บทที่ 6 5

13

เรียกเมียไม่เต็มปาก

แปดโมงกว่า เขมราชตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเมาค้าง หากก็ตาสว่างทันทีที่ไพน์รายงานว่าดนุกลับมา แต่ไปขลุกอยู่กับอมายาที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์นานแล้ว เขาพรวดพราดออกไปทันทีเนื่องเพราะรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

ทำไมจะไม่รู้ว่าดนุรู้สึกอย่างไรกับอมายา และคงยอมไม่ได้ถ้าสองคนนั้นแอบมีสัมพันธ์ลับหลังกัน

ดนุเดินออกมาจากบ้านพอดีเห็นเขมราชสับเท้ามาแต่ไกลก็กำหมัดแน่น นึกถึงสิ่งที่มันทำกับน้องแล้วอยากเอาเลือดหัวมันออก หากก็บอกให้ตัวเองเย็นลง เขมราชจะไม่อยู่เฉยเมื่อรู้ว่ามีคนปกป้องศัตรูของมัน กลับกัน คนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งนายทำหน้าถมึงทึง ลาวาอารมณ์พวยพุ่งจนแทบจะฉีกเพื่อนรักเป็นชิ้น ๆ ได้ด้วยสายตา

“มึงเข้าไปในบ้านทำไม”

“กูก็เข้าไปคุยกับน้อง” ดนุบอก เขามั่นใจว่าตนคุมอารมณ์ได้ดีกว่าอีกฝ่ายที่เริ่มหน้าดำหน้าแดง

หรือถ้าจะพูดให้ถูก... พักหลังเขมราชเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผิดปกติ

“คุยงั้นเหรอ” เขมราชกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ก่อนตะคอกถาม “คุยอะไร ทำไมต้องคุยในนั้น แล้วคุยตั้งนานสองนาน มึงทำอะไรออย”

ดนุจ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจังระคนผิดหวัง ก่อนจะกระชากมือเขมราชออกพ้นตัว กลับเป็นฝ่ายดึงคอเสื้อมันแทน

“มึงล่ามน้องขนาดนั้น จะให้น้องวาร์ปมาคุยกับกูข้างนอกได้เหรอวะ”

“...”

“แล้วกูก็ไม่ใช่มึง ที่จะทำกับน้องโดยที่น้องไม่เต็มใจ”

เท่านั้นละ แววตาวาวโรจน์ของเขมราชก็อ่อนแสงลง ความปลาบปลื้มซึมแทรกหัวใจเมื่อรู้ว่าอมายาไม่ยอมเป็นของใคร นอกจากเขา

และเขายอมรับว่าหวั่นใจจนมองข้ามความภักดีของเพื่อนไป ทั้งเริ่มเข้าใจที่มาของท่าทีกราดเกรี้ยวของดนุ ผู้ไม่เคยทำแบบนี้กับเขามาก่อน

“รู้แล้วสินะ”

“มึงคิดว่าจะปิดกูได้รึไง” ดนุจ้องมองในดวงตาอีกฝ่าย สาบานถ้าเขมราชเป็นคนอื่น เขาจะระบายโทสะทั้งหมดใส่หน้ามันไม่ยั้ง

“ถึงจะรู้ แล้วมึงจะทำอะไรได้” เขมราชผลักเพื่อนออกพลางจัดเสื้อผ้า เขาไม่คิดจะปิด แค่ไม่อยากให้รู้ก่อนลงมือ ดนุคงค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน

“ออยเป็นของกูอยู่แล้ว ตอนที่มึงปล่อยกูเมาเหมือนหมา แล้วเธอก็เข้ามาสวมรอยเป็นมีนเพื่อจะนอนกับกู... ครั้งนี้แค่กูใช้ยาเพื่อความสนุกนิดหน่อย มันจะผิดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เพื่อความสนุกเหรอ?” ดนุขบกรามแน่น ยิ่งเขมราชไร้ความเป็นคนเท่าไร เขาก็ยิ่งปวดใจเนื่องเพราะเขา... มีส่วนผลักน้องให้ตกอยู่ในนรกขุมนี้ “ความสนุกของมึงคือการแบล็กเมลผู้หญิงไม่มีทางสู้เหรอ”

“มึงรู้ดี ไอ้นุ ว่าความสนุกของกูคือการที่ออยไม่เหลือทางไป แล้วเข้าไปตายอยู่ในคุกเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอทำกับลูกเมียกู”

เขมราชเสียงเข้ม ลึกลงไปรู้ดีว่าตัวเองเลวร้าย แต่หากเทียบความเลวของผู้หญิงคนนั้น... มันก็สมน้ำสมเนื้อที่สุดแล้ว

“ตอนนี้ออยไม่ใช่เมียมึงสินะ”

คำพูดของเพื่อนรักพาให้เขาเม้มปากอยู่อึดใจหนึ่ง ด้วยมันยิ่งทำให้เขาสับสน

เขายอมรับว่า ‘เซ็กซ์’ กับเธอมันช่างแสนวิเศษ

แต่เขามีเมียคนเดียว... คือมีนรญา

“เธอก็แค่ผู้หญิงเลว ๆ ที่อยากได้กูจนตัวสั่น ไม่มีค่าพอจะให้กูเรียกว่าเมีย”

“ถ้างั้นก็ยกออยให้กู”

“ไม่มีวัน!!!” เขมราชปราดเข้ากระชากคอเสื้อเพื่อนรักอีกครั้ง ใจทั้งดวงร้อนรนจนอยากฆ่ามันให้ตายตรงหน้า

“แต่มึงไม่เคยคิดว่าน้องเป็นเมีย ไม่เคยคิดจะทะนุถนอมน้อง มึงก็ควรยกน้องให้กูซะ ถ้าจบเรื่องพวกนี้แล้วกูจะเป็นคนดูแลน้องเอง”

“มึงจะทรยศกูงั้นเหรอ”

“มันเรียกทรยศได้เหรอวะ” ดนุจับข้อมือเพื่อนออกจากเสื้อตน ก่อนถอยมาจากมัน หากแววตาหนักแน่นที่จ้องไป กลับทำความมั่นคงในใจเขมราชสั่นคลอน

“...”

“ถึงตอนที่มึงแก้แค้นจนน้องไม่เหลืออะไรแล้ว น้องก็คงไม่ต่างจากของพัง ๆ ในสายตาของใครต่อใคร กูแค่จะขอเป็นคนเก็บสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาประกอบขึ้นใหม่ แล้วจะดูแลรักษามันอย่างดี มึงอย่าใจร้ายกับน้องถึงขนาดนั้นเลย”

“แต่เธอฆ่าครอบครัวกู...” ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนรักเพียงคนเดียวจะพูดแบบนี้ เขมราชกลัวเหลือเกินว่าสักวันดนุจะหักหลังเขาเพื่อผู้หญิงคนนั้น

“แล้วมึงเคยคิดหรือเปล่า ว่าน้องอาจจะไม่ได้ทำ”

“ถ้ากูพูดบ้าง ว่าไอ้นิกรไม่ได้ฆ่าพ่อแม่มึง มึงเชื่อไหม ทั้งที่ไม่มีหลักฐานโยงถึงมันเลย แต่มึงก็รู้ว่าเป็นมัน แต่กับออยที่เอาแต่พูดว่าไม่ได้ทำ ๆ แต่หลักฐานแน่นขนาดนั้น มึงจะให้กูคิดยังไง”

ทั้งรอยนิ้วมือและดีเอ็นเอที่เก็บได้ในรถคันก่อเหตุ ทั้งกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่เธอเดินทาง เขมราชจะเอาใจที่ไหนมาเผื่อไว้ว่ามันไม่ใช่เธอ

“แล้วมึงคงไม่ลืมใช่ไหม ว่าออยเหี้ยมถึงขนาดเคยให้นายเก้าไปซ้อมกูกับมีนที่เมืองนอกจนปางตาย” นับจากวันนั้นเขมราชก็ไม่อาจมองอมายาในแง่ดีได้อีกเลย

ดนุผ่อนลมหายใจ เขาไม่อาจเชื่ออมายาได้สนิทใจ แต่แล้วใครสน... ต่อให้เธอจะทำจริงหรือไม่ ก็ควรได้โอกาสที่จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แน่นอนว่าเขมราชคงไม่เข้าใจ

“ถ้ามึงเลือกออย เท่ากับมึงหักหลังกู แล้วถ้ามึงบอกไอ้แชมป์เรื่องยา กูจะไม่ปล่อยมึงไว้ นุ”

“งั้นถ้าน้องติดคุกแล้วพ้นโทษออกมา มึงก็จะจองล้างจองผลาญน้องไม่ต่างจากตอนนี้สินะ น้องไม่มีโอกาสจะมีชีวิตใหม่เลยเหรอ”

“แล้วลูกเมียกูมีโอกาสได้ใช้ชีวิตหรือเปล่า”

เขมราชคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด เขาไม่รู้หรอกว่าถ้าถึงตอนนั้นเขาจะรู้สึกอย่างไร แต่คงทนเห็นฆาตกรมันมีความสุขบนความทุกข์ของตัวเองไม่ไหว

เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดี ด้วยลำพังเมียตายคนเดียว เขาคงใจอ่อนกับอมายาไปหลายหน แต่ลูกของเขา... เด็กคนนั้นบริสุทธิ์เกินกว่าที่เขาจะมองข้ามความผิดของใครแล้วปล่อยให้มันมีความสุขได้

ดนุส่ายหน้าเหนื่อยใจ หากเป็นอย่างนี้คนที่ติดคุกนอกจากจะเป็นน้อง ก็คือเพื่อนตนด้วย แต่เป็น ‘คุกทางใจ’ ที่มันคงทรมานมากกว่าคุกทางกฎหมายเป็นไหน ๆ

“งั้นมึงก็ควรฆ่าน้องซะ เพื่อที่ตัวมึงเองจะได้หลุดพ้นด้วย”

“ฆ่าแล้วมันจะสนุกอะไรล่ะ”

“ก็ดี”

“ดีอยู่แล้ว แล้วจะดีเข้าไปอีกถ้ามึงอยู่ห่าง ๆ ออยเอาไว้”

“ถ้ามึงตบตี หรือทำให้น้องเลือดตกยางออกเมื่อไหร่ กูไม่อยู่เฉยแน่เฟลม... แล้วจะมาหาว่ากูทรยศไม่ได้นะ เพราะมันคือสัญญาลูกผู้ชายที่ทำให้กูยอมทำเลวเพื่อมึง”

“กูไม่จำเป็นต้องทำให้เธอเจ็บปวดด้วยวิธีนั้นหรอก”

เขมราชบอกเสียงเรียบ แววตาไร้ความหวั่นไหวก่อนเดินตรงไปที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์ ดนุก็ได้แต่รอดู ว่าความเจ็บปวดของอมายาจะทำให้มันมีความสุขได้จริง ๆ

ด้านเขมราชเดินไปถึงก็กระชากประตูบ้านอย่างแรงจนคนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงสะดุ้งสุดตัว เธอมองหาของที่จะใช้แทนอาวุธ แต่เพราะเหตุไฟไหม้ เขาเลยเก็บทุกอย่างที่คาดว่าอันตรายออกไกลมือเธอเสียหมด เว้นนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง...

อมายาคว้ามันแล้วง้างขึ้นสุดแขน หมายจะฟาดร่างเสมือนของผีร้ายที่ย่ำเท้าเข้ามา แต่เขารั้งแขนเรียวไว้กลางอากาศ พลางใช้อีกแขนตวัดร่างเธอเข้าไปแนบชิด แล้วฉกใบหน้าเข้ามาบดจูบเร่าร้อนจนเธอพร่าเบลอ


ความรู้สึกแต่หนหลังย้อนเข้ามากระแทกหัวใจ ไออุ่นจากกายเขาลามเลียกำแพงหนาในใจช้า ๆ พาให้อมายาต้องสะบัดดิ้น ผลักเขาออกสุดแขน ก่อนเงื้อมือหมายใจจะฟาดเขาให้ยับ กลัวจะเผลออาวรณ์ความรักบ้าบอ หากเขาก็ปัดมันจนร่วงลงพื้นแล้วกระชากเธอเข้าไปกอดได้อีกหน

“ไปให้พ้นนะ จะเข้ามาเอาอะไรอีก” เขมราชเป็นเหมือนผีร้ายที่เธอไม่อยากเข้าใกล้ เขาเองก็รังเกียจเธอจะเป็นจะตาย ทำไมไม่อยู่ให้ห่างกันเข้าไว้

เขายิ้มมีเลศนัย ดวงตาหลุบมองเรียวปากสีชมพูสวยที่เขาไม่ปรารถนาให้เป็นของใคร แค่คิดว่าดนุอยากรับไม้ต่อ เขาก็กระสันอยากประทับตราจองจะแย่

“อื้อ...”

เขาจูบริมฝีปากที่เขาโหยหา แต่ความนุ่มนวลค่อยแปรเปลี่ยนเป็นลงทัณฑ์ยามนึกถึงเรื่องที่ดนุคุยกับเธอสองต่อสอง ซ้ำยังกล่าวหาว่าเขาไม่ได้ถนอมเธอเท่าที่ควร

มากกว่ามึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อมายาเจ็บจนน้ำตาซึม เธอสะบัดหน้าออกแล้วเบี่ยงหลบ เธอไม่เข้าใจ... เขาได้ในสิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว ยังอยากได้อะไรจากเธออีก

“ฉันเกลียดคุณ” ความจริงเธอไม่ควรพูดออกมา ด้วยมีแต่จะสร้างผลร้าย แต่การกระทำของเขาที่บอกว่าเกลียดแต่กลับกอด บอกว่าไม่ได้รักแต่ดันจูบ สร้างความสับสนจนเธอไม่อยากเก็บอะไรอีกแล้ว

“ไม่เชื่อหรอก” เขาหอมไหล่เธออย่างเผลอไผล “เธอน่ะอยากได้ฉันจะตาย”

“ถ้าจะเข้ามาเพราะเรื่องแค่นี้ ออกไปเหอะไป รำคาญ”

“จะให้ไปที่ไหน นี่บ้านฉันนะ” อ้อมแขนแกร่งรัดแน่น เขมราชทั้งหมั่นไส้ ทั้งมันเขี้ยวผู้หญิงคนนี้จนทนไม่ไหว “อีกหลังเธอก็เผาซะเกือบวอด”

“เมื่อคืนนอนที่ไหนก็ไปที่นั่นสิ” เธอหมายความตามนั้น ใช่จะมารยาประชดประชัน แต่กลับผลักดันให้คนบ้ายิ่งหลงตัวเอง

“เธอหึงเหรอ”

“ไม่มีวัน!”

“เมื่อคืนฉันนอนบ้านไพน์เชียวนะ”

“จะนอนที่ไหนก็เรื่องของคุณ แค่อย่ามานอนกับฉันอีกก็พอ”

“นั่นไง เธอหึง” คนหน้าไม่อายพูดเข้าข้างตัวเอง “งี้นี่เอง ถึงได้ฟ้องไอ้นุว่าฉันไม่ได้ถนอมเธอ เธออิจฉาไพน์ใช่ไหมล่ะ”

“ถ้าให้อิจฉานังเด็กสก๊อยนั่น อิจฉาวัชพืชแถวนี้ยังดีซะกว่า แล้วฉันก็ไม่ได้ฟ้องพี่นุเรื่องอะไรทั้งนั้น เขาฉลาดพอที่จะรู้เอง จากแผลพวกนี้”

“มันก็คงฉลาดพอที่จะรู้ว่าเธอเองก็ร้ายไม่เบา ดูจากแผลบนหัวฉันเนี่ย”

“ก็สมควรแล้ว” อมายาบิดตัวจากวงแขนแกร่ง แต่ยิ่งเธอดิ้น เขายิ่งรัดแน่น การต่อต้านอาจไม่ส่งผลดี จึงต้องยอมละพยศ นั่นทำให้เขาพอใจถึงคลายอ้อมกอด

“เรามาตกลงกันดีกว่า”

“คุณต้องการอะไร” อมายาถามออกไป รู้สึกอับจนหนทางอย่างเจ็บปวด เข้าใจดีว่าสองฝ่ายจะทำข้อตกลงก็ต่อเมื่อจะได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่เธอให้เขาไปจนหมดแล้ว

หรือเขาจะรู้เรื่องทรัพย์สินของแม่จากดนุ แล้วจะใช้มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนอีกงั้นหรือ หากเป็นอย่างนั้นเธอคงตัดสินใจผิดที่ไว้ใจดนุ

“ฉันเข้าใจสถานการณ์เธอดีนะ จะหนีก็ไม่รู้จะไปที่ไหน เพราะไม่มีใครคุ้มกะลาหัวให้แล้ว ได้ข่าวไอ้แชมป์ก็กำลังจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวด้วย”

อมายาตกใจพอสมควร มันเร็วเกินไป แต่ด้วยหน้าตาทางสังคมแล้ว พวกเขาคงรอไม่ไหว เนื่องเพราะเธอหนีมาแบบนี้

“เธอคงไม่หน้าด้านกลับไปหามันหรอกใช่ไหม”

“อย่าพูดเหมือนทุกคนจะนิสัยเหมือนอีมีน”

ปากดี ปากดีจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังต้องอยู่กับเขาอยู่ดี

“เริ่มคิดวิธีจะอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ ไว้รึยัง”

เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด เหมือนสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังบาดเจ็บในกับดักของเขา แต่ยังต้องมีลมหายใจ ขณะที่คนใจร้ายหักแข้งหักขา และบรรจงกรีดมีดลงในเนื้อหนังของเธอ... ทีละนิด เฝ้ามองการดิ้นรนครั้งสุดท้าย ก่อนเธอจะหมดลมหายใจ

“แต่เธอจะอยู่แบบไหนล่ะ ระหว่างมีโซ่ล่ามขา อด ๆ อยาก ๆ เพราะไม่ได้กินข้าว หรือจะอยู่แบบปกติธรรมดา ได้กินข้าวครบมื้อครบหมู่ ใส่เสื้อผ้าดี ๆ เดินไปไหนก็ได้ในเกาะนี้ แลกกับการเป็นเด็กดีของฉัน”

เขาโถมตัวพาเธอล้มลงนอนกับฟูกนุ่ม กักขังไว้ด้วยเรือนกายกำยำ กลิ่นตัวหอมสดชื่นของเธอทำให้เขาไม่อาจห้ามใจ โน้มลงไปสูดดมจากพวงแก้มร้อนผ่าวเสียทีหนึ่ง

หอม... หอมมาก ๆ และน่าจะหวานด้วยหน่อย ๆ จนคิดว่าถ้าเขาแลบลิ้นออกมาชิมแก้มอมายา จะดูโรคจิตไปหรือเปล่า แต่เขา... ต้องห้ามใจ ด้านอมายากัดฟันแน่น สิ่งที่เขาต้องการมาตลอดก็แค่หยามศักดิ์ศรีเธอ

“เวลาฉันกอดฉันหอม ก็อย่าทำตัวแข็งเหมือนท่อนไม้”

“แล้วจะมากอดมาหอมทำไม” คนที่เผลอเกร็งตัวร้องถามเสียงเครือ

“เธอจะได้ไปแก้ข่าว ว่าฉันไม่ได้ทำรุนแรงกับเธอ จะได้ไม่ต้องเอาความน่าสงสารของตัวเองไปหลอกใช้ไอ้นุมันอีก เพราะคนอย่างเธอมันไม่น่าสงสารเลยสักนิด”

ภาพของนิกรและชาวีที่เคยพยายามหักหาญน้ำใจซ้อนทับกับภาพเขา พาให้อมายาตัวสั่นอย่างหวาดหวั่น

“อยู่กับฉันไม่ถึงสิบนาทีทำตัวสั่น แต่อยู่กับไอ้นุได้เป็นชั่วโมง หึ! คงเป็นหนึ่งในแผนที่จะทำให้เธออยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สินะ โคตรมารยา”

“จะมารยาเฉพาะกับคนเลว ๆ เท่านั้นแหละ!” พอถูกต่อว่ามากเข้า อมายาชักทนไม่ไหว โทสะในใจมากมายไม่อาจระบาย สุดท้ายจึงรินไหลในรูปแบบของน้ำตา

แต่คนถูกด่าเอียงใบหน้าครอบครองเรียวปากสั่นระริกอย่างกักขฬะ มือหนาบีบปลายคางเธอแน่น ดูดกลืนเอาลมหายใจไล่ลามไปถึงความรู้เนื้อรู้ตัว มันทำให้เธอกลัว... ว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะกลับมา คราวนี้เธออาจจะจัดการมันไม่ได้อีก

“เริ่มอ่อนระทวยแล้วนี่” เขาคลายจูบแล้วถามเสียงกระเส่า “...คราวนี้ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าเธออยากได้ฉัน”

ต่อให้เธอต้องตาย ก็จะไม่มีทางพูดในสิ่งที่ค้านกับหัวใจ แต่เขากลับใช้วิธีสกปรก ด้วยการ ‘จูบ’ เธอ ครั้งแล้ว... ครั้งเล่า จนปากสีชมพูสวยบวมเจ่อ

หากต่อต้านก็มีแต่สร้างผลร้าย เธอกับเขาต่างรู้บทบาทตัวเอง ไม่มีอะไรจะเสียแล้วถ้าจะเล่นตามน้ำ เลยได้แต่นอนนิ่ง ๆ ให้เขาบดเคล้าปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ แต่กลับเป็นจูบที่อ่อนหวานยิ่งกว่าครั้งไหน

เขมราชทำแบบนี้ทำไม... ถ้ากักขฬะรุนแรงกับเธอยิ่งกว่านี้ยังดีเสียกว่า

“อื้ม... เด็กดี” เขาพึมพำชิดเรียวปากเธอก่อนใช้ฟันขบเม้มด้านล่างเบา ๆ “เริ่มอยู่เป็นแล้วสินะ”หัวใจเขาเต้นแรงจนเธอรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะท้าน

ร่างกายเขาก็ร้อนผ่าว ลุกโชนด้วยไฟปรารถนา จังหวะที่มือหนาเคล้นคลึงเต้างามจากนอกเสื้อกลับได้ยินเสียงสะอื้นหนักหน่วงจากเธอ นั่นเพราะอมายารู้แล้วว่า... เธอไม่อาจรอดพ้นจากเงาราคะของคนใจดำ

แต่เขมราชก็เพียรจูบอยู่อย่างนั้น มือที่แตะต้องปทุมอวบหยุ่นก็เลื่อนป่ายขึ้นมาประคองศีรษะเธอแทน แต่กลับสร้างความสับสนจนอมายาไม่อาจทนเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป เสียงร้องไห้จึงตามมาในที่สุด

“ไม่พอใจที่ฉันทำแค่นี้เหรอ”

“...”

“แค่จูบของฉัน ก็ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดได้นะ”

เธอเบือนหน้าหนี ไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้อะไร อยากเป็นบ้าเสียสติไปเลยก็ได้

“น่ารำคาญ!”

เขาต้องผละจากร่างสวย ทั้งที่อยากทำมากกว่านี้ อยากสัมผัสความอ่อนนุ่มในกายเธอที่มันให้ความรู้สึกดียิ่งกว่าที่เคยได้จากผู้หญิงคนไหน ดี... จนเขาลืมทุกอย่างไป แม้กระทั่งความแค้นในใจ

“คุณจะไปไหน” อมายารั้งเขาไว้ น้ำตาไหลอาบแก้ม

“เธออยากให้ฉันอยู่สานต่อรึไง”

“เปล่า” อมายาก้มหน้าหลบตา ตามปกติเธอคงจ้องกลับไปแล้ว แต่ครานี้... ใจเธอมีแต่แผลเหวอะหวะ “ฉันแค่จะทวงสัญญา... ฉันเป็นเด็กดียอมให้คุณจูบตั้งนาน คุณไม่คิดจะปลดโซ่ให้ฉันหน่อยเหรอ”

“ได้” เธอช้อนตามองเขาอย่างไม่คาดคิด เพราะเขมราชคงไม่ยอมให้ใครง่าย ๆ ยิ่งกับรอยยิ้มที่มุมปากซ้าย อมายายิ่งเข้าใจชัดเจน “แต่เธอกล้าจูบฉันต่อหน้ากล้องไหม”

เขาชูมือถือขึ้นมาตรงหน้า อมายามองมันแล้วกลั้นใจพยักหน้าตอบไป ใช่จะไม่รู้ว่าเขมราชมีแผนอะไร แต่เธอจะไม่ยอมถูกล่ามอีกแล้ว

เขาหามุมกล้องและเตรียมบันทึกภาพเคลื่อนไหว เมื่อเขาพูดว่า ‘เอาสิ’ อมายาจึงค่อยประคองใบหน้าเขาแล้วขยับเข้าไปจนปลายจมูกชนกับปลายจมูกเขา ก่อนเอียงหน้าจูบปากหยักได้รูปช้า ๆ

สัมผัสนุ่มนวลชวนให้เขาซาบซ่านและรู้สึกดี เสียงครวญครางรับยามที่เธอส่งลิ้นเข้ามาทักทายสั่นสะท้าน ถ้าเขาจับเธอกดลงกับที่นอนแล้วเผด็จศึกอย่างบ้าคลั่ง อมายาจะรับไหวหรือเปล่า

แน่นอนว่าคงไม่... เขาเลยเป็นฝ่ายตัดใจแล้วผละจากเธอเอง ตอนนั้น เขมราชค่อยหันไปพูดกับหน้าจอ

“เห็นยังว่าน้องออยของมึงเขาเต็มใจ กูไม่ได้บังคับอะไรทั้งนั้น ต่อให้ไม่มียาปลุกเซ็กซ์ ออยก็จะยอมอ้าขาให้กูอยู่ดี มึงกำลังโดนผู้หญิงคนนี้หลอกใช้แล้วไอ้นุ!”

เขากำลังเฟซไทม์กับดนุแต่ปิดเสียงฝ่ายนั้น แทนที่จะบันทึกแค่วิดีโออย่างที่เข้าใจ อมายาไม่แปลกใจนัก รู้ว่าเขาจะทำแน่เพื่อกำจัดดนุ

แต่มันยากกับเขาด้วยเหมือนกัน เขมราชคงคิดว่าได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หากความจริงเขากำลังแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะเธอไม่มีทางปล่อยที่พึ่งสุดท้ายให้หลุดมือ แค่ต้องระวังไม่ให้อยู่ในสายตาเขาก็เท่านั้น

เขมราชก็ใช่จะไม่เข้าใจ เขาเพียงแค่อยากให้รู้ว่าเธอเป็นของใคร จากนี้คงต้องจับตามองทั้งสองคนพิเศษ นั่นทำให้อมายาอยากหาคนที่ไว้ใจได้มาเป็นคนกลาง

“ถ้าไม่ทำลายข้าวของ ไม่ตบตีชาวบ้าน เธอจะไม่โดนล่ามโซ่”

“แล้วฉันจะได้เจอย่าไหม” ชาวีเคยขังเธอไว้ที่บ้านเขา แต่ก็พาเธอไปเยี่ยมย่าทุกสัปดาห์ เธอหวังเหลือเกินว่า นั่นจะอยู่ในเงื่อนไขของเขมราชด้วย

“เธอเห็นฉันเป็นอะไร”

“เอาความจริงหรือตอแหล”

“หึ” เธอคงหาช่องด่าเขาอยู่ตลอดเวลาสินะ เขาพลาดเองที่ถาม “ฉันไม่ใช่ไอ้แชมป์ที่จะใจดีเพราะอยากซั่มเธอนะ ฉันคือเจ้ากรรมนายเวรของเธอ อมายา ทางเดียวที่เธอจะได้ไปหาย่า ก็ต้องยอมรับกับทุกคนว่าเธอฆ่ามีน หรือไม่... ก็ลองเอาตัวเข้าแลกดูสักครั้งสิ”

อมายากำหมัด อยากชกหน้าเขาสักครั้ง แต่เธอเสียเปรียบเขาอยู่มากเพราะไร้ชั้นเชิง มัวแต่ดับเครื่องชน ทั้งที่คนแบบเขา... มือตีนไม่คณา ต้องใช้ปัญญาเข้าสู้ เธอจึงทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดไร้สมองนั่นเสีย

เขมราชยิ้มพึงพอใจ คนเราเมื่อเข้าตาจนจะชนดะก็มีแต่ตายกับตาย อย่างน้อยอมายาก็ไม่น่าผิดหวังเสียเท่าไหร่

“อ้อ แล้วเธอคิดจะทำอะไร อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ”

คำเตือนถูกส่งผ่านน้ำเสียงและแววตาเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง แต่อมายาแกล้งไขสือ ตราบใดที่เขาไม่มีหลักฐาน สิ่งที่เขาพูดมาก็จะเป็นเพียงเรื่องที่เขาคิดไปเอง

“คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”

“ก็ดี... ดีจริง ๆ” เขาหวังว่าเธอจะตบตาเขาให้ได้ตลอด ก่อนขยับไปนั่งบนพื้น ล้วงกุญแจโซ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ประคองข้อเท้าเธอขึ้นมา รอยแดงจากการเสียดสีพาใจเขารวดร้าว แต่ก็ข่มมันไว้แล้วค่อยไขกุญแจปลดพันธนาการ

“ถ้าเธอคิดหนี ฉันนี่แหละจะเป็นคนลากเธอไปโยนให้ไอ้นิกรมันย่ำยีกับมือ คงไม่คิดว่าฉันจะพูดเล่นกับคนอย่างเธอใช่ไหม”

“คนอย่างคุณมันเลวได้กว่านั้นอยู่แล้ว ฉันมั่นใจเลยละ”

“เข้าใจอะไรง่าย ๆ ก็ดี” ว่าจบก็เดินออกไป แต่ยังติดใจรสจูบของเธอชนิดที่ว่าเผลอยิ้มทุกทีที่นึกถึง ทำเอาเพลงที่นั่งรออยู่ใต้ต้นสัตบรรณหน้าบ้านอดแซวไม่ได้

“แหมนาย ยิ้มตาลอยเชียวนะ”

“เอ่อ...”

“คราวนี้ไม่เห็นต้องใช้ยาเลยนี่นา”

“ก็เพราะไม่ได้นอน” เขายืดอกและปั้นหน้าไม่ยอมเสียจริต แต่เพลงดูออก

“อู้ย ขนาดไม่ได้นอนกับเขาอะเนอะ ยังพริ้มขนาดนี้เลยอะ ถ้าได้นอนจะขนาดไหนนะนาย”

“เพลง!”

“นี่ค่ะ” หล่อนล้วงเอาขวดเหล้าในถุงผ้าสีขาวที่หิ้วมาด้วย “เอาไว้ดื่มย้อมใจ ตอนที่นายอยากนอนกับเธอแต่ก็ต้องหักห้ามใจ”

หล่อนรู้... เขมราชซ่อนใจที่เหวอะหวะเพราะพิษรักจากคนในห้องไว้ ด้วยไม่อาจถูกตราหน้าว่าทรยศต่อเมียที่ล่วงลับ แต่การแสดงออกของเขามันปิดไว้ไม่มิด

รักก็คือรัก... ต่อให้ปฏิเสธอีกกี่ครั้ง ความจริงก็ไม่เคยอันตรธาน

ด้านคนเป็นนายมองเพลงตาขวาง หล่อนยิ้มร่าไม่สะท้าน ทั้งที่ควรกลัว แต่หล่อนหมั่นไส้เขาเป็นพิเศษ คิดว่ามากสุดก็แค่โดนดุ แต่เขมราชจะต้องหงุดหงิดไปอีกนานเพราะถูกจี้ใจดำ

แค่นี้ก็ถือว่าหล่อนได้ช่วยอมายาเอาคืนเจ้านายแล้ว

“ห่วงตัวเองเถอะ... คราวก่อนผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอแท้งลูกไปนี่ คราวนี้เขาอาจจะฆ่าเธอเลยก็ได้”

เขาทิ้งระเบิดลูกใหญ่แล้วเดินจากไป ด้านเพลงถึงกับหายใจสะดุด เรื่องแต่หนหลังวกเข้ามาก่อกวนใจ ชวนให้รู้สึกหวิวโหวงในอกและนึกเกลียดตัวเองจนไม่อยากสู้หน้าคนในห้อง

แต่จนแล้วจนรอด... หล่อนก็เปิดประตูเข้าไป


ชั่วชีวิตของอมายา หาคนที่ไว้ใจได้มันยากกว่างมเข็มในมหาสมุทร ยิ่งกับเพลงที่ปกป้องกันทั้งที่เธอทำร้ายหล่อนเสียขนาดนั้น ก็น่าสงสัยว่าหล่อนต้องการอะไร

“คุณออยคะ เพลงเก็บไอ้นี่ไว้ให้คุณออยค่ะ”

ระหว่างเพลงนั่งทายาที่ข้อเท้าให้ เพลงล้วงเอาสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากถุงผ้า อมายาจำได้ว่ามันคือสมุดภาพที่มีภาพถ่ายอากัปกิริยาต่าง ๆ ของเธอบรรจุอยู่

เป็นของขวัญจากเขมราช เขาชอบถ่ายภาพ... และจะชอบมากถ้าภาพเหล่านั้นเป็นภาพของเธอ

‘หูย พี่เฟลมถ่ายออยออกมาสวยทุกรูปเลยค่ะ ใช้ได้ทุกรูปเลยด้วย’

อมายาเลื่อนดูภาพในกล้อง DSLR บนโซฟารูปตัวแอล ภายในคอนโดมิเนียมขนาดสตูดิโอของแฟนหนุ่ม ซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยจึงแวะมานอนเล่นได้เวลาไม่มีเรียน

‘ก็แฟนพี่ทั้งสวยทั้งน่ารัก รูปเลยออกมาสวยค่ะ’

‘ไม่หรอกค่ะ พี่เฟลมมีพรสวรรค์อยู่แล้วต่างหาก ดูสิ นี่ก็สวย นี่ก็ด้วย’

‘ไม่ใช่พรสวรรค์ค่ะ’

‘คะ?’

‘เป็นพรแสวง’

ชายหนุ่มตัวโตในชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อยเพราะชายเสื้ออยู่นอกกางเกง แถมเปิดกระดุมสามเม็ดบนจนเห็นหน้าอกเซ็กซี่รวบเธอเข้าไปกอด แล้วออกแรงยกไปวางบนตัก

‘พี่เฟลมจะทำอะไรคะ’

‘พี่แค่จะบอกว่า... เพราะพี่มีแฟนสวยไม่เหมือนใคร พี่เลยต้องไปหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะเก็บความสวยของน้องไว้ให้เหมือนที่ตาพี่เห็น’

‘แล้วได้ผลไหมคะ’ เธอหน้าแดงซ่าน พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหลบไอร้อนจากลมหายใจเขาที่เป่ารด

‘ไม่เลยค่ะ’

‘...’

‘เพราะวิธีที่ดีที่สุดก็คือ เก็บไว้ดูคนเดียวค่ะ’ ว่าแล้วก็ฝังจมูกลงกับพวงแก้มเธอฟอดหนึ่ง ‘...น้องออยทำให้พี่รักการถ่ายภาพไปแล้วนะคะ รู้ตัวไหม’

อมายาสวมกอดเขาแน่น ว่ากันว่าเรารักสิ่งนั้นเพราะมีใครมาทำให้รัก แปลว่าเราก็ต้องรักคนคนนั้นมากอยู่แล้วด้วย ทำให้เธอยิ่งรักเขามากขึ้นทุกวัน

แต่สมุดภาพมีรอยไหม้ ที่สำคัญมันมาอยู่กับเพลงได้อย่างไร ในเมื่อเธอฝากเก้านำไปคืนเขมราชที่ต่างประเทศแล้วไม่ใช่หรือ แถมเจ้าของยังโทร. มารายงานอยู่เลยว่าได้รับของขวัญแล้ว

จนเธอได้รู้ในตอนนั้นว่ามันก็เป็นแค่ ‘ของฝากเหี้ย ๆ’ ที่ทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างได้ เดาว่าเป็นการเปิดตัว ‘แฟนใหม่’ อย่างอีเพื่อนชั่ว ที่น่าจะแอบคบกันตั้งแต่ที่คบกับเธอ

“เพลงเห็นว่ามันมีแต่รูปของคุณออย มันก็น่าจะเป็นของคุณออย เพลงเลยเก็บไว้ค่ะ เพลงรู้ว่าสักวันเพลงต้องได้เจอคุณออยอีก แล้วก็ได้เจอจริง ๆ แถมเป็นที่เกาะนี่ด้วย”

“น่ายินดีตรงไหน” เธอไม่ได้เต็มใจมา แถมที่นี่ไม่ต่างจากตกนรก แต่พอเห็นเพลงหน้าเสีย เธอถึงได้รู้ตัว “เอ่อ โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอ ว่าแต่เธอได้มายังไง”

“จากคุณมีนค่ะ”

“อีดอกมีนเรอะ!”

ชื่อของเพื่อนเลวทำอมายาอารมณ์ขึ้น แถมเพลงยังเล่าต่อว่าตอนมีนรญามาตกแต่งเรือนหอที่นี่ หล่อนเห็นว่าสมุดภาพถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางของนายหญิง เหมือนตั้งใจซ่อนไว้ในชั้นที่แทบมองไม่ออกว่ามีที่เก็บของได้ แต่หล่อนเห็น ฝ่ายนั้นเลยเอามันไปเผา อ้างว่าของแฟนเก่าไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ตัวเองก็ซ่อนมันไว้ตลอด

มีนรญากำชับว่าอย่าให้เขมราชรู้เรื่องนี้ เพลงรับปากและอาสาอยู่ดูให้ว่ามันถูกเผาแล้ว ทว่าคำพูดมีนรญาย้อนแย้งชอบกล หล่อนเลยตัดสินใจหยิบมันออกจากกองเพลิงแล้วรักษามันจนถึงตอนนี้

อมายาเดาว่าเก้าคืนให้แล้ว แต่ไม่ถึงมือเขมราช... แล้ว ‘ของฝากเหี้ย ๆ’ ที่ว่า มันคืออะไรกัน ต้องเป็นสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกพอสมควร ไม่งั้นคงไม่โทร. มาระเบิดอารมณ์กับเธอ

อมายายอมรับว่าตอนนั้นก็สงสัย แค่สมุดภาพเล่มเดียว ทำเขาฟิวส์ขาดได้ขนาดนั้นเชียวหรือ แต่เธอก็ตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงไม่แพ้กัน จนตอนนี้... เธอคิดว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้น

“คุณออยคะ”

“อะไรอีก”

“เมื่อกี้เพลงได้ยินนายกับคุณนุคุยกัน ว่าคุณออยเคยส่งผู้ชายที่ชื่อ ‘เก้า’ ไปทำร้ายนายกับคุณมีนที่ต่างประเทศจริงหรือเปล่าคะ”

แรกทีเดียวหล่อนรู้ว่าไม่ควรถาม แต่สิ่งที่ได้ยินทำให้ความเชื่อมั่นที่หล่อนมีต่ออมายาลดน้อยถอยลง ด้วยหล่อนเชื่อว่าอมายาไม่ใช่ผู้หญิงเหี้ยมโหด

แต่นายก็ยืนยันกับดนุเสียขนาดนั้น ทำหล่อนสับสนไปหมดแล้ว

“ไม่จริง!” อมายาโพล่งอย่างโกรธแค้น

นี่สินะเรื่องเข้าใจผิดที่ว่า แต่เธอไม่เข้าใจ ทำไมมีชื่อเก้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องที่ว่าเขมราชถูกทำร้ายมันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเป็นเพียงปาหี่ที่เขาใช้อ้างความชอบธรรมในการนอกใจไปคบกับเพื่อนของแฟนเก่า

หรือถ้ามันเกิดขึ้นจริง... ใครอยู่เบื้องหลัง อาจจะเป็นมีนรญา ผู้หญิงโรคจิตที่เชี่ยวชาญวิชาตีสองหน้าที่สุดเท่าที่เคยเจอ อาจเป็นเขมราช หรืออาจเป็นเก้าที่อยากให้เธอตัดใจจากคนเก่าเพื่อเขาจะได้เสียบแทน หรืออาจไม่ใช่ใครเลย เพลงแค่มาปั่นหัวเธอเพื่อแก้แค้นเรื่องลูก สมุดภาพนี่ก็คงแอบไปขโมยจากเขมราชงั้นหรือ

เพราะไม่ว่าจะคิดอีกสักกี่ครั้ง... ก็ไม่มีแรงจูงใจให้เพลงต้องดีกับเธอเลยนี่นา

“ทำไมเธอถึงดีกับฉัน เพลง”

14

ตลบตะแลง

“เพราะเพลงรู้สึกผิดกับคุณออยค่ะ”  เพลงไม่อาจห้ามน้ำตาที่มันรินไหล หล่อนตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เก็บมานาน วันนี้ถึงคราวต้องเปิดเผยและสะสาง ผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง

อย่างน้อยใจหล่อน... ก็คงเบาลง

“เป็นฉันมากกว่าไหมที่ควรรู้สึกผิดกับเธอ”

เรื่องครั้งนั้น เริ่มจากเธอกับไพน์ตีกัน ด้วยฝ่ายนั้นเข้าไปเล่นในห้องนอนเขมราช ทั้งยังเอาเสื้อผ้าเขามาใส่ อ้างว่าชายหนุ่มให้หล่อนทำแบบนั้นมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย กล่าวหาว่าเธอเป็นคนมาทีหลังที่ไม่รู้อะไร

อมายาสั่งสอนไพน์ เพลงเอาตัวเข้ามาห้าม โดนลูกถีบเข้าไปเต็ม ๆ จนล้มลงไปนอนงอก่องอขิง สักพักไพน์กรีดร้องเพราะเห็นเลือดไหลตามปลีน่องของพี่สาว

หล่อนแท้ง... ด้วยฝีมือของอมายา

จะว่าเธอกับเพลงเกลียดกันมาก่อนหรือเปล่า ก็ไม่... เพลงออกจะเป็นคนน่ารักและชอบเธอที่สุดในเกาะ ไม่เกี่ยวกับว่าเกลียดไหมด้วยซ้ำ เพราะอมายาไม่ปรารถนาจะทำร้ายเพื่อนร่วมโลกด้วยวิธีโหดร้ายแบบนั้น

หากเธอสมควรชดใช้ให้ใครมากที่สุด... คนนั้นคือเพลง

“เพลงตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปให้คุณออยถีบค่ะ”

“เพลงว่าไงนะ” สิ่งที่ได้ฟังเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดให้เธอหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ลบล้างความเชื่อและความรู้สึกผิดตลอดหลายปีของอมายาจนหมด

“เพลงรู้ว่าตัวเองท้องกับไอ้ธามมาก่อนหน้านั้นได้สักพักแล้วค่ะ แต่เพลงไม่อยากแต่งงานกับมัน”

ตามฉายาหล่อนว่า ‘สาวงามล่มเกาะ’ ก็มาจากที่ผู้ชายหลายคนเปิดศึกชิงหล่อนจนวุ่นวาย มีฟันกันจนหัวแบะ แต่ก็ไม่มีใครได้ครอบครอง ด้วยหล่อนเพียงต้องการใช้ชีวิตวัยสาวให้คุ้มค่าเท่านั้น หาก ‘ธาม’ลูกชายกำนันธงที่อยู่เกาะถัดไปไม่ยอมให้หล่อนทำอย่างนั้นได้ง่าย ๆ กระทั่งหล่อนท้อง

“เพลงไม่รู้จะทำไง จะเอาออกก็กลัวไอ้ธามมันจะฆ่า ตอนเพลงเข้าไปห้ามคุณออยกับไพน์ ความคิดนั้นก็แวบเข้ามา เพลงก็เลย...”

เอาตัวเองเข้ามาขวางลูกถีบของเธอจนเสียลูกสมใจ แล้วป้ายความผิดให้เธอจมอยู่กับความรู้สึกผิดมานานหลายปี เลือดเย็นจนน่ากลัว...

“เพราะฉันเป็นแบบนี้ ก็เข้าทางเธอเลยสิ” แค่ทำให้คนที่ ‘ร้าย’ ดู ‘เลว’ เท่านี้หล่อนก็จะยังคงเป็นคนดีในสายตาทุกคนต่อไป ส่วนเธอ... ก็ถูกด้อยค่าความเป็นคนอยู่ทุกเวลา

“เพลง ฮึก... เพลงขอโทษค่ะ”

เผียะ!!!

อมายาฟาดหน้าหล่อนจนสะบัด สังเวยความคับแค้นผิดหวัง แต่นั่นยังไม่สาแก่ใจ เธอตวัดมือจนฟาดหน้าหล่อนอีกหนพร้อมกับน้ำตารินไหล

“ฉันต้องจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ มาตั้งกี่ปีเพลง แต่แม่ใจยักษ์อย่างเธอยังใช้ชีวิตต่อได้ แถมได้รับความเห็นใจจากทุกคน ส่วนฉัน...”

อมายาเงยหน้ามองเพดานพลางกลั้นน้ำตา ยอมรับว่าตัวเองทำตัวให้ตกเป็นเป้าด้วยไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร แต่คนแบบเธอไม่เคยตอแหลตลบตะแลงอย่างนี้

“เธอหลับตาลงได้เหรอ ทั้งที่เธอทำเลวถึงขนาดนั้น ไม่ใช่แค่กับฉัน... แต่กับเด็กที่เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกคนที่มันเกิดจากความมักง่ายของเธอ เธอทำได้ยังไงเพลง!!!”

ทีตอนนี้มาขอโทษ... ช่างหน้าไม่อายและอันตรายจนสวนทางกับใบหน้าสวยหวาน เธอก็ได้แต่หวังว่าความทรมานที่ผ่านมาของเธอจะทำให้เพลงหลับไม่ลงในคืนนี้

อมายาหวนนึกถึงคราที่เกิดเรื่อง เธอเอาแต่โทษตัวเองจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กว่าจะฉุดตัวเองขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

โชคดีที่เขมราชเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เธอสัมผัสได้ว่ามันคือจุดเริ่มต้นของรอยร้าวในความสัมพันธ์ของเรา ทำให้เธอยิ่งกลัว... ว่าเขาจะทิ้งกันไป ขับดันให้อมายาหวาดระแวงผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขามากกว่าที่เคยเป็น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทั้งน่ารัก อ่อนหวาน เรียนดี และเป็นที่รักของทุกคนอย่างมีนรญา

แต่สุดท้าย... ต่อให้รักแค่ไหน คนจะไปรั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี

“เพลงขอโทษค่ะ ฮือ...”

แม่ใจยักษ์ก้มลงกราบเท้า ‘เหยื่อ’ ของตน ความรู้สึกผิดอันดำมืดกดให้หล่อนจมอยู่ในความเศร้ามาเนิ่นนานไม่แพ้กัน ไม่มีวินาทีไหนที่หล่อนจะมีความสุขได้สุดใจ

“เพลงไม่เคยรู้สึกดีเลย เพลงบอกกับตัวเองเสมอถ้าเพลงมีโอกาส เพลงอยากจะชดใช้ทั้งหมดให้คุณออย”

อมายาพอจะเข้าใจสาเหตุที่หล่อนทำดีและปกป้องเธอแล้ว แม้ความรู้สึกที่เสียไปนั้นมากมายเกินกว่าใครจะรับผิดชอบได้ไหว และมากเกินกว่าคำว่าอภัย

แต่ในยามนี้เธอควรใช้ประโยชน์จากความผิดของเพลง

“ถ้าเธออยากชดใช้ให้ฉันจริง ๆ เธอก็ต้องช่วยฉัน เพลง”


เขมราชกลับจากตรวจสถานที่จัดเลี้ยงในโรงแรมบนฝั่งพร้อมเสื้อผ้าผู้หญิงดีไซน์สวยน่ารักแต่ทะมัดทะแมงหลายชุด กับลูกแมวสีส้มตัวหนึ่งที่ติดใต้ท้องรถลูกค้า จึงขอมาเลี้ยงให้เป็นเพื่อนอมายา

หลายวันที่เขาจับตาดู อมายาเหมือนผีเดินได้ มีแค่ร่างกาย ไร้วิญญาณ ลูกแมวอาจทำให้เธอสดใสขึ้น แต่ใช่เพราะเขาห่วงใย แค่ไม่อยากให้เป็นบ้าก่อนได้รับโทษทัณฑ์ อมายาต้องมีสติครบถ้วนสมบูรณ์พอที่จะรับรู้และทรมานจากความเลวทรามของตัวเอง

ตอนนั้น เสียงพ่อเพลงตะโกนทำให้ลูกแมวตกใจ ปีนขึ้นไหล่แล้วกระโดดหนีหาย ทิ้งเพียงรอยเล็บเป็นทางยาว แต่เขาต้องสนใจเรื่องทุกข์ร้อนของคนงานก่อน

“นาย คุณออยโดนแทง” เพียงได้ฟัง เขมราชก็สาวเท้าเดินไปยังบ้านคอนเทนเนอร์ พร้อมกับความหวาดกลัวสุดหัวใจ

จริงอยู่... เขาเกลียดอมายา แต่ใช่ว่าใครก็ทำร้ายเธอได้ ยิ่งภายใต้การดูแลของเขา ยิ่งไม่อาจปล่อยไว้

“ใครทำ”

“เอ่อ...”

“ใครทำ!”  เสียงตะเบ็งถามของคนเป็นนายทำเอานายพวงที่เร่งเท้าตามมาหอบ ๆ ขนลุกไปทั้งตัว

“ลูกกำนันธงครับ”

“ไอ้ธาม!!!” เขาพึมพำชื่อนั้นอย่างโกรธแค้น แล้วตรงเข้าไปกระชากประตูบ้าน เห็นอมายานั่งบนเตียงให้เพลงทำแผลที่แขนให้ก็โล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่บาดเจ็บร้ายแรง

แต่รอยมือที่หน้า กับเลือดที่กบมุมปาก ไหนจะแผลที่แขนเธอ ผลักดันให้เขาปวดร้าวไปทั่วพื้นที่หัวใจ

“โดนได้ไง!” เขาเข้าไปนั่งข้างเธอ ประคองใบหน้าบอบช้ำแผ่วเบา สายตาที่มองกันอัดแน่นด้วยความห่วงใยจนอมายาทำตัวไม่ถูก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอโดนซ้อมหรือถูกแทง... แต่ยิ่งนานวัน ความตั้งมั่นในใจเขายิ่งสั่นคลอน จนความห่วงใยที่เก็บไว้มันล้นออกมา

“ใครก็ไม่รู้เขามาฉุดเพลง แต่คุณออยเข้ามาช่วยจนโดนแทงอย่างที่เห็นค่ะ”

“ใครก็ไม่รู้เหรอ” เขมราชหันไปทางลุงพวง ฝ่ายนั้นยืนยันกับนายว่า

“ผมเห็นว่าเป็นพวกไอ้ธามจริง ๆ ครับ”

สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งที่ดูจนแน่ใจแล้วแท้ ๆ ว่าตรงนั้นไม่มีใครนอกจากพวกเธอและพวกของธาม แต่เขมราชคงไม่สนใจหรอกว่าใครจะทำร้ายเธอ... ธามไม่น่าจะเดือดร้อนกับแผนนี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด

“ขับเรือ” เขมราชโยนกุญแจเรือให้ลุงพวง

“ไปไหนครับนาย”

“ฆ่าไอ้ธาม!”

อมายาใจกระตุกวูบ เรื่องบานปลายกว่าที่คิดไว้เสียนี่

“คุณ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องไปก็ได้” เธอฉวยมือเขาได้ก่อน เขมราชสะบัดออกเหมือนรังเกียจ

“อย่าสำคัญตัวผิด”

“...”

“ที่ไปเนี่ย เพราะมันกล้ามาก่อเรื่องถึงในเกาะฉัน แต่สำหรับเธอ... ต่อให้มันจะฉุดไปข่มขืนหรือแทงสักสิบแผลแล้วกลายเป็นผีตายห่าตายโหงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”

“...”

“ถึงตอนนั้นฉันจะบอกวิญญาณมีนตามไปหักคอเธอให้ตายอีกรอบด้วยซ้ำ”

“งั้นคุณก็คงต้องตายโหงก่อนถึงจะไปบอกมันได้ ฉันขอให้คุณโดนฆ่าวันนี้เลยแล้วกัน”

“เอาหมาออกจากปากคุณออยของเธอด้วย ถ้ากลับมาแล้วยังเหลือหมาแม้แต่ตัวเดียว ฉันจะเอาเรื่องเธอ”

เขมราชหันไปบอกเพลงแล้วหุนหันออกไป หากเขาปรารถนาให้อมายาตายดังปากว่า เขาคงไม่ร้อนรนอยากจะฆ่าไอ้คนทำถึงขนาดนี้

ด้านสองสาวลนลานจนทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้เพลงรีบส่งข้อความเตือนภัย ‘คนของตัวเอง’ ส่วนอมายานึกได้ว่าดนุจะมาถึงในอีกไม่นานพร้อมกับเรือรับมะพร้าวจึงไปดักรอที่ท่าเรือ พอเห็นฝ่ายนั้นลงมาก็รีบแจ้งข่าว

ดนุโบกเรือประมงของคนรู้จักไปยังเกาะใหญ่ถัดไป หวังในใจว่าจะตามทันก่อนเกิดหายนะ เช่นเดียวกับอมายา...

เธอไม่ได้ห่วงเขมราชหรอก คนอย่างเขาตายไปได้ซะก็ดี แต่นายธามที่โดนเธอลากมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจจะเป็นอันตราย


บ้านกำนันธงพื้นที่กว้างใหญ่สมฐานะและความกว้างขวาง ด้วยอิทธิพลคนคุ้มกะลาหัวที่กฎหมายแตะต้องไม่ได้ จึงไม่แปลกที่จะเห็นต้นสักทองขนาดสามคนโอบเป็นเสาบ้าน ไม่รวมที่ตีเป็นผนัง

แต่ถ้าเทียบกับครอบครัวเขาแล้ว... กำนันธงก็แค่ไม้ซีกที่ควรเจียมตัว แต่ลูกของมันดันรนหาที่ตาย

“หลีก”

เขมราชบอกลูกน้องกำนันสองคนที่เข้ามาขวาง พลางดึงบุหรี่จากซองมาจุดสูบ ตอนนี้เขายังข่มใจให้เย็นได้ แต่อีกนิดเดียว... ถ้ามันยังไม่หลีก จะได้ตายคาตีน

กระทั่งชายหนุ่มตัดสินใจเดินผ่านตรงกลางไป มันจึงหลีกให้ไม่กล้าขวาง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ

กำนันธงเดินออกมารับหน้า พร้อมลูกน้องอีกเป็นขโยงด้านหลังราวกับรู้ว่าเขาจะมา ตอกย้ำให้เขารู้ว่าลุงพวงจำคนไม่ผิด

“ลูกชายท่านวัชรานี่เอง”

“...” เขมราชจ้องมองชายชราท่าทางภูมิฐาน แววตาไม่หวั่นไหว มือก็คีบบุหรี่ขึ้นมาดูด ปล่อยควันคลุ้ง

“ไอ้ธามอยู่ไหน”

“มีธุระอะไรกับลูกผม”

เขมราชปล่อยบุหรี่มวนนั้นลงพื้น ยกเท้าขยี้ดับไฟ ก่อนสาวเท้าเข้าเผชิญหน้า

“มันใช่ไหม ที่เข้าไปทำร้ายคนของผม”

“ก็อาจจะใช่” กำนันธงเป็นผู้ชายใจนักเลง เขมราชนับถือเขาข้อนี้

“เรียกมันออกมา”

“คุณมาช้าไป ธามหนีไปแล้ว”

“กำนันจะรับผิดชอบแทน หรือให้ผมล่ามันเหมือนล่าสัตว์”

กำนันกระตุกยิ้ม เขมราชรู้ดีว่าตนรักลูกชายแค่ไหน ไม่มีทางจะยอมให้ใครทำเหมือนลูกเป็นหมูเป็นหมา

“ต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ผมยินดีจ่าย”

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด ไม่ได้เลือดตัวลูก ก็ต้องหลั่งเลือดตัวพ่อ” เขมราชจ้องอีกฝ่ายนิ่ง กับพวกที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้ เขาก็จะใช้ ‘กฎหมา’ สั่งสอนให้รู้ว่าอย่าคิดกระตุกหนวดเสือ

“ถ้างั้น คนของคุณเจ็บตรงไหน”

“หน้า แขน”

“เชิญ” ชายชรากางแขนยืนนิ่ง เขมราชง้างหมัดกระแทกกรามซ้ายกำนันหนึ่งที แรงปะทะพาให้กำนันเซล้ม ลูกน้องข้างหลังเตรียมชักปืนออกมา ทว่ากำนันยกมือห้ามไว้ ด้านเขมราชกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมา แล้วกระแทกหมัดเข้าไปที่เดิมซ้ำ ๆ

พอกำนันร่วงลงไปแทบเท้า ก็ตามลงไปคร่อม คว้ามีดที่เหน็บเข็มขัดออกมา เป็นวินาทีเดียวกับที่ปืนหลายสิบกระบอกของลูกน้องกำนันมาจ่อที่หัว

มีดที่หมายจะเฉือนแขนเปลี่ยนองศาเป็นทาบคมกับคอกำนันทันที แววตาเขมราชตอนนี้ทำให้กำนันหวั่นใจจนต้องสั่งลูกน้อง

“พวกมึงอย่ามายุ่ง”

เขาเหยียดยิ้มพอใจ เลื่อนมีดไปที่แขนซ้ายของกำนันแล้วปาดเป็นทางยาว พอคิดว่ายาวกว่าแผลอมายาแล้วจึงผละออกแล้วเดินผ่านดงปืนออกไปชนิดที่ไม่สะท้าน ลุงพวงที่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ ยกมือทาบอกอย่างโล่งใจ

หากก็ย้อนกลับไปอีกครั้ง จนกำนันที่ถูกลูกน้องประคองให้ลุกถึงกับนิ่วหน้า ทว่าเขมราชเพียงแค่กลับมาใช้ชายเสื้อกำนันเช็ดเลือดที่มีดเท่านั้น

“ถือว่าหายกัน” แต่ครั้งหน้าเขาจะไม่พอแค่นี้

เขมราชไม่รู้ว่าไอ้ธามตบอมายาไปกี่ครั้ง แค่รู้ว่ามันทำร้ายเธอ ก็อยากจะฆ่าล้างโคตรมันให้หมด เพราะคนที่มีสิทธิ์ทำร้ายอมายาได้... มีเพียงเขา

กำนันมองตามหลังชายหนุ่มอย่างเจ็บใจ ถึงตนจะเป็นลูกผู้ชายพอ แต่ไม่มีใครเคยเหยียบหน้ากันแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะบารมีท่านวัชราที่เป็นใหญ่ในแถบนี้ กระสุนคงเจาะหัวไอ้หนุ่มนั่นจนพรุน

ที่ท่าเรือที่หาดหน้าบ้านกำนัน เขมราชที่กำลังจะลงเรือต้องชะงัก เมื่อคนที่เขาไม่อยากเจอก้าวออกมาจากหลังต้นกระทิงขนาดใหญ่

ท่านวัชรา หรือที่ใครต่อใครรู้ว่าคือ ‘พ่อ’ ของเขา แต่คนเป็นพ่อไม่ยอมรับ

เขาเองก็เช่นกัน... ให้เรียกผู้ชายที่บังคับให้เขาดูแม่ผู้สิ้นหวังกระโดดตึกฆ่าตัวตาย พอเขาทำไม่ได้ก็พร่ำบอกว่าหล่อนโง่เพียงใดที่ตัดสินใจทิ้งสามีชั่ว ๆ ที่ทำร้ายจิตใจหล่อนอย่างสาหัสคนนี้ว่าพ่อ เขมราชขอตายเสียดีกว่า!

“ผู้หญิงคนนั้นมีความหมายกับแกมากกว่าเมียที่ตายไปอีกนะ”

วัชรามีธุระกับกำนันธง แต่พอรู้ว่าเขมราชจะบุกมา ชายชราเลยมาหลบตรงนี้ก่อน จึงได้เห็นว่าไอ้คนนี้มันห่วงใยแฟนเก่ามันแค่ไหน

“แล้วยังไงครับ”

“เธอกลายเป็นจุดอ่อนของแกไง”

“ท่านคิดจะทำอะไร” เขมราชลุแก่โทสะปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อพ่อ เห็นท่านไม่ยุ่งกับมีนรญาก็คิดว่าจะเลิกแล้วต่อกัน

แต่พอเป็นอมายา... ท่านคิดจะเอาเธอมาขู่ให้เขายอมยกเกาะให้งั้นหรือ

ไม่มีทาง! ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีค่ามากไปกว่าเศษทรายที่ติดเท้าเขา

“ใจเย็นไอ้หนุ่ม” วัชราผลักลูกชายออกไปอย่างละม่อม “ฉันไม่ทำอะไรคนของแกหรอกถ้าเธออยู่เป็น เหมือนที่ฉันไม่ทำอะไรเมียแกไง”

“หมายความว่าไง” ท่านพูดเหมือนรู้จักมีนรญา เขาไม่เคยพาหล่อนไปแนะนำตัวกับท่าน หล่อนรู้จักท่านผ่านคำบอกเล่าเพียงน้อยนิดจากเขา ตามด้วยคำเตือนว่าถ้าเจอให้หลีกหนีเท่านั้น

“หนูมีนสัญญาว่าจะทำให้แกยอมขายเกาะให้ฉัน แต่เธอดันมาตายไปซะก่อน คราวนี้ฉันก็แย่เลย”

“...” มีนรญาน่ะหรือคิดทำเรื่องนั้น...

นึกว่าหล่อนต้องการปักหลักอยู่ที่เกาะเสียอีก เพราะรบเร้าเขาให้ทำเป็นเรือนหอ แล้วหล่อนเองก็รู้ว่าแม่เขาเกิดที่นี่ เขารักคนที่เกาะเหมือนครอบครัวเดียวกัน

“เป็นฉันก็จะทำนะ มีอย่างที่ไหน พาเมียมาอยู่บ้านที่สร้างให้แฟนเก่า พอเมียตายก็ดันพาแฟนเก่ามากก ไม่สนเลยว่าผู้หญิงคนนั้นทำเลวอะไรกับตัวเองบ้าง ก็พอจะบอกได้แล้วว่าแกรักอมายาแค่ไหน”

“ท่านคิดผิดแล้ว”

“งั้นแกคงไม่ว่า ถ้าฉันจะขอเธอมาทำเมียอีกสักคน”

“ไม่มีวัน!” เขมราชพุ่งเข้าไปจะเอาเรื่อง แต่ต้องชะงัก เนื่องเพราะวัชราชักปืนมาจ่อกลางอกอย่างว่องไว เตือนไม่ให้เขาเข้าถึงตัวท่านได้อีก

ตอนนั้น ดนุที่มาถึงพอดีก็ชักปืนจ่อหัวท่านอีกต่อหนึ่ง เขารู้... วัชราจะฆ่าเขมราชได้อย่างไม่ลังเล และหากเป็นแบบนั้น เขาจะเป่ากบาลท่านด้วยมือเขาเอง หากคงไม่ง่าย เมื่อลูกน้องท่านหลายคนที่หลบอยู่ปรากฏตัวแล้วใช้ปืนจ่อหัวดนุอีกที

ทว่าทุกคนในที่นี้ ไม่มีใครยี่หระแม้แต่คนเดียว

“ฉันขอสงบศึกอยู่นะ เพราะตราบใดที่เธออยู่กับฉัน ฉันจะทำเป็นไม่สนใจเกาะนั่น แกคิดดี ๆ สิ โอกาสแบบนี้ฉันไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ”

“สำหรับผม ผู้หญิงคนนั้นก็แค่วัวควายที่รอส่งไปเชือด แต่ก็ใช่ว่าใครหน้าไหนจะมาเอาควายผมไปก็ได้ถ้าผมไม่อนุญาต” วัวควาย... ที่เขาล่ามไว้ ไม่ปล่อยให้เดินหน้า แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาตัดขามัน “อย่าว่าแต่เอาไปเลย แค่เข้ามาแตะต้องมัน ก็อย่าได้หวัง”

“...” วัชรายิ้มพึงพอใจ

ยิ่งเขมราชปกป้องอมายาเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเป็น ‘จุดอ่อน’ ที่ชัดเจนมากเท่านั้น

“ต่อให้เป็นเจ้าของเลือดเนื้อครึ่งหนึ่งในตัวผม ผมก็จะไม่เอาไว้”

“แกยังเชื่ออยู่เหรอว่าในตัวแกมีเลือดฉัน”

“...”

“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าแม่แกท้องกับใครมาก็ไม่รู้...”

เขมราชขบฟันกรอด ตั้งแต่เกิดจนโตวัชราทำให้เขาคลางแคลงในชาติกำเนิดตัวเอง แต่กลับไม่ยอมพิสูจน์ความเป็นพ่อลูก กลัวจะเสียสิทธิ์เป็นผู้จัดการมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้เขา พอเวลาผ่านไปก็ฮุบไปเป็นของตัวเอง ดีที่เขาแย่งเกาะมาได้

“ยังไงก็ตาม ฉันดีใจนะที่แกยังนับถือฉันอยู่ แต่มันคงยื้อเวลาได้ไม่นาน”

วัชรากระตุกยิ้ม เก็บปืนแล้วกลับเข้าบ้านกำนันไปพร้อมลูกน้องตน ฝ่ายดนุจึงเข้าไปสำรวจร่างกายเพื่อนด้วยความห่วงใย

“มึงปลอดภัยใช่ไหมไอ้เฟลม”

แต่เขมราชไม่ตอบ ในสมองเขามีแต่เรื่องของอมายาบรรจุอยู่


อมายาหลับไปก่อนหน้าที่เขาจะถึงเกาะเพราะเวียนหัวคลื่นไส้คล้ายจะไม่สบาย เขมราชไม่คิดไปกวน เขาก็มีเรื่องต้องคิด ดนุเฝ้ามองคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งนายซึ่งยืนมองท้องฟ้าสีส้มแดงยามเย็นมานานแล้ว ก็ไม่กล้าทำเสียงดังขัดจังหวะ ได้แต่รอคำสั่ง

“เอาลูกน้องมึงมาด้วยเลย มาคืนนี้พร้อมของกู”

ดนุพิมพ์ข้อความถ่ายทอดคำสั่งโดยตรงจากเขมราชผ่านกลุ่มสนทนาลับของเขากับลูกน้อง แต่ถึงอย่างนั้น... เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูด

“พาน้องกลับกรุงเทพฯ เถอะ”

“ยังก่อน” เขมราชเพิ่งหักแข้งหักขาเจ้าหล่อนได้ ต้องรอให้แน่ใจว่าอมายาจะ ‘พิการ’ หมดหวังจะเดินต่อ เขาถึงจะพอใจ

“พ่อมึงกัดไม่ปล่อยแน่”

“กูรู้”

“ถ้าเขาเล่นถึงตาย...” เขาจับคอเสื้อเพื่อน ดึงร่างที่สูงใหญ่พอกันมาใกล้ จ้องมันด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวตอกย้ำความตั้งใจ

“เขาก็ต้องตายตามออยไป” ประโยคนี้ทำให้ดนุอึ้งอยู่สักพัก กว่าจะกล้าถาม

“มึงจะเสี่ยงทั้งหมดเพื่อออยเหรอ”

“เพื่อมีน” เขมราชบอกเสียงแข็ง ย้ำใจตนให้จดจำ “...ถ้าออยตายตอนนี้ มันก็ไม่สาสมกับสิ่งที่ออยทำ”

ดนุไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่นี่เป็นความต้องการของ ‘นาย’ คนที่ปรารถนาให้เขาเชื่อมั่นและเดินตามจนสุดทาง แม้จะหวั่นใจก็ตาม

ตอนนั้น เพลงเดินเข้ามาขัดจังหวะทั้งสอง หล่อนมีเรื่องคุยกับนาย ดนุหรี่ตามองหล่อนด้วยสงสัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอหล่อนหลบสายตาก็เริ่มมั่นใจ หากก็ยอมปลีกตัวออกไป

“เพลงมีเรื่องจะสารภาพ”

“เรื่อง?”

“เรื่องที่เพลงแท้งลูก”

เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง เหตุการณ์นั้นทำให้เด็กสาวร่าเริงเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง

หากจะโทษอมายาก็ไม่ได้... เขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนิสัยเสียที่แก้ไม่หายของเธอ เพลงก็คงไม่ต้องเจอเรื่องเลวร้าย

“มันเป็นความตั้งใจของเพลงเอง” หล่อนยิ้มทั้งน้ำตา

“คือยังไง” เขมราชชักขัดใจที่จู่ ๆ สิ่งที่เข้าใจมาตลอดกำลังจะถูกลบล้าง

“เพลงตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปให้คุณออยถีบเพราะเพลงไม่อยากเก็บเด็กไว้ค่ะนาย”

เขมราชนิ่งไป แล้วเพลงก็เล่าความจริงที่เก็บงำเอาไว้ทั้งน้ำตา ที่เคยสงสารหล่อนเขากลับเริ่มหวาดกลัว ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไร้พิษภัย มีจิตใจโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้เชียวหรือ

แต่ความรู้สึกเห็นใจที่มีต่ออมายากลับรุนแรงยิ่งกว่าคลื่นตบโขดหิน เขาจำได้ว่าเธอเสียใจแค่ไหน และเป็นเขา... ที่ช่วยดึงเธอขึ้นมาจากหลุมดำหลุมนั้น แม้ซีกหนึ่งของใจจะตะขิดตะขวงก็ตาม

พอได้รู้เบื้องหลัง ก็เข้าใจเหตุผลที่เพลงถึงไม่กลัวอมายาจะทำร้าย ตรงข้ามกลับมีแต่ความปรารถนาดีให้กัน นี่สินะเหตุผลที่หล่อนต้องปกป้องเธอ

“คุณออยรู้ไหม ว่าจริง ๆ เป็นแบบนี้”

“ยังค่ะ เพลงยังไม่ได้บอก” เพลงโกหกตามแผนที่อมายาวางไว้ เพราะหากบอกความจริงไป เขมราชคงดูออกว่าอมายาใช้ประโยชน์จากความรู้สึกผิดของเพลง

“เธอตั้งใจจะบอกอะไรฉัน” ต้องมีเหตุผลที่เพลงมายอมรับผิดเอาตอนนี้

“คุณออยอาจไม่ใช่คนที่ฆ่าคุณมีนก็ได้นะคะ”

“เหลวไหล!” เขมราชปะทุ หล่อนกล้าดีอย่างไรถึงพูดแบบนี้ “หลักฐานมันมัดตัวผู้หญิงคนนั้นคาหนังคาเขาเพลง เธอเลิกเข้าข้างคนผิดแบบไม่ลืมหูลืมตาเสียที”

“ก็ถ้าไม่ใช่คุณออยล่ะคะ”

“ยังไงก็ใช่ออย เพลง”

“แต่นายคิดดู คนที่เลวพอที่จะตั้งใจขับรถชนคน จะเอาตัวเองมาปกป้องคนอื่นแบบวันนี้เหรอ?”

“...” เขมราชสับสนหนัก เขาเชื่อในหลักฐานที่ตำรวจเจอ ทั้งคำแก้ตัวของอมายาไม่มีน้ำหนัก กับฝังใจที่เธอเคยให้คนไปทำร้าย แต่ที่เพลงพูดก็น่าคิด

แล้วเขาควรทำอย่างไร... ในเมื่อทุกอย่างที่เขารับรู้มันย้อนแย้งยุ่งเหยิงไปหมด

“คุณออยบอกเพลง ว่าคุณเอมเดินได้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครรู้”

“จะบอกว่าคนที่ขับรถคือยัยเอมเหรอ เพ้อเจ้อ” ตรงนี้เขมราชค้านสุดใจ หลักฐานทางนิติเวชมันใส่ร้ายกันไม่ได้ เพราะดีเอ็นเอที่พบในรถมีแค่ของอมายา

“ก็อาจใช่นะคะ คุณออยเธอเป็นแบบนั้น จะแปลกอะไรถ้าคนอื่นจะโยนความผิดให้นาง ยังไงซะ ทุกคนก็พร้อมจะเชื่ออยู่แล้วว่านางเลว เหมือนที่เพลงก็ทำ”

เมื่อก่อนหล่อนไม่กล้าบอกใคร กลัวถูกประณามว่าเลวร้าย แต่เมื่อเห็นสภาพอมายาก็สะท้อนในใจ หล่อนอยากชดใช้และแข็งแกร่งให้ได้สักครึ่งของเธอ

“แล้วเพลงก็เคยเห็นในรูป สองพี่น้องหน้าเหมือนกันอย่างกับแฝด จับแต่งชุดเดียวกันก็แยกแทบไม่ออก ทั้งที่มีแม่คนละคนกันแท้ ๆ เพลงว่าถ้าคนน้องเดินได้เป็นเรื่องจริง อย่างอื่นก็เป็นไปได้หมดแหละค่ะ”

เขมราชทำหน้าเหม็นเบื่อ

“ตลกละ”

“นาย...”

“จะไปไหนก็ไป” เขาตัดรำคาญ

“เพลงยังพูดไม่หมดเลยค่ะ”

“งั้นก็พูด” เขมราชชักสงสัยว่าเพลงจะแต่งเรื่องช่วยอมายา และที่บอกว่าฝ่ายนั้นยังไม่รู้เรื่องแท้งลูก ก็คงโกหก

ถ้างั้น... เขาจะเป็นผู้ชมที่ดีให้ละครกระจอกของพวกหล่อนเอง

“เห็นคุณออยเกลียดนังไพน์แบบเจอกันทีไรก็ตีกันทีนั้น แต่เธอก็จ่ายค่าเทอมมันทุกเทอม ครอบครัวเพลงไม่มีปัญญาส่งนังไพน์มันเรียนมหา’ ลัยหรอกค่ะ ทั้งที่เธอก็เกลียดนังไพน์ยังกะขี้ แต่นายคะ คนแบบคุณออยจะฆ่าคนที่ตัวเองเกลียดได้ลงเหรอคะ”

“ทำเป็นขบวนการเลยนะ ลืมไปไหมว่าเธอเป็นคนของฉัน อย่าให้ความรู้สึกผิดครั้งนั้นมาชักนำตัวเองไปในทางที่ไม่ดีนะเพลง”

“นายก็ลองตรวจสอบบัญชีคุณออยดูค่ะ เธอเพิ่งมาเลิกจ่ายเมื่อปีที่แล้วเอง เพราะครอบครัวเธอมีปัญหาเรื่องเงิน”

พอเพลงท้าทายอย่างมั่นอกมั่นใจ ทำให้เขาเริ่มสั่นคลอน ทว่าเพลงไม่เคยรู้ว่าอมายาทำอะไรไว้อีกบ้าง กลับเชื่อผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่เธอจ่ายเงินให้เพราะรู้สึกผิด

แต่กับมีนรญา... อมายาไม่มีอะไรติดค้าง ตรงข้าม เธอคิดว่าเมียเขาควรชดใช้

“เคสเธอกับมีนมันต่างกันนะ”

“เพลงก็ไม่ทราบ” แต่หล่อนรู้ดี... การเปลี่ยนความเชื่อใครสักคนมันยาก ยิ่งปะทะกันโดยตรง ยิ่งทำเขมราชปักใจในสิ่งที่เชื่อเข้าไปอีก “แต่เพลงเอานี่มาให้”

หล่อนล้วงสมุดภาพออกจากกระเป๋าผ้า เขมราชฉงนใจ มันควรอยู่กับอมายา เขามั่นใจตอนฉุดเธอมา ไม่มีอะไรติดตัวนอกจากมือถือ ซึ่งเขาปิดเครื่องล็อกใส่ตู้เซฟอย่างดี

“มาอยู่ที่เธอได้ไง”

เพลงเล่าเรื่องสมุดภาพให้เขาฟัง ซึ่งตรงกับที่เล่าให้อมายาทุกคำ

“...เพลงตั้งใจเอาคืนเจ้าของค่ะ แต่คุณออยไม่รับ บอกว่าเคยฝากผู้ชายที่ชื่อเก้าไปคืนนายแล้ว ก็บังเอิญว่าวันก่อนเพลงได้ยินนายกับคุณนุคุยกันเรื่องนายเก้าซ้อมนาย เพลงก็เลยถามคุณออย”

“แล้วออยว่าไง”

“บอกว่าไม่ได้ให้ไปซ้อม อย่างเดียวที่ฝากไปคือสมุดนี่ค่ะ”

เขมราชยิ่งสับสน ถ้าไม่ใช่อมายาแล้วจะเป็นใคร นายเก้าจงใจให้เข้าใจผิดงั้นหรือ

แต่ทำไมอมายายอมรับผ่านโทรศัพท์ว่าเป็นฝีมือเธอ หรือที่จริง... เธอเองก็เข้าใจผิดเหมือนกันกับเขา หรือไม่อย่างนั้น สิ่งที่เพลงเล่าก็เป็นแค่แผนปั่นหัวเขา กระนั้นที่สมุดเล่มนี้มาอยู่ในมือเพลงได้ก็ไม่น่าเกี่ยวกับอมายา

นายเก้าคงให้คำตอบเขาได้ดีที่สุด...

“ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ฉันจะไม่เชื่อคำพูดปั่นหัวของพวกเธอ”

“เพลงทราบค่ะ แต่นายก็ลองตรวจสอบดูก่อนเถอะค่ะ ถ้าเพลงคิดผิดและคุณออยโกหก นายจะได้มีข้อมูลมาหักล้าง”

เมื่อนายรับสมุดไปและตนพูดสิ่งที่ตระเตรียมกับอมายาไปจนหมดแล้วก็ขอตัวกลับ หวังว่าอมายาจะคิดถูกว่าเขมราชเป็นคนเชื่อคำพูดของคนจากการกระทำที่เขาเห็น

แต่ถ้าไม่เปิดใจ... ทำดีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ

เธอถึงได้ตบตาว่าเสียสละตัวเองเจ็บแทนเพลง เพื่อหักล้างความเชื่อในใจเขาที่เกิดจากเรื่องเข้าใจผิด

อย่างน้อยเขาก็อาจมองเธอในแง่ดีบ้าง

อาจไม่เห็นผลที่ชัดเจนนัก เพราะทิฐิในใจเขาเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางเดินของเธอ

หากอมายาเชื่อเหลือเกิน ว่าถ้าเพียรเจาะหินตรงจุดเดิมซ้ำ ๆ สักวันมันจะต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เปิดทางให้เธอเดินไปสู่อิสรภาพอย่างไร้มลทิน ดีกว่าเดินไปบอกเขาด้วยตัวเอง นอกจากเขาจะไม่เชื่อ คงได้หาทางกลั่นแกล้งเธออีก

“เป็นแผนคุณออยใช่ไหม”

ดนุดักถามเพลงที่มุ่งหน้าไปบ้านตู้คอนเทนเนอร์ เขาได้ยินทุกอย่างที่หล่อนคุยกับเขมราชแล้ว ด้านหญิงสาวก็พยักหน้ายอมรับ

คุณออยบอกว่าคุณนุพวกเดียวกัน แถมยังเป็น ‘ตู้เอทีเอ็ม’ ของคุณออยอีกต่างหาก เพราะงั้นหล่อนไว้ใจเขาได้

“ผิดแผนนิดหน่อยตรงที่พ่อเห็นไอ้ธามน่ะค่ะ นายก็เลยไปเอาเรื่องมันถึงบ้าน”

แรงปะทะคงมากพอควร เห็นพ่อบอกว่านายเกือบจะปาดคอกำนันเลยทีเดียว บุญของนายแล้วที่เกิดเป็นลูกท่านวัชรา ไม่อย่างนั้นคงได้เป็นผีเฝ้าท่าเรือ

ส่วนไอ้ธาม ทีแรกจะไม่หนี เพราะก็นักเลงพอที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับ แต่หล่อนกลัวว่าคนปากสว่างอย่างมันจะเผยไต๋ให้นายจับได้ จึงขู่ว่าถ้ามันไม่หนี หล่อนจะไม่กลับไปคืนดี

ดนุเข้าใจที่อมายาต้องลงทุนขนาดนี้ เขาเองก็จนใจที่จะทำให้เพื่อนมองเธอในแง่ดีบ้างแล้วเหมือนกัน ได้แต่หวังใจว่าแผนเธอจะได้ผล

“เรื่องนายเก้าที่คุณออยให้ตามหา ไปถึงไหนแล้วคะคุณนุ”

ดนุส่ายหน้า

เก้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับหนีความผิดบางอย่าง

“เพลงฝากด้วยนะคะ เพลงเชื่อว่านายเก้านี่แหละจะเข้ามาช่วยปลดล็อกใจนาย”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็เจอ เพราะหลังจากนี้ไอ้หมาบ้ามันก็จะพลิกแผ่นดินหาไอ้เหี้ยนั่นเหมือนกัน”

ประกายความหวังปรากฏในดวงตาของเพลง ขณะที่ ‘ไอ้หมาบ้า’ เดินไปหยุดอยู่หน้าเจดีย์อัฐิของมีนรญา

แต่ความรู้สึกครานี้ผิดแปลกจากทุกวัน ก่อนนี้เขาจะมาที่นี่ ด้วยความคิดถึงบ้างละ รู้สึกผิดบ้างละ

แต่นี่... เขากลับมีแต่ความเคลือบแคลง ทั้งเรื่องที่หล่อนต้องการขายเกาะ และเรื่องสมุดภาพที่ปิดบังเขามาหลายปี

ยังไม่แน่ว่าอาจมีอีกมากมายที่เขาไม่รู้ ผลักดันทำให้เขากลัวว่าที่ผ่านมาเขาอาจไม่ได้รู้จักหล่อนดีอย่างที่คิด

15

แอบ

เพราะเขมราชตามติดทุกฝีก้าว อมายาเลยไม่มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทีแรกเขานอนเฝ้าในบ้านตู้คอนเทนเนอร์ ภายหลังก็ให้ลูกน้องจากกรุงเทพฯ มาเสริม แค่ไปเดินเล่นโดยขอร้องคนของเขาไม่ให้ตามไป เขายังอาละวาดลูกน้องเสียจนเปิดเปิง

แถมบ้านที่โดนเผาก็ตกแต่งใหม่เสร็จไวราวกับเนรมิต จึงได้ย้ายกลับไปอยู่ที่นั่น... นอนห้องเดียวกับเขาอีกต่างหาก!

ทั้งต้องทนร่วมโต๊ะอาหารกับเขาทุกมื้อ แม้แต่ถ่ายหนักถ่ายเบา เขาก็ยังไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ จะคุยกับเพลงได้ก็ต่อเมื่อเธอไปคัดมะพร้าวช่วยคนงานหรือไม่ก็แอบส่งจดหมายหากัน แต่คนเรามันต้องมีทีเผลอบ้าง... และเห็นทีจะเป็นครั้งนี้

ดนุที่เพิ่งมาถึงเกาะดูเหมือนจะอยากคุยเรื่องสำคัญ เขมราชต้องไปบ้านลุงพวงก่อน จึงให้เพื่อนรอตนกลับมา อมายาลอบสบตากับดนุ เขารู้ในทันทีว่าเธอต้องการสิ่งใด ก่อนเธอจะแสร้งเป็นลม เพลงผู้รู้งานก็ร้องขึ้น

“ตายจริง คุณออย ทำงานหนักไปแน่ ๆ ไปพักที่บ้านดีกว่าค่ะ”

“โอ๊ย มันจะเป็นอะไรล่ะพี่” ไพน์มองเหยียดอมายาพลางเบ้ปากหมั่นไส้ “นอกจากจะเป็นลมหนีงาน ไม่ก็อ้อนผู้ชาย ดูคนของนายสิ งานดีทั้งนั้น มันได้กินหมดนี่คงฟิน”

“นังไพน์ ผีเจาะปากแกมาพูดรึไง”

ไพน์ทำท่ากระเง้ากระงอด รู้ทั้งรู้ว่าพูดแล้วจะโดนพี่ว่า แต่ก็ขอได้ทำอะไรให้นังคุณออยมันระคายใจบ้าง ไม่อย่างนั้นหล่อนคงบ้าตาย

อมายาได้แต่ข่มใจ ทั้งที่อยากจิกหัวมันมาตบล้างน้ำ แต่เธอไม่ว่าง... เป็นลมอยู่

แถมเขมราชก็ขู่ไว้ ว่าถ้ามีเรื่องอีกเขาจะล่ามเธอ

“ให้พวกพี่พาคุณออยกลับไปพักที่บ้านเถอะน้องเพลง” การ์ดหน้าหล่อหุ่นนายแบบอาสา

“ฉันพาไปเอง” ดนุแทรกขึ้น

“แต่นายสั่งให้พวกผมดูแลคุณออยนะครับ”

“ฉันก็เป็นนายพวกแกเหมือนกัน” เขาว่าเสียงต่ำ พวกนั้นไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะดนุก็น่ากลัวไม่แพ้เขมราชเลย


ดนุอุ้มอมายากลับบ้าน การ์ดคนหนึ่งเดินตาม คงได้รับคำสั่งจากเขมราชว่าอย่าคลาดสายตาจากเธอ เขาจึงลดเสียงให้เบาลงตอนรายงานความคืบหน้าเรื่องคดี

นักสืบหาตัวนักกายภาพบำบัดคนก่อนที่เคยรักษาเอมมาลินจนเจอ และได้ข้อมูลน่าสนใจ ฝ่ายชาร์ลส์ถือเป็นงานยาก เพราะระวังตัวเป็นพิเศษ ด้านทนายคนใหม่ก็อยากเจอลูกความ ด้วยอีกไม่ถึงสองเดือนต้องขึ้นศาล

ส่วนเรื่องย่า... อาการไม่ค่อยสู้ดี พ่อเธอเข้ารับการตรวจชิ้นเนื้อแต่ไม่เข้ากัน เอมมาลินที่เลื่อนงานแต่งแบบไม่มีกำหนดก็อยู่ระหว่างเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศกับชาร์ลส์

อมายาไม่แปลกใจ... ดูเหมือนน้องสาวเธอประวิงเวลาที่จะแต่งงานกับนิติแพทย์คนดัง เพราะชาวีเคยบอก พี่ชายเขามีกำหนดแต่งงานหลังจากของเขาสามวัน เป็นงานที่ใหญ่กว่าสองเท่า

พี่น้องคู่นี้มักชิงดีชิงเด่นกันเสมอ ด้วยต่างฝ่ายต่างกลัวว่าพ่อจะรักอีกคนมากกว่า จนกลายเป็นนิสัยชอบเอาชนะที่แก้ไม่หาย

ฝ่ายนายเก้าเขายังไม่ได้ข่าว ทั้งดนุบอกอีกว่าเขากับเขมราชต้องไปดูงานแทนคุณป้าที่ฮาวาย กำหนดเดินทางเที่ยงวันรุ่งขึ้น

“พี่ให้คนบนฝั่งเตรียมเรือมารับน้องออยให้แล้ว พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น น้องออยไปรอที่ท่าเรือ เขาจะมารับ แล้วจะพาน้องออยไปหาคุณย่าที่โรงพยาบาล น้องออยมีเวลาอยู่กับท่านสามวันก่อนที่พี่กับเฟลมจะกลับมา ตอนนั้นน้องออยต้องอยู่ที่นี่แล้วนะคะ ไม่งั้นเราจะซวยกันหมด”

“ไม่ มันเสี่ยงเกินไป คนของเฟลมเต็มไปหมด ฉันไม่รอดหรอกคุณนุ”

ถ้าเขาจับได้... เธอจะถูกล่ามอีก

คำเรียก ‘คุณนุ’ ทำเขาแสลงใจ เมื่อก่อนเขาได้เป็น ‘พี่นุ’ ของเธอ แต่ตอนนี้... ไม่ได้เป็นทั้งคนรัก หรือแม้แต่พี่ชาย

“พี่จะให้พวกมันไปกับออย”

“อะไรนะ”

“น้องออยจะเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่มีคนดูแลไม่ได้ น้องก็รู้ว่าไอ้นิกรมันหมายหัวน้องอยู่ ตอนนี้มันก็อาจจะคิดว่าน้องรู้ที่อยู่ของขาล”

เขากำลังหาคนร่วมทำผิด แต่ความบกพร่องใดของลูกน้องก็ตามถ้าเขมราชไม่รู้ก็ไม่ถือเป็นความบกพร่อง แต่อมายามีสีหน้าเป็นกังวล เธอเกลียดเหลือเกินไอ้ความไว้ใจ

“เชื่อใจพี่เถอะค่ะ”

อย่างไรก็ตามเธอต้องเรียนรู้ที่จะมีมัน ด้วยเป็นทางรอดเพียงทางเดียวในตอนนี้

พอถึงหน้าบ้าน เขาวางร่างบางให้ยืนบนพื้นดิน หมายใจจะเข้าไปเปิดประตูให้ ทว่าอมายาโอนเอนจะล้ม เธอทั้งเวียนหัว คลื่นไส้ ไหนจะร่างกายอ่อนแรงไปครึ่งซีก

ทุกอาการเกิดพร้อมกัน ใช่ว่าแกล้งทำเหมือนตอนอยู่กับคนงาน

“ไหวไหมคะ” ดนุประคองเธอไว้ ปัดผมทัดหู พลางลูบใบหน้าที่ซีดเซียว หวังให้เธอรู้สึกดีขึ้น หญิงสาวซวนซบแผ่นอกกำยำของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ใช้เวลาสักพัก อาการเริ่มดีขึ้น จึงผละจากอกเขา

“น้องออยไปหาหมอไหมคะ พี่คุยกับไอ้เฟลมมันให้”

“ไม่เป็นไรคุณนุ ฉันเครียดมาหลายเดือน มันเลยเป็นแบบนี้”

“กลัวอะไรคะ”

“กลัวเข็มไง” เธอบอกติดตลก เขาถึงกับหลุดหัวเราะ คนใจเด็ดอย่างเธอไม่กลัวมีดแต่ดันกลัวเข็ม เห็นทีต้องจดเพิ่มลงใน ‘สมุดบันทึกหัวใจ’ เสียแล้ว


อมายาแยกกับดนุที่หน้าบ้าน เธอเข้ามาอาบน้ำในห้องนอนที่ใช้ร่วมกับเขมราช หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความอ่อนเพลีย แต่พอออกมากลับเห็นต้นตอความ ‘เพลียใจ’ นั่งไขว่ห้างตรงโซฟาสีเขียวมินต์ มีกล่องลังขนาดกะทัดรัดวางอยู่บนหน้าขา เธอกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมถามออกไป

“บ้านก็มีตั้งสามห้อง ไม่คิดจะไปอยู่ห้องอื่นบ้างเหรอ”

“ก็ฉันอยากนอนห้องนี้

“งั้นให้ฉันไปนอนอีกห้องสิ”

“ฉันก็จะตามไปนอนด้วย”

“แต่ฉันอึดอัด”

“ยังไงก็ช่าง ฉันต้องได้จับนมเธอทุกคืน”

“คุณ!” อมายาขึงตาพร้อมเอ็ดเสียงดัง ที่ยอมให้ตีเนียนนอนละเมอจับหน้าอกทุกคืนก็แค่ไม่อยากมีปัญหา เคล็ดลับจากเพลงคืออะไรยอมได้ก็ยอมไปก่อน

แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงป่าเถื่อนและปากร้ายแบบนี้!

“หรือเธอเสียใจที่ฉันทำแค่นั้น เลยโมโหไม่ให้ฉันนอนด้วย”

เป็นเมื่อก่อนคงด่าเปิดเปิงไปแล้ว แต่นี่ต้องทน!

หญิงสาวเลยเดินไปเลือกเสื้อผ้าในตู้ที่เขมราชซื้อมาให้แทบทุกวัน ทำเหมือนเธอเป็นตุ๊กตาที่เขาจะจับแต่งตัวอย่างไรก็ได้ หากก็ยอมรับว่าเขารสนิยมดีพอสมควร ทุกชุดที่เลือกมาเหมาะกับเธอมากกว่าที่เธอเคยซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเอง

แต่เพียงปราดเดียว เขาก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง

“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันเข้ามาทำไม”

เขมราชใช้มือขวารั้งเอวบางเข้าใกล้จนอกตนชนแผ่นหลังเธอ อีกมือถือกล่องนั้นไว้ อมายาหวั่นใจเหลือเกิน จึงพยายามขยับห่าง แต่ทันทีที่เธอแสดงท่าทีปฏิเสธ เขาก็กอดรัดเอวบางอย่างแรง

“จะมาข่มขืนฉันเหรอ”

“ก็อยากทำอยู่”

“...” อมายาหายใจสะดุด ตัวแข็งทื่อตอนเขาโน้มใบหน้ามาจูบหลังศีรษะ ก่อนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

“แต่ไม่ทำดีกว่า นอนเป็นท่อนไม้อย่างเธอนกเขาฉันไม่ขัน”

เธอต้องทนกับไอ้คนนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน “ฉันเกลียดคุณ!”

“นี่ขนาดอยู่เป็นแล้วนะ”  เขาหอมหัวเธออีกครั้ง สูดลมเข้าปอดจนชื่นใจ ยิ่งรู้ว่าดนุได้อุ้มเธอแล้ว ก็อยากกลืนเธอลงไปทั้งตัว มันจะได้เลิกมาแทะเล็มผู้หญิงของเขาตอนที่เขาไม่อยู่ ติดที่ว่า... เขาทำไม่ได้

อมายากระทุ้งศอกกับหน้าท้องเขา กลับไม่ช่วยอะไรมากไปกว่าสร้างความรำคาญ หากแรงดิ้นทำให้ได้ยินเสียง ‘เหมียว’ จากในกล่อง ชายหนุ่มจึงคลายวงแขนแล้วดึงเธอไปนั่งบนเตียง ค่อยเปิดกล่องให้ดู

เจ้าเหมียวน้อยตัวสีส้มหน้าตาน่ารัก ชูคอมองเธอด้วยความสงสัย ไม่นานก้อนปุยเล็ก ๆ ก็กระโดดเข้าอกเธออย่างออดอ้อน

“เอามาจากไหนอะ” อมายายิ้มกว้าง และคงเป็นยิ้ม... ที่กว้างที่สุดตั้งแต่มาที่นี่ จนเขาเผลอมองเธอเนิ่นนานจนลืมที่จะตอบไป หญิงสาวจึงสะกิด

“นี่ ฉันถามว่าเอามาจากไหน”

“ลูกของแมวที่มีนเลี้ยงไว้น่ะ” อมายาหุบยิ้มฉับ แทบจะโยนเจ้าก้อนขนปุยออกไป

ก่อนจะคิดได้ว่าถึงคนมันจะชั่ว ไม่ได้แปลว่าแมวที่เลี้ยงไว้จะชั่วตาม ออกจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่แปลก มีนรญาเกลียดแมวจะตายไป เคยไล่ตีแมวที่คณะเพียงเพราะมันมานอนทับกระเป๋าด้วยซ้ำ ถ้าเขมราชบอกว่าเป็นแมวเขา ยังน่าเชื่อถือมากกว่า

“แล้วแม่มันล่ะ”

ที่จริงเขมราชได้มาจากลูกค้า แต่มาถึงเกาะมันเตลิดหาย จึงตามหาจนเจอว่าแอบอยู่ในเรือเลยเอามาอาบน้ำเสียใหม่ พร้อมสั่งลุงพวงไปหาซื้ออุปกรณ์เลี้ยงแมวมาให้

แต่เขากลัวอมายาเข้าใจผิดว่าเขาใส่ใจ จึงบอกว่าเป็นแมวของมีนรญา หากไม่ได้คิดคำตอบเรื่องแม่แมวเผื่อไว้

“ตายไปแล้ว”

หญิงสาวกระชับเจ้าขนปุกปุยแนบอกแล้วจูบหน้าผากลายตัว M ด้วยเห็นใจ ความเงียบหลังจากนั้นพาให้เขมราชนึกถึงคืนวันเก่า ๆ

เขาเคยซื้อแมวให้เธอ เพราะแมวตัวที่เธอช่วยไว้ที่ชมรมมันดันถูกรถทับตาย หญิงสาวเลี้ยงแมวตัวที่เขาซื้อให้อย่างดี แต่มันก็หลุดหายไป อมายาเองก็คิดถึงมัน เธอตั้งชื่อมันว่าริชชี่ แต่ที่มันบุญน้อย เพราะเอมมาลินอ้างแพ้ขนแมว พ่อเลยเอามันไปทิ้ง แม้อมายาจะตามหาอยู่นานแต่สุดท้ายก็ต้องถอดใจ และใช่ นังน้องสารเลวแค่ต้องการแกล้งกัน ภายหลังหล่อนซื้อแมวเกรดนอกมาเลี้ยงได้โดยไม่มีอาการแพ้ขน

อมายาบอกเขมราชเพียงว่ามันหลุดหาย ไม่อยากให้เขามองพ่อเธอเป็นคนใจร้ายหรือกล่าวหาว่าน้องสาวเธอตลบตะแลง กระทั่งมีนรญาตายแล้วกลายเป็นเธอต้องรับกรรม นั่นละ... อมายาถึงได้อยากสูบเลือดในตัวออกให้หมด ทั้งอยากฆ่าเอมมาลินวันละหลาย ๆ รอบ

“หวังว่ามีแมวแล้ว เธอจะไม่เอาเวลาไปอ่อยผู้ชายที่ไหนอีกนะ”

“ไงนะ”

“เจาะจงว่าเป็นไอ้นุ!”

อมายาทำหน้าเบื่อ ๆ

เขมราชกลายเป็นผู้ชายที่เธอตามอารมณ์ไม่ทัน พูดกันไม่กี่คำก็ทะเลาะ ใช้ความรุนแรงโดยไร้เหตุผล เมื่อก่อนเธอก็คงเป็นอย่างนี้

แต่เธอเป็น... เพราะเธอรักเขา ส่วนเขาน่ะไม่ใช่ เขามันบ้าชัด ๆ

เขมราชจับข้อมือเธอแน่น พอเธอขืนตัวก็ออกแรงดึงเข้ามาใกล้จนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน เจ้าส้มคล้ายสัมผัสได้ถึงอันตราย เลยมุดหน้ากับซอกแขนแล้วทำเสียงขู่เบา ๆ

“อย่าให้ฉันเห็นอีกแล้วกันว่าเธออยู่กับมันสองต่อสอง”

เป็นอย่างที่เธอคิด... เขาเห็นที่ดนุอุ้มเธอกลับบ้าน

“คุณนุก็แค่ใจดีพาฉันมาพัก แทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ คุณไม่ต้องกังวลว่าฉันจะหลอกใช้เพื่อนคุณ เขาไม่ได้โง่”

“งั้นก็เถอะ ต่อไปถ้าเธอให้มันจับผม ฉันจะกล้อนผมเธอ ถ้าให้มันจับมือ ฉันจะหักแขนเธอ แล้วถ้าให้มันอุ้ม ฉันจะทำให้เธอรู้... ว่าฉันแตะต้องเธอได้มากกว่าที่มันทำ”

เพราะเธอไม่สลด คำขู่นั้นจึงอัดแน่นด้วยแรงอารมณ์ อมายาเย็นสันหลังเยือกคล้ายถูกแท่งน้ำแข็งกรีดลาก ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ฉกใบหน้าเข้ามา หมายใจจะครอบครองกลีบปากนุ่ม หากเจ้าส้มที่พองขนรอก็หันไปตบปากเขาเต็มกรงเล็บหลายทีติดต่อกันแล้วกระโดดไปอยู่มุมห้อง

เขมราชร้องลั่น ผละออกโดยอัตโนมัติ เลือดไหลจากริมฝีปากเป็นทางยาว

อมายารีบตามไปอุ้มเจ้าส้มมาปลอบ ทั้งที่เมื่อกี้ก็อยู่ในกล่องให้เขาอุ้มมาแท้ ๆ ส้มของแม่กลับเกรี้ยวกราดฟ้อนเล็บใส่ซะงั้น

“คุณมีกลิ่นหมาสินะ”

“ด่าฉันว่าหมาเหรอ” คนปากแหกจ้องเธอตาขวาง อมายาเห็นแล้วสะใจจนแทบกลั้นยิ้มไม่ไหว

“ไม่ กลิ่นหมาอะ ก่อนหน้านี้ได้ไปอยู่กับหมามาหรือเปล่า”

เขานึกได้ ระหว่างรอไพน์อาบน้ำให้มัน เขานั่งเล่นกับหมาลุงพวงตั้งนาน ก่อนหน้านี้มันอยู่ในกล่องคงรู้สึกปลอดภัย แต่พอออกมาแล้วได้กลิ่นจากเขา ก็ต่อสู้ตามสัญชาตญาณ

เขมราชไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินออกไปหานิสิตพยาบาลอย่างไพน์ที่เพิงคนงานเพื่อให้หล่อนช่วยดูแผลให้ ด้านอมายาลูบหัวเจ้าส้มแล้วกล่าวชมยกใหญ่เพราะมันทำในสิ่งที่เธออยากทำมานาน


ปลาตัวโตอย่างเขมราชกินเบ็ดที่อมายาดักไว้ เพราะดนุเจอข้อเท็จจริงที่ชี้ว่าเธอจ่ายค่าเทอมให้ไพน์ ทีแรก... ดนุคิดว่าเพลงแค่แต่งเรื่องมาหลอกให้เขมราชเห็นใจอมายา ทั้งยังหวั่นว่าเพลงจะโดนเขมราชเล่นงานด้วยอีกคน

กระทั่งดนุได้ลองตรวจสอบบัญชีเธอตามคำสั่งเขา ใจที่เอนเอียงก็มีแต่จะโน้มไปหาเธอ คนสั่งเองก็ไม่ได้ผิดหวัง ตรงข้ามถ้าไม่เป็นอย่างเพลงบอกนั่นต่างหากที่น่าเสียใจ แต่ที่ผ่านมา ไม่ว่าใคร... ก็คงไม่เอะใจ

“ที่ว่าออยไม่ได้ส่งคนไปซ้อมมึง มันก็อาจจะเป็นไปได้”

แววตาคล้อยตามของเขมราชกระด้างทันใด

“แต่เคสเพลงกับมีนไม่เหมือนกัน ลึก ๆ มึงเองก็รู้สึกเหมือนกู”

“อือ แต่กูเผื่อใจ แล้วมึงล่ะ” ดนุจ้องมองเพื่อนซึ่งนั่งตรงข้ามโต๊ะเตี้ย ๆ ที่ลากออกมานั่งก๊งหน้าหาดตั้งแต่หัวค่ำ

“มึงจะให้กูเชื่อเรื่องปัญญาอ่อนที่ว่ายัยเอมเดินได้แล้วก็ใส่ร้ายพี่สาวเหรอ?” แววตาที่จ้องมองเพื่อนเต็มไปด้วยความสับสน เขมราชเองก็อยากเผื่อใจ เพราะลึกลงไปก็รู้... หากอมายาไม่ผิด แม้เขาจะชดใช้ให้เธอทั้งชีวิตมันคงไม่พอ แต่จะให้เชื่อข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผลเขาทำไม่ได้จริง ๆ ถ้าอมายาอ้างว่าเมาจนขาดสติ มันยังน่าเชื่อถือมากกว่า!

“แต่มึงก็เห็นว่าน้องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด”

“...”

“ที่เราเคยตัดสินน้องจากเรื่องนั้น สุดท้าย... เราเองนั่นแหละที่เป็นคนผิด”

เขมราชเผลอกลั้นใจ... ถ้าอมายาไม่ได้ส่งนายเก้ามาทำร้ายเขากับมีนรญาจริง ๆ เขาคงเสียใจที่ตัดสินอมายาว่าเลวร้าย และเขากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

เขาเลือกมีนรญาไปแล้ว...

ที่สำคัญ มันคนละเรื่องกับคดีฆาตกรรมที่อมายาตกเป็นจำเลย

“อย่ามัวเสียเวลาเดา” เขมราชตัดบท “คนที่จะบอกได้ว่าออยมูฟจากกูไปแล้วหรือยัง ก็คือไอ้เก้า... ถ้าอยากพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนั้นก็พอจะหาดีได้บ้าง รีบไปลากคอไอ้เหี้ยนั่นมาให้กู”

“น้องหาดีได้อยู่แล้ว จากที่น้องแสดงความรับผิดชอบต่อเพลง”

“เหอะ” เขมราชหัวเราะเยาะ

ดนุไม่ทันสังเกตสายตาไม่ไว้ใจที่เพื่อนมองมา เพราะเพียงได้ฟังเขมราชดูถูกอมายา เขาก็ไม่อยากทนเก็บอะไรอีกต่อไป ถึงจะรู้ว่ามันจ้องกำจัดคนที่ปกป้องน้องออกไปทุกคนก็ตาม

“แล้วถ้าน้องไม่ได้ให้ไอ้เหี้ยนั่นซ้อมมึง แสดงว่าน้องมูฟออนจากมึงไปแล้ว มีเหตุผลอะไรจะต้องฆ่ามีน”

“นั่นแหละที่กูอยากรู้” ถ้าเธอไม่ได้ฆ่ามีนรญาเพราะเขา... แล้วเธอทำเพื่ออะไร

ดนุไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของเพื่อน เข้าใจดี ต่อให้อมายาไม่ได้ส่งนายเก้าไป ก็ใช่ว่าเธอจะพ้นข้อหาฆาตกรรม มีเพียงต้องหาหลักฐานที่จะชี้ว่าเธอไม่ได้ขับรถคันนั้นที่จะช่วยได้

ซึ่งพอสอดมือเข้าไปยุ่งมากขึ้น ดนุก็ยิ่งเจอสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อในใจ หากยังไม่กล้าบอกเขมราชไปจนกว่าจะแน่ใจ

ก็ได้แต่หวังว่านายเก้าจะให้คำตอบที่น่าพอใจ เขมราชจะได้ยอมรับว่า เรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้เสมอ ถึงตอนนั้น... อมายาก็จะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองโดยที่มันไม่กล้าขวาง กลายเป็นว่า ดนุเองก็เชื่อเกินครึ่งแล้วว่าอมายาไม่ใช่ฆาตกร

ตอนนั้น เขมราชได้รับสายจาก ‘คราม’ เพื่อนในกรมตำรวจที่ไหว้วานให้จัดการเรื่องตรวจดีเอ็นเอจากกระดุมเสื้อ ซึ่งได้มาจากอมายาในวันที่เขาช่วยเธอจากการถูกแทง

ชื่อที่ได้ฟังพาให้เขมราชมุ่นคิ้ว

“ชัวร์เหรอ”

[เออ เอาหัวเป็นประกัน]

เขมราชพยายามหาจุดเชื่อมโยงของชื่อนั้นกับอมายา คาดเดาถึงแรงจูงใจ แต่ก็คิดไม่ออก...

“ฝากมึงจัดการต่อให้ด้วยแล้วกัน”

[มึงช่วยน้องเขาขนาดนี้ คือยังรักอยู่งี้เหรอ?]

“เปล่าเว้ย” เขมราชปฏิเสธ เสียงหงุดหงิด

[เค้... ไม่รักก็ไม่รัก]

ครามที่รู้จากดนุมาว่าเพื่อนพาอมายาไปไว้ที่เกาะก็ไม่อยากเถียงด้วย เข้าใจดีว่ามันยากที่จะยอมรับว่ายัง ‘รัก’ คนที่ฆ่าลูกเมียตัวเอง

หลังบอกเลิกสายสนทนา เขมราชมีสีหน้าเคร่งเครียด เป็นกังวล และสับสนหนักจนต้องคว้าขวดเหล้ามาซดจนเกือบหมด หวังให้ฤทธิ์เหล้าที่บาดคอ ปาดเอาหัวใจเขาออกไปด้วย มันจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องบ้า ๆ พวกนี้

หรือไม่... ก็ทำให้เขาเสียสติไปที

“ไอ้เฟลม พอ!” ดนุซึ่งเห็นท่าไม่ดีแย่งขวดเหล้ามาได้ แต่ก็เลอะเทอะไปหมด “เป็นเหี้ยไรของมึง ไอ้ครามมันพูดอะไร บอกกูมา”

“คนที่แทงออยที่ตลาด คือไอ้เก้า”


เขมราชกลับกรุงเทพฯ กับดนุตั้งแต่เช้ามืด อมายาจึงรอที่จะได้ ‘แอบ’ ไปจากที่นี่แทบไม่ไหว พอใกล้ถึงเวลา เพลงพาตัวปัญหาอย่างไพน์ไปเที่ยวงานประจำปีที่อีกเกาะหนึ่ง อมายาอาศัยจังหวะที่คนงานไปรวมตัวรับประทานอาหารเย็นมาที่ท่าเรือ การ์ดที่จำใจทำตามแผนของดนุก็ตามมาด้วย

วินาทีที่เรือเคลื่อนตัวออกจากเกาะใจของเธอโล่ง... แม้จะรู้ว่านี่เป็นแค่อิสรภาพชั่วคราว แต่อย่างน้อยมันก็นำแสงแห่งหวังมาสู่ใจ เพราะต่อให้เธอจะถูกขังลืมตลอดชีวิต... ก็ขอให้มีโอกาสใช้ร่างกายตัวเองต่อชีวิตให้ย่า เท่านี้อมายาก็มีเหตุผลให้หายใจ

อมายาไม่กล้าหลับระหว่างเดินทางหลายชั่วโมง กลัวตื่นแล้วจะไม่ใช่ปลายทางที่หวัง แม้พยายามไว้ใจดนุแค่ไหน ก็ไม่อาจเชื่อได้หมดใจ

ทีแรก... จะพักที่บ้านเช่าตัวเองก่อน หากลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เลือกไปหาย่าที่โรงพยาบาลของชาวี แต่เพราะหมดเวลาเยี่ยมแล้วหญิงสาวจึงต้องหักใจ

ทว่า... เธอพบชาวีที่หน้าแผนก

“กลับมาแล้วเหรอคะ น้องออย” อมายาพยักหน้าอย่างหวั่นใจ ถ้าเขาจะด่าทอกันตรงนี้ เธอก็เข้าใจ แต่สิ่งที่เขาทำก็แค่ถาม “สบายดีไหมคะ” ชาวีทำได้แค่นี้จริง ๆ

แม้เขากำลังเจ็บปวดหัวใจหนัก ที่อมายาเลือกหนีเขาไปทั้งที่เขารักเธอแทบบ้า ทำเหมือนความรักของเขาไม่เคยมีค่าในสายตาเธอ และต่อให้เขาจะคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่มีวันที่เธอจะกลับมาหากัน

“ออยสบายดีค่ะ” ใจแสนเปราะบางสะท้านสะเทือน น้ำตาที่กลั้นไว้ใกล้ทรยศแต่เธอก็ข่มไว้แล้วยิ้มตอบ ถึงอยากบอกว่าที่นั่นเหมือนนรกและเขมราชก็บังคับให้เธอตัดสัมพันธ์กับคนตรงหน้า แต่คงไม่ดีต่อภรรยาเขานัก

“น้องออยคงเห็นข่าวแล้วใช่ไหมคะ”

เธอรู้เขาพูดถึงข่าวเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ก็ได้แต่กล่าวแสดงความยินดี หากในใจอยากหนีจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้เต็มแก่

“ไม่น่ายินดีเลยค่ะ” ชาวีตอบเสียงแข็ง

เขานึกถึงคนที่บ้านแล้วหงุดหงิดจนอยากหาที่ลง

อมายากลืนน้ำลายขม ๆ ด้วยรู้ดี... ทั้งหมดเป็นเพราะเธอหนีไป

“แต่เอาเถอะค่ะ พี่ขอให้น้องออยมีความสุขกับทางที่เลือกแล้วกันนะคะ” เขายิ้ม... แต่เป็นยิ้มที่ทำให้อมายาเผลอกลั้นหายใจ “คราวนี้จะมาตรวจความเข้ากันของเนื้อเยื่อไตให้คุณย่าใช่ไหมคะ” เขาถามอีก เธอพยักหน้า “อยู่กี่วันคะ”

“สามค่ะ”

“งั้นน้องออยควรกลับไปพักค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

ต่อให้เขาอยากกระชากเธอเข้ามากอดแล้วอ้อนวอนให้เธอเลือกเขาแทน แต่ชาวีก็เลือกที่จะไล่เธอกลับไปมากกว่าจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

“ไว้เจอกันนะคะ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อน ยิ้มแหย

แต่ในนาทีที่จะหมุนตัวจากไป ชาวีเกิดเปลี่ยนใจกระชากเธอเข้าไป ประคองศีรษะให้อยู่นิ่ง ก่อนจูบเรียวปากสีชมพูหวานอย่างโหยหา การ์ดพวกนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ยิ่งกับชาวีแล้ว... พวกนั้นยังไม่กล้าแตะ ไม่รู้ว่า ‘แตะ’ แล้วจะทำให้นายมีเรื่องปวดหัวหรือเปล่า

อมายาเบิกตาโพลง ดิ้นรนอย่างแตกตื่น แต่เขาจับศีรษะเธอไว้แน่น สองมือจึงทุบหลังเขาแทน ตอนนั้น มองผ่านไหล่นายแพทย์หนุ่มไปก็เห็นเขมราชพุ่งเข้ามากระชากชาวีออกไป จนเธอเซไปตามแรงดึง โชคดีที่ชาวีเลือกปล่อยเธอก่อนจะพากันสะดุดล้มไปทั้งคู่

“ไอ้เหี้ย!” เขมราชกระชากคอเสื้ออดีตเพื่อนรัก เหวี่ยงหมัดขวาซัดเข้าเต็มกรามซ้ายของชาวี

ผัวะ!

นายแพทย์คนดังถึงกับเซไปชนประตูห้องพักคนไข้ ทว่าไม่ได้โต้กลับ เพียงแค่หัวเราะเยาะ แล้วถ่มเลือดลงใกล้เท้าเขมราช... อย่างที่เคยถูกหยามมาก่อน

“จูบเมียมึงหวานเป็นบ้าเลยว่ะ”

อมายาอึ้ง ไม่คิดว่าชาวีจะพูดแบบนี้ และดูเหมือนเขาจะรู้มาก่อนว่าเขมราชอยู่ที่นี่ ที่ทำไปเพียงเพื่อจะสั่งสอนผู้หญิงไม่รักดีอย่างเธอ

เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ

ชาวีตั้งใจหยามไอ้เพื่อนเลว และให้บทเรียนกับเธอ เขาอาจทำลายเธออย่างที่เขมราชแสร้งว่าทำไม่ได้ แต่ใช่ว่าจะทำให้เธอระคายใจไม่ได้

“กูจะฆ่ามึง!” เขมราชเดือดจัด ตามไปกระชากคอเสื้อเพื่อนแล้วกระแทกหมัดเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกมันซ้ำ ๆ

ทว่าชาวีกลับไม่ตอบโต้ เอาแต่หัวเราะชอบใจทั้งที่เลือดไหลเต็มปากเต็มจมูก ยิ่งโหมไฟโทสะในใจเขมราชให้ร้อนแรง ถ้ามันต่อยกลับบ้าง เขมราชยังรู้สึกดีกว่ามาทำให้เขารู้สึกเจ็บ... เหมือนว่าใจอมายาอยู่กับมัน ทั้งที่ตัวอยู่กับเขา

การ์ดเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปห้าม ด้านชาวีทรุดกองกับพื้น มีพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าให้ความช่วยเหลือ เขมราชมองมาทางอมายา เธอหันขวับแล้วสับเท้าหนี เขากลายร่างเป็นยิ่งกว่าผีร้ายที่หมายจะเอาชีวิตกัน

แต่ชายหนุ่มไวกว่ามากนัก เพียงไม่นานก็ตามมาคว้าข้อมือเธอไว้ แล้วลากเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน มืออีกข้างก็กดมือถือส่งข้อความหาลูกน้องที่รออยู่ด้านล่าง

“ปล่อยฉันนะเฟลม!”

อมายาเสียงสั่น น้ำตาซึม ไม่รู้เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ที่รู้... เธอต้องหนี

“ปล่อยให้เธอไปเป็นชู้กับมันน่ะเหรอ”

“ฉันไม่ได้ต่ำเหมือนอีมีนนะ”

เขมราชเหวี่ยงเธอจนหลังกระแทกตัวลิฟต์ ตามเข้าไปจับลำคอระหงอย่างหวังผล

“ฉันพูดถึงเธอที่ยืนจูบผัวคนอื่นกลางโรง’บาล อย่าเสือกเอามีนมาเกี่ยว”

“แล้วคุณมายุ่งทำไม” เธอถามออกไปอย่างพยายามสะกดกลั้นความตระหนก “ต่อให้ฉันเป็นชู้กับพี่แชมป์จริง ๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”

เขมราชจ้องเธอด้วยโทสะที่ลุกท่วมหัวใจ เขาจะฆ่าเธอให้ตายตรงนี้เลยก็ได้ แต่เขามีวิธีที่ดีกว่าจะสั่งสอนคนอย่างเธอ

“ปล่อย! ฉันจะไปหาย่า”

นาทีนั้นประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นใต้ดิน มีรถลีมูซีนสีดำเลื่อมจอดเทียบรอ เขากระชากเธอออกมา ผลักหน่อยเดียวเธอก็เซไปในรถ ภายในมีเบาะยาวอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านเป็นตู้บรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

พอเธอตั้งหลักแล้วจะย้อนกลับ ก็ถูกเขมราชผลักจนหงายหลังลงไปกับเบาะ แล้วเขาก็ตามเข้ามาคร่อมร่างเธอไว้

“เฟลม ไอ้บ้า ฮือ ๆ ปล่อยฉันนะ!”

อมายาควานหาของที่ใช้แทนอาวุธ แต่เขมราชไม่หลงเหลืออะไรให้ใช้ได้ เธอเปลี่ยนมาประทุษร้ายเขาด้วยสองมือ ทั้งที่เธอ... เหมือนจะหมดแรงอยู่ทุกลมหายใจ

“อยากเป็นชู้กับมันมากกว่าอยากได้ฉันอีกเหรอ”

อมายาสะอื้นจนตัวโยน ปล่อยให้เขารวบมือสองข้างไว้อย่างไร้เรี่ยวแรง

ลึกในใจอยากให้นี่เป็นเพียงฝัน... ที่พอตื่นขึ้นมาเธอกับเขาไม่รู้จักกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตโดยไม่มีวันเดินมาบรรจบกัน หากความจริงมันเจ็บปวดยิ่งกว่าพิษร้ายพ่นเข้ามาในหัวใจ และเธอไม่รู้... ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องตอบอย่างไรถึงจะพ้นจากโทษทัณฑ์

แต่หากให้เธอเลือกแค่สองทาง ก็จะเลือกทางที่พาเธอไกลห่างจากผีห่าซาตานตนนี้ให้ไกลที่สุด

“ใช่! เขาจะได้พาฉันไปจากคุณซะที”

สิ่งที่อมายาไม่อาจรู้ คือประโยคนี้กรีดหัวใจคนฟังจนเป็นแผล

แววเคียดแค้นกลั่นออกมาจากดวงตาดุกร้าว อยากโกรธแค่ที่เธอปากแข็งว่าเขาไม่ใช่แรงจูงใจในการฆ่ามีนรญา แต่เขมราชกลับรู้สึกมากกว่านั้น

เขากำลังจะบ้าตายที่สุดท้ายอมายาเลือกชาวี

“ได้... ฉันจะให้เธอได้ไปสมใจ” เขาผละออกจากร่างบางอย่างแสนรังเกียจ อมายาขยับไปนั่งคู้ตัวอยู่ตรงมุมที่นั่ง เขมราชกำลังพาเธอไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

“คุณจะพาฉันไปที่ไหน”

เขาเงียบ... เธอได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์กับเสียงแตรจากรถคันอื่น

สายตาไม่อาจคาดเดาที่เขาจ้องกันทำให้อมายาหวั่นใจ กระนั้นก็เลือกที่จะเงียบ ด้วยเรียนรู้แล้วว่า ต่อให้พยศจนตายก็ไม่มีทางหนีได้ในสถานการณ์นี้ ความเงียบหลังจากนั้นทำให้เธอมีเวลาครุ่นคิด

เขมราชรู้ได้อย่างไรว่าเธอจะมาหาย่า... ดนุหักหลังเธองั้นหรือ แล้วเขาทำแบบนั้นทำไม ไม่ช่วยกันตั้งแต่แรกยังดีเสียกว่า

16

ถ้าเธอจะไปจากกัน

หากเกาะเขมราชคือนรก ปลายทางคืนนี้ก็คงเป็นนรกขุมที่ลึกกว่า อมายาตัวสั่นหงึก ๆ เมื่อลีมูซีนมาจอดหน้ารั้วบ้านนิกร พลันระลึกถึงคำขู่ที่เธอเผลอลืม ว่าถ้าเธอคิดหนี... เขาจะลากเธอมาให้นิกรด้วยตัวเขาเอง

“เฟลม คุณอย่าทำกับฉันแบบนี้นะ”

“เธออยากไปนักไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้” เธอขยับเข้ามาฉวยมือเขา แล้วกล่อมเขาอย่างตื่นกลัว “...เฟลม ฉันไม่ได้อยากไปจากคุณแล้ว คุณเชื่อฉันนะ”

ยิ้มสมเพชแต้มมุมปากเขมราช เขาเชยคางงามมน จ้องใบหน้าชื้นเหงื่อ ตอนนั้น ลูกน้องสองคนข้างหน้ารถลงมาเปิดประตู รอพา ‘เหยื่อ’ ตัวน้อยไปประเคนเข้าปากราชสีห์

“สายไปแล้วออย”

“เขมราช ฉันขอร้อง” เธอกระชับมือเขา วอนขอทั้งน้ำตา

หลายครั้งหลายหนที่เธอคิดว่าเขาใจร้าย... หากเสี้ยวหนึ่งของใจก็หวังให้ยังหลงเหลือความเป็นคน เพราะมือเขาเองก็อุ่น มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ เขาคงเจ็บปวดและกลัวเป็น... เหมือนกันกับเธอ

“อย่าทำร้ายฉันด้วยวิธีนี้เลย”

“ฉันบอกไปแล้ว ว่าถ้าเธอคิดหนี ฉันจะทำอะไรกับเธอ”

แต่แววตาเขากลับเลือดเย็นไร้ความปรานี ที่เคยมองเขาในแง่ดีพลันเลือนสลาย พาให้เธอรู้สึกเหมือน... จะขาดใจ

เมื่อคนของนิกรเดินออกมาดู เขมราชจึงลากเธอลงไปจากรถด้วยกัน แม้อมายาจะดิ้นรนเพียงใด ก็หาได้ระคายเขาไม่ ภาพของปีศาจที่ซ้อนทับกับแผ่นหลังของเขา ใจเหลว ๆ ของเธอรวดร้าวด้วยความหวาดกลัว

“โอ๊ย!!!” เขมราชร้องลั่นเนื่องเพราะถูกอมายากัดมือ เขาสะบัดจนเธอล้มกระแทกพื้นซีเมนต์ ทั้งฝ่ามือ เข่าและศอกได้รับบาดเจ็บ แต่หญิงสาวก็ตะเกียกตะกายหนีเขา

ไม่มีใครยอมตกนรกโดยไม่ดิ้นรน เธอวิ่งไม่คิดชีวิต เขมราชก็ตามติดไม่ลดละ พอหันไปมองคล้ายกับว่านั่นคือปีศาจร้าย พาให้อมายาหวาดกลัวจนปวดหัวใจ

อุ้ก!

ร่างบอบบางสะดุดพื้นต่างระดับล้มไถลบนพื้นถนน แขนถลอกเป็นบริเวณกว้าง พร้อมรู้สึกเจ็บขัด ๆ ที่ท้องน้อย เขมราชตามมาใกล้จะถึงตัวแล้ว พลันสายตาเหลือบเห็นขวดเบียร์ตรงขอบทาง

เพล้ง!

เธอฉวยมาทุบจนเหลือแค่ปากขวดคมกริบ หากไม่ได้ชี้ไปที่เขา กลับดึงมาจี้คอตัวเอง คนตัวโตถึงกับชะงัก จ้องดวงตาแน่วแน่ของเธอแล้วโกรธเหลือเกิน... โกรธจนเจ็บหัวใจ

ผู้หญิงโง่!

“เธอกล้าเอาชีวิตไร้ค่าของตัวเองมาขู่ฉันเหรอ”

“ฉันไม่ได้ขู่” แววตาที่จ้องมองเขาไม่มีความลังเล แต่แข็งกร้าวแม้มีน้ำตา มันรินไหลออกมา... จากก้นบึ้งของหัวใจ ซึ่งอัดแน่นด้วยความเจ็บปวดสิ้นหวัง

เหตุผลให้หายใจมีเพียงน้อยนิด หนึ่งในนั้นคือย่า... ที่ก็ไม่รู้ท่านจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด แต่เหตุผลที่จะตายกลับมีมากมายเหลือคณา

สู้เหรอ... เธอจะสู้อย่างไรกับใจที่แหลกสลาย เมื่อเขมราชทำกันอย่างนี้ สู้ฆ่ากันให้ตายยังดีเสียกว่า

พิสูจน์ตัวเองงั้นเหรอ... เธอแทบจะมองไม่เห็นทาง เพราะไม่ว่าจะไว้ใจใคร พวกเขากลับหักหลังให้เธอทรมานเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

“งั้นก็ปาดเลย”

แต่เขาประเมินอารมณ์เธอผิดไป ใจเธอไร้ซึ่งความกลัว มีแต่ความเกลียดชังและสมเพชเวทนาผู้ชายตรงหน้า การตายของเธอคงไม่ทำให้เขารู้สึกรู้สา แต่เธอจะได้หลุดพ้น

เธอหวังเหลือเกิน ว่าจะได้เจอแม่ในโลกหลังความตาย... ถ้ามันมีจริง และหวังว่าย่าจะตามไปในเร็ววันแม้ลึก ๆ แล้วเธอเสียใจที่ยืนหยัดเพื่อย่าได้เพียงเท่านี้

ยิ่งกว่านั้น เธอหวังให้เขมราชจำภาพนี้ไปจนลมหายใจสุดท้าย แล้วอมายาก็จรดปลายแหลมเข้าเนื้อใต้กรามด้วยความเด็ดเดี่ยว ลึกอีก... และลึกอีก ขณะที่ความเจ็บแล่นเกาะกุมใจ แต่เธอไม่รู้สึกเลย เพราะแค่เธอกรีดจนมันตัดขวางลำคอได้

เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“ยัยโง่!!!” คนที่ไม่คิดว่าอมายาจะทำพุ่งเข้าจับข้อมือเล็ก เขาลืมความตั้งมั่นในจิตใจไปจนหมดสิ้น เพราะลึกลงไป เขามีเธออยู่ในนั้นเสมอมา และคงยอมไม่ได้ถ้าเธอ... จะหายไป อมายาผลักเขาสุดแรงเกิด แต่เขมราชไม่สะท้าน บิดมือเธอจนปากขวดร่วงจากมือ ก่อนจับปลายคางเธอแน่น เพื่อดูว่าแผลลึกแค่ไหน

แผลไม่ได้ลึกมากแต่ยาวตามแนวขวางสักสองเซนติเมตรได้ และโชคดีที่มันไม่ตัดเส้นเลือดใหญ่ เลือดจึงไม่ไหลพุ่ง และเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเพื่อหยุดเลือดไว้

อดคิดไม่ได้ ถ้าเขาช้ากว่านี้... ถ้าเธอตวัดมาอีกด้านหนึ่งได้ เขาคงเสียเธอไปจริง ๆ ทั้งที่เขารู้ว่าคนอย่างเธอมันบ้าและกล้าได้กล้าเสียแค่ไหน แต่ยังท้าทายเพราะอมายาคงอยากอยู่ต่อเพื่อย่า วินาทีที่เธอจรดปากขวดกับคอตัวเอง เขายังห้ามใจไว้ คิดอย่างคนโง่เง่าว่าเธอคงอยากเล่นเกมใครทนได้มากกว่า สุดท้ายก็เป็นเขาที่พ่ายแพ้...

“ปล่อย ฮือ ๆๆ จะมายุ่งกับฉันทำไม”

“เธอไม่อยากอยู่เพื่อย่าเธอแล้วเหรอ”

“ฉันเหนื่อย คุณได้ยินไหม เหนื่อยที่ต้องทนอยู่กับคนอย่างคุณ ฉันเกลียดคุณ เกลียดจนยอมตายซะยังดีกว่า” เธอทั้งดิ้นทั้งตบตีเขา เขมราชปวดหนึบในใจ คำพูดที่ว่าเธอยอมตายยังดีกว่ายอมอยู่กับเขาเหมือนใบมีดเล็กเป็นพัน ๆ เล่มปักแทงหัวใจ

เธอเกลียดเขามากงั้นหรือ... เกลียดเขาแล้วทำแบบนั้นกับลูกเมียเขาทำไม

เกลียดเขาแล้วที่คลับคืนนั้น เธอเอาตัวเองมาแทนเมียเขาเพื่ออะไร

เขมราชไม่เชื่อว่าเธอพูดจริง แม้ลึกลงไปเขาจะรู้... ว่าเขาเพียงไม่อาจยอมรับสิ่งที่มันค้านกับความเชื่อในใจ ชายหนุ่มกระชากร่างเพรียวเข้ามาแล้วช้อนขึ้นอุ้ม อมายากรีดร้องเสียงหลง เขมราชทำให้เธออ่อนล้าอย่างสุดใจ

“ปล่อยฉัน อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฮือ...”

“ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายง่าย ๆ หรอกออย เพราะเธอยังชดใช้ให้ฉันไม่พอ”

“ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม เขมราช ฉันเกลียดคุณ”

“เธอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวงโคจรของฉันเอง ออย เธอคิดว่าแค่พูดว่าเกลียดฉัน แค่นั้น แล้วเรื่องมันจะจบเหรอ... ไม่มีวัน”

เขาตะโกนใส่หน้าเธอด้วยแรงโทสะ ลาวาอารมณ์ปะทุจนไม่อาจต้านไหว อมายาได้แต่ร่ำไห้ด้วยไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ครั้นจะบอกเขาว่ารักก็ไม่แคล้วถูกเหยียดหยาม

แต่พอบอกว่าเกลียด... เขาก็ไม่เชื่อ

ทั้งที่ไม่เคยเอาตัวเองไปอยู่ในวงโคจรของเขา ไม่แม้แต่จะคิด... เพราะจบกันแล้วก็จบกันไป ถึงยังรัก แต่เขาเลือกมีนรญา เธอต้องยอมรับความจริง

เขาสั่งลูกน้องที่วิ่งแซงขึ้นมาให้เปิดประตูให้ ก่อนเข้าไปนั่งในรถโดยที่อุ้มเธอวางไว้บนตัก

“ปล่อยนะ ฮือ ๆ”

“ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไป” เขากอดเธอแน่นด้วยแรงโทสะ อีกมือประคองหลังศีรษะเธอไว้ ยิ่งอมายาดิ้นหนีเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งบดเบียดเขามากเท่านั้น

เธอตัวสั่น สับสน ยิ่งตอนที่เรียวปากร้อนจูบพรมใบหน้า อมายายิ่งไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตา

“ไม่ปล่อย แล้วทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”

เขมราชลากเธอมาให้คนที่พยายามขืนใจเธอซ้ำยังพรากแม่ไปอย่างโหดร้าย จิตใจเขาทำด้วยอะไร

“เพราะฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น” เขาหัวเราะหึ พลางกอดเธอแน่น “แต่ถึงอย่างนั้น... ก็ไม่เคยรับปากไอ้นิกรว่าจะยกเธอให้มัน”

อมายาไม่เข้าใจ เธอได้แต่ร้องไห้สะเทือนใจ เหมือนคนที่ถูกปล่อยให้เคว้งคว้างอยู่ในเส้นทางของความสิ้นหวัง จะหยุดเดินก็คงหลงทาง จะไปต่อ... เขาก็ไม่ยอม

แต่ไม่ว่าน้ำตาจะมากมายแค่ไหน เขมราชยังคงกกกอดเธอและพร่ำบอกว่าเขา ‘จะไม่ยอมปล่อยเธอไป’ ก่อนแนบริมฝีปากกับเรียวปากสวย กลืนกินคำอ้อนวอนจากปากเธอเข้าไป


ใช่ว่าเขมราชเปลี่ยนใจไม่ส่งเธอให้นิกร แต่เขาไม่คิดจะยกให้มันตั้งแต่แรก เพียงขู่ให้อมายากลัว แถมวันนี้ไอ้แก่นั่นไม่ได้อยู่ในบ้าน ลูกน้องจึงไม่แปลกใจที่คนเป็นนายสั่งให้ออกรถ

เขมราชแวะคลินิกแห่งหนึ่งให้อมายาได้ทำแผล แต่ไม่เปิดโอกาสให้เธอหนีหรือขอความช่วยเหลือใด ๆ กับคนในคลินิก ระหว่างทางไปเพนต์เฮาส์ เขานั่งเงียบ ขบฟัน จ้องไปนอกหน้าต่างคล้ายสะกดอารมณ์ ภาพที่เธอกรีดปากขวดกับคอตัวเองยังติดตา

เธอมันทั้งโง่ทั้งบ้า ไม่รู้หรือไรว่าเรื่องตาย... ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

เมื่อลิฟต์พารถหรูขึ้นมาถึงหน้าประตูกระจกบานใหญ่ เขาสั่งให้ลูกน้องกลับลงไป ส่วนเขาอุ้มอมายาออกมาจากรถ

“ฉันเดินเองได้ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้” เธอบอกเสียงสะอื้นด้วยผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่คนตัวโตทำราวไม่ได้ยิน อมายาจึงรับรู้ได้ว่า เขาอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ

กระทั่งเขาวางเธอลงบนโซฟา แต่แทนที่จะผละออกไป กลับย่อกายนั่งชันเข่าบนพื้นตรงหน้า จ้องมองเธอด้วยสายตาที่อมายาไม่มั่นใจนักว่า เขาเจ็บปวด โกรธแค้นหรือเสียใจกันแน่

เสี้ยวนาทีต่อจากนั้น เขาโผเข้ามา มือซ้ายโอบกอดเธอ มือขวาประคองหลังศีรษะชื้นเหงื่อ ก่อนฉกใบหน้าเข้ามาครอบครองกลีบปากสีชมพูอิ่ม หากจูบครานี้ทั้งกักขฬะ รุนแรง และเต็มไปด้วยโทสะอันดำมืด ผลักดันให้อมายาดิ้น... และพยายามจะผละหนี

“ออกไปให้พ้น”

“แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยรึไง” เสียงกระด้างของเขาเจือด้วยพายุอารมณ์

“ฉันเกลียดคุณ”

“แต่ฉันอยากได้เธอ”

“ไม่!”

“งั้นฉันก็จะขังเธอไว้ที่นี่ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน”

“คุณแม่ง ฮือ ๆๆ” ในวันที่ล้าอย่างสุดฝืน หยาดน้ำตาไม่เคยหยุดไหล จนบางครั้งอมายาก็เกลียดตัวเองที่ร้องไห้ แต่ใจเธอบาดเจ็บจนฝืนไม่ไหวอีกแล้ว

หมดปัญญาที่จะสรรหาคำเปรียบ ทั้งที่เธอยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อหนีเขา เขมราชยังเลือดเย็นพอที่จะทำอย่างที่ปากพูดอยู่อีกหรือ

“แต่ถ้าเธอว่าง่าย พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปเจอย่า”

“...” อมายาสะอื้น มือกำแน่น แม้จะเอาย่ามาต่อรองกับเธอไม่ได้ แต่ในสถานการณ์ที่เธอไม่มีทางเลือก แม้แต่จะตาย เขารู้ดีว่าสุดท้าย... สิ่งที่เธอทำได้คือเลือกทางที่ดีที่สุดให้ตัวเอง

“เงียบแปลว่าตกลง” ยังไม่ทันที่อมายาจะได้พูดตอบ เขมราชก็โผเข้ามา โถมแรงกดเธอให้นอนลงกับโซฟา ก่อนจูบเธออีกครา ซึ่งไม่ต่างจากจูบก่อนหน้านัก อมายาพยายามผลักเขาออก

“ไม่!”

“ฉันจะไม่ใจดีกับเธออีกแล้ว ออย!”

เห็นท่าทีของอมายาแล้วเขาอยากทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า อดคิดไม่ได้ว่ากับไอ้ชาวีเธอจะกล้าปฏิเสธไหม ที่หายไปอยู่กับมันเป็นเดือน ๆ ก่อนมาอยู่กับเขา เธอกับมันไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว แค่คิด... เขาก็รู้สึกเหมือนจะตายเสียเดี๋ยวนั้น

“เธอมีทางเลือกสองทาง หนึ่ง ยอมแล้วรอรับผลพลอยได้เรื่องย่า หรือสอง ให้ฉันใช้กำลังแล้วจับเธอขังเหมือนหมูเหมือนหมา”

เป็นอีกครั้งที่เธออยากถลกหนังเขาออกมาขึงประจาน เข้าใจแล้วว่าเพื่อเหยียดหยามศักดิ์ศรีกันเขาทำอะไรได้บ้าง ยิ่งจ้องมองเข้าไปในดวงตาแน่วแน่เอาแต่ใจนั้น... เธอก็เห็นแต่เพียงความสิ้นหวังของตัวเอง

อมายาเบือนหน้าไปอีกทางแล้วปล่อยน้ำตาร่วงหล่นจากหางตาบวมเป่ง สิ้นแรงขัดขืนแต่มันกลับเพิ่มพูนอยู่ในใจ เขายืดตัวขึ้น ปลดกระดุมเชิ้ตสีขาว ถอดมันโยนไปไกล อมายาได้แต่หลับตาพริ้ม กระทั่งถูกเขากระชากเสื้อยืดจนขาดออกจากกัน พร้อมจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ไม่อาจคะเนน้ำใจ

เธอตกใจจนแทบสิ้นสติ แววตาเขาบรรจุความขึ้งเคือง ซ้ำยังมีภาพของนิกรสลับกับชาวีเข้ามาซ้อนทับ แต่เขากลับน่ากลัวกว่า

“เดี๋ยวเฟลม” เธอรั้งมือหนาที่กำลังจะกระตุกเชือกกางเกงเลของเธอไว้ด้วยความประหวั่นใจ... เขมราชไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ อย่างน้อยเธออยากมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำในสิ่งที่เธอรับไม่ไหว

แต่ชายหนุ่มสะบัดออก จัดการถกกางเกงเธอพร้อมกันทั้งตัวนอกตัวใน สอดมือเข้ามายกสะโพกเธอขึ้นก่อนดึงมันโยนตามเสื้อตนไป ก่อนปลดหัวเข็มขัดเพื่อดึงขอบกางเกงตัวเองลง ฝักรักที่พรักพร้อมดีดผึงผงาดโลก แล้วแยกสองขาเรียวออกจากกัน

อมายากรีดร้องเสียงหลงเมื่อตัวตนแข็งแกร่งของเขาเสือกพรวดเข้ามาจากท่วงท่าที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยรับไหว ยิ่งในขณะที่เธอไม่พร้อม อมายาก็อยากจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

มันทั้งเจ็บ ทั้งจุก และอึดอัดเหลือเกิน อมายาทนไม่ไหว เธอหมายใจจะถีบแต่เขาต้านไว้ แล้วโน้มกายลงมาทาบทับ บดจูบกลีบปากสวยด้วยจุมพิตลงทัณฑ์ เธอผละหนี ปัดป้องและร้องไห้

“เฟลม อย่าทำแรง” แต่ยิ่งขอ เขาก็ยิ่งทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

เขมราชกระแทกตัวตนผ่านความคับแน่นของดอกไม้งามอย่างไม่ออมแรง พลางโน้มลงไปจูบพรมขมับและข้างแก้มของคนไร้ทางสู้ รู้ดีตัวเองเหมือนสัตว์ ทั้งป่าเถื่อนและโหดร้าย

แต่เขากำลังจะอกแตกตาย เพราะภาพที่เธอจะทำร้ายตัวเองยังติดตา คำที่บอกว่าเกลียดเขาจนอยากตาย กับที่ว่าเลือกชาวีมากกว่าเขามันอื้ออึงอยู่ในหู ในความคิดก็มีแต่ภาพที่เธอจูบกับชาวีบรรจุอยู่ เกลียดเขามากงั้นหรือ... เกลียดจนยอมตาย เกลียดจนอยากหนีหายไปจากชีวิตเขา

แต่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น ทั้งที่มันแต่งงานมีใหม่ไปแล้ว เธอกลับให้มันจูบอย่างเต็มใจเพราะอยากกลับไปอยู่กับมัน เขาจะทำให้เธอได้รู้ ว่าต่อให้เธออยากหนีเขาแทบตาย เธอก็ไม่มีทางไปจากเขาได้ เพราะแม้แต่ความตาย เขาก็ไม่อนุญาตให้เธอได้รับมัน จะได้เลิกคิดเลิกฝันถึงวันที่จะโบยบินจากไป

ฝ่ามือหนาฟาดแก้มก้นกลมกลึงเผียะหนึ่ง เสียงกระทบของมันพาให้เขากระสันจนต้องขบฟัน หญิงสาวอดรนทนไม่ไหว

“ฉันเจ็บนะ” ยิ่งบอกว่าเจ็บเขาก็ยิ่งกระแทกลึก ทุกอณูเนื้อที่กลีบสาวตอดรัดเขามันให้ความรู้สึกดีเกินบรรยาย ผลักดันให้เขาฝากฝังแก่นกายลึกเข้าไปอีก

“อ๊า มันลึกเกิน” เธองอตัว สอดมือเข้ามาดันหน้าท้องเป็นลอน หากแรงต้านน้อยนิดกลับไม่มีผล

อมายาไม่เข้าใจ... ในเมื่อเธอยินยอมพร้อมใจ แต่ทำไมเขาถึงยังรุนแรงนัก ทำเธอรวดร้าวจนน้ำตารินไหล สะอื้นไห้ตามแรงอารมณ์ ทว่าเขาไม่ยอมผ่อนแรง ได้ยินเพียงเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังก้องพื้นที่ขนาดสี่ร้อยตารางเมตร ผสมลมหายใจร้อนระอุของคนที่ซบหน้ากับซอกคอ ได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการจิกเล็บกับแผ่นหลังกว้าง กัดริมฝีปากเก็บเสียงสะอื้น เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสดุดันแบบนี้ ทั้งหนักเน้น และดุดัน

“ร้องทำไมล่ะ”

“ฮึก...”

“ตอนจูบไอ้แชมป์ไม่เห็นร้องเลย” เพียงเท่านั้น อมายารู้ในทันทีว่าที่รังแกกันหาใช่เพราะความเอาแต่ใจหรือต้องการเหยียดหยาม แต่ชายหนุ่มกำลังลงทัณฑ์ในเรื่องที่เขาไม่มีสิทธิ์

“คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ แล้วก็พอได้แล้ว ฉันเจ็บ” พอเธอจะผลักเขาออก เขมราชกลับรวบข้อมือเธอไว้แล้วจ้องมองด้วยแววตาดุดัน อยากร้องตะโกนให้โลกรู้ว่าเขามีสิทธิ์มากกว่าใคร แต่แค่เธอเข้าใจมันก็เพียงพอแล้วในตอนนี้

“เธอเป็นเมียฉัน ออย”

“...”

เมียงั้นหรือ... พฤติกรรมของเขาที่ผ่านมารวมถึงตอนนี้ เธอควรยินดีกับตำแหน่งที่ได้มาหรือเปล่า แน่นอนว่าไม่! สิ่งที่เธอจะยินดีคือการที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก หากเขมราชต้องการตรงกันข้าม!

“อย่าคิดหนีฉันไปไหน หรือยอมให้ผู้ชายคนไหนแตะต้องเธอได้อีก เพราะฉันจะทำให้เธอรู้ ว่าฉันทำกับเธอได้มากกว่าที่มันทำ”

อมายากลั้นเสียงสะอื้นกับเสียงร้องเอาไว้ ที่ผ่านมาแม้เขาจะโหดร้ายเท่าไร แต่บนเตียง... เขาถนอมเธอราวกับกลัวเธอจะแหลกสลาย

ทว่าครานี้เหลือเพียงโทสะและความเกรี้ยวกราดในแบบที่เธอรับไม่ไหว ต่อให้เขมราชจะพูดว่าเธอคือ ‘เมีย’ แต่อมายาก็ไม่ได้ยินดี


เขมราชยึดสะโพกเธอไว้แน่น โจนจ้วงระลอกสุดท้ายอย่างดุดันรุนแรง ระเบิดโพลงในกายนุ่มนิ่มแบบที่ไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แล้วพรมจูบทั่วใบหน้าชื้นเหงื่อของคนตัวบางอย่างปลอบโยน

พอได้แสดงกรรมสิทธิ์เหนือร่างกายเธอ โทสะในใจเขาก็ค่อยเบาบาง ตรงข้ามกับอมายาที่รอให้ทุกอย่างจบลง เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยทั้ง ๆ ที่นอนเฉย ๆ ให้เขาเอาเปรียบเหนื่อย... เพียงแค่คิดว่าต้องอยู่กับเขาไปอีกนาน จะตายก็ไม่ได้ จะหนีเขาก็ไม่ยอม

“ขออีกได้ไหม”

“ไม่” เธอตอบเสียงแข็ง ผลักเขาออกสุดแขน รีบลุกจากโซฟาหมายใจจะเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องนอนชั้นล่าง แต่เขาไม่ปล่อยเธอง่ายดาย เขาคว้าข้อศอกเธอไว้ ออกแรงดึงหน่อยเดียวอมายาก็ถลาไปนั่งบนตักเขา

“ฉันอยากแก้ตัว” เขาไม่ชอบเอาเปรียบคู่นอน เลยไม่อยากถึงฝั่งฝันฝ่ายเดียว

“ปล่อยฉัน”

“ไม่ปล่อย” รัดแน่นจนเธอหายใจแทบไม่ออก จมูกไซ้ซอกคอเธออย่างโหยหา

“คุณได้สิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว จะเอาอะไรอีก”

“เธอไง”

“...”

“ตอนนี้ฉันต้องการเธอ”

“...” อมายากอดตัวเองสั่น ๆ ในอ้อมกอดที่ร้อนดั่งไฟ น้ำตาร่วงหล่นเปื้อนเสื้อยืดที่ฉีกขาด เกลียดที่เขาทำเหมือนต้องการเธอ มากกว่าที่เขาทำรุนแรงต่อกันเสียอีก

“ฉันอยากให้เธอปรนนิบัติฉัน ให้คุ้มกับสิ่งที่ฉันจะให้เธอเป็นการตอบแทน”

“ฉันทำไม่เป็น”

“ฉันจะสอน” เขมราชเชยคางสวยขึ้นสบตา น้ำตาและลมหายใจขาดห้วงของเธอทำเขาสะท้าน ไม่รู้ว่าเกราะหนาที่สร้างมาหุ้มความรู้สึกนี้ไว้พังทลายตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่ว่าจะบอกตัวเองแค่ไหนว่าเขาเกลียดเธอ ทุกครั้งที่เขาค้นเจอก็เป็นเธอหมดทั้งใจ

“ไม่! ฉันไม่อยากเจ็บ” อมายาหันหน้าหลบ เขาจับคางเล็กให้หันมาอีกครา ค่อยจูบปากสวยอย่างอ่อนหวาน แทนคำสัญญาว่ามันจะไม่เหมือนเดิม

“ครั้งนี้จะไม่เจ็บ”

“...”

“แล้วฉันก็จะไม่ยอมให้เธอปฏิเสธฉันอีก”

หมายความว่า... เขาจะใช้กำลังหากเธอขัดขืน จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่แคล้วบังคับกัน อมายาร่ำร้องในหัวใจอย่างสิ้นไร้หนทาง เธอปล่อยให้เขาโน้มลงมาครอบครองเธอด้วยจุมพิตดูดดื่มลึกซึ้งอย่างที่เธอต้องถามตัวเองด้วยความสับสนว่า นี่ใช่ไหมสิ่งที่เขาจะทำกับคนที่เขาเกลียด ทำให้ดูเหมือนรักแต่สุดท้ายก็ร้าย... ร้ายจนเธอไม่อยากจะหายใจ

ชั่วขณะของความสับสน เขาเอื้อมมือคว้าทิชชูบนโต๊ะคริสตัลแล้วแยกขาเธอออกจากกัน อมายาตกใจเผลอผละจากจุมพิตหวาน รู้ดีว่าเขาจะแตะต้องเธอทุกสัดส่วน

แต่เธอ... แค่กลัว

“จะเช็ดให้ มีปัญหาเหรอ”

“ปละ... เปล่า” เธอยอมให้เขา ‘เช็ด’ ของเหลวสีขาวข้นที่ยังคงค้างในโพรงสาวและเยิ้มไหลออก ‘ทุกซอกมุม’ จนหัวใจเต้นรัว เพราะมือเขาทำท่าจะไม่หยุดแค่เช็ด จนแล้วจนรอดนิ้วแกร่งก็กดเข้ามาในนวลเนื้อ

เจ็บในตอนแรก... สักพักกลับให้ความรู้สึกดี จนทั้งเนื้อทั้งตัวเธอสั่นระริก

“เราต้องเริ่มจากขนาดเล็ก ๆ ไปหาใหญ่ ๆ”

“...”

“เมื่อกี้ฉันลัดขั้นตอนไปหน่อย เลยเจ็บมากสินะ”

เจ็บมากสินะ... ฟังคล้ายห่วงใยมากกว่าประชดประชัน แต่อมายาสลัดความคิดนั้นออกไป ไม่อยากพร่ำเพ้อถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ยิ่งจากคนเลว ๆ แบบเขา เธอก็รู้ว่าไม่มีวัน!

เซ็กซ์ครั้งนี้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยน เขาได้ความสะใจ เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ

“อา...” อมายาหลุดเสียงครางจังหวะที่นิ้วใหญ่ทักทายเนื้อเยื่ออ่อนไหวข้างในโพรงรัก เขมราชโน้มลงมาจุมพิตอีกครา ดูดกลืนเสียงนั้นไปจนหมด พร้อมเร่งความเร็วส่งเธอข้ามผ่านจุดสุขสมจนคนตัวเล็กกระตุกเกร็ง

เขมราชถอดนิ้วจากกายสาว แลบลิ้นเลียน้ำหวานที่เกาะวาวไหลเยิ้มจนถึงข้อมือโดยไม่รังเกียจ ก่อนผ่อนร่างบางลงนอนบนโซฟานุ่ม ขยับตัวมานั่งบนพื้น เปิดอ้าเรียวขางามเพื่อเชยชมความงดงามยิ่งกว่าของนวลเนื้อขนาดกำลังดี

ครั้งก่อนเขาดื่มเหล้าหลังร่วมรักกับเธอ เพราะการทำให้ตัวเองเมา มันง่ายกว่าปล่อยให้หัวใจถูกตรึงอยู่กับสัมผัสของเธอ แต่แล้ว... เขาก็คิดถึงมันทุกลมหายใจ

คิดถึงจนรวดร้าวหัวใจ เลยต้องพาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ

คิดถึง... จนรู้สึกผิดกับใครอีกคน

แต่ครั้งนี้เขาไม่ต้องการเหล้า สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงเธอ เขาชอบที่ได้ครอบครองเธออย่างมีสติ ได้ปล่อยใจให้ซึมซับความอิ่มเอมอย่างเต็มเปี่ยม

อมายาไม่ขยับเขยื้อน เกือบหายใจไม่ออก และแทบไม่กะพริบตาตอนเขมราชใช้มือแหวกกลีบเนื้อเปิดแย้มแล้วโน้มลงมาลิ้มชิม เธอร้องครางเสียงแหบพร่าอย่างชื่นชมยามที่ลิ้นนุ่มตวัดเลียไปตามซอกของกลีบเล็ก แอ่นหยัดสะโพกเข้าหาสัมผัสวาบหวามของเขา หมุนวนตอบสนองเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และสัมผัสได้ว่าตัวเองเยิ้มไหลช่ำแฉะมากยิ่งขึ้น พอใกล้ถึงเวลานั้น มือเรียวเสลาขยุ้มศีรษะดกดำ กดเข้ามาแนบเนื้อ เพื่อให้ลิ้นเขาชอนไชลึก ขณะที่ปลายลิ้นนุ่มตวัดติ่งสาวเร็วขึ้นราวกับรู้ความต้องการในใจเธอ

จนเธอแตกพล่านสาดน้ำหวานใสเข้าสู่ช่องปากเขาอย่างรุนแรง เขมราชดื่มกินมันเข้าไปทุกหยาดหยดอย่างละโมบและตะกละตะกลาม

“ไปในห้องกันเถอะ”

อมายาพยักหน้า พร่าเบลอด้วยฤทธิ์สวาท รู้สึกอยู่กลาย ๆ ว่ากล้ามเนื้อเขาแข็งเกร็งขณะลุกขึ้นยืนพร้อมอุ้มเธอขึ้นง่ายดาย

เขมราชเดินตรงไปที่ห้องนอน ผ่อนร่างเธอลงบนที่นอนนุ่มโดยให้สะโพกพาดขอบเตียง เธอเฝ้ามองเขาถอดกางเกงที่เกาะขอบสะโพกเขาอย่างหมิ่นเหม่ด้วยหัวใจเต้นแรง แต่ก่อนหัวใจจะไปไกลเกินรั้งเธอก็พลิกกายนอนตะแคงให้เขาเสีย

เขมราชอมยิ้ม นึกเอ็นดูเธอจนต้องก้มลงไปจูบขมับ อย่าว่าแต่หนนี้... ตอนเขาใช้ยาจนต่างฝ่ายต่างเก็บทรงไม่ไหว อมายายังเทอะทะจนเขาเผลอขัดใจ ถึงอย่างนั้นกลับให้ความรู้สึกน่ารักอย่างที่หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงหมดอารมณ์

“ไม่อยากได้สิ่งตอบแทนจากฉันแล้วเหรอ” แว่วแหบพร่าในเสียงเตือนบ่งบอกความต้องการล้นปรี่ของเขา ด่าชั่วเขาก็ไม่สะท้าน ว่าเลวเขาคงไม่หวั่นไหว

แต่อมายานึกถึงข้อตกลงแล้วอ่อนล้าเหลือทน หากก็กลั้นใจ พลิกกายนอนหงาย จ้องหน้าเขา บังคับสายตาไม่ให้มองต่ำกว่านั้นแต่มันยากยิ่งยวด ถ้าตัดความเลวออกไป ร่างกายสมส่วนของเขาจัดว่าทรงเสน่ห์ยากที่จะต้านทาน ไหนจะกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนที่คล้ายกระซิบเรียกเธออย่างเสน่หานั่นอีกเล่า

ต่ำลงเป็นกลุ่มขนอ่อนสีดำไล่ความหนาจากบนลงล่าง นำสายตาไปสู่ความเป็นชายแข็งแกร่งที่กำลังชูชัน แต่ร่างกายงดงามไม่อาจชดเชยสิ่งที่เธอสูญเสีย อมายาจึงไม่อยากมองเขา ตัดสายตา... ตัดหัวใจ อย่าได้หวั่นไหวไปกับเขาเชียว

ทว่า... เขมราชขยับเข้ามา สอดมือใต้แผ่นหลังแล้วดึงเธอขึ้นไป ก่อนจับปลายคางเบา ๆ ให้อยู่นิ่ง องศานั้น ‘มัน’ อยู่ใกล้ใบหน้าเธอแค่คืบ

“ครั้งนี้แค่มองมันใกล้ ๆ ก็พอ”

“สกปรก!”

“แล้วไง” เขายักไหล่ “ฉันบอกให้มอง เธอก็ต้องมอง” เขมราชบังคับปลายคางสวยเมื่อเธอพยายามหันหนี อมายาจึงต้องมอง ‘มัน’ อย่างเสียไม่ได้

ทีแรก... มันน่าแปลกใจ ด้วยขนาด ความยาว และปลายยอดที่สั่นน้อย ๆ แม้ไม่มีสิ่งใดไปสะกิด แต่เธอก็เริ่มรู้สึกชินกับมันมากขึ้น วัดจากแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม

เขาให้รางวัลด้วยการจูบหน้าผากเด็กดี แล้วค่อยดันไหล่ให้เธอนอนลง กระชับต้นขางามเพื่อยกสะโพกขึ้นแล้วใช้หมอนรองไว้ ก่อนเปิดอ้าเรียวขา จับท่อนเนื้อจรดปากทางรัก ครูดไถมันกับร่องเยิ้มเพียงครู่ ก็เริ่มผลักดันเข้าไป

ทีละนิด... ทีละนิด ไม่รีบร้อน

อมายากัดริมฝีปาก ปล่อยเสียงร้องขึ้นจมูกขณะที่ความต้องการอย่างสิ้นหวังโถมถั่งในกายอย่างบ้าคลั่ง ผลักดันให้ร่างเล็กบิดเร่า เขาเองก็แทบรั้งตัวเองไม่ไหว อยากโจนจ้วงครอบครองเธอให้แรงเท่าใจต้องการ แต่แบบนี้มันก็ยังคงให้ความรู้สึกดีไม่ต่างกัน

ยิ่งได้มีโอกาสมองร่างเกือบเปลือยของเธอนานกว่าทุกครั้ง ทั้งเสื้อยืดที่ฉีกขาดพาเขานึกถึงเซ็กซ์ดิบเถื่อนยกก่อนหน้า ขับความกำหนัดในใจให้พุ่งสูงสุดเพดานแล้วค่อยเร่งเร้าจังหวะกระแทกกระทั้นจากเนิบนาบ เป็นหนักหน่วง เรียกเสียงครางหลุดจากลำคอเธออย่างสุดกลั้น ยิ่งเขาสอดมือใต้สายคล้องไหล่ชุดชั้นในแล้วดึงลง เปิดเปลือยทรวงอิ่ม ลงมือเคล้นคลึงสลับกับบดบี้เม็ดทับทิมสีน้ำตาลอ่อน อมายาก็ไม่รู้สึกอีกแล้วว่าเนื้อตัวนี้เป็นของตัวเอง

หญิงสาวกำลังลอยละล่อง...

เขาเฝ้ามองเธอเพลิดเพลินกับสัมผัสหวามด้วยความภูมิใจ ก่อนโน้มลงไป ปากครอบครองปลายถันน่ากัด ไล้ปลายลิ้นเนิบช้า จนเธออยากกรีดร้องหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความใจเย็นจนน่าโมโหนั่น

“อย่า... แกล้ง” อมายาทุบหลังเขาทีหนึ่ง เขมราชหัวเราะชิดเต้างาม จูบลาตรงระหว่างสองก้อนกลมกลึงแล้วหยัดกายขึ้น กระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างหนักเน้น

อมายาลูบมือไปตามร่างกายบรรเทาความเสียวซ่าน ทำให้เขาตระหนักว่าเธอสมบูรณ์แบบเหลือเกิน ไม่มีส่วนไหนหยาบกร้านหรือมากเกินพอดี ยกเว้นความน่ารักเซ็กซี่ของเธอ แต่ที่เขาชอบเป็นพิเศษคงเป็นปีกกระดูกเชิงกรานนูนเด่นเชื่อมกับร่องด้านข้างกล้ามหน้าท้องที่นูนกว่าครั้งก่อน อยู่กับเขามันก็ไม่ได้เลวร้ายเสียหน่อย

อย่างน้อย... เธอก็มีความสุขกับการกิน

“ฟะ... เฟลม”

เธอครางเสียงพร่าเมื่อเขาสามารถครอบครองเสี้ยวสุดท้ายของช่องว่างเล็ก ๆ ในร่างกาย ผลักดันให้เธอใกล้ถึงจุดหมาย น้ำรักเปียกชื้นชุ่มชื่นเคลือบกลีบเนื้อและไหลลงบนเรียวขา นวลเนื้อเธอเต้นตุบ ๆ ตอดรัดความเป็นชายของเขาด้วยความสุขอย่างลนลาน

แล้วทั้งเขาและเธอ... ก็ไขว่คว้าปลายทางสวรรค์ได้พร้อมกัน

เขมราชโน้มตัวลงมาเหนือร่างอมายา จุมพิตไหล่กลมกลึง เริ่มลูบไล้ปลอบประโลมก่อนเคลื่อนริมฝีปากแนบผิวแก้มเธอ พร้อมบอกตัวเองในใจว่า เธอเป็นผู้หญิงของเขา

เป็นเมียเขา!

ทว่าเจ้าของตำแหน่ง ‘เมีย’ หมาด ๆ ไม่เคยอยากได้ ต่อให้มีความสุขเพียงไร มันก็แค่ความรู้สึกทางกาย เธอจะไม่ยอมให้หัวใจกลับไปอยู่ในหลุมที่พยายามหนีมาตลอดอีกแล้ว

อมายาผลักเขาออกสุดแขน ขยับลุกพร้อมดึงผ้าห่มพันรอบตัว แล้วไม่ลืมทวงถามสิ่งที่เธอ ‘สมควรได้รับ’

“คุณสัญญาแล้วว่าจะพาฉันไปหาย่า อย่าลืมซะล่ะ” ประโยคนั้นทำเอาเขมราชเจ็บแปลบในอก หากก็ข่มมันไว้แล้วเสมองไปทางอื่น ไม่แยแส

“ได้”

“แล้วจะขอบคุณมากถ้าปล่อยให้ฉันได้พักผ่อนคืนนี้”

“เสียใจ”

“...”

“เธอต้องทนฉันให้ได้จนกว่าฉันหมดแรง”

“คุณ!”

“หรือไม่ ก็ยกเลิกแม่งให้หมดเลย”

เป็นอีกครั้งที่เธออยากแล่เนื้อเขาแล้วเอาเกลือมาทา

แต่เธอรู้ดี... เขมราชต้องได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และเธอไร้กำลังที่จะขัดขืน จึงได้แต่นิ่งรับโดยดุษณี ฝ่ายเขมราชก้าวเดินไปหา ดึงอมายาเข้ามาชิดใกล้ กระชากผ้าห่มที่คลุมกายเธอออกไป แล้ว ‘ครอบครอง’เธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ย้ำให้ใจจดจำว่าเรื่องวันนี้เป็นเพียง ‘การแลกเปลี่ยน’ อย่างที่เธอต้องการ และอย่างที่เขา... อยากให้เป็น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป