเกลือทา อยากเอามีดควักหัวใจเขาออกมาดูเสียจริงว่ามันทำด้วยอะไรทำไมถึงร้ายกาจกับเธอแบบนี้
“ไม่ต้องซาบซึ้งอะไรหรอก แค่เลิกรังควานฉันก็พอ”
“ก็เหมือนกับขายตัว ว่าไหม”
อมายากำหมัดแน่น หน้าร้อนฉ่า แต่เขายังคงพูดต่อไป
“เพียงแต่เธอขอให้ฉันเลิกยุ่งกับเธอ แทนเงินค่าตัว”
“ต่ำตม!”
เขาหัวเราะกับคำด่านั้น
“โธ่...” แสร้งปั้นหน้าสงสาร แต่แววตากำลังรื่นรมย์ที่เห็นอมายาหมดท่าขนาดนี้ “ไหนบอกจะมีความสุขให้ฉันเห็นไง ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ”
อมายาสะอื้นฮัก ไม่มีประโยชน์ที่จะทนอยู่ตรงนี้ให้เขาถากถาง และการใช้กำลังกับเขมราชอย่างที่ใจอยากทำก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ด้วยเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าห่างไกลจากคำว่า ‘ลูกผู้ชาย’ มากแค่ไหน
“เดี๋ยวสิ” เขมราชคว้ามือเธอแล้วยัดนาฬิกาข้อมือที่มันควรจะอยู่กับเธอให้ “มันควรจะเป็นของเธอนะ ถือเป็นค่าตัวแล้วกัน แล้วอย่าคิดจะเอาเรื่องพวกนี้ไปทำร้ายครอบครัวมีนอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะ--”
เผียะ!!!
อมายาดึงมือออกมาแล้วฟาดหน้าเขาทั้งที่เขมราชยังพูดไม่ทันจบ เขาไม่ต้องการให้ครอบครัวมีนรญาต้องเจ็บปวดในขณะที่เขาเอาเรื่องคืนก่อนไปบอกคนอื่นเหมือนพวกกินในที่ลับไขในที่แจ้ง
“คุณเป็นแค่ลูกเขย คุณยังห่วงความรู้สึกของพ่อแม่มีนขนาดนี้เลย แล้วแม่ฉันล่ะ แม่ฉันจะรู้สึกยังไงที่คุณทำกับฉันแบบนั้น”
“...”
“โอเค เรานอนด้วยกันจริง แต่คุณต้องเอาฉันไปประจานให้คนอื่นรู้ด้วยเหรอ? แล้วในขณะที่คุณสร้างเรื่องวุ่นวายให้ฉันไม่หยุดหย่อน คุณจะให้ฉันอยู่เฉย ๆ ไม่ตอบโต้เพียงเพราะว่าไม่ให้พ่อแม่ของเมียคุณต้องเจ็บปวดเหรอ พวกเขาวิเศษวิโสมาจากไหนกัน หรือว่าพ่อแม่ของฆาตกรอย่างฉันไม่มีความเป็นคนเท่าเทียมกับพวกคุณ? คุณเลยจะทำอะไรกับท่านก็ได้”
เขมราชกลืนน้ำลาย ปากคอแห้งผาก ยอมรับว่าเขาเล่นสกปรก แต่ผู้หญิงแบบเธอสมควรเอาคืนอย่างสาสม ให้ความเจ็บปวดของอมายาเป็นเครื่องเซ่นดวงวิญญาณของเมียกับลูกอย่างที่เขาเคยสาบานต่อหน้าศพของมีนรญา มุมปากเขาจึงบิดยิ้มอีกครั้งราวกับไม่รู้สึกรู้สา
“ถ้าใช่แล้วมันยังไง?”
“การที่ท่านให้โอกาสฉันได้พิสูจน์ความจริง มันไม่ได้แปลว่าท่านจะต้องมารับผิดชอบเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ด้วยนะ”
“ก็แล้วไง? ในเมื่อทุกคนมีสิทธิ์ช่วยเธอ และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขหลังจากที่พรากมันไปจากฉันได้สำเร็จ ฉันเองก็มีสิทธิ์ทำอะไรที่ฉันอยากทำได้เหมือนกัน ตราบใดที่ไม่ได้ฆ่าใครตาย มันก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วเคยฟังฉันหรือเปล่า ฉันไม่ได้ทำ คุณเคยเชื่อไหม”
“อย่ามาพูดว่าตัวเองโดนใส่ร้ายอะไรทำนองนั้นให้ฉันได้ยิน!”
ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เขมราชหมดความอดทนจนปราดเข้ามากระชากสองไหล่บางอย่างลืมตัว แต่อมายาก็หาได้หวั่น
“คุณกำลังกลัว”
“ฉันไม่เคยกลัว”
“กลัวสิ... คุณกลัวว่าถ้าฉันโดนใส่ร้ายจริง ๆ แล้วคุณจะแบกรับความรู้สึกผิดจากสิ่งที่คุณทำกับฉันไม่ไหว”
เขมราชจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มือที่บีบไหล่ช้ำก็ออกแรงมากขึ้นจนอมายาหน้าเหยเก
“เธอปฏิเสธหลักฐานไม่ได้หรอกออย สู้ไปก็เหนื่อยฟรี ทางที่ดีรีบยอมรับความจริงแล้วเข้าไปชดใช้กรรมในคุก เผื่อวันนึงฉันอาจจะให้อภัยเธอขึ้นมาก็ได้”
อมายาเข้าใจดีว่าคำพูดที่ไม่มีหลักฐานก็เป็นได้เพียงลมปาก มันไม่หนักพอจะเปลี่ยนใจคนตรงหน้า แต่เธอเหนื่อยเหลือเกิน เปลือกตาบวม ๆ จึงปิดลงแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลรินเพราะอัดอั้นมาแสนนาน
เขมราชข่มใจไม่ให้สั่นกับภาพบีบหัวใจนี้ เขาแกล้งปล่อยมือจากเธอแรง ๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถตู้ของตัวเอง เขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์พลั้งพลาดในคืนก่อนมีผลกับหัวใจ แต่ลึกลงไปทั้งเรื่องที่เจ้าหล่อนกำลังจะแต่งงานกับชาวีและภาพน่าเวทนาที่ติดตากลับสั่นคลอนความตั้งมั่นของเขาอย่างน่ากลัว
มันต้องไม่เป็นแบบนี้...
เขาคลึงแหวนบนนิ้วนางไปมา ภาพรอยยิ้มและน้ำตาของมีนรญาในวันที่เขาสวมแหวนแบบเดียวกันให้เธอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ย้ำเตือนไม่ให้หัวใจตัวเองไขว้เขว
ด้านอมายาก็หอบความพ่ายแพ้กลับไปที่รถ ให้โอกาสตัวเองได้อ่อนแอและจมดิ่งกับความรู้สึกสิ้นหวังด้วยการร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ในนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจขับออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครขับรถตามไปตลอดทาง
5
เหตุผลของหัวใจ
อมายาตั้งใจจะไปหาคุณย่าผู้เป็นเหมือนยาใจ แต่ระหว่างทางเธอแวะร้านขายยาข้างตลาดที่ใกล้ที่สุดก่อน ซึ่งเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะชายสวมหมวกกันน็อกวิ่งเข้ามากระชากกระเป๋า
“กรี๊ดดดดด เอามานี่นะ”
“ปล่อยสิวะนังนี่”
“ช่วยด้วยค่ะ ตำรวจ ช่วยด้วย”
หญิงสาวตกใจร้องลั่นแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากสมบัติตัวเอง จนถูกมันซัดหน้าหงาย มันได้กระเป๋าแล้วกลับไม่ยอมไปแต่ดึงมีดพกออกมาจ้วงแทงหน้าท้องบอบบางสองทีก่อนพวกมันจะวิ่งหนีไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว
อมายารู้สึกถึงความเย็นของโลหะที่เสียดแทงเข้ามาในกล้ามเนื้อ สมองรับรู้ว่าตัวเองโดนแทงก่อนจะรู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ เธอก้มมองหน้าท้องตัวเองที่เลือดพุ่งออกมาเหมือนเปิดก๊อกก็อึ้งจนแทบหยุดหายใจ และรีบยกมือขึ้นปิดแผลห้ามเลือดเอาไว้ขณะที่ความเจ็บเริ่มแผ่กระจายจากบาดแผลอย่างรวดเร็ว จนทั้งร่างทรุดลงไปกองกับพื้น
พลเมืองดีแถวนั้นเข้าให้การช่วยเหลือ สติอมายาเริ่มเลือนรางลงทุกขณะจากการเสียเลือดมาก แต่ใบหน้าที่ลอยอยู่ในความคิดกลับเป็นใบหน้าของผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“พี่เฟลม...”
ถึงจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่การได้เห็นสีหน้าร้อนใจที่เขามีต่อความเป็นความตายของเธอก็ทำให้อมายาคลี่ยิ้มออกมา เพราะในความฝันของเธอ เขมราชไม่ใช่คนใจร้ายเลือดเย็นจนหัวใจเธอรับไม่ไหว
“อย่าเพิ่งหลับนะ อยู่กับฉันก่อน”
มืออุ่นของเขาตบเบา ๆ ที่แก้มเพื่อให้สติ แต่อมายาไม่สามารถครองสติไว้ได้เลยหมดสติไปก่อน ambulance จะมาถึงด้วยซ้ำ
เขมราชตัวจริงไม่ใช่แค่ฝันนั่งไปกับเธอด้วย ก่อนหน้านี้เขาแวะตลาดซื้อของให้คุณป้า พอเดินออกมาก็เห็นคนมุงกันเต็ม บังเอิญจำรถของหญิงสาวได้และลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาแหวกไทยมุงจนได้เห็นว่าใครที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่
ความดันอมายาลดลงจนน่ากลัว หัวใจของเขมราชกระตุกวูบ ความปรารถนาดีที่ถูกกดไว้ในหัวใจกำลังทำงานอย่างหนักจนครอบครองมันทั้งดวงได้ชั่วขณะหนึ่ง ระหว่างนั้นทีมกู้ชีพช่วยระบายเลือดที่อาจจะท่วมปอดของหญิงสาวออกมาและทำให้ความดันเธอคงที่ในที่สุด
‘เธอต้องไม่ตาย’
ชายหนุ่มบีบมือเปื้อนเลือดแล้วจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนที่สวมหน้ากากออกซิเจนนอนบนเปลหาม ไม่แน่ใจแล้วว่าที่ต้องการให้เธออยู่ต่อไปเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอทำ หรือมีเหตุผลของหัวใจแอบแฝงด้วยกันแน่
คนร้ายแทงไม่ถูกจุดสำคัญก็จริง แผลหนึ่งแค่ถากไป แต่อีกแผลแทงใกล้ปอดมากซึ่งอันตรายอยู่ดี ทีมแพทย์เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิดและงดเยี่ยมจนกว่าจะมีสัญญาณที่ดี ด้านลูกน้องที่เขมราชให้ประสานงานกับตำรวจตรงจุดเกิดเหตุก็โทร. มารายงานว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สรุปเป็นคดีชิงทรัพย์ธรรมดา
แต่สิ่งที่เขาได้ยินชาวบ้านพูดในที่เกิดเหตุก่อนตำรวจและหมอจะไปถึงกลับทำให้เขาเอะใจ ‘มันไม่น่าจะทำแม่หนูนี่ขนาดนี้เลย มันได้กระเป๋าแล้วแทนที่จะหนี แต่มันยังแทงนังหนูซ้ำอีก’
“มึงรีบมาหากูที่โรง’บาล กูมีเรื่องให้พวกมึงทำ”
[ครับ พวกเรากำลังไปครับ]
เขมราชมองกระดุมเม็ดหนึ่งที่เขาได้มาจากมืออมายาตอนจับมือเธอบนรถพยาบาล อาจเป็นเบาะแสสาวถึงตัวคนร้าย แต่ไม่ว่ามันจะมีเหตุผลอะไร เขาจะไม่ปล่อยให้อมายาตายก่อนจะได้ชดใช้กรรมในคุก
ไม่แปลกใจถ้ามีคนอยากฆ่าเธอมากมาย เพราะอมายาสร้างศัตรูจนนับไม่ถ้วน แม้แต่เขาก็ไม่เว้น เขมราชอดคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดกับเขาที่นิวยอร์กไม่ได้
ตอนนั้นมีนรญาทำงานร้านอาหารไทยร้านเดียวกัน เขาจึงมักเดินไปส่งน้องกลับที่พักทุกวัน กระทั่งวันหนึ่งเพื่อนนักศึกษาชาวไทยชื่อ ‘เก้า’ กับกุ๊ยต่างชาติของมันดักรอเขากับน้องที่ตรอกหนึ่ง มันลงมือทำร้ายเขาและตบตีมีนรญาจนถึงขั้นนอนหยอดน้ำข้าวต้ม แล้วทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า
‘ของฝากจากแฟนเก่า ขอให้พวกมึงมีความสุขกันมาก ๆ นะ’
เขาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงสวยแสนบอบบางที่ดูไร้พิษภัยอย่างอมายาจะเลวร้ายเกินเยียวยา ขณะพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโดยมีมีนรญาคอยดูแลใกล้ชิด เขาจึงตัดสินใจติดต่ออมายาเป็นครั้งแรกหลังจบความสัมพันธ์
[โทร. มาได้แล้วเหรอไอ้พวกเหี้ย]
คำผรุสวาทที่ผ่านมาตามสายทำให้เขากำหมัดแน่น มีนรญาคอยกุมมือไว้และส่งสายตาให้เขาใจเย็น
‘ด่าตัวเองเหรอ’
[ด่าไอ้พวกที่มันแอบกินกันที่นี่ไม่สะใจ จนต้องหนีไปเปิดตัวที่ต่างประเทศไง เป็นไง... ไปได้สวยเลยสินะ ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วนี่]
‘ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือที่ไทย เราไม่จำเป็นต้องหลบ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด และแน่นอน... มันดีกว่าตอนคบเธอ’
[...]
‘น่าจะเลิกกับเธอแล้วมาคบมีนตั้งนานแล้ว ถ้ารู้ว่ามันจะดีขนาดนี้’ พูดพลางก็หันไปสบตาสาวงามข้างกายด้วยสายตาหวานซึ้งโดยไม่รู้เลยว่าคนปลายสายกำลังมีน้ำตา
เขารู้สึกว่าตัวเองเสียเวลากับการลืมอมายามากเกินไปจนมองข้ามสิ่งที่ดีที่สุดไป ต่อจากนี้เขาจะตัดใจจากผู้หญิงเลวร้ายคนนั้นเพื่อเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วสบายใจ ไม่ใช่วัน ๆ ก็หาแต่เรื่องปวดหัวมาให้แบบคนเก่า
‘เพราะคนอย่างเธอมันก็แค่เด็กหัวรุนแรง ชอบใช้กำลังแทนสมอง แถมยังร้ายกาจถึงขนาดส่งของฝากเหี้ย ๆ แบบนี้มาให้ แต่ยังไงก็ขอบใจนะ เพราะมันช่วยให้ฉันติดสินใจง่ายขึ้น’
[จะตัดสินใจอะไรก็เชิญตามสบาย แต่อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกแล้วกัน ไม่งั้นออยจะเล่นงานทั้งพี่ทั้งนังนั่นจนไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู]
อมายาวางหูใส่เขาทันที เขมราชเม้มปากสนิท เพราะถึงแม้จะตัดสินใจได้แล้วแต่เขาผิดหวังในตัวแฟนเก่า เขาพอรู้ว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนและพยายามทำความเข้าใจอารมณ์เกรี้ยวกราดเหมือนทอร์นาโดลูกใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เข้าใจ และได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาแทบไม่รู้จักอมายาเลย
ต่อไปเขาจะปล่อยให้สายลมเอื่อยเย็นอย่างมีนรญาช่วยพัดพาให้ความสัมพันธ์ถึงจุดหมาย ถึงไม่หวือหวาเร้าใจแต่ปลอดภัยกว่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางพายุร้ายเช่นอมายา
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้คุยกับแฟนเก่า ส่วนนายเก้าก็หนีมาเมืองไทย เห็นว่าครอบครัวกำลังจะล้มละลาย พ่อแม่ส่งไม่ไหวเลยต้องกลับมา ได้ข่าวว่าตามจีบอมายาอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์
เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ผู้ชายคนไหนก็ทนผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้ แต่เขาเองที่คิดว่าลืมได้แล้วกลับยังห่วงใยเธออยู่ลึก ๆ เขมราชถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองเธอผ่านกระจกห้อง ICU ด้วยความรู้สึกเจ็บหนึบในหัวใจ ถ้าหญิงสาวไม่ใช่คนที่ฆ่าลูกเมียเขา เขมราชก็คงไม่ต้องรู้สึกผิดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เขมราชหันไปตามเสียงทักทายไม่เป็นมิตรของชาวีที่คงจะรีบมาทันทีที่เขาให้พยาบาลโทร. ไปบอก
“มาไวฉิบหาย ไม่ต้องทำการทำงานกันแล้ว”
“กูก็ต้องทำงานบ้าง ไม่เหมือนมึง ที่วัน ๆ เอาแต่เกาะป้ากิน” ชาวีบิดปากยิ้มท่าทางเยือกเย็นกว่า แต่สายตาคมปลาบกลับตวัดมองอย่างดูแคลน
เขมราชไม่ถือสา หลายคนคงไม่คิดว่าคนอย่างเขาที่อยากใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์เป็นช่างภาพอิสระแต่ที่กลับไทยคราวนี้ก็เพื่อดูแล K holding บริษัทที่บริหารจัดการตั้งแต่ร้านอาหารขนาดเล็ก ไปจนถึงโรงแรมขนาดใหญ่แทนคุณป้าที่อยากวางมือเต็มแก่
ทั้งที่จะนอนใช้เงินอย่างเกียจคร้านไปจนตายก็ยังผลาญสมบัติที่มีไม่หมด เพราะครอบครัวฝ่ายแม่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ร่ำรวยสะสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
“คำว่าบ้างของมึงนี่หมายถึงสิบนาทีต่อวันเหรอ?”
“...”
“ถ้ากูเป็นคนไข้มึงนะ กูกัดลิ้นตายไปแล้วที่มีหมอติดหอย”
“หุบปากหมา ๆ ของมึงแล้วไสหัวไปให้ไกลไอ้เฟลม ก่อนที่กูจะทนไม่ไหวแล้วอัดมึงให้ยับตรงนี้”
“ไล่กูแบบนี้ ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าออยโดนแทงแล้วกูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ไอ้คนกวนตีนยังลอยหน้าพูดยิ้ม ๆ แต่ความตั้งใจจริง ๆ ของชาวีคืออยากรู้ว่ามันทำอะไรอมายาอีกหรือเปล่า
“มึงกำลังจะพูดอะไร”
“ออยโดนจี้ หลังจากกลับจากบ้านกู เพราะอะไรรู้ไหม”
“...”
“เพราะว่าที่เจ้าสาวของมึงโร่ไปนอนกับกูอีกแล้วว่ะ นางบอกนางติดใจลีลาเสียบมิดขยันซอยของกู”
ผัวะ!
ชาวีชกเข้ากรามซ้ายของอีกฝ่ายอย่างจังเพราะไม่อยากทนฟังมันพูดพล่อย ๆ เพราะนั่นไว้ใช้สำหรับผู้หญิงเลวที่มีพฤติกรรมย่ำแย่ยิ่งกว่าโสเภณี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่อมายา
“เก็บเอาคำพวกนี้ไปใช้กับผู้หญิงข้างถนนของมึงดีกว่า อย่ามาลามปามน้อง”
เขมราชยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากก่อนถ่มเลือดลงใกล้เท้าเพื่อนเก่าแล้วกระชากสาบเสื้ออีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“มึงจะเป็นศัตรูกับกูให้ได้สินะ”
“กูไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับใคร กูแค่ช่วยผู้หญิงที่กูรัก เหมือนที่มึงเป็นหมาบ้าแบบนี้ก็เพราะเมียมึงไง” ชาวีผลักเขมราชออกเต็มแรง
“โอเค...” เขมราชรู้แล้วว่าคงเปลี่ยนใจเพื่อนเก่าไม่ได้ ต่อไปคงเหลือทางสุดท้ายคือตาต่อตาฟันต่อฟัน “ไว้ค่อยมาตกลงกันนะว่ามึงจะนอนกับออยวันคู่หรือวันคี่”
“ไอ้เฟลม!!!”
“บายครับคุณเพื่อน”
เขายกยิ้มหยันแล้วเดินจากไปเสีย อยู่นานกว่านี้อาจได้ฟัดกับชาวีเหมือนหมา ส่วนนายแพทย์หนุ่มอยากจะเอาเท้ากระแทกปากมันนัก แต่เรื่องที่เขมราชพูดจริงแท้แค่ไหนกัน
ชาวีเหลือบมองอมายาผ่านกระจกห้อง ICU ด้วยแววตาสับสน เขารู้สึกไม่ต่างจากคนโง่ที่ถูกเขมราชปั่นหัว คงเพราะที่เธอพยายามปฏิเสธเขา มันทำให้ความไว้ใจและเชื่อใจที่เขามีในตัวอมายาลดน้อยถอยลง
ผ่านไปสองวันกว่าที่ทีมแพทย์จะให้อมายาออกจากหอผู้ป่วยวิกฤติและอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ แต่หญิงสาวก็สะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาไปอีกหลายวันแถมยังต้องทรมานเพราะแผลติดเชื้อที่ต้องตัดออกเรื่อย ๆ จนล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์
เช้านี้เธอตื่นมาพร้อมกับที่ในหัวโล่ง ๆ คงเพราะหมอลดยาลงแล้ว เลยดูเหมือนจะสื่อสารกับคนรอบข้างเข้าใจบ้าง
“วันนี้หมอบอกว่าแกหน้าตาสดใสขึ้นเยอะ อีกสองสามวันคงจะออกจากโรงพยาบาลได้” คนเป็นแม่ที่นั่งตรงโซฟาเอ่ยขึ้นแม้สายตายังไม่ละจากเมนูอาหาร
“จับคนร้ายได้ไหมคะ”
พิยดาส่ายหน้าแทนคำตอบ
อมายามีสีหน้าเป็นกังวล หลังออกจากห้อง ICU ตำรวจให้หมอปลุกเธอมาสอบปากคำ เธอสงสัยว่ามันไม่ใช่ชิงทรัพย์ธรรมดา แถมนึกถึงท่าทางคนร้ายแล้วคุ้นอย่างบอกไม่ถูก กระดุมที่เธอดึงจากคนร้ายมาได้ก็ดันหาย และไม่รู้เพราะอะไรเธอคิดว่าคงจะจับไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง” พิยดาลดสมุดเมนูลงเล็กน้อยแล้วมองลูกสาวผ่านแนวกระดาษ “ฉันพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ฉันไม่ปล่อยให้คนที่มันทำร้ายแกลอยนวลไปหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
ท่าทางของอมายาที่อ่อนลงและยอมรับความช่วยเหลือจากแม่อย่างว่าง่ายทำให้พิยดาเบาใจ หากอีกเรื่องที่ตนไม่อาจปล่อยผ่านนั่นคือพฤติกรรมโผงผางจนเสียเรื่องของลูกสาว
“แต่ฉันอยากให้แกหัดใจเย็นซะบ้าง ถ้าไม่อยากให้สิ่งที่แกพยายามอยู่มันเสียเปล่า งั้นต่อให้แกได้ทนายดีแค่ไหน หรือพวกเรายอมเสียไปเท่าไหร่ แกก็จะไม่มีวันชนะ”
อมายากลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอ พฤติกรรมเช่นในอดีตของเธอคือต้นตอของปัญหา คนอื่นจะไม่เชื่อว่าเธอถูกใส่ร้ายท่ามกลางหลักฐานที่มัดตัวก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
คิดแล้วก็เสียใจ... แต่ไม่ได้เสียใจเพราะคดีครั้งนี้ หากเป็นความประพฤติในอดีตที่มันกำหนดอนาคตของเธอมากกว่า
“หนูจะพยายามนะคะ”
ถึงคำตอบของลูกจะไม่เป็นที่น่าพอใจ อย่างไรอมายาก็รับปากแล้ว แต่คนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ชั่วข้ามคืน
“ฉันหวังว่าแกจะมีความพยายามมากพอนะ”
เธอยิ้มให้แม่แทนคำตอบรับ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“คุณย่าถามหาหนูบ้างไหม”
“ถาม แต่ท่านไม่รู้ว่าแกโดนแทง ฉันบอกว่าแกเป็นไข้หวัดใหญ่ หมอเลยไม่อนุญาติให้เยี่ยมท่านจนกว่าแกจะหายดี”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพูดให้” อมายายิ้มโล่งใจ
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นตอนแกอ๊องยา...”
พิยดาเล่าว่าระหว่างที่เธอสะลึมสะลืออยู่นั้น สามพ่อแม่ลูกปีศาจมาเยี่ยมเธอด้วย แต่มาครู่เดียวก็กลับ คงเพราะไม่อยากทนมองหน้าท่านนาน
ส่วนยัยน้องสาวของเธอเห็นว่าภาพฉาวนั้นสร้างความไม่พอใจให้ครอบครัวคู่หมั้นมากทีเดียว แต่ชาร์ลก็ยืนยันจะแต่งงานกับเอมมาลินให้เร็วที่สุดเพราะอยากปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก เข้าทางคุณอธิปที่กำลังถูกบีบจากเจ้าของ k holding ตอนนี้จึงไม่มีที่พึ่งไหนจะดีไปกว่าชาร์ล อมายาถอนหายใจหนักหน่วงจนสะเทือนแผล คนเป็นแม่รู้ดีว่าบุตรสาวกำลังคิดอะไรอยู่เลยพูดขึ้นมาว่า
“แชมป์กำลังมา ส่วนฉันขอออกไปหาอะไรกินก่อน แกอยู่รอพี่เขาคนเดียวได้ไหม”
เธอพยักหน้าให้แม่ พิยดาเลยวางใจแล้วเดินออกไปจากห้องทิ้งให้อมายานั่งเงียบด้วยความกดดันอยู่ในห้องเพียงลำพัง เธอไม่รู้จะเริ่มพูดกับชาวีอย่างไรดี เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันไม่ใช่ฝีมือเธอ
ในที่สุดเขาก็เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าสวยที่เริ่มมีสีเลือดฝาดมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพราย สองมือบีบกันแน่นเพราะไม่รู้ว่าพูดออกไปเขาจะเชื่อไหม
“พี่แชมป์คะ เรื่องข่าวนั่น...”
“มันไม่ใช่ฝีมือออย พี่รู้ค่ะ” อมายาชะงักไปชั่วครู่พลางนิ่วหน้ามองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “พี่เป็นคนปล่อยข่าวเอง”
อมายาถึงกับไปไม่เป็น คนอย่างชาวีถ้าอยากได้อะไรแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือจนกว่าเขาจะพบกับความพ่ายแพ้ แต่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีนี้มาตัดความลังเลของเธอ
“ออยไม่ต้องกลัวแล้วนะคะว่าพี่จะมีปัญหากับคุณพ่อคุณแม่ เพราะพี่มีไปแล้ว แล้วก็ไม่จำเป็นต้องรักพี่ด้วย”
“...”
“พี่แค่ต้องการให้ออยเป็นของพี่ ถึงเป็นแค่ตัวพี่ก็รับได้ เพราะพี่ทนเห็นใครรังแกออยไม่ได้อีกแล้ว”
“พี่แชมป์...”
“ในสายตาออยพี่อาจจะชอบเอาชนะ มันก็จริงนะคะ แต่มันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว”
นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่เขาทำเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง มันคงมีอีกหลายอย่างที่เขาไม่อยากบอกเธอ โดยเฉพาะที่เขาทำกับอดีตคนรักของเธอ
ด้านอมายาซาบซึ้งกับความตั้งใจของชาวี เธอผ่อนลมหายใจพลางหลุบสายตามองมือตัวเอง ก่อนระบายเสียงหัวเราะเบา ๆ
“ไม่รู้เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงนะคะ... ทั้งที่ออยควรจะหนีให้พ้นจากเอมแท้ ๆ แต่เราสองคนพี่น้องกำลังจะเข้าไปเป็นสะใภ้บ้านเดียวกัน”
คำพูดของอมายาแทนคำตอบที่ชาวีต้องการ ที่จริงเธอยอมจำนนตั้งแต่รู้ว่าข่าวหลุดออกไป แต่ในสายตาคนอื่นครอบครัวของเธอก็ไม่ต่างจากปลิงที่ต้องดูดเลือดคนอื่นเพื่อความอยู่รอด
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นค่ะ พอแต่งแล้วเราจะย้ายออกจากบ้านคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ข้างนอก”
อมายากลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอ นอกจากเป็นสะใภ้ที่พ่อแม่เขาจะไม่ยอมรับเด็ดขาดแล้ว ยังพรากลูกรักมาจากอกพวกท่านอีก เพราะใช่เธอจะไม่รู้ว่าคุณลุงคุณป้าหวงลูกชายขนาดไหน
แต่ลูกชายท่านกลับดื้อดึงไม่ฟังใครเสียแบบนี้ เธอเองก็จนปัญญาจะทัดทาน เช่นเดียวกับการแต่งงานที่เธอไม่มีทางเลือกมากนัก อมายาถอนหายใจอีกครั้งอย่างเผลอไผล ความหนักใจของเธอบั่นทอนความมั่นใจของชาวี แต่ชายหนุ่มก็กัดฟันทน พลางฉวยมือข้างซ้ายของเธอขึ้นไปกุมไว้
“ขอพี่เป็นคนแรกที่ได้สวมแหวนให้ออยได้ไหมคะ”
อมายาพยักหน้าให้เขายิ้ม ๆ แต่น้ำตาของความเศร้ากลับไหลรินลงจากหางตา ขณะมองชายหนุ่มหยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อออกมาบรรจงสวมบนนิ้วนางข้างซ้าย
วันนี้เธอควรมีความสุข...
น้ำตาควรไหลเพราะความตื้นตัน...
แต่อมายากลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนด้วยไร้ซึ่งหนทาง เมื่อก่อนเธอเคยวาดฝันไว้ว่าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เป็นเจ้าสาวที่มีความสุขยิ่งกว่าใคร และใช้ชีวิตแสนสุขกับใครคนนั้นไปจนแก่เฒ่า
แต่ใครเลยจะรู้ว่ารสชาติชีวิตมันขมปร่า ชะตากรรมทำให้เธอต้องแต่งงานเพื่อเอาตัวรอดและไม่รู้เลยว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรไหม
นั่นอาจจะเป็นความคิดที่โบราณไปเสียหน่อยเพราะสมัยนี้ถ้าไปกันไม่รอดก็เลิกแล้วหาใหม่ แต่ก่อนจะเลิกน่ะสิ... จะเจออะไรบ้าง หรือเธอกับเขาจะจับมือกันแน่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แม้จะบอกตัวเองว่าสักวันคงรักชาวีมากกว่าพี่ชายได้ หากลึกลงไปในใจเธอไม่อยากเอาเปรียบใครแบบนี้เลย
“พี่จะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย หน้าที่ของออยก็มีแค่รอช่างมาวัดตัว” เขาโน้มเข้ามาพูดใกล้ใบหน้าสวย ความจริงจังในแววตาคู่นั้นพานให้อมายาคอแห้งผาก “จากนั้นก็เตรียมตัวเป็นของพี่ ห้ามออกไปกับผู้ชายคนไหนถ้าพี่ไม่อนุญาต โดยเฉพาะไอ้เฟลม เข้าใจใช่ไหมคะ”
อมายาพยายามตั้งสติแม้จะรู้สึกตัวเล็กจ้อยเหมือนลูกนกในกำมือเขา พลางพยักหน้ารับช้า ๆ คนตัวโตกระตุกยิ้มพึงพอใจแล้วทำท่าจะจูบ เธอเบือนหน้าหนีอัตโนมัติ ชาวีคิดไว้แล้ว เขาจึงฝากรอยจูบไว้บนแก้มเย็นเฉียบนั้นแทน
“พี่กลับไปทำงานก่อนนะคะ”
“ขับรถดี ๆ นะคะ ถึงแล้วส่งข้อความหาออยด้วย”
เขายิ้มรับให้กับความห่วงใยที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่ได้มากไปกว่าพี่น้อง แต่ถึงอย่างนั้นแหวนบนนิ้วนางนั่นก็เท่ากับว่าเขาได้ประกาศชัยชนะเหนือผู้ชายคนไหนไปเรียบร้อยแล้ว
แค่ทำให้อมายาเปลี่ยนใจมารักเขาแทนไอ้เลวนั่นคงไม่ยากเกินความพยายาม
ข่าวลือที่เขมราชร่วมมือกับอมายากำจัดมีนรญาเพราะไม่อยากรับผิดชอบลูกในท้องแพร่สะพัดไปทั่ว k holding แม้ไม่สมเหตุสมผล แต่มีคนเชื่อ ข่าวเริ่มแพร่เข้ามาในแวดวงคนรู้จักและพาร์ตเนอร์บริษัท ทำเอาชายหนุ่มที่หัวเสียหนักต้องมาโรงพยาบาลเพราะต้องมีคนรับผิดชอบความโกรธและฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นตลอดหลายวัน และเขาเชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวเสียหายคืออมายา
แต่อมายากำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาตัดสินใจนั่งมองเธอทุรนทุรายไม่ได้ปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย ปล่อยให้บาปกรรมเล่นงานคนอย่างเธอในความฝัน
ด้านอมายาฝันว่าร่างของแม่เต็มไปด้วยเลือดและท่านกำลังเดินจากเธอไปเรื่อย ๆ ในฝันนั้นเธอวิ่งตามไปจนหมดแรงแต่ไม่อาจคว้ามือท่านเอาไว้ได้ และเป็นเธอเสียเองที่รู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย สุดท้ายเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเจ็บแผลจากการดิ้นแรง พลางหอบหายใจเข้าปอดอย่างแรง
“เก่งนี่ที่ยังไม่ตาย” เสียงคุ้นหูทำให้หญิงสาวหันไปมองที่โซฟา เห็นเขมราชนั่งไขว่ห้างอยู่ก็ถึงกับกลืนน้ำลาย แววตาเขาไม่เป็นมิตรและเธออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะต่อกร
“คุณต้องการอะไร”
“ต้องการอะไรดีนะ”
เขาเล่นลิ้น กระตุกยิ้มมองคนที่เอื้อมคว้าที่กดสัญญาณฉุกเฉิน แต่เขาก็ตัดหน้าเธอได้ก่อน อมายาแทบจะร้องไห้ เขาไม่เหนื่อยบ้างหรือที่ตามราวีกันไม่หยุด
แสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างทิศตะวันตกเข้ามาทำให้เขมราชถูกประกายจากเพชรเม็ดเป้งบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอบาดตา แต่ไม่คิดว่ามันจะบาดใจด้วย
ชาวีแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวอมายาไปแล้ว...
เธอถูกตีตราจอง... เขมราชคำรามร้องในใจ ขบกรามแน่นจนฟันแทบแตก ขณะที่พิษร้ายจากประกายเพชรทำเขาตัวชาไปชั่วอึดใจ กว่าจะรู้ตัวสองมือก็กำหมัดแน่นราวกับคนคลั่งแค้น
หากเขาอยากแค้นที่ฆาตกรมีที่พึ่ง มากกว่าจะยอมรับว่าเพราะความรู้สึกนุ่มนวลที่กลบฝังอยู่ในใจ เขมราชจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วแค่นยิ้ม
“เธอมันเลือดเย็นกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ทั้งที่สวมแหวนของผู้ชายอีกคน เธอก็ยังเรียกร้องความรักจากผู้ชายอีกคน คงกะจะสลัดไอ้แชมป์มันทิ้งทันทีที่ฉันยอมรับรักจากเธอสินะ คิดว่ามันโง่เป็นควายหรือไง อ้อ... แต่ไม่แน่นะ เธออาจจะโดนยัดเข้าคุกก่อนจะได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ก็ได้”
“ถ้าจะมาหาเรื่องก็เอาไว้วันหลัง ฉันเจ็บอยู่สู้ได้ไม่เต็มที่”
อมายาปากเก่ง... ขนาดเจ็บอยู่ก็ไม่อยากให้ตัวเองเสียเปรียบ
“ในชีวิตจริงเขาไม่มีทดเวลาบาดเจ็บกันหรอก”
“กลับไปซะ อย่ามายุ่งกับฉัน” เมื่อเขาไม่เข้าใจว่ากำลังถูกไล่ เธอเลยพูดตรง ๆ
“กลับแน่ แต่หลังจากที่ฉันพอใจ”
“พอใจเรื่องอะไร?” เธอละล่ำละลักถาม กลัวโดนข่มเหงทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บ แต่มันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาพุ่งเข้ามากดเธอลงกับเตียง คนที่ไม่ทันได้คิดแก้ไขสถานการณ์ตกใจจนเหงื่อแตก จะดิ้นมากก็เจ็บแผลจนน้ำตาซึม
“อย่าดิ้นสิ แผลปริไม่รู้ด้วยนะ” เขาโน้มใบหน้าลงมากระซิบ อมายาเบือนหน้าหลบลมหายใจร้อนระอุ ให้เธอติดอยู่กับฝันร้ายต่อไปยังดีเสียกว่าตื่นมาเจอเขา
“คุณมันก็เก่งแต่รังแกผู้หญิง ในชีวิตคุณเคยรู้จักคำว่าลูกผู้ชายบ้างหรือเปล่า?”
“ขอแก้นะ หนึ่ง ฉันไม่ได้เก่งเรื่องรังแกผู้หญิง แต่ผู้หญิงอย่างเธอถือเป็นข้อยกเว้น และฉันเก่งอย่างอื่นด้วย สอง คำว่าลูกผู้ชายฉันรู้จักดี แต่ก็มีข้อยกเว้นเหมือนข้อแรก”
“ตรรกะเหี้ย ๆ ก็เหมาะกันดีกับคนเหี้ย ๆ”
เขมราชส่งเสียงเยาะในลำคอ
“พูดกับคนที่ตัวเองอยากได้แบบนี้ได้ไง? งั้นที่ลงทุนกุข่าวขึ้นมาก็เสียแรงเปล่านะ”
“ข่าวอะไร?” ใบหน้าสวยหันมองเขาด้วยอยากรู้ ดวงตากลมโตเป็นประกายเพราะน้ำตาเอ่อคลอ แต่ไม่ได้ดับลาวาอารมณ์ที่เขาต้องข่มไว้ก่อนมาถึงแต่อย่างใด
“เธอจะแกล้งไม่รู้ไปซะทุกเรื่องเลยเหรอ”
“ก็ฉันไม่รู้จริง ๆ” ความจริงจังในแววตาเธอกระแทกเขาให้ไขว้เขว แต่เขมราชไม่คิดให้น้ำหนัก เพราะมันค้านกับสิ่งที่เขาเชื่อในใจ
“ไม่จำเลยสินะว่าเล่นบทใสซื่อกับฉันไม่ได้ผล”
มือหนาตะปบปลายคางเธอเต็มแรง ก่อนโน้มลงมาบดจุมพิตกักขฬะลงทัณฑ์ เธอถูกมือข้างเดิมจับล็อกใบหน้าไว้ เพื่อให้เรียวฟันเรียงสวยงับริมฝีปากแห้งกรังได้ถนัด เธอทุบแผ่นหลังเท่ากับแรงที่มี สายน้ำเกลือหลุดออกจนเลือดสาดกระจาย เขาได้ฟังเธอกรีดร้องในลำคอ
เจ็บบ้างละ... ขอร้องบ้างละ...
แต่ดูเหมือนในน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของอมายามีรอยยิ้มของผู้หญิงที่เขารักซ่อนอยู่ และในทุกเสี้ยวนาทีที่เขาเกิดความสงสารคนใต้ร่างก็จะมีความร้ายกาจของเจ้าหล่อนปรากฏขึ้นมาทับซ้อนในความทรงจำ เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองจนวันตายหากไม่อาจกำราบนังวายร้ายให้สยบอยู่แทบเท้า
เขมราชคลายจูบ เลือดเค็มปร่าไหลจากมุมปากอมายายังไม่ทำให้เขาพอใจ มือข้างหนึ่งตรึงแขนเรียวเสลาไร้เรี่ยวแรงไว้เหนือศีรษะ อีกข้างปิดปากไม่ให้เธอส่งเสียง
เขาซุกใบหน้ากับซอกคอชื้นเหงื่อ อ้าปากงับ แล้วครูดฟันกับเนื้ออ่อน ไม่หนำใจยังกัดลงไปจนจมเขี้ยว สร้างความเจ็บปวดจนหญิงสาวกรีดร้องและบิดเร่า หากกลั้นใจฝืนเจ็บตวัดศอกกระแทกศีรษะเขาและคราวนี้เธอเองก็ถึงกับร่วงจากเตียงทำตัวเองบาดเจ็บ แผลเย็บปริแตก เสือดสีแดงสดซึมออกจนเสื้อเป็นดวง
เขมราชตกใจ รีบเข้าไปหมายใจจะพยุงเธอขึ้นแต่มือเล็กปัดมือเขาออกจนเขาเจ็บมือเสียเอง เขาเห็นเธอค่อย ๆ ยกมือกุมแผล ช้อนสายตามองเขา แววตานั่นทำให้เขาหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เขาต้องแสดงให้เธอเห็น ว่าความพยายามของเธอมันไม่มีความหมาย
“ฉันไม่มีวันกลับไปรักเธอ มากสุดเธอก็จะเป็นได้แค่ที่ระบาย แล้วฉันจะเลวกับเธอมากกว่านี้ถ้ายังไม่เลิกทำตัวทุเรศ ๆ”
อมายาจ้องเขาไม่ลดละ ไม่รู้เขาหมายถึงอะไร แต่ดูเหมือนเขาเข้าใจบางอย่างผิดไปมาก
“ฉันไม่เคยอยากให้คุณกลับมารัก และฉันไม่มีวันทำเรื่องโง่ ๆ เพื่อผู้ชายอย่างคุณ ได้ยินไหม”
“แต่สิ่งที่เธอทำไปแล้วมันโคตรโง่” แววตาแข็งกร้าวของเขาทำให้อมายาท้อใจ...
ในสายตาเขาเธอเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความอัปรีย์ ให้อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ น้ำตาที่รินไหลตั้งแต่ที่ตอนที่เขาเริ่มเข้ามากดร่างเธอมันไม่ยอมหยุด... และความเจ็บตรงบาดแผลคงน้อยกว่าที่หัวใจหลายเท่านัก เพื่อจบเรื่องนี้เธอแหงนหน้าห้ามน้ำตาแล้วเลือกพูดในสิ่งที่คนบ้าเอาแต่ใจอย่างเขาอยากได้ยิน
“ก็ได้ ฉันจะล้มเลิกความพยายามอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าฉันกำลังทำเพื่อคุณ พอใจหรือยัง”
“ก็ต้องรอดูว่าเธอจะทำได้อย่างที่ปากว่าไหม”
“รอดูได้เลย แบบนี้คุณน่าจะพอใจ เพราะงั้นออกไปได้แล้ว”
เขมราชรู้ดีว่าเธอพูดไปก็เพื่อเอาตัวรอด แต่เขาได้ทำให้เห็นแล้วว่าถ้ายังดื้อด้าน นรกขุมไหนจะรอคอยเธออยู่ ในจังหวะที่เขาก้าวถอยและเธอประคองตัวเองขึ้นจากพื้น มือถือเธอก็กรีดร้องอยู่ใต้หมอน
อมายาล้วงมาดู เป็นสายของแม่ แต่ใจเธอกลับหวิวโหวงอย่างประหลาดตอนที่กดรับสาย มิหนำซ้ำ... ปลายสายยังไม่ใช่เสียงของแม่ หญิงสาวทรุดลงกับพื้นอีกครั้งด้วยความตกใจสุดขีด มือถือก็ร่วงหล่นตามมา พาให้เขมราชหมุนตัวกลับมามองอย่างอดไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นออย”
อมายาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ดวงตากลมเบิกกว้างน้ำตาร่วงหยด หยดแล้วหยดเล่า รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลง...คล้ายกำลังจะหยุดเต้น...ภาพความทรงจำของเธอกับแม่ฉายวนอยู่ในหัว แต่กลับมีเพียงความทรงจำที่เธอร้ายกาจกับแม่นับครั้งไม่ถ้วน
ครั้งหนึ่งที่แม่ปรากฏตัวในงานวันแม่ที่ทางโรงเรียนจัดแทนที่จะเป็นย่า เธอโกรธมากและไล่ตะเพิดท่านด้วยคำพูดที่กรีดเฉือนหัวใจจนได้เลือด
‘แค่เบ่งหนูออกมาแต่ไม่ได้เลี้ยงดู คุณไม่มีสิทธิ์มาทำตัวเป็นแม่ เพราะคนอย่างคุณมันไม่ควรเป็นแม่ใครทั้งนั้น กลับไปหาผู้ชายที่คุณรักนักรักหนาซะเถอะ’
ตอนเธอไม่สบายแล้วแม่ตั้งใจจะมาเฝ้าไข้เธอกลับบอกว่า ‘ให้หมอฉีดยาให้หนูตายซะดีกว่าต้องอยู่กับคุณในห้องอุดอู้แบบนี้’ ตามด้วยเทกับข้าวที่แม่หิ้วมาด้วยลงพื้นจนหมด
หรือจะเป็นตอนรับปริญญาซึ่งเธอรับช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันหนึ่งปี เธอถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ และย่าเท่านั้น แต่ทำกับแม่ซึ่งไปแสดงความยินดีด้วยราวกับท่านไม่มีตัวตน เมื่อท่านหมดความอดทนแล้วต่อว่าเธอต่อหน้าเพื่อน ๆ อมายาก็สวนกลับด้วยคำพูดที่คนฟังเหลือทน
‘คุณควรหัดอยู่เฉย ๆ เหมือนพ่อ ไม่ต้องมาทำเป็นรัก ไม่มีใครแปลกใจเท่ากับที่คุณทำแบบนี้หรอก’
จนเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอคิดว่าจะมีโอกาสแก้ตัว แต่ทุกอย่างพังครืนเมื่อได้ฟังปลายสายพูดก่อนหน้านี้
แม่ต้องการเธอ... อมายากลั้นใจฝืนความเจ็บที่แผลลุกขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซไปยังเคาน์เตอร์ของแผนกโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้าง
“ช่วยพาฉันไปที่... ทีค่ะ ฉันต้องไปหาแม่”
พยาบาลที่เห็นเธอเลือดไหลพากันเข้ามาประคอง บอกว่ากู้ภัยได้โทร. แจ้งทางโรงพยาบาลแล้ว แต่ขอให้เธอทำแผลที่ท้องก่อน อมายาสะบัดออกแล้วตวาดกร้าวอย่างคนสติเลื่อนลอย
“ไม่ ฉันจะไปหาแม่ หูหนวกกันหรือไง!” เมื่ออมายายืนยันเช่นนั้นและพยาบาลมั่นใจแล้วว่าแผลที่ปริยังพอรอไหว รีบพาอมายาลงไปขึ้นรถที่โรงพยาบาลเตรียมไว้โดยเขมราชก็ลงลิฟต์ตามไปก่อนที่เขาจะถามพยาบาลคนหนึ่งที่คิดว่ารู้เรื่อง แต่คำตอบที่ได้พาให้เขาใจหาย
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณแม่ของคุณอมายาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ค่ะ”
