บทที่ 5 4

เสียงแจ้งเตือนจากกรุ๊ปสนทนาที่ตั้งไว้เฉพาะกลุ่มของเพื่อนดังรบกวนเขมราชตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเปิดดู

หัวข้อวันนี้เริ่มจากเหล่าสาว ๆ พูดคุยกันเรื่องปาร์ตี้สละโสดของชาวีซึ่งกดออกจากกลุ่มไปตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาคบกับมีนรญา แวบหนึ่งเขมราชรู้สึกใจหาย...

งานแต่งงานของเธอใกล้เข้ามาแล้ว...

ไม่แน่อิทธิพลของครอบครัวชาวีอาจทำให้เธอหลุดคดีได้ เหมือนที่ได้ประกันตัวออกมา ยิ่งบ้านมีนรญาไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับคดีแล้ว เขาก็หวั่นใจบอกไม่ถูก

เขมราชคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ แต่สมาธิเขาก็สลายหายหน ตอนที่เพื่อนคนหนึ่งส่งคลิปงานปาร์ตี้มาในกลุ่ม มีช่วงหนึ่งที่ในคลิปเผยให้เห็นตอนชาวีจูบอมายา นั่นก็นับว่าทำให้เขาขบกรามแน่นได้แล้ว แต่เพราะทุกอย่างในงาน ตั้งแต่แบ็กดร็อป ดอกไม้ โทนงาน กระทั่งธีมการแต่งกายที่เหมือนงานของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

ที่สำคัญ... คืนที่เขาจัดงาน มันเป็นคืนที่อมายาฆ่าเมียเขาอย่างเลือดเย็น มันทำให้เขมราชคลั่งเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เพราะในขณะที่ความเศร้ายังกัดกินใจเขาวันแล้ววันเล่า ฆาตกรมันกลับเริงร่า มีความสุข และกำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัว แถมเย้ยหยันเขาด้วยวิธีนี้

เขาปามือถือกระแทกผนัง เฉียดศีรษะดนุที่เข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเขาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ตามปกติแล้วเขมราชจะพักอาศัยกับดนุและคุณป้าที่บ้านของท่าน เพนต์เฮาส์แค่มีไว้สังสรรค์

“ผีตัวไหนสิงมึงอีกวะ ไอ้เฟลม ไอ้...”

คำก่นด่าตามมาเป็นพรวน แต่แขมราชแทบไม่ได้ยิน เพราะในหูมีเพียงเสียงอื้ออึงของอมายาที่บอกว่าจะมีความสุขจนเขาอิจฉา

เขมราชอยากฆ่าเธอให้ตายคามือ อยากทำลายเธอให้แหลกลาญตรงหน้า แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เลยหันไปกวาดของบนโต๊ะทำงาน เอกสารปลิวว่อน เครื่องใช้สำนักงานกระจัดกระจาย พอไม่หนำใจเขาก็ยกคอมพิวเตอร์ทุ่มกับพื้น กระทืบซ้ำจนพังยับ

“เหี้ยเอ๊ย!”

พ่นคำหยาบดังลั่นตอนพลิกโต๊ะทำงานให้หงาย ดนุยืนกอดอกมอง ไม่บ่อยนักที่จะเห็นมันเป็นแบบนี้ ครั้งล่าสุดก็คือตอนมีนรญาตาย คงมีเรื่องที่ทำให้มันสะเทือนใจ ดนุจึงไม่ได้เข้าห้าม ด้วยยังไม่พร้อมจะเจ็บตัว ยิ่งในมือมันมีสิ่งของอยู่ด้วยเขาเลยไม่ขอเสี่ยง

ดนุ ชาวี และเขมราชเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา แต่อุปนิสัยแตกต่างกันสิ้นเชิง

เขมราชเป็นเหมือนไฟ ดุเดือด บ้าคลั่ง และร้อนแรงจนเผาผลาญทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ชาวีเป็นเหมือนท้องทะเล ลึกลับ คาดเดายากบางครั้งเงียบสงบ บางครั้งก็แปรปรวนจนใครก็ไม่อาจต้านทานไหว ส่วนดนุ เป็นดั่งผืนดินที่อบอุ่น หนักแน่น กว้างใหญ่ และมั่นคง แต่เพราะแบบนั้น... ทุกครั้งที่มันสองตัวตีกัน เขาจะมีหน้าที่ห้าม ซึ่งก็ต้องเจ็บตัวร่ำไป

แต่พอแม่งถึงคราวแตกหัก ดนุก็เลือกข้างโดยอัตโนมัติเพราะเขมราชเป็นมากกว่าเพื่อน แต่คือหลานของผู้มีพระคุณ

เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าชีวิต และเป็นครอบครัวเดียวที่เขาเหลืออยู่...

“เลิกบ้าซะทีเฟลม”  จวบจนมีเสียงประกาศิตของคุณป้าแขไขดังขึ้น นั่นแหละเขมราชถึงจะสงบลง

ไม่ว่าไอ้เขมราชจะร้ายกาจกับใครต่อใคร แต่กับคุณป้าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ประเคนทุกอย่างให้เพียงแค่เขาเอ่ยปากว่าอยากได้ เขากลับเกรงใจและนอบน้อม ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงด้วยซ้ำ

“ขอโทษครับคุณป้า”

“ออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก” คุณแขไขสั่ง หลานชายถอนหายใจระบายอารมณ์คุกรุ่นแล้วค้อมศีรษะเดินผ่านหน้าท่านออกไป

แขไขมองดนุอย่างตำหนิ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแหยแล้วตามออกไปดูเขมราช หนนี้ถ้ามันจะพังของในบ้านอีก เขาคงจะต้องห้ามแล้ว ไม่งั้นคงซวยแหง ๆ หลังจากนั้นคุณแขไขถึงได้เรียกแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาด

พอได้ออกมาสูดอากาศ แทนที่จะสงบลง เขมราชกลับอยากทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า หากก็ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะเกรงจะทำให้คุณป้าไม่พอใจอีก แต่หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง เขาอาจจะต้องขาดใจตายอยู่ตรงนี้

“ไอ้นุ”

“ว่า?” ดนุก้าวเข้าไปใกล้เพื่อน ไม่มีอะไรอยู่ในมือมันแล้ว ต่อให้มันโมโหเป็นบ้า ก็ทำเขาเจ็บตัวไม่ได้

“วันนี้กูจะต้องขัดขวางความสุขของยัยนั่นให้ได้” ในเมื่อความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่ ไม่ได้ทำให้อมายาเข้าใจอะไรเลย แล้วยังตอบโต้ด้วยวิธีสิ้นคิดแบบนี้ เขาก็จะใช้วิธีสิ้นคิดกับเธอเหมือนกัน แต่สาบานได้ว่ามันจะทำให้เธอทรมานที่สุด

“ยัยคนไหนวะ”

“ไอ้นุ!!!” เขมราชหวดแข้งเต็มเหนี่ยว หมายใจจะเอาไอ้เพื่อนบ้าให้ล้ม แต่ดนุก็ไว ถีบหน้าแข้งไอ้หมาดุกลับไป แล้วก็คิดออกพอดีว่ามันหมายถึงใคร

“น้องออยเหรอ?”

“เออ” เขมราชรับห้วน ๆ “...แล้วกูก็มีเรื่องให้มึงช่วย”

ดนุสังหรณ์ใจว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี

“ถ้าเป็นเรื่องเลว ๆ กูไม่ทำนะเว้ย”

“กูสั่ง!”

“ไอ้เฟลม ถือว่ากูขอ...” ดนุครวญเสียงอ่อน หวังให้เพื่อนเห็นใจว่าเขาไม่อยากทำเรื่องสกปรก แต่แววตาเขมราชกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

“กูบอกว่าเป็นคำสั่ง!”

คำขาดของเขมราชทำให้ดนุเผลอกัดฟันแน่น จ้องมองเพื่อนรักด้วยแววตาอ่อนใจ แต่เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงไม่อยากให้เพื่อนจมปรักกับความแค้น เช่นเดียวกับไม่อยากให้เขาทำร้ายอมายา แต่ถ้ามันเป็น ‘คำสั่ง’ เขาก็ต้องทำในฐานะ ‘หมารับใช้’ ที่มอบทั้งชีวิตให้คนบ้านนี้ไปหมด


ภายหลังจากอดทนเก็บความขมขื่นมาตลอดคืน แถมต้องปั้นหน้าเป็นเจ้าภาพที่ดีแม้ไม่มีแขกสักคนอยากคุยกับ ‘เจ้าสาวฆาตกร’ อมายาก็ป้องปากตะโกนบอกเขาแข่งกับเสียงเพลงสุดเหวี่ยง

“ออยยืนไม่ไหวแล้วค่ะพี่แชมป์”

“เป็นอะไรเหรอคะ” คนที่เมาได้ที่จนต้องใช้อมายาเป็นหลักยึดก้มลงถาม คืนนี้ชาวีไม่ปล่อยเธอห่างกายแม้เพียงเสี้ยวนาที

“ออยเมื่อยเท้า ใส่ส้นสูง” เธอกระดกส้นเท้าขึ้นมานวดเบา ๆ

“พี่พาน้องออยไปพักดีกว่าค่ะ”

“ไม่เป็นไร ออยไปเองได้ พี่อยู่กับเพื่อน ๆ เถอะ”

“พี่จะพาไป” เขารั้งเอวบางเข้าไปจนแทบไม่มีช่องว่าง “อย่ามาห้าม”

ว่าแล้วก็โอบไหล่ว่าที่เจ้าสาวเดินโซเซไปยังห้องรับรอง อมายารู้ว่าเขาต้องการอะไรแต่ก็ไม่วายหวั่นใจ

ภายในห้องรับรองวีไอพีของคลับแห่งนี้ อัดแน่นด้วยความทรงจำน่าหวาดหวั่นที่นิกรทำร้ายเธอ และอมายาหวนนึกถึงยามที่แม่ปกป้องจนตัวเองเจ็บแทน พลันน้ำตาก็รื้นขอบตา

“น้องออย” เสียงเรียกและสัมผัสคุกคามของชาวีที่ดึงเธอเข้าไปกอดทำให้คนที่ลืมคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์หลุดจากภวังค์ ต้องใช้กำลังทั้งหมดต่อต้านยามที่เขาจะจูบ

“เป็นของพี่นะคะ”

“ตั้งสติก่อนสิ พี่เมามากแล้วนะ” เป็นคนอื่นอมายาด่าเปิดเปิงไปแล้ว แต่เพราะเป็นชาวีเธอถึงได้เกรงใจ

เธอรู้อยู่แล้ว อย่างไรเธอก็คงต้องเป็นของเขา แต่ไม่ใช่ในสภาพที่เขาเมาเหมือนหมา เพราะเธออยากให้เขาทำมันลงไปอย่างมีสติ และตื่นมาจำทุกอย่างที่ทำร่วมกันได้ แค่อยากให้มันแตกต่างจากผู้ชายคนนั้น... ที่แม้จะเอ่ยชื่อต่อหน้าเขาเธอยังไม่กล้า

“พี่ไม่ได้เมา” ปากชื้นแฉะจูบพรมไปทั่วใบหน้า อมายาสะบัดหนีสุดกำลัง พอเธอผลักออก เขาก็ดึงเข้าไปใกล้ ครั้งแล้วครั้งเล่า... จนแขนตีกันพัลวัน

“อย่านะพี่แชมป์”

“เดี๋ยวแต่งไปเราก็ต้องทำแบบนี้กันอยู่ดี”

“แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งนี่คะ”

“แล้วที่ยอมให้พี่จูบ กับที่ชวนพี่เข้าห้องแบบนี้หมายความว่าไง... ถ้าไม่อยากนอนกับพี่แล้วทำให้พี่เข้าใจผิดเพื่ออะไร คิดจะปั่นหัวพี่ไปวัน ๆ แค่นั้นเหรอคะที่น้องออยเก่ง”

อมายาส่ายหน้าน้ำตานอง

ใช่... เธอจูบเขา แต่ก็เพื่อให้เขามั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะเป็นของเขา เพื่อตอบแทนความรู้สึกที่เขามีให้

“ไม่ใช่ค่ะ ยังไงออยก็จะเป็นเมียพี่อยู่แล้ว แต่ออยแค่อยากให้พี่สร่างเมาก่อน แล้วเราค่อยทำ”

“กับไอ้เฟลมไม่เห็นจะต้องรอ” พอพูดชื่อนี้ โทสะของชาวีก็เพิ่มขึ้นทีละน้อย เขารวบสองแขนเธอแล้วบีบแรง “หรือชอบแบบรุนแรง ดุเด็ดถึงใจแบบที่มันทำให้”

“ไม่ชอบ โอ๊ย พี่แชมป์ ออยเจ็บ ปล่อยออยนะ!”

“เลือกเอาค่ะ จะยอมนอนกับพี่ หรือจะไปอยู่กับมัน”

เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาผิดหวัง... ไม่คิดว่าชาวีจะทำกับเธอแบบนี้อีกคน เขาทั้งเลือดเย็นและป่าเถื่อน ไม่ต่างจากเขมราชกับนิกรเลยสักนิด

ชาวีมองเธอ ทั้งแววตาแบบนี้ ทั้งท่าทีขัดขืนทำให้เขาปวดหนึบในใจ

ชั่วชีวิตเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ ผู้หญิงหลายคนพร้อมจะเป็นของเขา ถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองไว้แทบเท้า

แต่กับเธอ... อมายา เธอเหมือนของที่เขาไม่เคยเอื้อมถึง ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ ทั้งที่เธอควรรักเขามากกว่าผู้ชายคนไหนแท้ ๆ

อย่างไรเขาก็ไม่อาจปล่อยเธอไปได้อีกแล้ว สุดท้ายชาวีก็สวมกอดใต้รักแร้เธอ ซบใบหน้ากับทรวงอกอวบอิ่ม น้ำหนักมหาศาลของเขายังโถมเข้ามา ดันเธอไปจนหลังชนฝา ในหัวนึกถึงแต่ภาพเตียงยับยู่ยี่ที่เขาเจออมายาหลังเสร็จสมกับเขมราช ไหนจะภาพร่องรอยตามเนื้อตัวเธอในคืนนั้น

แต่ไม่มีวินาทีไหนเลยที่เขาจะเห็นเธอลืมมัน เพราะอย่างนั้นถ้าเธอชอบ... เขาก็จัดให้ได้ไม่ยากเย็น

“กรี๊ด... พี่แชมป์ ออยเจ็บ” อมายากรีดร้องอย่างหวาดกลัว เจ็บแปลบตรงซอกคอที่ชายหนุ่มกำลงซุกไซ้และฝากรอยฟันเอาไว้

ทุกการกระทำของเขามีภาพของนิกรซ้อนทับเข้ามา ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนเขมราชกำลังจ้องมองเธอในมุมมืดด้วยแววตาราวผีร้าย เธอไม่มีวันยอมถูกย่ำยีโดยไม่ตอบโต้หรอก อมายาทั้งทุบทั้งตบชาวีสุดแรงเกิด พอคว้าม้าทองเหลืองที่วางโชว์บนแท่นใกล้มือได้ก็ฟาดศีรษะคนเมาเต็มเหนี่ยว

“โอ๊ย...” เขาผละออกอัตโนมัติและแทบหงายหลัง มือกุมศีรษะร้องโอดโอย เล่นเอาหายเมาเลยทีเดียว

“พี่แม่งโคตรป่าเถื่อนไม่ต่างจากไอ้สองคนนั้นเลย ฮือ ๆ”

อมายาแผดเสียงเอ็ดเอ็งเหมือนคนบ้า ก่อนวิ่งพรวดออกไปจากห้องนั้นด้วยความเสียใจเต็มพิกัด ไม่เสียเวลามองด้วยซ้ำว่าเดินชนใครบ้าง

เพราะเธอไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว...

เธอเหมือนนักรบที่ต่อสู้มาจนสะบักสะบอม บาดเจ็บสาหัส และคล้ายจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว อีกนิดเดียวเท่านั้น... นิดเดียวที่เธอใกล้จะขาดใจ


มาริน พนักงานสาวร่างแบบบางถูกวิ่งชนจนเกือบล้มแต่ดีที่ตั้งหลักได้มั่นคงก็อดที่จะหันมองตามว่าที่‘คุณนาย’ ไม่ได้

ไม่รู้ทำไมหล่อนถึงได้กลิ่นอายความเศร้ามาจากผู้หญิงคนนั้น เสี้ยวนาทีความกลัววิ่งผ่านในใจ คนในห้องทำอะไรอมายาหรือเปล่า หญิงสาวก้าวฉับ ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องวีไอพี เห็นนายแพทย์หนุ่มนั่งหมดท่ากับพื้น ศีรษะมีเลือดไหลจากแผลลึกก็ถึงกับเบิกตาโพลง เรื่องที่สงสัยพลันมลายหายหน

“คุณชาวี เลือดไหลใหญ่แล้วค่ะ” ร่างเล็กทรุดลงไป หมายใจจะช่วยดูแผลให้ แต่กลับถูกเขาปัดออก

“รีบไปตามคุณออยกลับมา” ทั้งแววตาและน้ำเสียงร้อนรนยามที่เอ่ยถึงคุณนายซึ่งน่าจะวิ่งหนีไปใกลแล้ว ตอกย้ำบางอย่างในใจมาริน จนหล่อนเผลอกลั้นหายใจ

“ไม่ได้ยินเหรอ”

“ได้ยินค่ะ แต่คุณเลือดไหล ต้องทำแผลก่อนนะคะ”

“ฉันเป็นหมอ โฟม แต่เธอเป็นลูกน้องฉัน ฉันสั่งให้เธอไปตามคุณนายกลับมา เธอก็ต้องไป” เขามองคนน่ารำคาญแล้วพูดด้วยเสียงเข้มข้นจนเธอไม่กล้าขัด

มารินจึงปัดความห่วงใยลงในหุบเหวหัวใจ แล้วลุกไปทำตามที่สั่ง หากก็ไม่ลืมธุระที่ทำให้หล่อนต้องมาถึงนี่

“โฟมมาเพื่อบอกว่า ตอนนี้แขกคุณชาวีตีกันวุ่นเลย การ์ดก็เอาไม่อยู่ค่ะ”

“เรียกตำรวจมาเลย” เขาตัดสินใจได้ในทันที สภาพเขาตอนนี้คงออกไปห้ามใครไม่ไหว ฝ่ายมารินค้อมศีรษะรับก่อนจำใจปิดประตู

ชาวีพาตัวเองลุกไปหากล่องยามาทำแผล ขณะที่ในหัวมีแต่ภาพของอมายาฉายซ้ำไปมา พานให้หงุดหงิดจนปัดกล่องปฐมพยาบาลลงพื้น

คนเรานี่ก็แปลก... กับคนที่ทำดีแทบตายก็ไม่รัก

แต่กับอีกคน... ต่อให้ร้ายจนแทบจะตายอยู่ตรงหน้า ก็ยังจะรักมันอยู่ได้


เป็นอีกครั้งที่อมายาต้องวิ่งออกจากคลับแห่งนี้อย่างตื่นกลัวและเธอไร้จุดหมาย ต่างก็ที่ไม่มีใครขวางทางออก และคนทำเรื่องระยำไม่ใช่นิกร กระทั่งแสงโคมหน้ารถวาบเข้ามาพร้อมเสียงแตรดังสนั่น

ร่างบางสะดุ้งสุดตัวพลางกระโดดหลบวิถีรถ เจ้าของรถก็หักหลบจนชนถังขยะ ตามด้วยเสียงตะโกนด่า อมายาไม่ได้สนใจ เนื่องด้วยลนลานเพราะเห็นมารินตามออกมา เธอพุ่งไปผลักคู่รักที่กำลังจะขึ้นแท็กซี่ ชิงขึ้นแทน พร้อมล็อกประตูเร็วรี่

“ไปเลยค่ะลุง”

มารินพยายามจะเปิดประตูแต่ไม่ทัน นั่นแหละอมายาถึงผ่อนลมหายใจโล่งอก

“ไปไหนครับ”

เธอไม่รู้ควรไปที่ไหนถึงจะปลอดภัย แค่ไปให้พ้นจากคนพวกนี้... ไกลแค่ไหนได้ยิ่งดี แต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่รอคอยเธอเสมอ

ย่า... คนที่เป็นที่พักกายพักใจให้เธออย่างแท้จริง

“ไปโรงพยาบาล ... ค่ะ” โรงพยาบาลอยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควร โชว์เฟอร์ใช้ทางลัดเลียบคลองซึ่งในเวลานี้รถยนต์บางตา แถมเขายังจงใจปิดวิทยุด้วยเห็นเธอกำลังเศร้า จึงเกิดความเงียบที่อมายาอภิรมย์

เธอเอนศีรษะพิงเบาะหลัง น้ำตารินไหลเป็นทาง... ไหลมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ที่มันแบกรับความเจ็บปวดและชอกช้ำจวนเจียนจะแหลกสลาย แต่ลุงคนขับกลับทำลายความเงียบสงบของเธอ

“นั่นใช่รถคนรู้จักหนูไหมน่ะ”

อมายานิ่วหน้ามองลุงผ่านกระจกมองหลัง ก่อนเหลียวไปมองรถที่ตามมา แสงจากไฟข้างทางทำให้เห็นหน้าบึ้งตึงเหมือนผีของเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่หลังพวงมาลัย ดวงตาหม่นเศร้าถึงกับเบิกกว้าง

เป็นเขา... เขมราช!

“รีบขับไปเลยค่ะลุง” เธอละล่ำละลักบอก ก่อนจะรีบโทร. แจ้งตำรวจ แต่มือถือเจ้ากรรมดันแบตเตอรี่หมดเสียได้ คนขับอาสาให้ยืมเพราะเห็นท่าไม่ดี

แต่ในจังหวะที่ยื่นมาให้ ลุงก็ต้องเหยียบเบรกจนหัวทิ่มเพราะมีอีกคันพุ่งมาขวางทาง เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยตัวอมายาจึงค้างอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะหน้า

เขมราชลงจากรถแล้วกระชากประตูเปิด หัวเสียหนัก ทีแรก... เขาให้ดนุเข้าไปสร้างความวุ่นวายเพื่อที่เขาจะได้ไปพาตัวเธอมา ทางจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่นี่ผิดแผนเพราะจู่ ๆ อมายาก็วิ่งพรวดพราดออกมา เดือดร้อนต้องขับตาม ด้านดนุก็ต้องใช้เส้นทางที่สามารถดักหน้าแท็กซี่คันนี้ได้

“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ” ร่างสูงก้มลงพูด ก่อนจะดึงอมายาออกมา เธอร้องให้ช่วย พร้อมต่อต้านสุดกำลัง แต่เขาแรงเยอะกว่า สามารถรั้งเธอไปจนแผ่นหลังชิดกับอกกว้าง พลางปิดปากแน่นสนิท

“เฮ้ยพ่อหนุ่ม อย่ามาทำอะไรแบบนี้นะ ลุงแจ้งตำรวจนะเว้ย”

“ผมก็จะแจ้งกลับ โทษฐานพาหัวขโมยหนี”

“เฮ้ย!”

“อื้อ ๆ” อมายาร้องปฏิเสธในลำคอ พยายามแกะมือเขาออก สองเท้าก็ยันตัวรถหมายใจจะให้เขาหงายหลัง หัวฟาดพื้นตายไปเลยได้ยิ่งดี แต่เขากลับไม่ไหวติง พลางล้วงบางอย่างออกมาจากใต้เสื้อตัวเอง ทำให้เหมือนดึงมาจากตัวเธอ

“นี่ไง เธอขโมยสร้อยเมียผมมาจากงานเลี้ยง” แสงวาบจากสร้อยเพชรเส้นเขื่องแต่น่าจะเป็นของปลอมในมืออีกข้างของเขาวาบเข้าตา อมายาส่ายหน้าจนคอแทบหัก หากแววตาผิดหวังของลุงคนขับทำให้เธอสิ้นหวังเหมือนกัน

“ลุงจะรีบหนีไปตอนนี้ หรือจะรอให้ตำรวจมา” เขาพลิกดูนาฬิกาข้อมือท่าทางสบาย ๆ แรงต่อต้านของอมายาเท่าแรงมดเอง “อีกสิบนาทีน่าจะมาถึง แน่ ๆ เลยนะ ลุงคงจะถูกกักตัวสอบสวนทั้งคืน เสียโอกาสหาเงินแย่”

“ลุงไม่เกี่ยว ๆ ไปละ ๆ”

“เดี๋ยว” เขมราชเรียกไว้ อีกฝ่ายหันมองหน้าตาตื่น เขาก้มลงหยิบมือถือเธอที่ตกอยู่ที่พักเท้าแล้วพูดต่อ “ไปได้ครับ”

ลุงคนขับหักพวงมาลัยเลี้ยวหลบรถที่ขวางหน้าแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว อมายากระทุ้งศอกเข้าหน้าท้องเขา เขมราชไม่สะทกสะท้าน แถมจ้องกลับด้วยแววตาร้อนแรง เธอก็ไม่ยอมลง มองตอบจนดวงตาเจียนจะถลนออกมาให้ได้ “หมดเวลาแห่งความสุขของเธอแล้ว ออย”

“อื้อ...”

“ไอ้เฟลม รีบไปได้แล้วก่อนพ่อมึงมา” ดนุซึ่งลงมาจากรถตู้คันหน้าตะโกนบอก เขมราชจึงกึ่งลากกึ่งดันเธอไปที่รถ ดนุจับคอเสื้อเพื่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า  “จำที่กูขอได้ใช่ไหม”

ก่อนเริ่มแผน ดนุขอร้องว่าอย่าทำรุนแรงกับน้องเกินไป ห้ามตบตี ห้ามทำถึงขั้นเลือกตกยางออก

“เออ” เขมราชกระแทกเสียงรับอย่างรำคาญ

อมายาเสมองดนุอย่างต้องการความเห็นใจ พี่นุที่เธอเคยรู้จักจะไม่ทำร้ายเธอเด็ดขาด... แต่พี่นุที่เธอรู้จักก็ภักดีและยินดีเดินตามเขมราชไปจนสุดทางด้วยเช่นกัน และสำหรับเขาบุญคุณต้องมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ

อมายาทดท้อในใจเหลือเกิน เธออยากให้มันเป็นฝันร้าย... แต่ไม่ว่าจะคิดทบทวนอีกเท่าไหร่ มันก็ยังเป็นความจริงที่ชวนให้เจ็บปวดหัวใจ ว่าเธอ... ไม่สามารถหนีจากเขมราชได้อีกแล้ว


ทั้งสองเปลี่ยนรถกันตรงนั้น ดนุนิ่งมองรถตู้ของเขมราชขับออกไปด้วยใจที่หนักอึ้ง เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้อมายาไม่ต่างจากที่เขมราชเคยมี ความเจ็บปวดที่กัดใจเขาตอนนี้พาให้ต้องระบายลมหายใจหนักหน่วง

“พี่ขอโทษนะคะน้องออย” เขาสงสารอมายาจับใจ แต่บนบ่าเขาแบกไว้ทั้งหน้าที่ และความถูกต้องที่คงค่อย ๆ หายไป เมื่อเทียบกับคำว่าบุญคุณที่ค้ำคอ

อันที่จริงดนุไม่คิดว่าเขมราชจะมาบ้าเอาตอนนี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะงานเลี้ยงบ้า ๆ นี่ น้องก็ยังคงจะปลอดภัยภายใต้ความคุ้มครองของชาวี

เขาเข้าใจที่เขมราชเจ็บแค้น เพื่อนเขาเป็นคนสูญเสีย และน้องทำให้มันเห็นตลอดว่าน้องจงเกลียดจงชังมีนรญา ถึงเขาหวังใจอยากเห็นน้องพิสูจน์ตัวเอง แต่เรื่องพวกนี้ที่น้องทำตอบโต้เขมราช มันก็ยากจะเชื่อว่าน้องบริสุทธิ์

แต่เมื่อเขมราชเลือกจะทำแบบนี้ เขาจำต้องเดินตามอย่างที่เคยสาบานกับใจตัวเอง เพียงแค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมอมายาทำแบบนี้...

หากเหนือสิ่งอื่นใด เขารู้ว่าไอ้เพื่อนบ้าไม่คิดจะเอาน้องถึงตาย

และต่อจากนี้... อมายาก็จะปลอดภัยจากนายนิกรภายใต้เงาของเขมราช จนกว่าเขากับตำรวจจะพบตัวขาล แล้วเอาหลักฐานทั้งหมดมาเล่นงานไอ้นักการเมืองชั่วนั่นได้

เขาจะไม่ยอมให้เวลาเกือบปีที่แฝงตัวอยู่ในคลับนั้นต้องสูญเปล่าเพราะหาตัวขาลไม่เจอหรือปล่อยให้ขาลโดนฆ่าเป็นอันขาด


“คุณจะพาฉันไปไหน” อมายาเอ่ยถามเสียงสั่น ขยับหนีจนเกือบจะสิงเบาะริมอยู่แล้ว เขามองเธอ รู้สึกเกลียดการแต่งกายของเธอจนอยากทำอะไรสักอย่าง

“บ้านไอ้นิกร”

หัวใจอมายาหล่นวูบ ก่อนพุ่งเข้าไปทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง

“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เหี้ย ไอ้สารเลว ไอ้ชาติชั่ว ไอ้สันดานหมา ไอ้...”

“โอ๊ย! หยุดตีนะโว้ย”

“ไม่หยุด!!!” อมายาได้จังหวะใช้เท้าถีบกลางอกเขาตอนที่รถตีโค้งจนเขาเสียการทรงตัว ทำให้เขมราชฉุนจัด กระชากร่างเล็กเข้ามาแล้วฉีกชุดแสนงามที่เหมือนกับชุดที่มีนรญาใส่ตอนตายเกือบทุกตารางนิ้ว

“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า ฮือ ๆ”

“มี แต่กับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ”

“กรี๊ดดด” เกาะอกหลุดจากเรือนร่างขาวผ่อง เสียงกรีดร้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ เขมราชระบายอารมณ์แค้นกับชุดนั้น ต่อให้เธอร้องจนขาดใจอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่สน

“อยากเป็นมีนมากนักใช่ไหม หา?”

“ฉันไม่เคยอยากเป็นอีนั่น มีแต่มันที่อยากเป็นฉัน”

“แล้วที่ฉันเห็นนี่มันอะไร” เขาละมือจากเธอ กำเศษชุดขึ้นมา หญิงสาวสะอื้นไห้ ยกมือปิดทรวงอกที่เหลือเพียงซิลิโคนปิดจุกแล้วขยับเป็นท่านอนตะแคงคู้ตัวบนเบาะ

“มันไม่ใช่ความคิดฉัน ฮือ ๆ” ด้วยนี่คือสิ่งที่ชาวีต้องการให้เป็น แต่เธอดันหนีออกมา เลยไม่แคล้วต้องพบชะตากรรมน่าสังเวช

ทั้งที่ควรรู้ว่าชีวิตที่สดใสและแสงสว่างรำไรรออยู่ เพียงแค่เธอยอมให้ชาวีจูบในคืนนั้น... เพียงแค่ทำให้เขาเห็นว่าไม่ได้อาลัยอาวรณ์ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

แต่เธอกลับ... ตัดสินใจผิด ยอมให้เจ้าของเงามืดที่ซุกซ่อนอยู่ในใจมีอิทธิพลยิ่งกว่า แม้จะดูเป็นการตัดสินใจเล็กน้อย แต่มันส่งผลกระทบรุนแรงชนิดที่เธอไม่อาจรับไหว เสียโอกาสมีชีวิตที่ดีไป รวมถึงโอกาสที่จะได้เข้าถึงตัวชาร์ลส์เพื่อจะได้รู้ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แล้วจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง...

“อย่ามาโกหก!” เจ้าของเงาดำในดวงใจโพล่งขึ้น เขาฟังคำพูดหลอกลวงของเธอมานักต่อนัก อมายาไม่เคยเรียนรู้ว่าเขาไม่เคยเชื่อ

เธอร้องไห้จนตัวสั่น ภาพสัตว์ร้ายบ้าคลั่งหมายเอาชีวิตซ้อนทับภาพใบหน้าของเขาพาให้หน้ามืดวิงเวียน ยิ่งกับแววตาชิงชังที่จ้องมา ยิ่งทำให้เธออยากหายไปจากตรงนี้

“ฉันไม่ได้โกหก แค่คุณเชื่อฉันบ้างไม่ได้เลยเหรอ ให้โอกาสฉันสักครั้งได้ไหม” โอกาสที่เธอจะได้พิสูจน์ตัวเอง แต่ยิ่งพูดมันก็ยิ่งแย่

คิดแล้วปวดหนึบในอกอย่างอธิบายไม่ถูก ปล่อยให้เขมราชแกะสองมือออกแล้วกดไว้กับเบาะ น้ำตาก็รินไหลไม่ขาดสาย

“โอกาสสำหรับฆาตกรอย่างเธอน่ะเหรอ มันไม่มีหรอก แต่ว่านะ ฉันพูดเล่นหรอกที่บอกจะเอาเธอไปให้ไอ้นิกร เพราะเดี๋ยวเธอก็ใช้มารยาหลอกมันให้ช่วยเธออีก”

“แล้วจะพาฉันมาทำไม”

“ฉันอยากทำให้เธอไม่เหลือใคร ให้ทุกคนรังเกียจและขยะแขยงเธอเหมือนที่ฉันรู้สึก แล้วไม่ต้องคิดจะอ้อนวอนล่ะ เพราะมันไม่ได้ผล”

“ฆ่าฉันเลยสิ มันจะได้จบ ๆ”

“ไม่หรอก” เขาแสยะยิ้มเหี้ยม “ฉันไม่ใช่ฆาตกรอย่างเธอ แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”

“คุณแม่งเลวเหี้ย ๆ โคตรจะอคติจนตามืดบอด ฉันจะรอวันที่คุณจะต้องเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง ฉันภาวนาให้มันมาถึงอยู่ทุกวัน เหมือนที่เมียคุณก็ได้รับกรรมที่มันก่อ”

“ออย!”

“เอาสิ ทนไม่ไหวก็ฆ่าเลย” อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่เธอได้เปรียบ เพราะเขาทำไม่ได้

โทสะพาให้เขมราชขบฟันจนกรามขึ้นสันนูน แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ มุมปากหยักก็กระตุกยิ้ม ความเคลือบแคลงหวาดหวั่นพลันฉาบฉายในแววตาเธอ

“เธอตายไม่ได้หรอก เพราะย่าเธอต้องการเธอ”

หัวใจที่คล้ายจะหยุดเต้นเจ็บหนึบเหมือนมีใครบีบ อมายาจ้องเขาตาแข็ง หากก็ไม่อาจห้ามน้ำตาที่ไหลมาสำทับของเดิม

“อย่าเอาย่าฉันเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

เธอเค้นเสียงลอดไรฟัน จ้องเขาตาเขม็ง ย่าเป็นคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ถ้ามีใครทำให้ท่านต้องเจ็บปวด เธอก็พร้อมแลกทั้งชีวิตปกป้องท่าน

เขมราชรวบมือเธอไว้เหนือศีรษะพลางหัวเราะหึ แต่แววตากลับไม่สะท้าน ช่างเลือดเย็นเหลือเกิน

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเชื่อฟังฉันแค่ไหน” หลังมือเขาไล้ไปตามกรอบหน้าชื้นเหงื่อ

อมายาสะบัดหนีอย่างรังเกียจ คะเนอนาคตอันใกล้ได้ว่าต้องเลวร้ายเหมือนตกนรกหมกไหม้ ทำให้หัวใจเธอแทบจะหยุดเต้น...

เป็นอีกครั้งที่รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไป ถ้าเธอตายไปเสียได้ทุกอย่างก็คงจบ แต่เมื่อตายไม่ได้ก็ต้องกัดฟันสู้ แม้ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างก็ตาม

เขมราชใช้เทปมัดมือมัดเท้าและปิดปากเธอเสีย ก่อนหยิบบุหรี่ที่เลิกไปตั้งแต่คบกับเจ้าหล่อนขึ้นมาสูบ อมายาเคยบอกเขา เธอไม่ชอบมัน... ถึงแรกได้กลิ่นจะทำให้กระปรี้กระเปร่าได้ แต่นานไปมันชวนให้แน่นหน้าอก

แต่ตอนนี้เขาจะทำทุกอย่างที่นังฆาตกรอย่างเธอเกลียด

เขาเหลือบเห็นคนขับรถปรับกระจกมองหลังเพื่อมองอมายาซึ่งเกือบจะเปลือย ทำให้นึกได้ว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่เขากับเธอ เขมราชอดไม่ได้ที่จะตบหัวมันเต็มแรง ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนชอบลงมือกับลูกน้อง

“นะ... นาย” คนขับรถที่หัวแทบหลุดแถมเกือบประคองรถไม่อยู่ยกมือลูบหัวทำตาหลุกหลิกยามสบตากับเงาสะท้อนของเจ้านายที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในรัศมีกระจก

สายตาเขมราชไม่หวั่นไหวสักนิดทั้งที่รถเกือบคว่ำไปแล้ว

“มองหาพระแสงอะไร”

“เอ่อ... ผม”

“เก็บตาไปมองของเมียที่บ้าน”

“ขอ... ขอโทษครับ”

หลังจากนั้นเขมราชก็หันไปคว้าผ้าห่มผืนบางข้างหลังมาห่มให้

อมายาไม่ได้ซาบซึ้ง ตรงข้ามเธอไม่เข้าใจ เมื่อกี้เขาเกือบจะข่มขืนเธอต่อหน้าคนของเขาด้วยซ้ำ นี่จะมาสนใจอะไรกับที่พวกมันมองเรือนร่างเธอ

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ... แต่น้ำตามันไหลไม่เคยหยุดจนเปียกชุ่มผ้าห่มเนื้อดี

เขมราชไม่อาจทนกับดวงตาที่มีน้ำไหลออกมาเหมือนตาน้ำธรรมชาติคู่นั้น มันทำให้เขาหวั่นใจ... กลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจเข้าจนได้ เลยหาถุงพลาสติกแบบทึบคลุมศีรษะเธอไว้เสียตลอดทาง อมายาสะอื้นจนหมดแรงหลับไป ทั้งที่อยากตื่นตลอดเพราะกลัวเขาทำอะไรที่เธอไม่รู้

10

ของแทนใจ

ที่หมายเป็นเกาะส่วนตัวที่เขมราชได้รับจากมารดา เขาโทร. สั่งแม่บ้านให้เตรียมที่นอนให้ ดนุซึ่งขับเก๋งไปจอดในโกดังร้างของบริษัทแล้วเปลี่ยนมาใช้รถอีกคันแต่ดันมาถึงก่อนไม่กี่นาที กำลังจะเข้าไปอุ้มอมายาที่หลับสนิทลงจากรถก็อดสะเทือนใจกับภาพที่เห็นไม่ได้

“มึงมันเถื่อนยิ่งกว่าโจร”

เขมราชเท้าแขนกับประตูขวางเอาไว้ “กูก็ต้องขอบคุณสมุนอย่างมึงด้วย ว่าไหม”

จริงอย่างที่มันพูด... แผนนี้สำเร็จได้เพราะความช่วยเหลือของดนุ ทำให้ชายหนุ่มเกลียดตัวเองไม่แพ้เกลียดพฤติกรรมเขมราช หากก็ไม่อยากย้ำให้เจ็บปวดหัวใจ

“ถอยไป กูจะพาน้องไปพัก”

“ไม่ใช่หน้าที่มึง” เขมราชผลักออกห่าง

“มึงหวงเหรอ”

เขมราชสะอึกเล็กน้อย เขาไม่ได้หวง เพียงแค่... ไม่อยากให้ใครแตะต้องเธอ จึงไม่ยอมถอยให้เพื่อน ซ้ำยังเดินเข้าไปใกล้จนลมหายใจระอุรดหน้าอีกฝ่าย

“ไม่ได้หวง แต่ไม่ใช่หน้าที่มึง”

“ไอ้เฟลม! มึงจะให้น้องนอนหลังขดหลังแข็งในนี้ทั้งคืนไม่ได้หรอกนะ”

“ใครบอก กูจะพาไปเอง ส่วนมึง... มีหน้าที่เฝ้าไม่ให้ยัยนี่หนีไปได้ แล้วก็อย่าสร้างปัญหาให้กู เข้าใจไหม”

ดนุมองเพื่อนนิ่ง อีกฝ่ายก็จ้องกลับไม่ยอมกัน ท้ายที่สุดดนุก็ขับไล่ความรู้สึกขบถเหล่านั้นออกไป ทั้งที่อยากกระแทกหน้ามันสักหมัดสองหมัดสังเวยสภาพน่าอนาถใจของคนในรถ ปล่อยให้เขมราชช้อนตัวอมายาขึ้นอุ้มไปยังบ้านพักชั้นเดียวที่มันเคยจะใช้เป็นเรือนหอโดยไม่ขวาง ทว่าบ้านหลังนี้ดูน่ารักและอบอุ่นเกินไป ไม่เข้ากับมีนรญาเอาเสียเลย เพราะแม้หล่อนจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่มักตกแต่งที่อยู่อาศัยด้วยสีทอง ดำ และเงิน เน้นความลึกลับหรูหราเป็นหลัก อย่างที่ทำกับเพนต์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ

คงเพราะมันถูกสร้างก่อนที่เขมราชจะคบกับหล่อน มีนรญาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก ด้วยหล่อนอยากใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก

ส่วนดนุในตอนนี้... ต้องอยู่ในที่ของตัวเอง


อมายาค่อย ๆ ตื่นขึ้นเพราะเสียงลมและเกลียวคลื่นกระทบฝั่ง ปวดตามเนื้อตามตัวไปหมดเช่นเดียวกับบริเวณเท้า ที่คล้ายมีของหนักถ่วงอยู่ แล้วดวงตาสวยก็เบิกกว้างอย่างสะพรึงกลัว เมื่อเห็นโซ่เส้นโตล่ามเท้าไว้

ไอ้สารเลวนั่นมันเสียสติไปแล้ว

อมายาน้ำตาร่วงริน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาอยู่ในสถานะ ‘นักโทษ’ นอกเรือนจำ แม้ไม่ได้ตื่นมาพบว่าแขนขาถูกแยกส่วน แต่ก็ไม่รู้ต้องเจออะไรอีกบ้าง

สองมือเธอสอดเข้ามาจิกผมตัวเอง ระบายความอัดอั้นที่สุมอก และหวัง... ว่าจะทำให้เจอทางออก แต่กลับไม่พบ แถมไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในตอนนี้มันเจ็บกว่า เธอรับไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้วจริง ๆ

“กรี๊ดดดดด”

อมายากรีดร้องเสียงหลง ลนลานอย่างไร้หนทาง พลันสะดุ้งสุดตัวกับถาดสเตนเลสที่ปลิวมากระแทกพื้นใกล้ตัว เสียงร้องหยุดกึก พอหันไปก็พบกับร่างเล็กที่ยืนเท้าสะเอวมองด้วยสายตาเกลียดชัง พร้อมเสียงบ่นแสบแก้วหู

“โว้ย หนวกหู” หล่อนคนนี้ทำให้รู้ว่าเขมราชพาเธอมาที่เกาะส่วนตัวของเขาในจังหวัดตราด “โดนข้าวสารเสกหรือไง กรี๊ดอยู่นั่น อีเวร”

ไพน์ สาวงามมาดสก๊อยเท้าสะเอวชี้หน้าเธอ หล่อนเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงานสวนมะพร้าวท้ายเกาะ มีพี่สาวที่สวยจน ‘เกือบ’ ล่มเกาะชื่อ ‘เพลง’ ทั้งยังเป็นหนึ่งใน ‘เรื่องสองเรื่อง’ ที่อมายาสร้างไว้ จนต่างฝ่ายต่างถูกบรรจุไว้ในทำเนียบเจ้ากรรมนายเวรที่ต้องสะสางกันในชาตินี้

“โยนมาหาป้าแกเหรอ อีผีพราย”

เมื่อก่อนหล่อนชอบเกาะแกะเขมราช วางท่าหวงก้างเพราะได้ใจที่เขาสนิทสนมจนสามารถเรียก ‘เฮีย’แทน ‘นาย’ โดนเธออาละวาดใส่ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เจ็บตัวปากแตก เข้าโรงพยาบาลไปหลายหน แต่ยังไม่เข็ด หล่อนตามเขมราชไปทุกที่ในเกาะนี้ หลอกหลอนยิ่งกว่าผี ชื่อผีพรายจึงเหมาะกับหล่อนมากกว่า...

พร้อมกัน อมายาคว้าถาดใบเดียวกันร่อนกลับไป นางสาวสก๊อยหลบไม่ทัน มันเลยกระแทกหน้าผากเข้าให้เป็นที่สาแก่ใจอมายา

“โอ๊ย อีบ้า” ไพน์กรีดร้อง

“บ้าพ่อง!” เท่านั้นแหละ ไพน์พุ่งมาเอาเรื่อง อมายาก็พร้อมบวกตลอดเวลา ถึงจะไม่เต็มร้อยเพราะโซ่ล่ามเท้า แต่หญิงสาวก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ

“กรี๊ดดด อีผีบ้าออย ฉันจะฆ่าแก”

ไพน์ที่จงใจมาหาเรื่องแท้ ๆ เพราะมีคนเปิดทาง แต่ทำได้แค่ฟาดหน้าอมายาไปสองที นอกนั้นก็แค่ปัดป้องเพราะถูกอีกฝ่ายขึ้นคร่อมจนได้

อมายาตบซ้าย ตบขวา... ตบจนกว่าจะสาแก่ใจ ด้วยลาวาอารมณ์ของเธอคุกรุ่นมานานแล้ว ถ้าจะให้ฆ่าคนเธอก็คิดว่าทำได้ เพราะคนพวกนี้ไม่รู้หรอกว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง แค่จงใจมาซ้ำเติม…

แต่ถึงฆ่าไม่ได้ก็ขอตบล้างน้ำสังเวยความคับแค้นใจไร้ที่ลงให้สาสม ดันหาเรื่องเองก็ช่วยไม่ได้ ทว่าในจังหวะที่อมายาตบวืดแล้วไพน์กำลังจะพลิกมาเป็นฝ่ายคุมเกม ดนุที่ได้ยินเสียงเอะอะแล้วรีบวิ่งมาทันทีก็เข้ามาลากออกไป

หากโทสะในใจอมายายังไม่บรรเทา เธอพร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นบ้าตายไปเสียก่อน ดนุที่รวบไพน์ไว้แล้วเอาตัวเองคั่นกลางจึงถูกอมายาประทุษร้าย

ทั้งตบ ทั้งจิก ทั้งเตะ หนักสุดหญิงสาวก็ใช้ถาดใบเดิมฟาดหัวเขาจนถาดบุบ ดอกที่โดนมุมถาดก็เล่นเอาหัวแตกได้เลือด

“แกมันเหี้ย ไอ้พี่นุ เหี้ยเหมือนนายแก ไอ้หมารับใช้เอ๊ย” อมายาเหมือนคนเสียสติ เธอพยายามจะใจเย็นอย่างที่แม่เคยสอน แต่ครั้งนี้เธอทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

ดนุพาไพน์ออกจากบ้านอย่างทุลักทุเล อมายาตามไปได้แค่สุดความยาวโซ่ สุดท้ายเธอก็นอนปล่อยน้ำตาให้ไหลด้วยมันเป็นทางเดียวที่ช่วยระบายความร้าวรานใจได้ดีที่สุด


ผลจากการถูกอมายาตีทำให้ไพน์หน้าบวมเจ่อ ตาเขียวช้ำ ปากแตกยับชนิดที่กินน้ำแกงไม่ได้อีกหลายวัน ฝ่ายดนุก็หัวแตกจนต้องเย็บถึงหกเข็ม เขมราชอดหัวเราะไม่ได้ตอนเห็นสภาพของเพื่อนหลังมันไปอนามัยที่บนฝั่งกลับมาหาเขาที่สวนมะพร้าวท้ายเกาะ

“ใครบอกให้มึงเจ๋อเข้าไปห้ามพวกเธอล่ะวะ”

“ถ้าตีกันตายขึ้นมามึงจะว่าไง” เขมราชหัวเราะอีก คราวนี้ดนุหรี่ตามอง เหมือนรู้ทัน “...มึงตั้งใจจะให้สองคนนั้นตีกันใช่ไหม”

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” เขมราชไม่รู้ร้อนหนาว

ดนุอยากเสียสติไปเลย จะได้ไม่ต้องมารู้มาเห็นว่าเพื่อนเขาเลือดเย็นขนาดไหน สองมือเผลอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่อีกฝ่ายยังยิ้ม

“ยัยนั่นไม่ตายง่าย ๆ หรอก” คนอย่างอมายาต้องเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ แต่เขารู้... อย่างเธอไม่มีทางเสียเปรียบไพน์ ที่เขาปล่อยให้เด็กสาวทำไป ก็เพียงแค่อยากสร้างความรำคาญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักโทษของเขาเท่านั้น

ได้เจ็บตัวเสียบ้างก็คงไม่น่าเบื่อจนเกินไป...

“ไอ้เฟลม ใจมึงทำด้วยอะไรวะ”

“อย่ามาถามกูด้วยคำถามนี้ ไอ้นุ ที่มึงควรถาม คือเธอ... คนที่ฆ่าลูกฆ่าเมียกูโน่น แล้วกูก็ไม่ได้ทำร้ายเธอให้เลือดตกยางออกตามที่มึงขอไว้แล้ว ทั้งที่ตอนนี้กูอยากเป็นผู้หญิงแทบแย่ จะได้ตบล้างน้ำสั่งสอนให้ยัยนั่นเจ็บปวดซะบ้าง”

ดนุขบกรามแน่น จ้องเพื่อนตาเขม็ง อยากหวดหน้ามันสักครั้ง แต่เขา... ทำไม่ได้

ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยทำให้เขมราชเจ็บปวด ไม่เคยขัดใจให้ต้องมีน้ำโห เขาเป็นเพื่อนที่ดี เป็น ’หมา’ ที่ซื่อสัตย์กับเจ้านายเสมอ คงต้องหาทางอื่นที่จะทำให้อมายาปลอดภัยจากความบ้าคลั่งของมันแทน

“นายคะ ยาที่ให้ไปเอามา ได้แล้วนะคะ” เสียงของ ’เพลง’ หญิงสาวร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง เจ้าของใบหน้าที่ทั้งหวาน สวย และคมขำลงตัว ซึ่งเดินเข้ามาในเพิงมุงจากขนาดร้อยห้าสิบตารางเมตรพาให้สองหนุ่มเลิกจ้องกัน หันไปทางหล่อน

เพลงอ้าปากค้าง เพิ่งสังเกตว่าดนุอยู่ด้วย นายย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามดนุรู้เรื่องนี้เด็ดขาด จึงรีบซ่อนถุงที่ถือมาด้วยไว้ข้างหลัง แต่ไม่พ้นสายตาคมของดนุ

“ยาอะไร”

“ไม่มีอะไร” เขมราชก้าวมาขวางระหว่างเพื่อนกับเพลง “มึงรีบไปได้แล้ว บอกคุณป้าอย่างที่กูสั่ง”

ดนุเผลอมองเพื่อนด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ทั้งท่าทางของเพลงยังมีพิรุธจนไม่อาจปล่อยผ่าน แต่จังหวะที่โฉบเข้าไปหมายใจจะคว้าแขนเรียวเสลาออกมาจากเงา เขมราชก็ดันไหล่เขาไว้ พร้อมสายตาดุดันอย่างที่จะเตือนว่าอย่าหาเรื่อง

“กูเคยบอกแล้วนะ อย่าสร้างปัญหาให้กู”

ดนุผ่อนลมหายใจระอุ ก่อนจ้องหน้าเพื่อนแล้วย้ำจริงจัง

“หวังว่ามึงจะไม่ลืมที่กูขอนะ”

หลังจากนั้นดนุก็ปลีกตัวออกไป เขาต้องกลับกรุงเทพฯ ด้วยมีหลายอย่างต้องจัดการ รวมถึงต้องไปแก้ตัวกับคุณป้าที่ไม่รู้เรื่องที่ไอ้ตัวดีพาอมายามาขังไว้ที่นี่ด้วย

ด้านเพลงก็ยกมือขึ้นมาทาบอกอย่างโล่งใจ ช้อนสายตามองนายก็พบกับใบหน้าเข้ม ๆ จนต้องกลืนน้ำลายลงคอ

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะนาย เพลงไม่ทันได้มอง”

“ทีหน้าทีหลังดูให้ดี ไอ้นุไม่ใช่คนที่จะเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้”

หล่อนเองก็เหมือนกัน แต่ว่า... นายสั่ง จะให้ทำอย่างไรได้

“ค่ะนาย”

ชายหนุ่มปัดความไม่พอใจทิ้งไปแล้วสั่งต่อ

“ทำอย่างที่บอก แล้วให้ไพน์เอาไปให้ยัยนั่นกิน”

“เพลงเอาไปเองค่ะ”

เขานิ่วหน้ามอง ใครก็รู้ว่าอมายาทำเรื่องร้ายแรงกับเพลงไว้แค่ไหน แถมหล่อนก็ไม่ใช่คนที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับฝ่ายนั้นได้ แต่เขาก็เห็นเพียงความแน่วแน่ของหล่อน

“ถ้าคิดว่าเอาอยู่ก็เชิญ”

เพลงค้อมศีรษะรับแล้วไปทำอย่างที่นายเคยสั่ง รู้สึกขอบคุณที่เขมราชไม่ดึงดันให้น้องสาวหล่อนไปอีก ไม่อย่างนั้นไพน์คงไม่ได้แค่ไปทำแผลที่อนามัยแล้วกลับมาแน่ ๆ

ที่สำคัญอมายาเองก็อาจจะเจ็บตัวอีก... เท่าที่เห็นเมื่อคืนอดีตว่าที่นายหญิงของหล่อนก็สะบักสะบอมเกินพอแล้ว


ทันทีที่มีคนพยายามเข้ามาในบ้าน พวกเขาก็ต้องรีบวิ่งออกไปราวกับเจอปีศาจน่าสะพรึงกลัว เพราะอมายาที่ถูกล่ามไว้ไม่ต่างจากหมาบ้า ขว้างปาข้าวของระบายความกดดันของตัวเอง บ้างหลบไม่ทันก็ถึงกับหัวแตกกันเลยทีเดียว

ถูกขังในนี้... นอกจากทรมานร่างกาย หัวใจเธอมันยังเจ็บปวดหนัก มันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำแสนสุขที่ไม่ว่าจะทบทวนอีกสักกี่หน เธอก็ไม่อาจคว้ามันมาได้อีกแล้ว

ในอดีต เกาะแห่งนี้รกร้างด้วยกำลังเป็นข้อพิพาทของเขมราชกับพ่อเขา กระทั่งเขาได้ครอบครองอย่างชอบธรรม จึงเรียกคนเก่าแก่สมัยแม่ยังอยู่ซึ่งกระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆ ให้กลับมาทำกินเหมือนเดิม

และเขาก็เริ่มสร้างบ้านหลังนี้...

วันสุดท้ายของการสอบไฟนอล ภาคเรียนแรกของชั้นปีที่หนึ่ง อมายาออกห้องสอบคนสุดท้าย เนื่องเพราะไม่ถนัดวิชานี้ทั้งยังไม่มั่นใจเลยสักข้อ

“คอตกเชียว”

“จะบ้าตาย ที่อ่านมาไม่ออกสักข้อ” เธอบ่นกับเก้าที่ถือกระเป๋ามาให้

“ถ้าออยตก เราก็จะตกเป็นเพื่อนออย”

“แกจะตกได้ไง แกออกจะเก่ง”

“ก็กลัวออยไม่มีเพื่อนไปแก้เอฟไง”

เก้าพูดกลั้วหัวเราะแล้วฉวยโอกาสกอดคออมายาขณะเดินไปตามทางเดิน

“ไอ้เก้า ปล่อยนะเว้ย” หญิงสาวตกใจ ดันเพื่อนออก เพราะตนไม่ได้อยู่ในสถานะจะทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นได้อีกแล้ว แต่เก้าทำไม่รู้

“เพื่อนกันทำแบบนี้ไม่เห็นเป็นไร”

“นี่ อยากโดนด่าใช่ไหม”

“ด่าไม่กลัว กลัวไม่ด่า”

อมายายังไม่ทันได้อ้าปากด่า ร่างบางก็ถูกบางคนด้านหลังดึงไว้ ด้วยแขนข้างเดียวที่พาดจากไหล่ซ้ายแล้วจับต้นแขนด้านขวาเธอไว้ รั้งจนหลุดจากเพื่อนจอมฉวยโอกาส

“พี่เฟลม...”

“แฟนพี่เหนื่อยไหมคะ” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ขณะที่แผ่นหลังบอบบางแนบกับอกอุ่น เช่นเดียวกับศีรษะที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขา

“เหมือนจะไม่เหนื่อยค่ะ แต่คิดไปคิดมาก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

เธอบอกเสียงเครือ หลายวันมานี้อ่านหนังสือจนเครียดลงกระเพาะ แต่พอเขาหอมศีรษะเธอฟอดหนึ่งต่อหน้าต่อตาของเก้าที่หันมามองอย่างไม่ชอบใจ อมายาก็หายเหนื่อยแต่กลับเขินแทน

“ให้พี่พาไปผ่อนคลายนะคะ”

“ไปที่ไหนคะ?”เธอหันไปเอียงคอถาม เห็นแต่เพียงรอยยิ้มที่บอกเธอว่า ‘เป็นความลับ’ ที่เธอต้องประหลาดใจ ก่อนเขาจะช่วยเธอถือกระเป๋าแล้วพาแฟนสาวเดินไปอีกปีกของอาคารโดยไม่สนใจเก้า


ทั้งสองใช้เวลาเดินทางมา ‘ผ่อนคลาย’ ร่วมห้าชั่วโมง ก็ถึงยังเกาะเล็ก ๆ ทางตะวันออกของจังหวัดตราด มีบ้านที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งบล็อกตั้งอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดของเกาะ

อมายานั่งซุกตัวอยู่ในวงแขนของเขมราชบน bean bag สีชมพูหน้าบ้าน ทอดสายตามองไปสุดเส้นขอบฟ้า ฟองคลื่นราวกับกำลังกลืนเม็ดทรายและปลายเท้าของเธอ ลมทะเลก็หอบเอาความเย็นชื้นมากระทบผิวชุ่มฉ่ำ

ผ่อนคลายเหลือเกิน...

แขนเรียวเสลากระชับรอบเอวแฟนหนุ่มแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป เพราะได้นั่งริมทะเลในบรรยากาศเงียบสงบกับคนที่รักและรู้ใจ ช่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เธอไม่อยากจะเสียไป...

“พอจะหายเหนื่อยบ้างหรือยังคะ”

เขาลูบศีรษะเล็กแล้วกดจุมพิตลงบนหน้าผากมน อมายาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มหวานจับใจ เขมราชอดไม่ได้ที่จะครอบครองเรียวปากสีหวาน

ยิ่งอยู่ใกล้เธอเขาก็ยิ่งเหมือนคนโลภมาก

โลภ... เพราะไม่อยากแบ่งเธอให้ใคร

โลภ... จนอยากได้มากกว่าที่ตัวเองสมควรได้ในตอนนี้

“พี่รู้สึกเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ยังไงไม่รู้แล้วสิคะ ขับรถมานาน”

“ให้ออยนวดให้ไหมคะ”

“เราทำอย่างอื่นแทนได้ไหม”

“อย่างอื่น?”

“ก็อย่างเช่น ให้พี่จูบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”

“อื้อ...” เขาฉกจูบแฟนสาวอีกครั้ง อีกครั้ง... และอีกครั้งจนอมายาหายใจแทบไม่ทัน ความหวานจากเรียวปากสาวและร่างกายที่แนบชิดพาให้เขาหวั่นใจ ยิ่งเห็นปากสวยบวมเจ่อแล้วเธอแลบลิ้นออกมาเลีย อารมณ์เขาก็พลุ่งพล่านจนเกินจะต้านไหว

แฟนของเขาน่ารักเป็นบ้า...

“ไม่เอาแล้วค่ะ” มือบางสอดเข้ามาขวางเรียวปากเขาได้ทัน ตอนที่เขมราชทำท่าจะจูบซ้ำ เขมราชทำตาละห้อยแต่สาวเจ้ากลับจ้องเขานิ่ง ชัดเจนแล้วว่าพอ เขาเลยเปลี่ยนมาหอมแก้มแล้วกระชับอ้อมกอดแทน

“แบบนี้เอาไหมคะ”

“ถ้ามันทำให้พี่หายเหนื่อย เอาก็เอาค่ะ” เธอแกล้งพาซื่อ ก่อนเอียงหน้าซบอกกว้างอย่างออดอ้อน

“แฟนพี่น่ารักชะมัด” เขมราชหอมหัวเธออีกครั้ง พร้อมพยายามข่มใจ บอกตัวเองว่าให้อดทนรอจนถึงวันที่คุณย่าน้องอนุญาตให้เขา... เป็นเจ้าของเธอทั้งตัวและหัวใจ

“พี่เฟลมรู้ไหมนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ออยได้มาเห็นทะเล”

ตั้งแต่เล็กจนโต เธอได้แต่อิจฉาเอมมาลินที่ได้มาทะเลกับคุณพ่อและแม่ของหล่อน ส่วนเธอ... ก็เป็นแค่นังลูกชั่วที่พ่อแทบไม่อยากเห็นหน้า อย่าหวังถึงขั้นที่ท่านจะพาไปไหนมาไหนด้วยเลย

มันก็แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ

“พี่คิดว่าน้องออยเคยมาหลายครั้งแล้วซะอีก เห็นน้องออยมีโปสการ์ดท้องฟ้ายามเย็นริมทะเลเต็มเลย”

“อยู่ที่ไหนก็ซื้อโปสการ์ดได้นี่คะ”

“จริงด้วย” เขายิ้มแก้เขิน ก่อนถามต่อ “แล้วทำไมต้องเป็นท้องฟ้าตอนเย็นริมทะเลด้วยล่ะคะ”

“อย่างแรกเลย ทะเลคือสิ่งที่ออยฝันอยากจะมาสักครั้งกับคนที่ออยรัก มันคงจะอบอุ่นน่าดู และอย่างที่สองคือออยคิดว่าภาพท้องฟ้าที่สมบูรณ์แบบคือช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกเสมอค่ะ มันมีทุกเฉดสีของท้องฟ้ารวมอยู่ในนั้น แล้วมันทำให้ออยรู้สึกว่าทุกสิ่งมีจุดจบที่สวยงาม แม้กระทั่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงถึงขนาดนั้นก็ตาม”

หรือแม้กระทั่งเธอ... คนที่ไม่อาจหาดีได้ในชีวิต ก็อาจมีจุดจบสวยงามในสักวัน หากว่าโชคชะตาไม่ใจร้ายกับเธอจนเกินไป

“แล้วนี่ นับว่าเป็นการเติมเต็มความฝันของน้องออยไหมคะ”

“คะ?”

“ก็... การมาทะเลกับคนที่เรารัก”

อมายากัดริมฝีปากด้านในอย่างเขินอาย ก่อนพยักหน้าช้า ๆ เขาจึงถามต่อว่า

“ชอบไหมคะ”

“ไม่รู้สิคะ แต่ออยอยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ”

“แค่นี้ก็คุ้มแล้วกับที่พี่เทียวไปขอร้องให้คุณย่าอนุญาตให้พี่พาน้องออยมาที่นี่”

ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของเธอตอนเห็นทะเลเป็นครั้งแรก ได้เห็นเธอตื่นเต้นที่ได้นั่งเรือข้ามฟาก ใจเขาก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

เขาบอกตั้งแต่ตอนนั่งรถว่าขออนุญาตคุณย่าแล้ว อมายาสามารถค้างได้สามคืน เธอมั่นใจในตัวเองและเชื่อใจเขา... ว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย

เช่นเดียวกับที่คุณย่าเชื่อมั่นในพวกเรา...

“ถ้าพี่จะทำที่นี่ให้เป็นเรือนหอของเรา... น้องออยจะว่าไงคะ”

อมายาตกใจที่เขาเกริ่นเรื่องนี้ มันยังเร็วไปในความรู้สึกเธอ ยังมีอีกหลายมุมที่เขาไม่เคยได้สัมผัส มีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่เคยเล่าและไม่รู้ว่าจะเล่าดีไหม ด้วยไม่อยากดึงเขาเข้ามารับรู้เรื่องเลวร้ายในครอบครัวเธอ

แต่ทว่า... เธอก็อยากจะร่วมสร้างอนาคตกับเขายิ่งกว่าสิ่งใด

เธอเพียงอยากสร้างครอบครัวเล็ก ๆ อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่อบอุ่น อยากเป็นเรื่องราวดี ๆ ของลูก ให้ต่างจากที่พ่อแม่ฝากไว้ในความทรงจำของเธอ...

“ถ้าพี่เฟลมมั่นใจในตัวออย ออยก็แล้วแต่พี่เฟลมค่ะ”

“ถ้างั้น... ช่วยพี่ดูนี่หน่อยได้ไหมคะ” เขมราชหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแบบบ้านที่เขาคัดมาให้เธอดู และช่วยกันเพิ่มเติมจนได้แบบที่ลงตัวสำหรับเธอ

บ้านหลังนี้ที่ภายในตกแต่งโทนนุ่มเย็นสบายตา เฟอร์นิเจอร์แนววินเทจแสนน่ารัก กับสวนสวยรอบบ้านที่ปูอิฐสีแดงเรียงสวยเป็นลวดลาย ไหนจะรั้วไม้สไตล์อังกฤษสีขาว หรือจะซุ้มประตูดอกไม้ทรงโค้งที่อ่อนหวานจนรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยาย จึงล้วนแต่กลั่นออกมาจากภาพในความฝันของอมายาทั้งสิ้น

แต่มันกลับถูกแขวนประดับด้วยรูปภาพของมีนรญา คนที่ไม่ว่าจะให้เธอพูดอีกสักกี่ครั้งมันก็สมควรตายเต็มไปหมด

ที่สำคัญ... พระเครื่องในกรอบแก้วตรงมุมนั่งเล่นด้านซ้ายนั้น ก็มีข้อความเขียนบนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ติดไว้ว่า ‘ของแทนใจ หนูมีน & พี่เฟลม’ ทั้งที่มันเป็นของเธอ!


พระเครื่องคู่นั้นอมายาได้จากย่าในวันเกิดครบสิบเก้าปี เธอตั้งใจจะให้มันกับเขมราช แต่มันหายไปเสียก่อน ถ้าจำไม่ผิดวันที่หายไปมีนรญาก็อยู่ด้วย เธอกับหล่อนแต่งหน้าในห้องน้ำ

หล่อนสังเกตเห็นมันอยู่ในกระเป๋าเธอ จึงได้ถาม อมายาเล่าความเป็นมาให้ฟังโดยไม่ได้คิดอะไร ว่าเป็นของรักจากปู่ย่า มีแค่สององค์ในโลก ก่อนจะฝากมีนรญาดูกระเป๋าให้ตอนเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ แต่พอออกมาพบว่าหล่อนนอนหมดสติอยู่กับพื้น เกี่ยวเอากระเป๋าตกจากเคาน์เตอร์จนของข้างในกระจัดกระจาย

อมายาวุ่นวายด้วยกลัวหล่อนจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และด้วยความวุ่นวายนั้น เธอจึงไม่ทันได้ตรวจสอบของในกระเป๋า มารู้ทีหลังว่าพระเครื่องหายไป กลับไปตามหาก็ไม่พบ เดาว่าคงมีคนเก็บไปแล้ว

ที่แท้... มีนรญาขโมยไปและมอบให้เขมราชเป็นของแทนใจ

มีสิ่งใดบ้างที่เป็นของหล่อน โดยที่หล่อนไม่ได้แย่งใครไป

“อีสารเลว!!!” เสียงกรีดร้องอย่างคลั่งแค้นและเสียงดังจากข้าวของที่ถูกทุบทำลายตอกย้ำความบ้าคลั่งของอมายาจนคนงานต่างก็มามุงดู แต่ไม่กล้าเข้าไปห้าม ขนาดโดนล่าม เจ้าหล่อนยังแผลงฤทธิ์จนหลายคนเจ็บตัว

“ยังอาละวาดไม่หยุดอีกเหรอจ๊ะ” เพลงที่ถือตะกร้าใส่วัตถุดิบมื้อเย็นเดินเข้ามาถามลุง ๆ ป้า ๆ หลายคนหันมามองเธอหน้าจืดเจื่อน

“ยังเลยนังเพลง ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ข้าวปลาก็ไม่ได้กินเลยทั้งวัน ลุงกลัวจะเป็นลมไปซะก่อนมึงเอ๊ย” ลุงท้วม คนงานสัณฐานอ้วนเตี้ย ผิวดำคล้ำ เป็นฝ่ายพูดกับหล่อน

เพลงมองเข้าไปผ่านหน้าต่างกระจกของบ้าน เห็นอมายายกมือขึ้นมาสางผมอย่างคนวิตก เดี๋ยวเดียวก็เปลี่ยนไปจับภาพกรอบลอยของมีนรญาที่เดาว่าน่าจะเคยทุ่มไปแล้วสองสามครั้งขึ้นมาทุ่มอีกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

หล่อนไม่รู้เรื่องของเจ้านายเท่าไหร่ แต่หล่อนเป็นส่วนน้อยที่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดจะฆ่าคนได้ในขณะที่คนอื่นตัดสินสาวเจ้าจากสิ่งที่เธอเป็น

เช่นเดียวกัน... พวกเขาเข้าใจว่าอมายาทำร้ายหล่อน ทั้งที่ความจริง เป็นหล่อนต่างหากที่ทำร้ายอมายา แต่มันง่ายกว่าที่จะทำให้คนที่ดูร้ายกลายเป็นคนเลว แทนที่จะเป็นหล่อนเอง

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเองจ้ะ” คนที่แบกความรู้สึกผิดที่มีต่อหมาบ้าในบ้านมาเนิ่นนานสูดหายใจรวบรวมความกล้า

“เฮ้ย ๆ นังเพลง มึงจะเข้าไปจริง ๆ เหรอวะ”

ลุงท้วมรั้งแขนหล่อนไว้ ทุกคนที่นี่ต่างคิดว่าเพลงจะเข็ดกับผู้หญิงคนนั้น

แต่ไม่เลย... หล่อนกำลังจะเข้าไปให้เขาทำเรื่องใส่อีก

“ไม่เป็นไรหรอกลุง เดี๋ยวเพลงเข้าทางครัว ทำกับข้าวไปด้วย รอให้แกใจเย็นลง เพลงค่อยเอาเข้าไปให้แกกิน”

เมื่อเพลงยืนยัน ทุกคนก็เกินรั้ง ปล่อยให้หญิงสาวเข้าไปทางครัวหลังบ้านแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง

เพลงและคนในเกาะรู้ดีว่าบ้านหลังนี้เป็นเครื่องหมายแทนความรักของเขมราชกับอมายา เช่นกัน... มันคอยย้ำเตือนว่าความรักที่ทั้งสองมีให้กันนั้นสวยงามเพียงใด

สวยงาม และบริสุทธิ์ จนไม่อาจทำลายให้กลายเป็นเศษปูน เพียงแค่ปล่อยร้าง ไม่เหลียวแล แต่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ ซึ่งการมีอยู่ของมันจึงยืนยันว่าเขาลืมไม่ได้

และใช่... ในสายตาคนที่นี่ เขมราชไม่เคยลืมผู้หญิงที่ชื่ออมายาได้เลย เป็นเหตุผลที่เจ้านายไม่กลับมาที่เกาะหลังเลิกกัน ทั้งยังเป็นสาเหตุให้นายหญิงคนใหม่ร้อนรนจนต้องทำบางอย่าง

มีนรญาแสดงความเป็นเจ้าของ ทำให้บ้านนี้กลายเป็นเรือนหอของตน ทั้งที่เขมราชตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่กรุงเทพฯ นำรูปมาแขวนทุกมุมของบ้านเพื่อเตือนให้รู้ว่าเขาควรเป็นของใคร สนองตอบความอยากเอาชนะของตัวเอง แต่เอาเข้าจริงหล่อนก็น่าเห็นใจ ใครก็อยากเป็นคนเดียวในใจของคนที่ตัวเองรักทั้งนั้น ทว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของหล่อน... และจะไม่มีวันเป็น!


ท่ามกลางรูปภาพกับหนังสือที่ถูกขว้างปา ฉีกขาด และเศษเครื่องเรือนที่แตกกระจาย ‘นังหมาบ้า’ ซึ่งศีรษะยุ่งยี ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั่งกอดเข่ามองไปบนหิ้งพระ และราวกับสีทองสว่างไสวของพระพุทธรูปนำความหวังมาสู่ใจ

อมายาลากโซ่ที่ยาวพอเดินไปหยิบบรั่นดีเรียงรายบนตู้โชว์ยิ่งกว่าบาร์ไหน ๆ ที่เธอเคยไปออกมาเทรดไปตามเฟอร์นิเจอร์และสาดบนเพดาน ก่อนใช้เก้าอี้ต่อตัวหยิบไม้ขีดไฟบนหิ้งพระ ในเมื่ออยากขังกันนัก... ก็ให้มันรู้ไปว่าจะทำได้ เพราะอมายาจะไม่อยู่เฉยให้ใครฉุดลงนรก

เธอปล่อยไม้ขีดก้านนั้นร่วงลงบนพรมโชกเหล้า แววตาไร้ความลังเล ยืนมองจนแน่ใจว่าไฟติดแล้วจึงตะบึงเข้าห้องน้ำ ใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำคลุมตัวไว้ ขณะที่ไฟโหมแรงขึ้นจนเกิดแสงจ้าแสบตาไม่ต่างจากควันโขมงที่รบกวนการมองเห็นและหายใจ

ใจของอมายาสั่นสะท้าน แม้ก่อนนี้มั่นใจจะมีคนเข้ามาช่วยเลยไม่กลัวตาย แต่พอไม่มี... ความหวาดกลัวก็เข้ามายึดความรู้สึกของเธอไว้แน่น

เธอคิดว่าป่วยการที่จะอ้อนวอนให้พวกนี้ไขกุญแจให้แล้วเดินออกไปสวย ๆ

เพราะไม่มีใครสงสารหรือเห็นใจนังบ้าอย่างเธอหรอก เธอแค่ต้องการช่องว่างเล็กน้อยเท่านั้นที่จะหนี... อย่างช่วงชุลมุน แค่นิดเดียวเท่านั้นจริง ๆ

การตัดสินใจนี้สุดโต่งเกินไปหรืออย่างไร... เธอคาดผิดหรือที่คิดว่าเขมราชจะไม่ปล่อยให้เธอทำลายเรือนหอของเขากับเมียรัก คิดผิดสินะที่คนพวกนั้นจะไม่ปล่อยให้เชลยตายก่อนที่นายมันจะได้ทรมาน...

“คุณออย” เสียงเรียกดังลั่นดึงอมายาออกจากความคิดคำนึง หันเหความสนใจไปที่เพลงซึ่งกระชากประตูเปิดผาง ท่ามกลางกลุ่มควันคลุ้งโขมง รอบตัวหล่อนคล้ายเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความหวัง

แต่เพียงครู่เดียวเธอก็รู้ตัวว่าเพลงไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้  มันอันตรายเกินไป!

หากในชีวิตนี้อมายาจะรู้สึกผิดกับใครที่สุดเห็นจะเป็นเพลง และความรู้สึกนั้นฝังความห่วงใยเอาไว้ในใจเธอด้วย

“คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด”

“คงยังไม่รู้ว่าไฟไหม้” หล่อนบอกอย่างรีบร้อน นายกับคนอื่น ๆ น่าจะยังเก็บมะพร้าวกันอยู่ท้ายเกาะ “อย่าเพิ่งถามเลยคุณออย ยื่นเท้ามาจะไขกุญแจให้”

เพราะเพลงรับผิดชอบดูแลอมายาแทนน้องสาววันนี้ หล่อนถึงได้กุญแจจากนายมา ไม่อย่างนั้นอมายาอาจถูกย่างเกรียมในกองเพลิง

ทั้งสองประคองกันออกไปทางประตูหลัง เนื่องเพราะด้านหน้าไฟแรงเกินไป พออมายามั่นใจแล้วว่าเธอกับเพลงปลอดภัย จึงสะบัดแม่สาวงามล่มเกาะออกพ้นตัว

เพลงไม่ทันตั้งตัวถูกเหวี่ยงจนศีรษะกระแทกขอบประตูแล้วล้มลงกับพื้นครัว ส่วนอมายาที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็วิ่งหนีไม่คิดชีวิต พอดีกับเขมราชที่วิ่งอ้อมมาเข้าด้านหลังได้เห็นเธอวิ่งผ่านหน้าไป

เธอสับเท้าหนี เศษไม้สนทิ่มแทงฝ่าเท้ากลับไม่น่าหวั่นใจเท่าเสียงเขาตะโกนเรียกตามมา ร่างเล็กจึงวิ่งตัดป่าสนลงไปยังหาดทรายสีขาวสะอาดตา กระโดดโหยง ๆ ขอความช่วยเหลือจากเรือที่เดาว่าพานักท่องเที่ยวไปส่งที่เกาะใกล้ ๆ ซึ่งภายหลังจึงรู้ว่าไร้ประโยชน์สิ้นดี และด้วยขาที่ยาวกว่าทำให้ไม่นานเขมราชก็ประชิดตัวแล้วกระชากร่างเล็กเข้าไปกอดไว้

เธอรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจจากร่างอบอุ่นข้างหลัง เกลียดตัวเองนักที่เผลอนึกถึงอดีตแสนหวาน เธอกับเขาเล่นวิ่งไล่จับที่หาดแบบนี้ คนถูกจับได้จะโดนกอดโดนหอม เธอเลยจงใจวิ่งช้าทุกครั้ง

เธออยากถูกเขากอด...  อยากถูกเขารัก...

ต่างกับตอนนี้... ที่เขาหมายมาดจะกักขังทารุณ ไม่ใช่แค่ทางร่างกายแต่มันรวมถึงหัวใจ อย่าว่าแต่อยากถูกรักเลย แค่ทนเห็นหน้าเขาอีกวินาทีเดียวอมายาก็ไม่ต้องการ

“ปล่อยฉัน”

“คิดจะหนีฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”

“เท่านี้คุณยังทำลายฉันไม่พออีกเหรอ คุณจะเอาอะไรจากฉันอีก ไม่สงสารกันบ้างหรือไง”

“ไม่”เขาตอบเสียงห้วน ไม่มีความลังเลในแววตา

แต่เขาหลอกตัวเอง... เพราะหลายครั้งหลายหนที่เขาอยากล้มเลิกความตั้งใจไปเสีย ทว่าความจริงที่ตอกย้ำว่าอมายาพรากลูกเมียไปจากเขาก็เบียดแทรกเข้ามายึดครองความอ่อนไหวนั้นไป

“ที่ที่เธอจะอยู่มีเพียงในคุก กับที่นี่... ที่ที่ฉันจะทำให้เธอตายทั้งเป็น!”

อมายาถูกฉุดกระชาก ล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นทราย ถูกเศษหินและเปลือกหอยบาดครูดตามแข้งตามเท้า หากเขาก็ไม่คิดเห็นใจ สุดท้ายก็เหวี่ยงเธอลงใกล้ ๆ กองข้าวของที่คนงานนำออกมาจากบ้านในสภาพดีได้ หนึ่งในนั้นมีรูปมีนรญาที่ไม่รู้ว่าลอดสายตาเธอไปได้อย่างไรก่อนหน้านี้

“เธอตั้งใจทำลายข้าวของแล้วก็เผาบ้านใช่ไหม” เขาเค้นเสียงลอดไรฟันถาม

“ขังฉันเหมือนหมูเหมือนหมา แล้วคิดว่าฉันจะปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้เหรอ ฝันไปละมั้ง” อมายาแสยะยิ้มหยัน ทั้งที่เขากักขังกันอย่างทารุณ ยังหวังว่าเธอจะทำตัวดี รักษาความเรียบร้อยในบ้านที่มีแต่ของของมีนรญางั้นสินะ

เขมราชพ่นลมหายใจหนักหน่วง เหมือนถูกด่าว่า ‘โง่’ ที่คิดหวังย้อนแย้ง

และใช่... เขาเป็นคนขังเธอไว้ในบ้านหลังนี้เอง แต่ใครจะคิดว่าอมายาจะบ้าขนาดเผาบ้านเพื่อหนี แต่มากกว่าโกรธที่เธอทำลายสิ่งของอันมีความหมายต่อเขาและมีนรญา แล้วยังโกรธที่เธอไม่สลดกับสิ่งที่ทำลงไป... แถมตัวเธอก็เกือบตายในกองไฟ ยังมีหน้ามาต่อปากต่อคำ ผู้หญิงคนนี้มันบ้าเข้าขั้นโรคจิต!

“แล้วขอโทษนะ ที่ฉันหลงเหลือภาพอีนี่ไว้อันหนึ่งอะ”

อมายาหยิบภาพถ่ายคนตายขึ้นมาแล้วโยนลงแทบเท้าเขา ก่อนถุยน้ำลายรดใบหน้ายิ้มแย้มของลูกอีจอมแย่งระบายความโกรธแค้นที่มี

เห็นหน้าใส ๆ แบบนี้... หล่อนร้ายกาจยิ่งกว่าที่เธอหรือใครจะจินตนาการได้

ทั้งโกหกตอแหล ทั้งขี้ขโมย และกลับกลอกปลิ้นปล้อนจนตามไม่ทัน ไม่นับเรื่องที่เธอยังไม่รู้อีก ไม่น่าชิงตายไปก่อนเลย สงสารนรกที่ต้องรองรับคนอย่างมัน

การกระทำต่ำถ่อยเหมือนไร้แบบอย่างคอยอบรมขัดเกลามันยิ่งกว่าหยามเกียรติคนตาย แต่มันหยามหัวใจผู้ชายตรงหน้าไปด้วย เขมราชกระชากสองไหล่เธอขึ้นมา โทสะอัดแน่นอยู่ในใจพร้อมกับความดำมืดที่เข้ามากลืนกิน หากฆ่าเจ้าหล่อนให้ตายตรงนี้ได้ เขาจะไม่ลังเล

“ขอโทษมีนเดี๋ยวนี้”

“ไม่มีวัน” เธอตอบเสียงหนักแน่นแม้หัวใจกระแทกอกตึง ๆ “จะมีรูปอีมีนอีกสักร้อย ๆ ใบ ฉันก็จะถ่มน้ำลายรดหน้ามันแบบนี้แหละ หรือต่อให้มันฟื้นขึ้นมาอีกรอบ ฉันนี่แหละจะฆ่ามันกับมือฉันเอง ให้สาสมกับสันดานเลว ๆ ของมัน”

“ออย!!!”

“ทำไม!!??”

เธอยื่นหน้าท้าทาย ทั้งที่ความหวาดหวั่นกระจายอยู่ทั่วหัวใจ แต่มีเหตุผลเป็นพะเรอเกวียนที่ไม่อาจทำให้โทสะเบาบาง

“แค่นี้ยังทนฟังไม่ได้เลย นี่ถ้าได้ฟังเรื่องโกหกตอแหลของอีเมียรัก จะไม่กระอักเลือดตายไปเลยหรือไง”

“อย่ามาทำเล่นลิ้น ฉันบอกให้เธอขอโทษมีน”

“ก็ฉันบอกว่าไม่!!!”

ถ้าเขาทนไม่ได้ก็แค่ปล่อยเธอไปหรือไม่ก็ฆ่ากันให้ตาย แต่เขาจะมีปัญญาทำอะไรได้นอกจากทำให้เธอเจ็บกายทรมานหัวใจ

ในขณะที่เขากำลังประสาทกินเพียงได้ฟังคำพูดกระทบกระทั่งเล็กน้อยที่เธอพาดพิงถึงมีนรญา เขมราชเสียการควบคุมตัวเองจนแทบจะบีบคอเธอให้ตายคามือ แต่ถึงจะขัดเคืองใจเพียงใดก็ไม่อาจคร่าชีวิตใครได้ ทว่าโทสะในใจต้องได้ระบายออกมา และอมายาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เจ้าหล่อนทำ!

เขาลากอมายาออกจากตรงนั้น หญิงสาวยั้งขาสุดแรงเกิด ปลายเท้าจิกลงไปไถครูดกับพื้นดินจนเป็นแผลถลอก ทั้งหวีดร้อง ทั้งทุบตีแต่ก็ไร้ประโยชน์

“ปล่อยฉันนะ จะพาฉันไปไหนอีก ไอ้คนบ้า”

เขาไม่ทนกับความรำคาญเล็กน้อยอย่างเช่นกำปั้นเบา ๆ ที่ทุบตี เลยย่อกายแบกเธอขึ้นบ่า เดินสู่หน้าผาเตี้ยทิศตะวันออก ซึ่งสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยที่สุด

ที่ตรงนี้มีเจดีย์อัฐิของมีนรญาตั้งอยู่ เขาสั่งให้สร้างขึ้นหลังจากพ่อตาแม่ยายเอากระดูกหล่อนไปเก็บไว้เอง

ครั้งที่มีนรญารบเร้าอยากมาเกาะนี้ เพราะเมื่อหลายปีก่อนหล่อนได้ฟังอมายาเล่าถึงมัน ทั้งยังอยากใช้ที่นี่เป็นเรือนหอแม้เขาจะค้านหนักด้วยอยากแยกหล่อนจากความหลังที่ไม่อยากจำ แต่หล่อนบอกกับเขาที่ดูหม่นหมองตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเหยียบที่นี่ ด้วยมีความหลังมากมายเกินไป จนเขาไม่อาจลบลืมมันได้ไหว ว่าถ้าอมายาเปรียบเหมือนท้องฟ้ายามพลบค่ำ ที่สีสันสวยงามน่าหลงใหล แต่แฝงความน่าหวาดหวั่นไว้กับความมืดมิดของค่ำคืนที่กำลังคืบคลานเข้ามา...

หล่อนจะเป็นท้องฟ้าของกลางวันที่สว่างสดใส และเขาไม่ต้องกลัวสิ่งใดหากยังมีหล่อนอยู่เคียงข้างกาย เขาเองก็สัญญา จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหล่อนได้อีก... แต่เขากลับทำไม่ได้ จนเธอกับลูกต้องตาย ด้วยฝีมือของผู้หญิงคนเดิมที่เคยทำร้าย กลายเป็นความรู้สึกผิดที่เจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น

เขาเลยอยากให้หล่อนอยู่ตรงนี้... เป็นท้องฟ้าที่สว่างสดใสอย่างที่หล่อนอยากเป็น และเพื่อเตือนให้เขารู้ว่า หัวใจเขาควรเป็นของหล่อน... ไม่ใช่อมายา!

“ว้าย!” อมายาถูกเหวี่ยงลงกับพื้นคอนกรีตรอบฐานของเจดีย์อัฐิสีขาวมุก ร่างกายอ่อนแรงเหนื่อยล้าไถลบนผิวแข็งด้านด้วยตั้งหลักไม่ทัน

“กราบลงไป!” เสียงประกาศิตดั่งสนั่น อมายากำหมัดแน่น ปวดร้าวกับความแค้นสุมอก แผลถลอกตรงแขนและเข่ายังเจ็บไม่เท่าเศษเสี้ยวหัวใจ

“กราบลงไป แล้วพูดว่าเธอสำนึกผิดแค่ไหนที่ทำให้มีนต้องตาย”

อมายาหัวเราะในลำคอเสียงหยัน จ้องภาพผู้หญิงแสนหวานที่ติดไว้บนเจดีย์เก็บอัฐิพลางเหยียดยิ้มมุมปาก กดความเสียใจไว้ลึกที่สุดในหัวใจ แสดงออกมาเพียงความร้ายกาจที่ใครต่อใครต่างเกลียดชังในตัวเธอ

“นังสารเลวนี่มันสมควรตาย”

เขมราชสติแตกกับถ้อยคำน่ารังเกียจ ปราดเข้าไปขยุ้มศีรษะยุ่งเหยิงไม่ปรานี รั้งใบหน้าโทรมให้เงยขึ้นมองคนในภาพเต็มตา

“ขอโทษมีนเดี๋ยวนี้!!!”

“ต่อให้ฉันเจอมันในปรโลก ฉันก็จะทำให้มันตายอีกครั้ง”

“นังผู้หญิงชาติชั่ว!!!” ความอดทนของเขมราชขาดสะบั้น เขากดศีรษะเธอลงกับพื้นซีเมนต์ ใบหน้าซีดเซียวแนบกับพื้นแข็งกร้านจนรู้สึกแสบร้อน

“กรี๊ด...”

“ขอโทษมีน”

“ไม่!!!”

“งั้นก็ตายตามมีนไปซะ!” ชายหนุ่มปรารถนาให้อมายามีสักร้อยชีวิต เพราะเขาจะฆ่าเธอให้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สาสมกับความชั่วช้าที่เธอทำ

แม้อมายาจะเจ็บ... ก็จะทนเก็บคำขอร้องอ้อนวอนเอาไว้

เพราะไม่ว่าเขมราชต้องการให้ทำอะไร เขาจะต้องผิดหวังและดิ้นเร่าอยู่ในใจเพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้เขาได้สมหวังแม้แต่ครั้งเดียว

เช่นเดียวกับครั้งนี้... หญิงสาวคว้าก้อนหินที่บังเอิญอยู่ใกล้มือเหวี่ยงไปทุบต้นแขนเขมราชเต็มแรง เขาชักแขนออกอัตโนมัติแถมคมหินทิ่มเข้าเนื้อ

อมายาหมุนตัวลุกขึ้น ง้างมือทุบหินเต็มศีรษะเขา ดึงชายหนุ่มออกจากความดำทมิฬที่กลืนกินใจ โทสะร้ายแปรเปลี่ยนเป็นความรู้เนื้อรู้ตัวเพราะความเจ็บปวดตรงศีรษะ

เขมราชยกมือกุมตรงบาดแผลที่เลือดไหลโชก พร่าเบลอด้วยแรงกระแทก

อมายานิ่งไปชั่วอึดใจ... เธอตั้งใจตี แต่พอเห็นเขาเจ็บก็เกิดลังเล ใจหนึ่งอยากช่วยเขา แต่อีกใจบอกให้ตัดใจทิ้งไป เขาไม่เคยเห็นใจให้กัน ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องสงสารเขา หญิงสาวจึงออกวิ่งไปพร้อมกุญแจเรือยอชต์ที่จิ๊กมาจากเอวเขาตอนถูกแบกขึ้นบ่า

แต่ฝีเท้าของอมายากลับหยุดนิ่งเมื่อนายท้วมตะโกนมาก่อนตัว

“นาย แย่แล้ว นังเพลงมันติดอยู่ในกองไฟ”

เพลงติดอยู่ในบ้านงั้นหรือ...

แข้งขาอมายาเหมือนไร้เรี่ยวแรง เธอโซซัดโซเซพิงต้นสนด้วยความตกใจสุดขีด เพิ่งจำได้ว่าตอนสะบัดเพลงออกจากตัว เพลงคงไม่ได้ออกมาพร้อมกัน

“พะ... เพลงเป็นยังไงบ้าง ช่วยออกมาได้ไหม” อมายาเอ่ยถาม หัวใจของเธอ... แทบหยุดเต้น

นายท้วมที่เดินสวนขึ้นมาทำเชิด ไม่ตอบนังฆาตกรที่ตนจงเกลียดจงชัง ที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลมแบบนี้ก็คงเสแสร้งเอาสิท่า

“ช่วยได้ไหมลุง” เขมราชที่นั่งพิงเจดีย์อยู่ถามบ้าง สภาพเลือดโชกขนาดนี้ ท้วมพอจะเดาได้ว่านายคงเจอฤทธิ์เดชนังหมาบ้าเข้าอีกแล้ว

“ดะ... ได้ครับ มันสลบอยู่ในครัว โชคดีที่ไฟลามไปไม่ถึง ผมมาเอากุญแจเรือ จะรีบพามันไปโรง’บาลเกาะใกล้ ๆ ครับ”

เขมราชเหลือบมองอมายาผ่านเลือดสีแดงสดที่ไหลเข้าตาอย่างหมดหวัง ทั้งเกาะมีเรืออยู่ลำเดียวสำหรับใช้รับส่งคนไปฝั่งหรือเกาะข้าง ๆ อาหารการกินก็มีร้านนำมาส่งทุกสัปดาห์ กับผักไม้ใบเครือที่ปลูกไว้ในเกาะก็เกินพอที่จะเลี้ยงทุกคน ส่วนเวลาส่งมะพร้าวก็มีเรือข้ามฟากของนายหน้ามารับ

อิสรภาพ... มันอยู่ในมือเธอแล้ว อมายาคงไม่ยอมสูญเสียเพื่อคนอื่น ในขณะที่หญิงสาวก้มมองสิ่งที่วัดอิสรภาพของเธอและความเป็นความตายของเพลงอย่างชั่งใจ

ปล่อยเพลงให้ตายแล้วหนีไป หรือช่วยชีวิตเพลงแล้วติดแหง็กอยู่ที่นี่...

อมายาน้ำตาร่วงผล็อย อยากเลือดเย็นให้ได้ครึ่งของพวกที่รุมทึ้งเธอ แต่เธอ... ทำไม่ได้ มือบางจึงส่งกุญแจให้ลุงท้วม ชายแก่ม่อต้อกระชากไปจากมือพร้อมแววเกลียดชังในดวงตา หญิงสาวยกมือกุมอก ถามตัวเองว่าทำอะไรลงไป ลงทุนเผาบ้าน แต่ผลลัพธ์กลับไร้ประโยชน์แถมยิ่งเลวร้าย

เขมราชเผลอมองเธอด้วยแววตาอ่อนลง คิดผิดที่ว่าอมายาจะเลือกหนี นำความสับสนมหาศาลมาสู่หัวใจเขา

“อุ๊!” อมายายกมือปิดปาก รู้สึกอยากอาเจียนเสียอย่างนั้น ตามด้วยอาการวิงเวียนที่นับวันยิ่งต่างไปจากที่เคยเป็น สร้างความสับสนสงสัยครามครัน ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาเขมราช

เธอเหลือบมองเขาแล้วถอยเท้าหนี... ต่อให้ไม่มีกุญแจเรือ อมายาก็ไม่ล้มเลิกความคิด เรือนักท่องเที่ยวผ่านไปมาหลายลำ ต้องมีสักลำที่จอดรับเธอ อมายาตัดสินใจวิ่งต่อไป แต่อาการหน้ามืดวิงเวียนพาสติให้ดับลง


เขมราชอดทนอุ้มอมายามานอนที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนที่คนงานจะพาเข้าไปทำแผล ไพน์ที่กำลังเรียนพยาบาลปีที่สามและไม่ได้ตามพี่สาวไปโรงพยาบาล เพราะพ่อกับแม่สั่งให้อยู่ที่นี่ ได้เช็กอาการเบื้องต้นให้นายแล้วไม่มีอะไรมาก ชายหนุ่มจึงนอนพักที่เพิงคนงานทั้งคืน แล้วกลับไปหาอมายาอีกครั้งในตอนเช้า

เจ้าหล่อนยังไม่ตื่น คงเพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มาถึง ไหนจะเมื่อวานอาละวาดทั้งวัน เขาพิศมองใบหน้าซีดเซียวที่ยามหลับดูไร้พิษสง เผลอกลืนน้ำลายเมื่อคิดว่าเธอใจกล้าบ้าบิ่นเพียงไร...

โชคดีที่คนงานดับไฟได้ทัน จึงเสียหายแค่ภายใน ของสำคัญของเขากับมีนรญาเหลือเพียงพระเครื่องสององค์ เขาไม่เข้าใจ... ในเมื่อเธอเลือกช่วยชีวิตเพลงมากกว่าจะหนีไป แต่กับเมียและลูกเขา ทำไมต้องฆ่า

เธอเกลียดชังมีนรญาถึงขนาดจะต้องจองล้างจองผลาญทั้งชีวิต และสิ่งของที่เหลือไว้ แค่เข้าใจว่าเขาทรยศงั้นหรือ เขาไม่ได้นอกใจเธอ... เขากล้าสาบาน

เขมราชไม่เคยรู้สึกกับมีนรญาตอนคบเธอ แต่นิสัยร้ายกาจที่แก้ไม่หายของอมายา สร้างเรื่องราวหนักใจสะสมจนบั่นทอนความอดทนทีละน้อย กระทั่งเลิกกัน แม้จะมีใครเข้ามาก็ยังยากจะเปิดใจ จวบจนนายเก้าคนนั้นนำ ‘ของฝาก’ เกินคาดคิดมา ทำให้เขากับมีนรญาผู้น่าสงสารต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มนานหลายวัน

เขาถามตัวเองว่าจะยอมให้ผู้หญิงแบบนี้ยึดครองพื้นที่ในใจไปอีกนานเท่าไหร่... หรือยังอยากกลับไปหา และสร้างครอบครัวกับคนจิตใจโหดเหี้ยม นิสัยก้าวร้าว เป็นยิ่งกว่าพายุทอร์นาโด ที่เขาไม่คิดว่าจะเป็นแบบอย่างให้ลูกได้อีกงั้นหรือ

คำตอบมันชัดเจนว่าไม่ แม้นั่นจะเป็นพิษร้ายต่อหัวใจ แต่เขาไม่ควรคิดฝันถึงเธออีก จึงเลือกพัฒนาความสัมพันธ์กับมีนรญา ซ่อนอมายาเอาไว้ในใจ

เพราะเขา... ลืมเธอไม่ได้ แม้เธอเป็นความน่ากลัวของฟ้าใกล้ค่ำ หากกลับตราตรึงสายตาและหัวใจเขาได้มากกว่าความสวยงามของฝืนฟ้ายามไหน ๆ และการกลับมาที่เกาะนี้ พัดพาเอาความทรงจำแสนหวานมาสู่ใจ สิ่งที่เคยมั่นใจว่าซ่อนไว้ลึกยิ่ง กลับถูกค้นหาได้โดยง่ายดาย ทั้งที่เธอ... ใจร้าย และเลือดเย็นถึงขนาดนี้

เขาหลับตาอย่างกล้ำกลืน ข่มความอ่อนไหวลงไปอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...

จังหวะนั้นอมายาลืมตางัวเงีย รับรู้ถึงของหนักถ่วงอยู่ตรงข้อเท้า มองเห็นเขานั่งหลับตาอยู่ข้างเตียง ก็ผุดลุกขึ้นอย่างหวาดกลัว ความรู้สึกตอนถูกเขากดลงต่อหน้าเจดีย์อัฐิยังรุนแรงคล้ายพายุลูกใหญ่

มากกว่าเจ็บ... ก็คงเป็นแค้น

หากสายตาสะดุดกับผ้าก๊อซที่พันตามเท้าตามแข้ง และกล่องพยาบาลที่วางใกล้ชายหนุ่ม ถึงได้คลี่คลายความกลัวลงบ้าง แม้ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำแผลให้ทำไมก็ตาม

ก่อนจะนึกได้ว่าทำอะไรลงไป ความกราดเกรี้ยวที่ซ่องสุมใจพลันสลายหายหน เหลือเพียงความเจ็บปวดอย่างโง่เขลาและหัวใจที่เต้นช้าลง... แต่กลับพร้อมจะขาดออกจากขั้วได้ทุกเมื่อ

“เพลงเป็นยังไงบ้าง”

“ตายแล้ว” เขมราชจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ไม่อาจคะเนความในใจ

เหมือนโลกทั้งใบถล่มใส่หน้า อมายายกมือปิดหน้าแล้วปล่อยเสียงร้องไห้สะเทือนใจ หลายคนเคยพูดเอาไว้ ว่าความใจร้อนและบ้าบิ่นเหมือนสิ้นคิดของเธอจะทำร้ายคนอื่นเข้าสักวัน อมายาไม่เคยเชื่อ... กระทั่งวันที่เธอกลายเป็นฆาตกรตัวจริงอย่างนี้

“เพลง... ฉันขอโทษ ฮือ ๆ ฉันขอโทษ”

ชั่วชีวิตเธอ ไม่เคยเสียใจเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกผิดมันปวดร้าว คล้ายหัวใจถูกบีบทุบซ้ำ ๆ จนคิดอยากควักมันออกมาขยี้ให้แหลกทีเดียวเสียสิ้นเรื่อง

แต่แล้ว.... ประตูบ้านก็เปิดผาง ปรากฏร่างของเพลงที่พอลงจากเรือได้ก็ถามน้องสาวเรื่องอมายา จึงรีบตะบึงมาที่นี่ เพราะเธอรู้ว่านายจะบอกอมายาว่าอย่างไร...

“คุณออย”

“เพลง...”

“เพลงยังไม่ตายค่ะ แค่สลบเพราะหัวกระแทก แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

อมายาทั้งดีใจและประหลาดใจที่ได้เห็นร่างสวยสะคราญนั้น สายตาเสมองคนแจ้งข่าว ก็เห็นเขาแสยะยิ้มหัวเราะในลำคออย่างพอใจ

“คุณหลอกฉัน”

“จะได้รู้ ว่าผลจากเรื่องฉิบหายที่ทำไว้มันเป็นไง”

อมายาเพิ่งเคยพบเจอคนที่ล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นได้เก่งขนาดนี้

แต่ถึงเพลงจะปลอดภัย ความรู้สึกเมื่อครู่ก็ฝากร่องรอยไว้ในใจ และเธอสาบานกับหัวใจแล้วว่าจะไม่บ้าบิ่นแบบนั้นอีก เพราะคงไม่โชคดีแบบนี้

“เอ่อ นายคะ...” เพลงขัดจังหวะทั้งสอง “แล้วคุณออยก็ไม่ได้เผาบ้านค่ะ เป็นเพลงเองที่ซุ่มซ่ามทำไฟไหม้บ้าน ถ้านายจะจับคุณออยส่งตำรวจอย่างที่ลุงท้วมว่า นายจับผิดคนแล้วค่ะ”

“จริงเหรอ” เขานิ่วหน้ามองคนใต้บัญชา เพลงจ้องตาเขาแน่วแน่ พลางพูดย้ำ

“ค่ะ แต่มันเป็นอุบัติเหตุ เพลงไม่ได้ตั้งใจ แค่จะเข้าไปทำความสะอาดที่คุณออยทำรก แต่เพลงทำเทียนบนหิ้งพระตก ก็เลยเป็นเรื่อง”

อมายาไม่อยากเชื่อว่าคนที่เธอเคยทำร้ายจะกางปีกปกป้อง ด้านเขมราชไม่เชื่อว่าเพลงพูดความจริง แต่จะมีเหตุผลอะไรที่เพลงต้องปกป้องอมายา

“นึกว่าจะได้เห็นคนติดคุกตลอดชีวิตข้อหาวางเพลิงแล้วซะอีก” เขาว่า ทั้งที่ยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แค่ดีขึ้นจากอาการบาดเจ็บโดยไม่ความจำเสื่อมหรือเสียสติก็นับว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว อีกอย่าง... เพลงปลอดภัย บ้านไม่ได้เสียหายมากนัก

“แปลว่านายจะไม่แจ้งตำรวจใช่ไหมคะ”

เขาพยักหน้าให้เพลง สาวงามล่มเกาะยิ้มดีใจและแทบจะโผเข้าไปกอดอมายาซึ่งทำหน้างง ๆ แต่นายกางแขนกั้นไว้ทัน

“ขอเวลาส่วนตัวให้ฉันกับคุณออยของเธอหน่อย”

คำว่า ‘เวลาส่วนตัว’ พาให้เธอเสียวสันหลังคล้ายมีแผ่นน้ำแข็งกรีดลาก เพลงอ้าปากค้างจ้องนาย สายตาสะดุดอาหารที่วางโต๊ะเยื้องไป

ยานั้นสินะ... หล่อนเสียใจที่มันกำลังจะเกิดขึ้น แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงหมุนตัวออกไปจากบ้าน

“หิวไหม” เขมราชหันไปถามอมายา

เธอไม่ตอบ ยังสับสนกับท่าทีของทั้งสองคน ชายหนุ่มก็ก้าวไปยกถาดอาหารที่มีทั้งข้าวต้ม ผัดผัก และน้ำพริกไข่ปูที่เธอชอบพร้อมกับลากโต๊ะมาวาง

“กินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” หากมีพรวิเศษให้อ่านใจคนได้ อมายาจะไม่ทานอาหารพวกนี้ แต่เพราะเธอไม่มี... แถมไม่ได้รับประทานอะไรเลยมาสองวันแล้ว จึงคิดว่าตัวเองควรได้รับสารอาหารบ้าง


หลังรับประทานทุกอย่างเว้นน้ำพริกไข่ปูที่เหม็นเกินไปจนเรียบ เขมราชก็ไม่ออกไปจากห้องเสียที ยังคงนั่งมองเธอ ด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ ทว่าใบหน้าคมคายนั้นกลับแดงก่ำอย่างไร้สาเหตุ

“คุณจะขังฉันไว้อีกนานแค่ไหน”

ตั้งแต่รับประทานข้าวก็ไม่ได้พูดกันสักคำ หากไม่ใช่เพราะโดนโซ่ล่ามขา คงไม่มีทางนั่งอยู่ตรงนี้ เช่นกันถ้าไม่หิวโซ... ก็คงรับประทานอะไรไม่ลงเพราะเห็นหน้าเขา แต่เมื่อคิดว่าเขาคงไม่ไปง่าย ๆ จึงถามตรง ๆ บรรยากาศคงดีกว่านี้

เขมราชจ้องมองเธอ แววลึกล้ำจับฉายอยู่ในดวงตาคม พาให้หัวใจอมายาสั่นระริก ไม่อาจทนความรู้สึกร้อนกระสับกระส่ายที่กำลังจู่โจมคล้ายคลื่นลูกใหญ่ตบโขดหินนั้นได้อีกต่อไป

ทั้งที่วันนี้ฝนตกปรอย ๆ แถมในบ้านยังเปิดเครื่องปรับอากาศจนหนาวในตอนแรกแท้ ๆ แต่กลับร้อน จึงยกมือขึ้นมาจับเสื้อ ขยับเข้าออกเอาลมเข้า มันอาจช่วยบรรเทาความรู้สึกบ้าบอนี้ได้

“ร้อนเหรอ” เขาไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ “ฉันเองก็ร้อน”

อมายาคิดว่าเครื่องปรับอากาศเสีย แต่อารมณ์ประหลาดที่เบียดแทรกเข้ามายึดครองจิตใจกลับผุดขึ้นมาค้าน

อารมณ์ที่พาให้กระเหือดกระหายเพียงแค่เห็นวิธีขยับริมฝีปากของผู้ชายตรงหน้า ยิ่งเห็นข้อมือเต็มไปด้วยเส้นเลือดน่ากัดตอนเขาปลดกระดุมเสื้อระบายความร้อน ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ เธอกำลังปรารถนาเขา... ทั้งที่เขาน่ารังเกียจออกปานนี้

แต่เธอ... ห้ามความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย ราวกับร่างกายผิดปกติร้ายแรง มันอยากให้เขาสัมผัส ต้องการให้เขาครอบครองจนปวดร้าวไปหมด

เขมราชก็รู้สึกใกล้เคียงกัน ต่างกันตรงที่ยาตัวนี้ขับความต้องการที่เขามีต่ออมายาออกมาจนล้นปรี่ ทั้งที่ตั้งใจหยดยาลงไปในจานของตัวเองด้วย จะได้ไม่ฝืนใจเกินไป แต่ดูจะไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เพราะอีกนิดเดียว... ทั้งกายทั้งใจเขาคงรับมันไว้ไม่ไหว

“คะ... คุณจะทำอะไร” อมายาร้องถามเสียงสั่น เขากลับมองเธอนิ่งแล้วถอดเสื้อออก เผยแผ่นอกที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อพอเหมาะพอเจาะพาให้เธอหันเหความสนใจ

เขาทั้งน่ากัด ทั้งน่ากอด จนเธออยากลูบไล้ให้หนำใจ มากกว่าจะนึกขยะแขยงสัมผัสจากเขา... คนใจร้ายที่ทำราวกับไม่เคยรักกัน

“คลายร้อน” เขาดันโต๊ะไปด้านข้าง ก้าวเข้าไปจับไหล่บางทั้งสองข้าง ไอร้อนจากร่างกายเธอชวนให้คิดถึงภาพเรือนร่างกระจ่างตาที่ได้เห็นตอนอยู่เพนต์เฮาส์ เธอสวยงามและหมดจดจนเขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าภาพนั้นจะไม่กลับมารบกวนจิตใจ

สัมผัสนั้นคล้ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงวิ่งเข้ามาในกายอมายาจนเธอหายใจติดขัด ขนลุกชันอย่างน่าประหลาดใจ แต่แววตาคุกคามทำให้เธอต้องปัดเขาออกโดยสัญชาตญาณ แม้ใจเธอในตอนนี้... จะต้องการเขามากเหลือเกินก็ตาม

“อย่ามายุ่ง” เสียงร้องห้ามที่คิดว่าดังกลับแผ่วเบา

“ไม่ร้อนเหรอ” เขาไม่ยอมปล่อยมือ กลับยื่นหน้าเข้ามากระซิบเสียงกระเส่า

อมายาก้มหน้าหลบลมหายใจร้อนระอุนั้น และเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เมื่อวานยังเกือบจะฆ่ากันให้ตาย

ทำไมนะ... ถึงได้อยากใกล้ชิดกันแบบนี้ เช่นเดียวกับที่ไม่เข้าใจตัวเอง ที่ต้องการเขาจนไม่เป็นตัวเอง ซ้ำเหงื่อกาฬยังไหลจนชุ่มเสื้อ ไม่ต่างกับตรง ‘จุดนั้น’ ที่เปียกชื้นและปวดร้าวด้วยแรงปรารถนาจนต้องหนีบขาไว้

“ไม่ร้อนแล้ว” เธอบอกปัด เอียงใบหน้าหลบเรียวปากเนียนนุ่มที่กำลังจะหอมแก้ม กระนั้นเขาก็ตามลงมา จนสามารถใช้ร่างกายใหญ่โตทาบทับเธอลงกับเตียงในที่สุด

“เธอร้อน”

“ร้อนไม่ร้อนไม่เกี่ยวกับคุณ” อมายาสับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไร หัวใจเต้นรัวเร็วและคล้ายกับว่าจะหายใจไม่ออก เธอมั่นใจว่าป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาปกป้องหัวใจมันแข็งแกร่งพอที่จะเมินเฉยต่อเสน่ห์ของเขาได้

ไหนจะสิ่งที่เลวร้ายที่เขาทำมาทั้งหมด เพียงพอแล้วให้เธอสิ้นเสน่หา แต่ร่างกายเธอกลับแสดงออกสวนทาง และมัน... กำลังจะควบคุมไม่อยู่ เริ่มจากมือเธอ ที่กำลังลูบไล้แผ่นหลังเขาโดยไม่รู้ตัว

“เกี่ยวไม่เกี่ยวเดี๋ยวได้รู้” เขมราชฉกวูบลงไป ฝากรอยจูบไว้กับพวงแก้มเนียนที่ต่อให้ตรากตรำมาเท่าไรก็ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ติดอยู่ อมายาปล่อยเสียงครางอย่างเผลอไผล มั่นใจว่าเพราะความผิดปกติของร่างกาย ใช่เพราะหัวใจโอนอ่อนไปกับการเล้าโลม

“เธอไม่สบายตัวใช่ไหมล่ะ”

ใบหน้าหล่อเหลาผละขึ้นแล้วเอ่ยถาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปาก

มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาระหว่างสองกาย ตลบชายกระโปรงชุดราตรีสีหวานแต่เปื้อนคราบดินคราบโคลนขึ้น ลูบไล้เรียวขาเนียนเสลาก่อนผ่านขึ้นไปป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ของอมายา

“ฮือ... ออกไปนะ”

“ไม่อยากให้ฉันช่วยเหรอ” เอ่ยถามทั้งที่ตัวเขาเองก็ปวดร้าวกับความต้องการที่เอ่อล้นในใจ “ฉันช่วยเธอได้นะ”

เธอส่ายหน้าอย่างสับสน พลางตะปบมือเขา หมายใจจะหยุดยั้ง แต่กลับดันให้ล่วงล้ำเข้าไปใต้กางเกงในเนื้อบางทั้งแอ่นหยัดสู้มือนั้นอย่างหน้าไม่อาย

“นี่ยังว่าไม่อยากให้ช่วยอีกเหรอ”

เธอส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย หากร่างกายกำลังแอ่นหยัดบดเบียดเนื้อตัวเขา

เขมราชบิดปากยิ้มกว้างแล้วกดนิ้วลงตรงกลางดอกไม้สาว สัมผัสนุ่มลื่นจากพุ่มไหมนุ่มมือกระตุ้นความเป็นชายให้พองโตจนแทบจะปริแตก

“เฟลม ฉัน... อ๊า!” อมายาบิดเร่าอยู่ใต้ร่างหนา นิ้วเขาขยับเข้าออกช่ำชองจนเธอพร่าเบลอ ท้ายที่สุดอมายาไม่อาจฝืนความต้องการได้อีกต่อไป สองแขนเรียวกอดรอบลำคอเขา ขณะจ้องเข้าไปในแววตาร้อนแรงคู่นั้น แล้วเผยอปากรับจูบที่เร่าร้อนไม่แพ้กัน

กระทั่งนิ้วแกร่งส่งเธอสู่สรวงสวรรค์ เรียวปากบางจึงผละออกเพื่อปล่อยเสียงครางสุขสม เขมราชตามลงมาจูบซ้ำด้วยจุมพิตที่ทั้งรุนแรง ดุดัน และตะกละตะกลามเหลือเกิน แต่นั่นกลับไม่ได้ช่วยเติมเต็มความต้องการของกันและกัน

ชายหนุ่มล้วงถุงยางอนามัยจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาคาบไว้ กระดกสะโพกขึ้นโดยมีเธอคล้องแขนรอบลำคออยู่เพื่อปลดกางเกงแล้วปลดปล่อยความเป็นชาย

เขาใช้ฟันฉีกซองฟอยล์ สวมมันให้กับแท่งรักอย่างชำนิชำนาญแล้วยกขาเธอขึ้นก่อนดันให้เข่าสวยขึ้นมาชิดทรวงอก

ในความสับสน อมายารู้ดี... หากปล่อยให้เลยเถิด เธอจะต้องเจ็บปวดและเสียใจมากกว่าที่เป็น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทว่าไม่อาจควบคุมร่างกายได้เลย เพราะหากไม่ยอมให้เขาทำอะไรสักอย่าง เธอคงต้องทรมานเจียนตายอยู่กับอาการแปลกประหลาดนี้

“เธอต้องช่วยฉันบ้าง”

เธอเองก็... อยากให้เขาช่วย แต่ให้ตายเธอก็จะไม่พูดออกไป ทั้งอับอายและปวดร้าวด้วยแรงปรารถนาอันไม่รู้ที่มาที่ไป หากเขมราชก็เหมือนมานั่งอยู่ในใจ

เขาจับท่อนเอ็นหนาใหญ่จรดโพรงรัก ค่อยออกแรงดันเข้าไปทีละนิดจนเกือบจะสุดลำ ดอกไม้งามฉ่ำเยิ้มตอดรัดเขาจนแทบขาดใจ จึงแช่กายนิ่งอยู่ในตัวเธอ

เขมราชเห็นน้ำตาหยดนั้นร่วงริน ใจเขามันสั่นไหวอย่างน่าใจหาย ในยามที่โทสะใจสงบลงชั่วคราว ความน่าสงสารที่เขาเมินเฉยอยู่เรื่อยมากลับเข้ามามีผลต่อหัวใจ

เขาโน้มลงครอบครองเรียวปากเธอช้า ๆ กลืนเสียงสะอื้นลงไปอย่างปลอบโยน ซึ่งเขา... ไม่ควรทำ

อมายาค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง ซึมซับความอ่อนโยนจากจุมพิตที่เต็มใจมอบให้กัน อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ถ้ามันเป็นฝัน ก็คงเป็นฝันที่ไม่เลวนัก

เขมราชยังคงขยับกายเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างดุกัน โดยอมายาแอ่นหยัดรับแรงกระแทกไม่เหน็ดเหนื่อย จนจับจูงกันเดินสู่ปลายทางหฤหรรษ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งบนเตียงนี้ที่กว้างพอจะนอนเบียดกันได้ หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำ ตอนที่เขาอุ้มเธอไปชำระล้างร่างกาย

แม้เขมราชจะพยายามกลั้นความปรารถนาที่นอกเหนือจากฤทธิ์ยา ด้วยการบอกตัวเองว่า นี่เป็นหนึ่งในแผนที่เขาจะทำให้เธอ ‘ไม่เหลืออะไร’  และเขาจะไม่มีวันร่วมใจไปกับเธอ! แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่หมายใจ เพราะแทนที่เขาจะแสดงความป่าเถื่อนโหดร้าย กลับอ่อนโยนและนุ่มนวลจนแทบเป็นคนละคนกับเมื่อวาน

แต่เขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกันว่าจะทำได้อย่างใจ ในเมื่ออมายาช่างงดงามน่าหลงใหล และทำให้แตกสลายในกายเธออย่างบ้าคลั่งอย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำ จนเขารู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ปล่อยให้ตัณหาครอบงำจนหลงลืมสิ่งสำคัญอย่างการ ‘แก้แค้น’ ไปชั่วขณะ

12

ผู้แพ้

บทเรียนพิศวาสหน้าสุดท้ายจบลงที่เขาปลดปล่อยน้ำรักเหนียวข้นจนเอ่อล้นเยื่อบางกลิ่นสตรอว์เบอรีแล้วซวนซบลงกับลาดไหล่งาม นับเป็นครั้งที่เจ็ดของวันนี้ที่เธอรีดพิษสงออกจากเขาจนเกือบหมด

เขาสุขล้นจนเกินบรรยาย ยิ่งได้เงยหน้าสบดวงตาหวานฉ่ำของคนใต้ร่าง ก็อดไม่ไหวที่จะยื่นหน้าเข้าไปหมายใจจะครอบครองเรียวปากอวบอิ่ม

แต่ทว่า... ความรู้สึกผิดหนักอึ้งมันคอยถ่วงจิตใจ

ชายหนุ่มยั้งตัวเองไว้ ตรงไปเปิดตู้ใต้ซิงก์น้ำอีกด้านของห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสิบห้าตารางเมตร หยิบบรั่นดีมาเปิดจุก แล้วลากเก้าอี้มานั่งซด ขณะที่ใช้มืออีกข้างดึงเครื่องป้องกันออกจากความเป็นชาย โยนไปกองในถังขยะรวมกับชิ้นก่อนหน้า ในความรู้สึกพร่าเบลอกลับดำมืดอีกครั้งด้วยเงาแค้นในมุมใจ

อมายามองตาม ยังคงมึนงงกับสิ่งที่เขาแสดงออกมา บนเตียง... เขาถนอมเธอราวกับกลัวเธอจะแหลกสลาย แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไป กลับตีหน้าร้ายและมีท่าทีรังเกียจจนเธอใจเหลว ผลักดันให้เธอสลัดความคิดอาทรออกไป ด้วยหัวใจเจ็บมาเกินพอแล้ว

“ออกไปให้พ้น” อมายาบอกพลางดึงผ้าห่มคลุมกาย เธอไม่ทันได้มองเลย ว่าแววตาของเขาสับสนเพียงใด

“มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”

“ก็ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ หรือคุณอยากมองหน้าฉันเรื่อย ๆ แทนที่จะเอาเวลาไปคิดถึงเมียรักของคุณล่ะ เกิดพิศวาสฉันขึ้นมาแล้วเหรอ”

“ฉันจะมองหน้าเธอ หรือจะเอาเธอต่อแล้วจินตนาการว่ากำลังนอนกับมีนอยู่ มันก็เรื่องของฉัน” เขาจ้องเธอ พร้อมปรากฏรอยยิ้มประหลาดยามที่เลื่อนสายตามองเนื้อตัวหมิ่นเหม่ จนมือเล็กต้องรวบผ้าห่มแน่น “แล้วเธอล่ะ ยัง ‘อยาก’ เอาฉันอีกไหม ดูเหมือนเมื่อกี้ยังไม่ถึงใจเธอสิท่า”

“ฉันไม่...” เจ้าหล่อนต้องกลืนคำปฏิเสธนั้นเข้าไป ด้วยมันค้านกับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าไม่นับคืนนั้นที่คลับของแม่ เธอไม่เคยคิดจะนอนกับเขา ทำไมคราวนี้มันแปลก เหมือนกินของผิดสำแดงเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

ตอนนั้นเอง เธอเริ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ ‘กิน’ ก็มีแค่กับข้าวที่เขมราชนำมา ซึ่งเขาก็มีอาการคล้ายกัน อาจมีคนใส่ยาลงไป หรืออาจจะเป็นเขาเองก็ได้... เพราะคนงานที่นี่จะมีใครกล้าทำ พวกนั้นกลัวเขมราชเสียยิ่งกว่าอะไร

ใช่... คงเป็นเขา เขาเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว หาใช่ความบังเอิญ...

แต่ทำไมต้องกดค่าความเป็นคนกันขนาดนี้ ราวกับว่าเธอเป็นผักปลา ไม่ใช่เพียงฆาตกรที่ก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าเทียมกับเขา ผู้พ่ายแพ้ในเกมแค้นปล่อยเสียงสะอื้นไห้ อยากจะขาดใจตายไปเสียเลย ไม่ก็เป็นบ้าเสียสติก็ได้ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

“ยังไม่ถึงคิวที่เธอต้องร้องไห้ไม่ใช่เหรอ ร้องทำไม”

คนที่นั่งกระดกเหล้าตรงเก้าอี้เอ่ยถามเสียงเย็น เขาคิดไว้สองทางว่าอมายาอาจจะรู้ได้ตั้งแต่แรกมีอาการ กับเธอจะรู้... ตอนเขาเฉลย

อมายาไม่ตอบเขา เพียงพลิกตัวหันหลังแล้วร้องไห้เงียบ ๆ ใจอยากพุ่งเข้าไปทำร้ายตบตีให้หายแค้นใจ หากเรียนรู้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่ารังแต่จะทำให้มันแย่ลง

แต่ใจดวงนี้... กำลังแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี

“เป็นบ้าเหรอออย ร้องไห้เหมือนโดนข่มขืน เราต่างก็มีความสุขร่วมกันไม่ใช่เหรอ”

“คุณเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าสมยอมเหรอ” เธอเอี้ยวหน้าไปถามด้วยอดรนทนไม่ไหว แต่เห็นเพียงแววขบขันในดวงตาเขาเท่านั้น

“ฉันก็ไม่ได้ใช้กำลังกับเธอนี่” เขายักไหล่ รู้อยู่แล้ว ว่าเธอคงเข้าใจทุกอย่างแล้ว

“แต่คุณวางยาฉัน”

เพียงได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าเรียบนิ่งของเขมราชก็มีรอยยิ้มแต่งแต้ม นี่มันเข้าขั้นอาชญากรรมพอ ๆ กับการขืนใจ แต่เขากลับมีสีหน้าแบบนั้น... เขาทำได้อย่างไร

“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น มันเป็นเพราะเธอสมยอมเอง” เขมราชแกล้งรวน อมายาขยับขึ้นนั่งแล้วตั้งหน้าเถียง

“ไม่ ฉันไม่ได้สมยอม ฉันไม่เคยอยากนอนกับคุณ”

“อยากสิ เธออยาก”

“ฉันไม่อยาก ได้ยินไหม ฉันรังเกียจคุณ ให้ฉันนอนกับหมายังดีกว่านอนกับคุณ”

“ปากบอกไม่อยากได้ แต่วันนี้เธอถ่างขาให้ฉันล่อไปตั้งเจ็ดยก หมายความว่าไง”

“คุณรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป แล้วยังมาพูดแบบนี้อีก คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

“จริงเหรอ?” เขาแสร้งครุ่นคิด “แล้วอันที่ทำให้เธอครางเสียงหลง ทั้งในห้องน้ำ ทั้งบนเตียง ทั้งบนพื้นนี่ มันไม่ใช่ความเป็นชายของฉันเหรอ”

“เขมราช!!!”

ด้วยฤทธิ์น้ำเมาที่ซดไปเกือบครึ่งขวดพาให้เขาหัวเราะร่วน

แต่อมายากลับน้ำตาไหลนอง ยิ่งทุ่มเถียงกันเธอก็ยิ่งอับอาย จึงผลุบตัวลงไปใต้ผ้าห่มแล้วร้องไห้ระบายความเสียใจ

แต่เขาก็ก้าวเข้ามาดึงมันออกไป แล้วโน้มลงมากระซิบ

“เพราะเธออยากได้ฉันจนตัวสั่น เลยทำแบบนั้นกับมีน”

เขมราชอยากให้เธอเป็นคนผิดมากเสียจนไม่สนวิธีการเลยสินะ เขามันเลวร้ายเกินคน เป็นยิ่งกว่าปีศาจที่นรกส่งมาเกิด ความชั่วร้ายของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นช้าลง... จนคล้ายจะหยุดเต้นได้ทุกขณะ

“ไม่จริง!” อมายาผลักเขาออกให้พ้นตัว แต่ชายหนุ่มจับรวบข้อมือเธอแล้วดึงร่างสวยขึ้นมากอดรัด ก่อนเชยคางมนเพื่อให้เธอสบตา

“จริงไม่จริงให้คนดูตัดสิน”

อมายานิ่วหน้า เขาพูดอะไร คนดูที่ไหนกัน เธอเหลียวมองรอบห้องอย่างลนลานแต่ไม่พบใคร เว้นแต่เขาจะชูมือถือที่เขาถือมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ให้ดู

หญิงสาวอ้าปากค้าง... เป็นอีกครั้งที่ต้องตกใจคล้ายหัวใจถูกกระชากไปจากอก แต่สมองก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันที

“ไอ้สารเลว” มือน้อยตะปบมือถือเครื่องนั้น เขมราชหลบได้ทัน แถมยังล็อกตัวเธอไว้ในอ้อมกอดได้ด้วยแขนข้างเดียว

“จะได้สมกับเธอไง”

“คุณวางยาฉันเพื่อที่จะถ่ายคลิปงี่เง่านี่เองเหรอ ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม ถามหน่อยเถอะ ฮือ ๆ”

อมายารวบรวมกำลังเพื่อดิ้นหนี... แต่ไม่อาจหลุดพ้นอ้อมกอดของคนใจร้าย

“แล้วเธอเห็นฉันเป็นผีเหรอ” ยิ่งเขากวนประสาท ความอาฆาตเจ็บแค้นก็เล่นงานใจเธอจนเจ็บจุก แรงขัดขืนต่อต้านพลอยเหลือน้อย ไม่ต่างจากเรี่ยวแรงที่จะหายใจ

น้ำตาไม่ช่วยอะไร... แต่เธอเสียใจจนไม่รู้จะปลดปล่อยออกมาทางไหน ได้แต่บอกให้ตัวเองเข้มแข็ง เธอต้องไม่ตายอยู่ที่นี่

“คุณมันก็แค่ไอ้ผีนรก ดีแล้วที่อีมีนมันชิงตายไปซะก่อน ไม่งั้นมันคงต้องทรมานกับคนอย่างคุณไปจนวันตาย อ้อ... แต่ลืมไป ที่มันตายไปแบบนั้น ก็คงเพราะมันอยากหนีคุณ”

“ออย!!!”

เธอจ้องเขา เขมราชเสียอาการทุกครั้งที่พูดถึงการตายของเมียรัก เพียงเรื่องเล็กน้อยก็ฉุนขาด จิตใจอ่อนไหวจนผู้หญิงยังอาย ช่างน่าสมเพชไม่ต่างจากการกระทำ

“คุณคงไม่คิดว่าหลักฐานแบบนี้จะมีน้ำหนักในชั้นศาลหรอกใช่ไหม? เพราะมันก็แค่เซ็กซ์ ดีไม่ดีศาลท่านจะคิดว่าคุณเองก็เป็นใจให้ฉันทำ หรือไม่ญาติ ๆ อีมีนก็คงจะคิดว่าคุณนั่นแหละ เป็นสาเหตุที่ทำให้มันต้องตาย”

“ฉันไม่สนว่าศาลหรือคนอื่น ๆ จะคิดว่ายังไง”

“แล้วทำเรื่องเหี้ย ๆ แบบนี้ทำไม”

เธอกรี๊ดใส่หน้าเขาอย่างหมดความอดทน ไม่ว่าจะพยายามข่มอารมณ์ตัวเองอีกสักกี่ครั้ง เขาก็มักยั่วยุให้ระเบิดโพลงด้วยความเลวร้ายน่าเหลือเชื่อได้เสมอ

“เพราะฉันรู้ว่าใครที่มันจะสน” แววตาที่เจือด้วยความเลือดเย็นของเขาทำให้ลมหายใจอมายาสะท้าน “...ไอ้แชมป์ไง”

จริงสินะ... ชาวีคงผิดหวังในตัวเธออย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นคือคุณย่า... ท่านคงทุกข์ใจยิ่งกว่าเธอเป็นพันเท่า

แน่ละ เซ็กซ์คือเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ แต่ที่มันไม่ปกติ คือเธอโง่ปล่อยให้เขาบันทึกเหตุการณ์ประจานตัวเอง เป็นผลให้อมายาร่ำไห้เจียนจะขาดใจ

หากนี่เป็นแค่ฝัน... เธอก็อยากจะตื่นขึ้นในเร็ววัน

แต่เพราะมันไม่ใช่ และเธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ เธอถึงต้องยอมจำนนต่อความเลวทรามของเขาอย่างหมดแรง

“คุณต้องการอะไร ฮือ...” เธอรำพึงออกมาด้วยเสียงสะอื้นขาดห้วง เขมราชค่อยปล่อยร่างเล็กออกจากวงแขน แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเขาบีบรัดหนักหน่วงกับภาพของคนตรงหน้า แต่เขา... ไม่อยากทรยศต่อมีนรญา

“เธอต้องคุยกับไอ้แชมป์”

“ให้คุยว่าอะไร” ดวงตารื้นเศร้าช้อนมองเขา ไม่ได้หวังจะเห็นความสงสารเห็นใจหรืออะไรเทือกนั้น แค่อยากให้เรื่องบ้านี่มันจบ ๆ ไป เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน...

“บอกมันว่าเธอเลือกฉัน บอกว่าเธออยากอยู่กับฉัน แล้วไม่ให้มันมายุ่งกับเรื่องของเธออีก ต่อให้เธอจะติดคุกมันก็เรื่องของเธอ เพราะเธอเลือกเอง”

เท่ากับว่า... ให้ยอมรับกับคนที่ให้ความช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ว่าเขมราชเป็นแรงจูงใจให้เธอฆ่ามีนรญา ให้เธอยอมรับว่าเธอคือ ‘ฆาตกรตัวจริง’

อมายากำหมัดแน่น นอกจากเขาไม่เคยเชื่อคำพูดกันแล้ว ยังใส่ร้ายปรักปรำกันหน้าด้าน ๆ ซ้ำยังตัดทางไปทุกทาง

“แล้วถ้าเขาไม่เชื่อ...”

“ก็พูดอะไรก็ได้ให้มันเชื่อ”

“...”

“ไม่งั้นฉันจะส่งคลิปนี้ให้มันดู รวมถึงพ่อเธอ น้องสาวเธอ และย่าเธอด้วย เธอคงไม่คิดว่าฉันพูดเล่นหรอกใช่ไหม”

หลังจากต่อสู้ฟาดฟันกันมาหลายครั้งหลายหน เขารู้ดี... อมายาไม่มีวันยอมรับว่าต้องการเขามากแค่ไหน มากจนสามารถคร่าชีวิตคนอื่นได้ และชาวีเองก็มั่นคงกับอมายาเหลือเกิน ขนาดเห็นตำตาว่าอยู่ด้วยกัน ก็ยังดักดานอยู่ได้

เขาถึงต้องทำแบบนี้... ทำให้มีหลักฐาน ให้อมายาตัดทางรอดของตัวเองอย่างปฏิเสธไม่ได้ ต่อให้ชาวีจะหนักแน่นเหมือนหินผา ก็ไม่แคล้วพังทลายคล้ายถูกระเบิดทะลุทะลวง

หญิงสาวสูดหายใจกลั้นน้ำตา ก่อนถอดแหวนเพชรเม็ดงามจากนิ้วนางข้างซ้ายแล้ววางที่ผ้าห่มตรงหน้าเขมราช เธอผิดคำพูดที่ว่าไม่ได้นอนกับผู้ชายตรงหน้าในขณะที่ยังสวมแหวนของชาวีอยู่

แม้จะด้วยแผนสกปรกของเขมราช อมายาก็ไม่อาจดึงเจ้าของแหวนเข้ามาในวังวนความแค้นนี้ได้อีกต่อไป เพราะเธอเลือกรับประทานอาหารที่เขมราชนำมาเอง และที่สำคัญ เธอเลือก... ที่จะวิ่งออกมาจากอ้อมกอดของชาวี


ตั้งแต่อมายาหนีไป ชาวีก็แทบคลั่ง นึกเสียใจที่พยายามใช้กำลังบังคับขืนใจเจ้าหล่อน และคิดว่าไม่เขมราชก็นิกรที่อยู่เบื้องหลัง แต่กล้องวงจรปิดในคลับจับภาพดนุได้ ถึงมั่นใจว่าเป็นอดีตเพื่อนรัก

เขานัดพบดนุที่คลับเพื่อเค้นหาที่อยู่ว่าที่เจ้าสาว แต่ดนุไม่ยอมปริปาก กระทั่งได้รับสายจากอมายา คำตอบจากดนุจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป

เธอขอโทษที่ต้องหนีไป แต่เธอแต่งงานกับเขาไม่ได้ เขาไม่ต้องตามหา เพราะเธอเลือกเขมราชและขออยู่ตรงนั้น... เก็บเกี่ยวความสุขกับผู้ชายที่เธอรักจนกว่าจะถึงวันตัดสิน ต่อให้เขมราชจะมองเธอด้วยสายตารังเกียจแค่ไหนก็ตาม

ส่วนคุณย่า เธอจะหาทางช่วยท่านเองโดยไม่ต้องรบกวนเขา เพียงระหว่างนี้ให้ท่านอยู่ในความดูแลของเขาไปก่อน โดยเธอจะจ่ายคืนให้ทุกบาททุกสตางค์

ชาวีเข้าใจทันทีว่ามันหมายถึง... เธอฆ่ามีนรญาจริง ๆ เพียงเพราะต้องการผู้ชายคนนั้น ตลอดเวลาแม้ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจ ต้องทนรับรู้ว่าใจน้องมีแต่เขมราช เขาก็ทนไหว... เพราะเชื่อที่น้องบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ไอ้เพื่อนชั่วมันชี้นำ แกล้งไม่รับรู้เหมือนคนที่มีเพียงหัวใจ ไม่มีสมอง

แต่ทำไม... ทำไมอมายาถึงทำแบบนี้

ก็อยากคิดว่าน้องถูกเขมราชข่มขู่ อยากเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ทว่า... เขาเองก็แคลงใจในตัวน้องไม่น้อยไปกว่าใคร แม้จะพยายามเข้าใจอมายาอีกสักกี่ครั้ง พยายามซ้ำ ๆ แบบที่ไม่เคยพยายามเพื่อใคร แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่เคยอันตรธาน

จนสุดท้าย... เขาก็เป็นแค่ไอ้โง่ขี้แพ้คนหนึ่งในสายตาเธอ

“กูเสียใจที่ต้องบอกมึง ว่าตอนนี้มึงทำอะไรไม่ได้แล้วแชมป์”

ดนุที่เฝ้ามองอยู่และได้ยินทุกอย่างจาก speaker phone เดินเข้าไปตบไหล่ชาวีที่อ่อนแรงจนต้องทรุดลงนั่งกับโซฟาหนัง

นายแพทย์หนุ่มปัดมือเพื่อนเก่าออก ตามด้วยแววตาขุ่นเคืองไร้ที่ลง ดนุจึงถอยห่างอย่างเสียไม่ได้ ชาวีจึงกวักมือเรียกเลขาสาวที่อยู่ในห้องด้วยให้เข้ามารับคำสั่ง

“ยกเลิกความช่วยเหลือทุกอย่างที่ให้กับคุณออย” นั่นคือการรักษาพยาบาลคุณย่า นักสืบที่ให้ไปติดตามพี่ชายเขากับเอมมาลิน รวมถึงการดำเนินการต่าง ๆ ทางกฎหมาย

ดนุได้แต่ถอนใจ... เข้าใจความรู้สึกชาวีดี ว่าต้องใช้ความอดทนมากเพียงใดเพื่อจะเดินหน้าความสัมพันธ์กับหญิงที่รักผู้ชายอีกคนฝังใจ

แต่ความอดทนของคนมีจำกัด ยิ่งถูกบั่นทอนซ้ำ ๆ ด้วยความเคลือบแคลงหวาดระแวง คงไม่มีใครต้านไหว นับว่าใจกว้างมากแล้วที่จับมืออมายาเดินมาจนถึงตอนนี้ แต่ใจหนึ่งก็กลัวเพื่อนจะแค้นจนบ้าตามเขมราชอีกคน แม้เขาเองเชื่อว่าอมายาฆ่ามีนรญาจริง แต่หญิงสาวไม่ควรมาติดอยู่ตรงกลางพายุอารมณ์ของผู้ชายสองคน

“แต่มึงต้องคืนทุกอย่างให้น้องด้วย” ดนุว่า

ชาวีหันมองเพื่อนเก่า ไม่คิดว่ามันจะรู้ ทั้งที่ควรจะชินกับความลึกลับและฉลาดเป็นกรดของมันได้แล้ว

“มึงคิดว่าต่อให้น้องมีเงินล้นฟ้า มันจะปฏิเสธความจริงที่น้องเพิ่งยอมรับกับกูได้เหรอ ว่าน้องคือฆาตกร”

“กูก็ไม่รู้ แต่น้องมีสิทธิ์ที่จะสู้คดี”

ชาวีรู้ว่าเงินเหล่านี้จะช่วยต่อโอกาสของอมายา และต่อให้เธอจะฆ่ามีนรญาจริงหรือไม่ ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของเขา

“มึงจะบ้าทำร้ายน้องเหมือนไอ้เฟลมอีกคนเหรอ ถามหน่อย” ดนุถามต่อ

ชาวีทำแบบนั้นไม่ได้ อมายาไม่ได้พรากคนสำคัญไปจากเขา

และมากกว่าความอยากเอาชนะที่มีพอ ๆ กับความปรารถนาจะได้ครอบครอง สิ่งที่เขามีต่ออมายาคือความปรารถนาดีที่ลึกซึ้งอ่อนโยนยิ่งกว่าความรู้สึกไหน ๆ

ต่อให้เคยทำเรื่องแย่มาตั้งมากมาย แต่เขาจะไม่ทำแบบนี้

“ไม่หรอก... แต่แค่มันไม่ใช่หน้าที่กูแล้ว”

“งั้นก็อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย”

“เรื่องทรัพย์สินไว้กูจะติดต่อมึงไป แต่ถ้ามึงหวังดีกับน้อง ช่วยบอกให้น้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลด้วย ก่อนที่จะสายเกินไป”

“มึงหมายความว่าไง”

“กูยังไม่มั่นใจ แต่ถ้าพาน้องไปตรวจ ตอนนั้นมึงอาจจะรู้”

ดนุพยักหน้ารับและขอตัวกลับไป พร้อมกับความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจ ว่าเหตุใดอมายาที่เคยปฏิเสธข้อหาฆาตกรมาตลอดกลับยอมรับง่ายดาย หลังจากอยู่เกาะกับเขมราชเพียงแค่สองวัน

ด้านชาวียังคงกำหมัดแน่นด้วยลาวาอารมณ์ยังไม่เย็นลง เขมราชดีกว่าตรงไหน ที่เขาทุ่มเทหมดใจถึงไร้ความหมาย ต้องกลายเป็นผู้แพ้ถึงสองครั้งสองครา

จริงอยู่ที่ครั้งแรกเขายอมถอยเอง แต่ครั้งนี้... เขาไม่ถูกเลือก

“โธ่โว้ย!!!” มือถือในมือถูกปาลงกับโซฟาเหมือนไร้ค่า หวังให้ระบายไฟร้อนในอก หากก็ไม่ได้ช่วยอะไร แน่นอน... เขารู้ว่าใครช่วยบรรเทามันได้

“ไปเรียกคุณมารินมาหาผมหน่อย”

เลขาสาวรีบทำตามคำสั่งเจ้านายแล้วเตรียมออกไป แต่ประตูก็เปิดเสียก่อน ปรากฏร่างคุณแสงฉาย มารดาของเขา

“คุณแม่”

“แค่แม่มาหา ต้องตกใจขนาดนี้เชียวเหรอ”

คุณแสงฉายเป็นหญิงวัยกลางคนทรวดทรวงสะโอดสะอง เพราะต้องดูแลภาพลักษณ์เจ้าของคลินิกเสริมความงามอยู่เสมอ กิริยาท่าทางเป็นสง่าน่าเกรงขามสมกับเป็นเชื้อสายชาววังแม้จะแค่ปลายแถวก็ตาม

“คุณแม่มีธุระอะไรกับผมครับ”

“ได้ข่าวมาว่า ว่าที่เจ้าสาวหนีไปไม่ใช่เหรอ”

ชาวีหลบตาแม่ แต่กรามแกร่งขบแน่นยามได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของท่าน แม่มาคราวนี้คงไม่ได้มาบอกข่าวที่เขาต้องยินดี

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น

“ถึงเวลาที่เราต้องคุยเรื่องเจ้าสาวคนใหม่ของแชมป์แล้วนะ”

“เจ้าสาวคนใหม่?”

“อื้อ” ชาวีนิ่วหน้า ก่อนที่ใครบางคนที่เขาคุ้นเคยจะเดินตัวลีบเข้ามาในห้องรับรองวีไอพี เล่นเอาเขาอ้าปากค้าง

“เธอ!”

หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้างุดพร้อมหัวใจเต้นระรัว แต่มันเต้น... เพราะความหวั่นใจ เนื่องเพราะเธอไม่เคยต้องการให้มันลงเอยเช่นนี้

ทว่ามารินก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว...


เขมราชหนีบขวดเหล้าออกมาจากบ้านตู้คอนเทนเนอร์ เดินโซซัดโซเซไปนั่งแปะลงหน้าเจดีย์อัฐิของมีนรญา พร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

“พี่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่เหลือใครได้แล้วนะคะน้องมีน แต่พี่...”

เขาควรดีใจ เหตุใดน้ำตามันไหลออกมา หรือเพราะข้างในใจเขากำลังอึดอัดกับความรู้สึกที่เขา ‘ไม่กล้ายอมรับมัน’ กันแน่

ไหนจะภาพของอมายาที่วนเวียนอยู่ในหัว สัมผัสอ่อนหวานจากร่างกายของเธอยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก จนน่าหวั่นใจว่าเขาจะเผลอทรยศเมียกับลูกเข้าสักวัน

“พี่ขอโทษค่ะ พี่ไม่ควรรู้สึกแบบนี้” ปากพร่ำบอก มือยกขวดเหล้าเข้าปาก หวังว่าน้ำสีอำพันนี้จะช่วยขับไล่ความอ่อนไหวออกไป เขาจะไม่มีวันกลับไปรักอมายา... เขาจะบอกต่อหน้ามีนรญาและต่อหน้าลูก บอกให้หล่อนฟังไปพร้อม ๆ กับหัวใจของเขา

“พี่รักน้องมีน... น้องมีนได้ยินไหมคะ ว่าพี่รักน้องมีนคนเดียว”

ชายผู้เมามายพิงกายกับเจดีย์อัฐิสีขาวมุกยกมือขึ้นลูบไล้ภาพแสนหวานของภรรยาผู้ล่วงลับ หากในความคิดกลับมีภาพของหญิงสาวอีกคนผุดขึ้นมาซ้อนทับ

ความสับสนนำพาความทรมานมาสู่ใจ... จนเขาต้องปล่อยให้น้ำตารินไหล แต่เติมเข้าไปด้วยเหล้าฤทธิ์แรงที่หวังให้กร่อนใจตรงมุมที่ซุกซ่อนอมายาออกไป

ทั้งหมดอยู่ในสายตาไพน์ หล่อนสงสารนาย เช่นเดียวกับสงสารคุณมีนที่หล่อนนับถือ ผิดกับพี่สาวที่ต่อให้โดนทำร้าย ก็ทำตัวเหมือนสักไว้กลางหน้าผากว่า ‘ทีมออย’

“ไม่ต้องห่วงนะคุณมีน ไพน์จะช่วยเฮียกำจัดนังคุณออยนั่นเอง”

ไพน์เห็นนายหงายหลังนอนแน่นิ่งก็ตกใจ รีบเข้าไปประคอง แต่เขมราชกลับพร่ำเพ้อถ้อยคำแสลงใจ

“ออย” แววตาที่จ้องมองคนประคอง ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งต้องการและผลักไส แต่มือใหญ่กลับยกขึ้นมาประคองพวงแก้มซ้ายของหล่อนเบา ๆ

ไพน์อยากสวมรอยเป็นนังนั่น แล้วรวบหัวรวบหาง ‘เฮีย’ เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่หล่อนเกลียดเจ้าของชื่อเสียจนหมดอารมณ์

“ออยที่ไหนล่ะนาย นี่ไพน์เอง”

“ไพน์เหรอ”

“ค่ะ ไพน์เอง” หล่อนหงุดหงิดใจ ต่อหน้าเจดีย์อัฐิเมียยังเพ้อหาอีกคน อยากรู้ที่เฮียบอกว่ารักคุณมีนเพียงคนเดียวมันจริงแท้แค่ไหน

เขมราชพยักหน้ารับรู้ ปล่อยให้มือร่วงตกจากใบหน้าหล่อน ก่อนจะกลับมาพร่ำเพ้อถึงชื่อ ‘มีน’ ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกต้องอีกครั้ง

ไพน์พาเขามานอนในเรือนพักคนงานที่ว่างอยู่ แล้วเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขมราชดังขึ้น

หล่อนล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงนาย เป็นสายจากดนุ ซึ่งต่อให้จ้างร้อยล้านหล่อนก็จะไม่รับ ยิ่งมารับแทนนายยิ่งไม่มีทาง เพราะฝ่ายนั้นชอบหาว่าหล่อนอ่อยเขมราช ก็จริง... แต่หล่อนอับอายทุกครั้งที่ถูกจับได้

จะไม่ให้หล่อนเกลียดจนต้องกดตัดสายได้อย่างไร

แต่ในตอนจะวางมือถือคืนนาย พลันนึกถึงตอนผ่านบ้านตู้คอนเทนเนอร์แล้วได้ยินอมายากรีดร้อง พอเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่านายถ่ายคลิปนังนั่นไว้

แววชั่วร้ายปรากฏในดวงตาไพน์ ค่อยจับมือนายมาแปะนิ้วโป้งตรงปุ่มโฮมของโทรศัพท์ยี่ห้อดังที่เก่ากว่าของหล่อนหลายรุ่น เพื่อจะค้นดูคลิปที่ว่า

แต่ไม่มีเลย... นายไม่ได้ถ่ายเอาไว้งั้นหรือ หญิงสาวตวัดสายตามองคนเมาอย่างขุ่นเคือง ถ้าเพียงหล่อนเจอคลิปที่ว่า นังผู้หญิงคนนั้นเสร็จหล่อนแน่!

“นายนะนาย ทำไมต้องใจดีกับคนอย่างนังนั่นด้วย” ไพน์กระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไป หล่อนมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขมราชมากจนล้นใจ

มีนรญาเองก็รู้... แต่ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำไม่เคยทำให้หล่อนอึดอัดยามที่หล่อนพยายามเข้าใกล้เขา เพราะหล่อนขอเพียงแค่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้หวังจะครอบครองเป็นเจ้าของ เพราะรู้ดีว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของหล่อน

แต่กับอมายา... ผู้หญิงคนนั้นเหมือนหมาบ้า ที่หล่อนสาบานจะตีให้ตายถ้ามีโอกาส


เพราะแวะหลับที่ปั๊มในจันทบุรี ดนุเลยมาถึงเกาะในตอนเช้ามืดของอีกวัน โดยพ่อเพลงขับเรือไปรับ ระหว่างนั้นก็ได้รู้ว่าอมายาก่อเรื่องเอาไว้ แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือทำไมหญิงสาวถึงตัดสัมพันธ์ชาวี

ทว่าเขมราชเมาหลับไม่รู้เรื่อง จึงต้องไปถามเจ้าตัว ขณะเข้าใกล้บ้านตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้ยินเสียงอาเจียน ตามด้วยเสียงข้าวของล้มโครมคราม พอเปิดประตูก็เห็นอมายาในชุดเสื้อยืดกางเกงเล เท้าแขนกับตู้เหล็กริมหน้าต่าง นาฬิกาปลุก หนังสือตกกระจัดกระจาย ท่าทางไม่สู้ดี

ดนุหมายใจจะช่วยประคอง หญิงสาวปัดออก ทั้งที่อาการไม่สู้ดี พาให้เขานึกถึงที่ชาวีบอกให้พาเธอไปหาหมอ แต่เขาจะทำได้อย่างไร ในเมื่อเขมราชล่ามโซ่เธอไว้แบบนี้

“จะเข้ามาข่มขืนฉันต่อจากเพื่อนคุณเหรอ” อมายาเอ่ยถาม อาการปวดตุบ ๆ ที่ศีรษะเริ่มบรรเทา

“น้องออยพูดอะไรคะ”

“อย่ามาไขสือ” เธอแข็งใจเดินไปนั่งพักบนเตียง ลมหายใจยังเจือเสียงสะอื้น “พวกคุณรวมหัวกันวางยาฉัน แล้วถ่ายคลิปแบล็กเมลฉัน แล้วตอนนี้... ก็คงถึงตาคุณที่จะเข้ามา ‘เอา’ ฉันสินะ”

อมายาอยากฉีกคนพวกนี้ออกเป็นชิ้น ๆ แต่เธอรู้... ต่อให้เธอบ้ากว่าที่เป็นมาอีกพันเท่า ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้

ดนุนึกถึงครั้งที่เพลงพรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะเขากับเขมราช หล่อนพูดถึงเรื่องยา ก็จับต้นชนปลายได้ง่ายดาย ไม่คิดว่าเพื่อยัดเยียดให้อมายายอมรับข้อกล่าวหา เพื่อนเขาจะบ้าได้ถึงขนาดนี้

แต่ยิ่งเขมราชพยายามยัดเยียดตัวเองให้น้องเท่าไหร่ ก็ยิ่งแปลได้ว่าน้องไม่ได้รักและไม่ต้องการมันมากเท่านั้น

แล้วอย่างนี้... อมายาจะเข่นฆ่าคนอื่นเพื่อมันไปทำไมกัน

ความเจ็บปวดถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาหนึ่งหยดจากดวงตาแข็งกร้าวซ่อนความรวดร้าวของเธอ ชวนให้ดนุที่ใจเอนเอียงต้องรวดร้าว จนอยากดึงอมายาเข้ามากอด

แต่เธอไม่ใช่ของเขา... จึงทำได้เพียงข่มใจ

“พี่ขอโทษนะคะ ที่ทำให้น้องออยต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่พี่ไม่มีทางเลือก”

“ถ้าจะมาเพื่อพูดแค่นี้ ก็ออกไป ฟังแล้วจะอ้วก”

“พี่เข้าใจความรู้สึกน้องนะ แต่ถ้ามีอะไรที่พี่ชดเชยให้ได้ บอกพี่ได้เสมอนะคะ”

อมายาใจฟู เพราะเธอจะให้เขาช่วยพาหนี แต่ก่อนจะคาดหวังมากกว่านั้น เธอก็คิดได้ว่า คงไม่มีใครบังคับหมารับใช้ได้ นอกจากนายของมัน ผลักดันให้เธอยิ่งสงสัยในเจตนาของเขา

“คุณต้องการอะไรกันแน่”

“พี่แค่อยากให้น้องออยอยู่ที่นี่ไปก่อน”

แน่นอน อมายาเข้าใจสถานการณ์ตัวเองดี เธอไร้ที่พึ่ง คนที่เคยเกื้อหนุนต่างหนีหาย ฝ่ายนิกรคงรอคิดบัญชี ด้วยที่รามือไปเพียงเพราะเกรงใจชาวี เหมือนที่เกรงใจเขมราช ไม่อย่างนั้นมันคงฆ่าเขาตั้งแต่ตอนชิงตัวเธอออกมา

เพราะฉะนั้นเธอต้องอยู่ที่นี่... แต่เธออยากฟังเหตุผลของดนุด้วย

“ก่อนที่แม่น้องออยจะเสีย พี่รู้มาว่าท่านกำลังจะเล่นงานไอ้นิกร แล้วจากนั้นท่านก็จะมอบตัวกับตำรวจ แต่มันก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นซะก่อน”

“คุณรู้เหรอ ว่าแม่ฉันตายเพราะมัน”

“ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครคะ” นั่นสินะ... แม่เธอดันมาตายตอนจะลงจากหลังเสือ ใครจะดูไม่ออกว่าโดนเสือขย้ำ เว้นแต่ไอ้พวกที่กลัวเสือจนต้องยอมปิดหูปิดตา

“พี่กับตำรวจกำลังพยายามติดต่อขาล เพื่อจะเอาหลักฐานที่อยู่ในมือเขามาออกหมายจับไอ้นิกร พี่เชื่อว่าเขายังไม่ตาย แต่ตอนนี้คงยังติดต่อใครไม่ได้เพราะไอ้นิกรหูตามันเหมือนสับปะรด”

อมายานิ่วหน้ามองเขา ความเคลือบแคลงเกาะกุมใจยิ่งกว่าเก่า เขาจะทำแบบนี้ทำไม ต้องมีเหตุผลมากกว่าอยากกันเธอออกจากคนอันตรายโดยให้อยู่กับคนที่อันตรายน้อยกว่า และเหมือนชายหนุ่มมานั่งอยู่ในใจ

“ไอ้นิกรมันอยู่เบื้องหลังการตายของพ่อแม่พี่”

“...”

“มันเป็นคนวางเพลิงกะจะเผาคุณป้าทั้งเป็น แต่พ่อกับแม่พี่แลกชีวิตช่วยคุณป้าไว้ พี่สาบานกับตัวเองว่าต่อให้พี่ต้องตาย พี่ก็จะลากคอมันเข้าคุกให้ได้ ตอนนั้นน้องออยจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้

พอเขาสบโอกาสจึงร่วมมือกับตำรวจแฝงตัวเข้าทำงานในคลับของแม่เธอ ไม่มีใครสงสัยในชาติกำเนิดเขา

ทุกคนยกเว้นเขมราชกับคุณป้ารู้เพียงว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าจากสลัมเดิมที่คุณป้าเคยเติบโตมาเท่านั้น แต่ทั้งสองก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ หากไม่มีสิ่งใดหยุดความตั้งใจของเขาได้

“เฟลมจะยอมเหรอ” ความหวังของอมายาริบหรี่ เพราะเห็นอยู่ว่าเขาภักดีต่อเจ้านายแค่ไหน

ดนุตอบไม่ได้ เพราะหลายอย่างยังไม่แน่นอน อมายาเองก็ไม่อยากตั้งความหวัง แต่เธอจำเป็นต้องมั่นใจ

“ฉันจะเชื่อใจคุณได้ยังไง”

สำหรับบางคนที่เจ็บปวดเพราะถูกทรยศซ้ำ ๆ เขาไม่อาจร้องขอความเชื่อใจ แต่เขาจะทำให้เธอเห็น

“สมบัติของแม่น้องออยที่ไอ้นิกรเอาไป แล้วไอ้แชมป์ไปทวงมาได้ มันจะคืนให้ผ่านทางพี่ ถ้าน้องออยอยากให้พี่ช่วยติดต่อใครให้ บอกได้เลยนะคะ”

เธอไม่เข้าใจ ชาวีบอกว่านิกรไม่ยอมคืนให้ คลับนั่นเขาก็ต้องขอซื้อมาไม่ใช่หรือ ถ้าเป็นอย่างที่ดนุบอก ชาวีก็คงต้องการให้เธอหมดหนทาง จะได้อยู่กับเขาตลอดไป

แม้รู้ว่าทั้งชาวีและเธอต่างอยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ มีส่วนได้ส่วนเสียพอ ๆ กัน แต่เธอไม่เข้าใจทำไมรอบตัวมีแต่คนน่ากลัว

หลายครั้งก็นึกสงสัย... หรือพวกเขาคือคนปกติ เป็นเธอที่แปลกแยกเพราะตามเกมไม่ทัน พาให้หวาดระแวงไปหมดโดยเฉพาะคนตรงหน้า

“ฉันไม่เชื่อหรอก พวกคุณไม่มีใครเชื่อด้วยซ้ำว่าฉันไม่ได้ฆ่าอีมีน แล้วจะมาช่วยฉันเพื่ออะไร ถ้าต้องการผลประโยชน์บ้า ๆ บอ ๆ ฉันไม่มีให้หรอกนะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว คุณก็เห็น”

ตอนนั้นเอง ดนุขยับเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงพื้นข้างเตียง จับมือที่เขาปรารถนาให้เป็นของเขาคนเดียวขึ้นมาลูบเบา ๆ รอยแผลเป็นจาง ๆ ที่หลังมือทำให้นึกถึงอดีต

เธอเป็นรุ่นน้องในชมรมที่อยู่นอกสายตาเขามาตลอด กระทั่งแมวของชมรมกัดกันแล้วเธอเข้าไปห้ามจนได้แผลที่หลังมือ เขาช่วยปฐมพยาบาลให้ แต่เธอไม่ได้ใส่ใจบาดแผล ดื้อรั้นจะไปตามน้องแมวที่หนีเตลิดแล้วพามันไปหาหมอ จนเขาต้องช่วยตามหาทั้งวัน

เขาได้ใช้เวลากับเธอบ่อย ๆ เพราะต้องรับผิดชอบแมวจนกว่ามันจะหายดี รู้อีกทีในสายตาเขาก็ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเธอ

คนอื่นตกหลุมรักอมายาด้วยเหตุผลใดเขาไม่รู้ แต่เขาตกหลุมรักเธอเพราะความอ่อนโยนเล็ก ๆ ที่คนอื่นมองข้าม

ยอมรับว่าพอเห็นสิ่งที่เธอทำตอนคบกับเพื่อนเขา ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความอ่อนโยนเหล่านั้นหายไปไหน ยิ่งมีนรญามาตาย ยิ่งตอกย้ำว่าเธอเลวร้าย

แต่เขาก็ไม่ได้เลือดเย็นถึงขั้นจะตัดหนทางอมายา

“พี่ยอมรับว่าพี่ไม่รู้จะเชื่อน้องออยได้ยังไง แต่น้องออยมีสิทธิ์ที่จะพิสูจน์ตัวเอง แล้วพี่ก็มีส่วนทำให้น้องออยมาติดอยู่ที่นี่ พี่เลวที่เลือกบุญคุณมากกว่าความถูกต้อง พี่ต้องชดใช้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด... เอาเป็นว่านี่เป็นผลประโยชน์ที่พี่อยากได้จากน้องออยแล้วกันนะคะ”

เธอจ้องลึกเข้าไปในแววตาเขา หากก็เห็นแต่ความหนักแน่นจริงจัง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้ คงต้องเสี่ยงเอา

จะอยู่ที่นี่ต่อไปได้... เธอต้องหาพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

“ถ้าพี่แชมป์คืนให้เมื่อไหร่ก็บอกละกัน”

ชาวีคงยุติความช่วยเหลือแล้วทุกทาง แต่บางคนติดคุกหลายสิบปียังใช้อำนาจควบคุมคนภายนอกได้ นับประสาอะไรกับเธอที่แค่ติดเกาะนรกกันล่ะ

แม้ไม่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ตอนนี้... เธอมีเงินมากพอให้มองเห็นทางรอดของตัวเอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป