บทที่ 8 7
21
เรื่องโกหก
อมายาไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกแล้ว หนึ่งคือเธอคิดถึงย่า ไม่รู้ท่านจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะเขมราชไม่เคยรักษาสัญญาที่ว่าจะพาไปเจอ
สอง... เธอสมเพชตัวเองที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หลุดจากเขาไม่ได้
และสาม... ต่อให้เขาทำดีกลบสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาแค่ไหน มันยิ่งน่าสะอิดสะเอียนมากเท่านั้น
เพราะสิ่งที่เธอต้องการ มีเพียงออกไปจากตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขมราชที่กักเก็บอารมณ์มาเนิ่นนานจะไม่เคยเข้าใจ
“ร้องไห้ทำไม”
“...”
“ฉันถาม เธอก็ต้องตอบ”
คนที่อารมณ์ไม่ปกติตั้งแต่เห็นเมียตัวเองยอมให้คนอื่นถูกเนื้อต้องตัวเข้ามาจับไหล่เธอโดยแรง เพลงเห็นยังตกใจ
“...”
“หรือพอไม่มีไอ้พวกนั้นอยู่ใกล้ ๆ เธอก็เลยเสียใจ”
“ฮึก...”
อมายาสะอื้นจนเสียจังหวะหายใจ มองเขาผ่านม่านน้ำตาที่รินไหล รู้สึกว่าเราไม่ควรมาอยู่ด้วยกันแบบนี้อีก... ไม่ควรเลยแม้แต่นาทีเดียว
“นายคะ คุณออยเพิ่งหายดีนะคะ”
เพลงทนไม่ไหว พยายามดึงนายออกมา หากเขมราชสะบัดหน่อยเดียวหล่อนก็เซเกือบล้ม
“อย่ามาเสือก”
“นาย...”
“ออกไป”
“แต่ว่า--”
“ฉันบอกให้ออกไป!!!”
ถึงนายไล่ตะเพิด แต่เพลงยังปักหลักมั่น นาทีนี้ถ้าหล่อนไม่แข็งเข้าใส่ จะมีใครช่วยปกป้องคุณออยของหล่อนได้อีกเล่า
“ไม่ค่ะ”
“เพลง... เธอออกไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร” อมายากลั้นเสียงสะอื้น บอกกับเพลงอย่างห่วงใย
เธอซาบซึ้งที่เพลงปกป้องกัน แต่มันเกินกำลังหล่อนไปมากโข ลำพังเธอ เขาคงไม่กล้าลงมือ ตรงข้ามเพลงเป็นคนอื่น อาจจะได้รับผลร้ายเกินต้านไหว
เพลงจึงจำใจเดินออกไปจากห้อง หากยังเฝ้าหน้าประตูเผื่อท่าไม่ดีจะได้เข้าช่วยทัน
“เธออยากได้พวกนั้นมากเหรอ อยากได้กี่คนบอกมาเลย ฉันจะเรียกมาเดี๋ยวนี้แหละ”
“คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะเฟลม”
“เธอก็บอกมาสิว่าต้องการอะไร ถึงจะเลิกเป็นแบบนี้เสียที”
เขาเพียงอยากให้เธอเลิก... เย็นชากับเขา เลิก... ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ อยากให้เธอยิ้มหัวเหมือนที่คุยกับการ์ดของเขาบ้าง
“ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น ที่ฉันร้องไห้ ก็เพราะฉันอยากกลับไปหาย่า... แล้วก็เพราะฉันเกลียดคุณ เกลียดตัวเอง ที่ต้องกลับมาอยู่ที่นี่ เกลียดที่จะหนีไปไหนก็ไม่พ้น เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงนี้ คุณเข้าใจไหม คุณเข้าใจหรือเปล่า ฮือ...”
หัวใจของเขมราชเจ็บหนึบเมื่อเธอร่ำไห้ปานขาดใจต่อหน้าเขา ร่ำไห้... ด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเขา
“แล้วเท่าที่ฉันทำดีกับเธอ มันไม่พอให้เธอทำใจอยู่ที่นี่จนกว่าลูกจะคลอดได้เลยเหรอ”
เขาเอ่ยถาม เพราะอัดอั้น น้อยใจ และเสียใจอยู่ลึก ๆ ที่การกระทำเหล่านั้นมันไร้ค่า...
หลายครั้งหลายครา เธอทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่หมาจรจัด ที่รอคอยเศษอาหารที่เรียกว่าความเห็นใจจากเธอ
“ทุกสิ่งที่คุณทำมันน่าขยะแขยง เขมราช”
“...”
“ถ้าฉันไม่ท้องซะก่อน ฉันก็คงจะยังถูกล่ามโซ่ ให้อดข้าวอดน้ำ หรือไม่คุณก็คงยกฉันให้พ่อคุณไปแล้ว”
“ในหัวฉันไม่เคยมีความคิดจะยกเธอให้ใคร”
“...”
“แล้วเธอก็ต้องการให้เราลงเอยแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เธอถึงเลือกที่จะบอกฉันว่าเธอท้อง”
“ฉันแค่ต้องการให้คุณปล่อยฉัน เฟลม... ปล่อยให้ฉันเดินไปตามทางของฉัน อย่างน้อยก็อยากให้คุณเห็นแก่ลูกของคุณ แค่นี้คุณไม่เข้าใจเหรอ”
“ไม่” เสียงเขาหนักแน่น แม้ความหวั่นไหววูบผ่านดวงตา “เธอปล่อยให้ตัวเองท้องเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องอยู่กับฉันตามที่ตกลงกันไว้ ฉันไม่ปล่อยให้เธอเอาลูกฉันไปลำบาก หรือให้ไอ้หน้าไหนมันสวมรอยเป็นพ่อหรอก เธอกับลูกต้องอยู่กับฉัน”
“ไม่อยู่ ฮือ... ฉันไม่อยากอยู่”
“ต้องอยู่”
สิ้นคำขาด เขารวบอมายาเข้ามากอด แนบริมฝีปากกับพวงแก้มคนในอ้อมแขนที่ยิ่งพยายามดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นเท่านั้น พร่ำบอกว่าเธอ ‘ต้องอยู่กับเขา’ และ ‘เป็นของเขา’ ด้วยน้ำเสียงที่หากเธอใส่ใจสักนิด จะรู้ว่ามันสั่น...
“ปล่อยฉันนะเฟลม ปล่อยฉันไป”
อมายาร้องไห้ฟายน้ำตา ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอจึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ เธอทำตัวเองงั้นหรือ... กับความร้ายกาจที่เคยสร้างเรื่องตอนคบกับเขา แต่เขมราชก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับเธออย่างนี้
เธออยากย้อนเวลากลับไป ไปเป็นคนฆ่ามีนรญาด้วยตัวเอง จะได้มีเหตุผลให้อยู่ที่นี่โดยไม่คิดฟุ้งซ่าน
แต่เธอไม่ได้ทำ!
จะให้เธอยืนยันอีกสักกี่พันครั้งมันก็ยังคงเหมือนเดิม แล้วเธอจะเอาอะไรมารั้งตัวเองให้อยู่ตรงนี้
ใช้ความรักที่เคยมีต่อเขาเหรอ
มันถูกความเกลียดชังเข้ามาแทนที่จนแทบไม่เหลือแล้วด้วยซ้ำ!
หรือต่อให้ยังรักแทบตาย... เธอก็อยู่กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ดี
“ฉันเกลียดคุณ ฮือ ๆ”
“คำว่าเกลียดมันไม่ได้ช่วยอะไร”
เสียงที่ได้ยินเริ่มแผ่วเบา เลือนราง พร้อมกับสติตั้งมั่นของเธอ เสี้ยวนาทีต่อมาทุกอย่างก็ดับวูบลง ร่างบอบบางทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงในอ้อมกอดนั้น
ชายหนุ่มย่อกายลงนั่ง โดยมีร่างเธอนอนหนุนตัก ใช้ชายเสื้อซับน้ำตาให้ ก่อนพรมจูบทั่วใบหน้างดงามด้วยความรู้สึกมากมายที่วิ่งพล่านในใจ
“ต่อให้เธอเกลียดฉัน ฉันก็ยังอยากอยู่กับเธอ ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนลูกจะคลอดก็ตาม”
ที่กล้าพูดไป เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้ยิน
ถ้าอมายายังมีสติ และจ้องมองกัน คำพูดเหล่านั้นคงถูกกลืนหายไป
และเขา… คงทำได้เพียงกอดเธอไว้ ฟังเธอร้องไห้ฟูมฟายว่าจะไปจากกัน เหมือนเขาเป็นแค่คนไร้เหตุผล
ในช่วงเย็น สติที่กลับคืนมาพาให้อมายานึกถึงเขมราช ซึ่งเขาไม่อยู่ในห้องด้วยแล้ว เธอรีบสำรวจตัวเองเป็นอันดับแรก เสื้อผ้ายังอยู่ดี ความรู้สึกที่ ‘ตรงนั้น’ ไม่ได้แปลกไป เบาใจได้ว่าเขมราชไม่ได้ทำมิดีมิร้ายเธอตอนหลับ
แต่ภัยกำลังจะมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เพราะไพน์เปิดประตูเข้ามา ท่าทางเอาเรื่อง
“ตื่นแล้วเหรอ อีฆาตกร”
ไพน์วางถาดอาหารที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะ หล่อนคงขอนำอาหารมาแทนเพลงที่น่าจะยุ่ง บวกกับพักหลังหล่อนไม่ได้หาเรื่องเธอแล้ว ทุกคนถึงได้เริ่มไว้ใจแล้วปล่อยให้ผ่านเข้ามา
“เธอมีอะไร” เป็นครั้งแรกที่อมายา ‘กลัว’ เด็กสาว เนื่องเพราะหวงแหนอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์จนใจหวิว
“เปล่า” ไพน์เชิดหน้า กอดอก จิกตามอง “แค่อยากมาดูหน้าอีคนหน้าด้าน ที่มันปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อที่จะจับเฮีย”
“เธอจะคิดยังไงก็เรื่องของเธอ ฉันเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้”
เช่นกัน อมายาไม่สามารถเปลี่ยนความคิดหลาย ๆ คนที่ ‘เชื่อ’ ว่าเธอเป็นฆาตกร
“จ้า... พูดเหมือนนางเอกในนิยาย นางเอกตายแหละ แกมันอีตัวร้าย สันดานหมา”
“ไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“เหอะ มันไม่พอจะนิยามความเป็นตัวแกด้วยซ้ำ นังคุณออย”
“ออกไปได้แล้วไพน์ ก่อนที่ฉันจะกรี๊ดให้คนมาช่วย”
“อ้อ จะงัดวิชาตอแหลมาใช้อีกละสิ เห็นว่าใช้กับทนายไปเยอะ ยังมีของเหลือให้ปล่อยอีกเหรอ”
อมายาคิดจะตอบโต้เหมือนก่อน ทว่าภายในใจกลับเย็นลง จนกดความเกรี้ยวกราดแบบนั้นไว้ได้
เข้าใจคนตรงหน้ามากกว่าว่า นอกจากหล่อนจะเกลียดเธอ ที่ทำร้ายหล่อนแต่หนหลัง ยังเกลียด... เพราะฝังใจ คิดว่าเธอทำให้เพลงแท้ง
แน่นอนว่า นอกจากอมายา เขมราช เพลงและดนุแล้ว ยังไม่มีใครล่วงรู้ความจริงอีก
“ไพน์ ฉันบอกให้เธอออกไป จะมาหาเรื่องแบบเด็ก ๆ ทำไม”
ไพน์ทำท่าขย้อน เกือบเชื่อแล้วว่าอมายาเข้าถึงคำว่า ‘ใจเย็น’ จริง ๆ แต่ดูอย่างไร... อีผีออยก็ยังเป็นอีผีออยวันยังค่ำ
“คิดเหรอ ว่าทำแบบนี้แล้ว แกกับลูกจะอยู่ที่นี่ได้อย่างผาสุก”
“...”
“คิดว่าฆ่าคุณมีนของพวกเรา แถมวางแผนปล่อยให้ตัวเองท้อง แล้วพวกเราจะยอมรับแกเป็นนายหญิงเหรอ? ไม่มีวันซะหรอก”
“ที่เธอรักอีมีนขนาดนี้ เพราะว่ามันยอมให้เธอหาเศษหาเลยกับเฟลมสินะ เธอเลยมีความหวังว่ามันจะแบ่งเศษเดนมาให้เธอบ้าง แต่น่าเสียดาย มันตายไปซะก่อน... ส่วนบุญเลยไม่หลุดมาถึงเธอ”
“อีผีออย”
อมายายกยิ้ม คำพูดของเธอแทงใจดำหล่อนอย่างจัง
“เสียดายอีกหนึ่งต่อ ที่พอมันตาย เฮียของเธอก็ไม่เคยชายตามองเธอ แต่กลับไปจับฉันที่เกลียดเฮียเธอยังกะขี้ เอามาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูก เป็นนายหญิงของเกาะ”
“นายหญิงของที่นี่มีคนเดียว คือคุณมีน”
“ก็ไปบอกเฮียเธอสิ มาบอกฉันทำไม”
“...”
“แต่ก็นั่นแหละ นังมีนมันตายไปแล้ว ตำแหน่งที่มันอยากได้นักหนาฉันก็ดันไม่ต้องการ ถ้าเธออยากได้ก็เอาไปสิ ฉันยกให้ มันคงดีใจที่ฝุ่นใต้ตีนของมันได้ขึ้นมาแทนที่มัน”
“อีออย แกดูถูกฉันมากไปแล้วนะ อีฆาตกร”
อมายากำหมัดแน่น อยากจิกหัวตบแล้วเอาเลือดมันมาล้างเท้า ทว่านั่นหาใช่ทางแก้ปัญหาที่ดี
“ใครอยู่ข้างนอก มาเอาไพน์ออกไปที”
“เออ ออกก็ได้โว้ย แต่ก่อนจะออก แม่ขอตบหน่อยเถอะวะ ดูซิลูกในท้องมึงจะดวงแข็งแค่ไหน”
ไพน์คว้าเหยือกน้ำที่วางบนถาดอาหาร ง้างมือขึ้น ขณะที่อมายาก็คว้าแจกันดอกเยอบีร่า กะว่าถ้าไพน์หวดมา เธอก็หวดกลับ เอาให้หัวมันหลุดไปเลย
ทว่า... มือของไพน์ถูกรั้งไว้กลางอากาศ
แต่อมายามือไวกว่าใจ ปาแจกันใส่หล่อนแต่วืด กระแทกหน้าพระเอกขี่ม้าขาวอย่างเขมราชที่มารั้งมือไพน์ไว้
อมายาตกใจมาก ขณะเสียงร้องของไพน์ผสานกับเสียงโอดโอยของเขมราชปั่นประสาทจนเธอทำอะไรไม่ถูก นอกจากปล่อยให้พวกเขา ‘ร้อง’ เหมือนหมาโดนเชือด
“เฮีย เจ็บมากไหม”
ไพน์โผเข้าไปหา ‘เฮีย’ ที่นอนกุมหน้าผากร้องอย่างเจ็บปวด การ์ดวิ่งกรูเข้ามาช่วยประคองนาย
เขมราชตั้งหลักได้หันไปตบหน้ามันเรียงตัว จนสองสาวอ้าปากค้าง เลือดที่ไหลจากแผลใต้ไรผมขับให้เขาดุดันน่าเกรงขามจนอมายาเผลอตัวสั่น
“พวกมึงปล่อยให้ไพน์เข้าหาคุณออยได้ยังไง”
“ขอโทษครับ” คนที่คล้ายเป็นพี่ใหญ่ออกหน้า “ผมเห็นว่าน้องไพน์ไม่น่าเป็นภัย เธอแค่เอาอาหารมาให้นายหญิง ก็เลยให้เข้ามา”
“หน้าที่นี้เป็นของเพลง ถ้าเพลงไม่ว่าง กู จะเป็นคนเอามาเอง ใครใช้ให้พวกมึงคิดแทน ว่ากูจะยอมให้เด็กคนนี้เข้ามา”
“...”
“พวกมึงแม่ง โง่สิ้นดี!”
เขมราชตวาดลั่น ทุกคนก้มหน้างุด ก่อนเขาจะหันมาจ้องมองไพน์อย่างเอาเรื่อง อมายาไม่เคยเห็นเขาเดือดร้อนเรื่องเธอเท่าครั้งนี้ แต่ก็เข้าใจ... เขาทำเพื่อลูก
“ฮะ... เฮีย ไพน์แค่เอาข้าวมาให้นังคุณออยแค่นั้นเองนะ ไม่ได้ทำอะไรเลย เฮียก็เห็นนี่ว่ามีแต่มันที่ทำร้ายไพน์ ไพน์แค่ป้องกันตัวนะเฮีย”
“อย่ามาโกหก”
“ไพน์พูดจริงนะ ไพน์จะทำมันทำไม ในเมื่อนายไม่ได้สั่ง”
อมายาสะดุดกับประโยคนี้
หล่อนไม่ทำ ถ้านายไม่ได้สั่ง วันแรกที่เธอมาถึงเกาะ หล่อนก็บุกมาตบ หมายความว่า... นั่นเป็นคำสั่งเขมราชสินะ
ไอ้สารเลว!
“ฉันเห็นทุกอย่าง ได้ยินทุกคำที่เธอหาเรื่องคุณออยหมดแล้ว”
ตอนนั้น อมายาแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ ก็คิดไม่ออก
“เฮีย...”
“เลิกเรียกฉันว่าเฮียได้แล้ว รำคาญ”
“เฮีย!!!”
“บอกให้เลิก”
ไพน์สะอึกอึ้ง น้ำตาไหลนอง สิ่งที่เขาพูดมันสะเทือนใจหล่อนที่แต่ไหนแต่ไรเขาให้อภิสิทธิ์มากกว่าเด็กสาวคนอื่นในเกาะ
“ต่อไปนี้เรียกฉันว่านายเหมือนคนอื่น แล้วอย่ามาเกาะแกะฉันเหมือนที่ผ่านมาอีก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ฮึก... นายใจร้าย”
หล่อนตัดพ้อ น้ำตานองแก้ม แต่ใจเขาและดวงตาของเขากลับจดจ่ออยู่แค่แม่ของลูกที่นั่งงง ๆ อยู่บนเตียง เธอคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และคงหวั่นถึงสถานะของตัวเองบนเกาะนี้
“ลากเด็กคนนี้ออกไป แล้วเรียกทุกคนมารวมหน้าบ้าน”
“ครับ” การ์ดทุกคนรับคำสั่งพร้อมเพรียง
“เดี๋ยวก่อน” แต่อมายายังไม่อาจจบเรื่อง เธอลุกจากเตียง เดินไปหน้าไพน์ “เฟลมเคยสั่งเธอมาตบฉันเหรอ”
ไพน์ไม่กล้าตอบ แต่จากสายตาที่หล่อนเหลือบมองนาย อมายาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง เธอรู้ว่าเขาทำเลวได้สารพัด เพียงไม่คาดคิดว่าจะรวมถึงเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
“หน้าตัวเมีย!”
คำพูดร้ายกาจกระแทกหน้าเขาอย่างจัง สายตาคู่นั้นเฉือนใจเขาจนแหว่งวิ่น ดีที่อมายาเริ่มใจเย็นลงเพื่อลูก... และเพื่อเธอเอง ไม่อย่างนั้น ใจเขาคงเหวอะหวะอยู่แทบเท้า
เขามองเห็นเธอเดินกลับไปนั่งบนเตียง แล้วโบกมือให้พวกนั้นออกไป ทั้งห้องเงียบ... ต่างฝ่ายต่างไม่พูดกัน จนเป็นเธอที่ทนความอึดอัดไม่ไหวจึงออกปากไล่
“ไปให้พ้น”
“ทำไมต้องไล่ฉันทุกครั้งที่เจอหน้า”
“ก็คนมันเกลียด จะให้อยู่มองหน้าเพื่ออะไร”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต้องแสดงออกทุกเวลาก็ได้” หากเธอมองหน้ากันสักนิด... คงได้เห็นว่าแววตาเขาอัดแน่นด้วยความร้าวรานใจ
“แล้วที่ยังอยู่เนี่ย ต้องการอะไร หรือจะมาพูดไม่ดีกับฉันอีก”
เขมราชนึกเสียใจอยู่ลึก ๆ
เป็นเพราะเขา ตอนนั้นอมายาถึงได้เป็นลมไปอีก พอได้คิดทบทวน ชายหนุ่มจึงพยายามใจเย็นลง ถึงจะเหมือนผีเข้าผีออกก็ตาม
“เปล่า แค่จะถาม ว่าไพน์ทำให้เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“แน่ใจเหรอ”
“แน่”
เสียงตอบห้วน แถมเธอยังนิ่ง ไม่สบตากัน ราวว่าเขาเป็นเพียงเศษฝุ่นที่เล็กจนเข้าตาก็ไม่ระคายเคือง และเขา... ไม่เคยคิดว่าแค่นี้ ก็ทำให้เขาเจ็บปวดได้
“นาย ทุกคนมาแล้วครับ” ลูกน้องเข้ามาขัดจังหวะ
เขมราชพยักหน้า ก่อนหันไปฉวยข้อมือเล็กให้ลุกออกไปด้วยกัน อมายายั้งขาสุดกำลัง แต่ก็ถูกเขาอุ้มออกไปในที่สุด คนงานหลายคนฮือฮาเมื่อเห็นภาพนั้น
เขาวางเธอลง ให้ยืนข้าง ๆ กันแล้วฉวยมือเล็กมากุมไว้ พาให้เธอทั้งแปลกใจและสับสน เหมือนว่าเขากำลัง... แสดงความเป็นเจ้าของ
“ต่อไปนี้ให้ทุกคนปฏิบัติกับคุณออยเหมือนปฏิบัติกับฉัน ห้ามพูดจาระรานหรือทำให้เธอไม่สบายใจ ใครที่กล้าทำคุณออยเจ็บ เท่ากับทำฉันเจ็บ หวังว่าคงชัดเจนพอและทุกคนคงเข้าใจ” เขาจ้องไพน์ซึ่งทำหน้าไม่พอใจ ก่อนจี้ถาม “เข้าใจใช่ไหมไพน์”
“ค่ะ นาย”
เสียงหล่อนกระแทกกระทั้น จ้องอมายาอย่างโกรธแค้น ก่อนสะบัดหน้าเดินออกไปจากกลุ่ม
อมายาควรดีใจที่เขาทำเพื่อลูกขนาดนี้ แต่ลึกลงไป ใจเธอกลับพองโต คำที่บอกถ้าเธอเจ็บเท่ากับเขาเจ็บ สะท้อนก้องไปมาในอกที่เริ่มปวดร้าว ผลักดันให้เธอหงุดหงิด
เพราะเธอไม่อยากคิดถึงมัน... ไม่อยากเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว จนในที่สุดก็แกะมือออก แล้วเดินเข้าบ้านไป
ไพน์หลบมานอนร้องไห้ในห้องตัวเอง รักเขมราชมาเนิ่นนาน รักโดยไม่หวังครอบครอง ขอเพียงเขมราชยังเอ็นดูหล่อนไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเขาจะมีคนรักอีกกี่คนหล่อนก็ไม่สนใจ และพร้อมสนับสนุน แต่ไม่ว่าเฮียจะมีผู้หญิงสักกี่คน คนเดียวที่หล่อนเกลียดก็ยังเป็นอมายา
และครั้งนี้มันก็เป็นต้นเหตุทำให้เฮียไม่เอ็นดูกันอีกต่อไป หล่อนคงอกแตกตายเสียก่อน หากไม่ได้กำจัดมันออกไปจากชีวิตของเฮีย
ไพน์จึงนึกถึงใครบางคนที่บอกหล่อนเสมอว่าหวังดีกับเฮีย คนที่สนับสนุนมีนรญาเหมือนกันกับหล่อนมาโดยตลอด
ด้านเขมราชให้ทุกคนไปโรงอาหาร ส่วนเขาให้ลูกน้องช่วยทำแผลที่ศีรษะให้ ไม่นานก็ตามเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหารของตัวเอง
“ทานข้าวด้วยคนนะ”
เธอพยักหน้าให้ ไล่เขาก็คงเปล่าประโยชน์
เขมราชลากโต๊ะกับเก้าอี้ไปใกล้เตียง นั่งตรงข้าม จัดแจงวางสำรับของเธอกับเขาลงไปบนนั้น ค่อยส่งช้อนกับส้อมให้
“ค่ำนี้ฉันจะเข้ากรุงเทพฯ เธอจะเอาอะไรไหม” มืออมายาที่เขี่ยข้าวไปมาชะงัก
“ให้ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก” ความหวังเธอพังครืน ทั้งที่แทบไม่มีหวัง “เธอกับลูกต้องพักผ่อน”
“...”
“แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณย่า... ฉันให้คนหาไตให้อยู่ ไม่ว่าจะบนดิน ใต้ดิน มันต้องได้สักที่นั่นแหละ”
อมายาช้อนตามองเขา ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เขมราชพูดมีความจริงผสมอยู่กี่ส่วน
หรือนี่เป็นกลยุทธ์ผูกสมัครหัวใจเธอให้อยู่ที่นี่... กับเขา
“คุณพูดจริงเหรอ”
“จริงสิ”
เขาวางมือจากอาหาร หันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มของเธอที่คนทำมาให้ใหม่แบบร้อน ค่อยเทน้ำเย็นผสมลงไปโดยเธอไม่ได้ขอ
แต่เหมือนมันฝังอยู่ในใจเขาว่า เธอไม่ชอบเครื่องดื่มที่ร้อนจัด
“...ฉันมาคิดดู ถ้าบังเอิญว่าไตของเธอเข้ากับย่าพอดี ตอนนั้นเธอคงเลือกย่า มากกว่าลูกของเรา เพราะงั้นฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้น”
อมายาไม่รู้ว่าถ้าถึงตอนนั้น เธอจะตัดสินใจอย่างไร รู้เพียงเธอจะไม่ยอมเสียใครไป แต่เขมราชป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้ ด้วยเงินมหาศาลและอำนาจล้นมือ
เพราะสำหรับเขา... ลูกเป็นทุก ๆ อย่างที่เขามี
“ดูเหมือนคุณรักลูกมากนะ” เธอลากเสียงพูด คล้ายขื่นขม จนลมหายใจคนฟังสะดุด
“แล้วมันไม่ดีเหรอ”
“ดีมั้ง” มันคงดีจริง ๆ นั่นแหละที่เขารัก... เธอจะได้หมดห่วง
ตอนนั้นเขมราชดันตัวลุกขึ้นค้ำโต๊ะ เชยคางงามมนแล้วบรรจงจูบกลีบปากอมายาโดยเธอไม่ทันตั้งตัว เขาเพียงอยากปลอบโยนแม่ของลูกก็เท่านั้น อมายาทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป
“คุณทำบ้าอะไร!”
หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง
เขมราชแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ลิ้มรสความหวานที่ยังซาบซ่าน กลั้นยิ้มไว้แล้วบอกหน้านิ่ง
“ฉันจูบลูกน่ะ”
“โคตรฉวยโอกาสเลย”
“ฉันไม่ได้พิศวาสเธอเสียหน่อย ก็บอกแล้วว่าจูบลูก”
“ไอ้บ้า” เธอไม่คิดว่าจะทนมองหน้าเขาได้อีก จึงรีบเก็บจานแล้วบอกเขา “ฉันจะออกไปนั่งทานข้างนอก ในนี้มันอุดอู้”
“ฉันไปด้วย”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือก ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าต้องทนมีเขาเป็นเงาตามตัวแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าเธอจะไปไหน เขมราชก็จะตามไปทุกที่ แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ
ค่ำนั้นเขมราชกลับกรุงเทพฯ เพราะมีนัดกับมธุลิน หลังจากรู้ว่ามีนรญาต้องการขายเกาะ ไหนจะสมุดภาพของอมายาที่หล่อนซ่อนไว้ ผลักดันให้เขาคลางแคลงใจในตัวหล่อนจนให้คนสืบประวัติ
ใจหนึ่งเขาก็อยากจะเจอสิ่งที่เขาไม่รู้
แต่อีกใจ... ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าเผชิญกับความจริง
ทุกอย่างตรงกับที่เขารับรู้ นั่นคือบ้านมีนรญาเคยรวยมาก่อน กระทั่งพ่อกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ชีวิตหล่อนกับน้องสาวจึงต้องดิ้นรน ปากกัดตีนถีบจนส่งตัวเองเรียนจนจบ
แต่มีอย่างหนึ่งที่ผิดไป นั่นคือปู่กับย่า รวมถึงคนอื่นในครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมา พ่อ แม่ และมธุลินเปลี่ยนมานับถือพุทธซึ่งเป็นศาสนาเดิมของแม่ก่อนแต่งงาน มีเพียงหล่อนที่ยังคงศาสนาเดิมไว้โดยไม่ทราบแรงจูงใจ จนยอมเปลี่ยนตามคนในครอบครัวครั้งจะไปเรียนอเมริกา
แล้วพระเครื่องคู่นั้นที่หล่อนบอกว่าเป็นของปู่ย่าเล่า
เขาสงสัยจนเกินคำว่าสงสัย ถึงได้นัดเจอมธุลิน แต่เพราะหล่อนใช้ชีวิตกลางคืน เลยต้องมาเวลานี้ และดูเหมือนหล่อนก็เป็นอีกคนที่อยากเอาคืนเขาแม้จะมีโอกาสแค่เล็กน้อย... ด้วยการมาสาย
แต่หล่อนคงเสียใจ เพราะเขานั่งรอทั้งคืนก็ได้ ถ้ายังเห็นอมายาผ่านกล้องที่แอบติดในบ้านบนเกาะได้อยู่
เธอคงนอนไม่หลับ ถึงได้ออกมาเล่นกับเจ้าส้ม เขาเห็นเธออุ้มมัน เอาหน้ามุดพุงนุ่มกลมเหมือนที่เขาชอบทำตอนไม่มีใครเห็น เธอคุยกับมันด้วยเสียงสอง ที่น่ารักโคตร...
เธอนับมันเป็นคนหนึ่งคน แทนตัวเองว่าแม่ ใจตรงกับเขาซึ่งแทนตัวเองว่าพ่อ ไม่นานอมายาก็อุ้มเจ้าขนส้มตัวกลมเข้าห้อง จัดที่ให้มันนอนด้วยกัน แต่เธอยังคงผุดลุกนั่งคล้ายกระวนกระวาย
ใจเขาเต้น ยามเธอหันมองมา สบตาผ่านกล้องตัวนั้น คลายรู้ว่าเขามองอยู่ ก่อนตรงมากระชากมันด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทำเช่นเดียวกันกับตัวอื่น ๆ ในบ้านจนหมด
“อะไรวะ รู้ได้ไง”
จอมือถือขึ้น ‘NO SIGNAL’ ทำเขาเสียดายจนรู้สึกหงุดหงิด นั่งหงอยเป็นนาน ก่อนมองซ้ายขวาไม่มีใคร จึงหยิบผ้าชิ้นหนึ่งจากกระเป๋า ขึ้นมาใกล้จมูก สูดดมความหอมจากมัน
อารมณ์คุกรุ่นขัดเคืองมลายหาย เหลือเพียงความพึงพอใจอยู่ในอก ใช่... มันเป็นผ้าจากเสื้อตัวที่เขาใช้ซับน้ำตาและใบหน้าอมายาตอนเป็นลมเมื่อกลางวัน กลิ่นเธอยังคงชัดเจน ทั้งที่ปลายจมูกและหัวใจ
แต่แล้วต้องรีบซ่อน เมื่อร่างอ้อนแอ้นของมธุลินแทรกผ่านประตูร้านเข้ามา หล่อนมานั่งตรงข้ามกัน จ้องมองเขาด้วยแววตาเกลียดชัง
“พี่พานังพี่ออยไปกกจริง ๆ สินะ”
เห็นผ้าก๊อซที่แปะหัวเขา นึกเยาะในใจ ความสัมพันธ์สองคนนี้คงไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ แต่ก็สะใจดี เลือกจะอยู่กับคนนิสัยแบบอมายา ก็ไม่แคล้วเจ็บตัวอย่างนี้
“ใครบอกน้อง”
“ใครเขาก็ลือกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกเพื่อนหมอชาวีที่ทำงานโรงพยาบาลหมอ เขาเห็นพี่กับหมอทะเลาะกันเพราะแย่งนังนั่น”
“ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกับน้อง”
“เหอะ... น่าสงสารพี่มีนนะที่รักคนผิด”
“...”
“เพราะสุดท้าย ไอ้คนนั้นมันก็วางแผนกับชู้มาฆ่าพี่มีน เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน ทำไมล่ะ ในเมื่อลืมคนรักเก่าไม่ได้ ทำไมต้องมาคบกับพี่สาวฉัน ทำไมไม่กลับไปหามันตั้งแต่แรก แล้วตัดขาดพี่ฉันไปเลย ทำไมต้องทำให้เขาตาย”
หล่อนอยากตบตีเขาให้หายคับแค้นใจ แต่ทำไปแล้วได้อะไร... มีแต่หล่อนที่เจ็บมือ เจ็บใจ แต่เปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ได้
อย่างไรเสีย เขาก็เลือกฆาตกรที่ฆ่าพี่สาวหล่อน ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นหล่อนพร้อมจะยินดี
“น้องไม่รู้อะไร อย่าพูดเลยดีกว่า” เขาปวดใจทุกครั้งที่ได้ยินข้อกล่าวหาว่าเขาทำให้มีนรญาต้องตาย
“โอเค้ ไม่พูดก็ไม่พูด งั้นพี่มีอะไรล่ะ รีบว่ามาเลย ฉันไม่อยากอยู่มองหน้าพี่นาน ๆ ขยะแขยง”
เขามองข้ามความขัดเคืองใจตรงหน้าไป หยิบพระเครื่องจากกระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะ เลื่อนเข้าไปใกล้หล่อน
“รู้จักพระเครื่องคู่นี้ไหม”
หล่อนหรี่ตามองเขา นี่หรือเรื่องสำคัญที่เขาต้องถ่อมาพบหล่อนถึงที่นี่ แค่พระเครื่องธรรมดาที่ดูไม่น่าจะมีราคาหรือต้องตาเซียนพระ แล้วหล่อนก็ไม่ใช่เซียนพระเสียหน่อย
“ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น จะมาถามเพื่อ? ไปถามคนมีความรู้โน่น”
“มีนเคยบอกพี่ ว่าเขาได้พระเครื่องมาจากคุณปู่คุณย่า เป็นของแทนใจที่ท่านพกไว้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
มธุลินพูดไม่ออก ไม่รู้มาก่อนว่าพี่สาวทำแบบนี้ แม้หล่อนเข้าใจเหตุผลแต่ถ้าย้อนกลับไปให้หล่อนได้รู้... หล่อนคงไม่ให้พี่สาวทำ
“พี่รู้มาว่าทุกคนในบ้านของน้องมีน ถือศาสนาคริสต์มาก่อน เพิ่งเปลี่ยนมาถือพุทธเมื่อไม่กี่ปีนี้ ก็เลยอยากฟังความจริงว่าพระเครื่องนี่มาได้ไง รวมถึงสตอรี่ที่น้องมีนเล่าด้วย”
“...”
“ที่มาถามน้อง ก็เพราะน้องมุกเป็นคนตรงไปตรงมาที่สุดในบ้าน คงไม่คิดจะปิดบังพี่ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันก็ปรากฏอยู่ทนโท่ใช่ไหม”
“...”
“เงียบแบบนี้ ก็คือที่มีนเล่าเป็นเรื่องโกหกสินะ”
ทุกประการที่เขมราชรู้มาคือความจริง เดิมทีครอบครัวหล่อนนับถือคริสต์กันทุกคน จวบจนชีวิตตกต่ำต้องกลับมาพึ่งใบบุญฝั่งตายายที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่เป็นที่พึ่งทางใจ พ่อเลยตัดสินใจให้ลูก ๆ เปลี่ยนมาเข้าศาสนาเดียวกับพวกท่าน เว้นมีนรญาที่ใช้ความดื้อด้านของตนเป็นเครื่องแสดงว่าหล่อนไม่เอาพ่ออีกแล้ว
กระทั่งก่อนหล่อนจะไปเรียนต่อ...
แรก... มธุลินไม่รู้จุดประสงค์ที่พี่ยอมเปลี่ยน กระทั่งนานวันเหตุและผลมันกลับชัดเจน
“ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก พี่จะได้ความชอบธรรมให้ตัวเองไปคบกับฆาตกรที่ฆ่าพี่สาวฉันใช่ไหม บอกไว้ก่อนนะว่ามันแทบจะไม่มีน้ำหนักในสายตาฉันเลย”
“ไม่เกี่ยว” เขาจ้องมองหล่อน แววตาจริงจังอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็น “...มีหลายเรื่องเกี่ยวกับมีนที่พี่มารู้หลังจากมีนตาย พี่เลยอยากรู้ว่าอันไหนจริง อันไหนโกหก ไม่อยากค้างคาว่ามีนไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน”
มธุลินขบกรามแน่น ไม่ว่าอย่างไร... หล่อนก็เกลียดอดีตว่าที่พี่เขยไปเสียแล้ว แต่ด้วยเหตุที่ว่าพี่สาวหล่อนสร้างเรื่องเอาไว้จริง ต่อให้เคืองแค้นที่ตัวเขาก็หักหลังมีนรญาด้วยการมีอีกคนในใจตลอดมา หล่อนก็ไม่อยากโกหกให้ติดค้าง
“ใช่ มันเป็นแค่เรื่องโกหก”
“...”
“มันไม่ใช่ของคุณปู่คุณย่า ท่านสองคนตายไปแบบเกลียดกันจนวินาทีสุดท้าย เพราะย่ามีชู้ ปู่เกลียด แต่ปู่ก็ไม่ยอมหย่า แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่มีนไปเอาพระเครื่องคู่นี้มาจากไหน อาจจะซื้อมาจากร้านขายของเก่าที่ไหนสักที่ก็ได้ แต่ฉันรู้อย่างนึงคือ ทุกอย่างที่พี่มีนทำไป ก็เพราะเขาอยากเป็นคนที่เหมาะกับพี่ ทั้งเปลี่ยนศาสนา ทั้งพระเครื่องพวกนี้ที่คงใช้เพื่อสร้างเรื่องราวดี ๆ กับพี่ คราวนี้พอใจพี่หรือยัง”
ถึงหล่อนจะรู้ว่ามันผิด หล่อนก็พยายามเข้าใจพี่สาว เพราะมันยากที่จะรับและประณามคนในครอบครัวตัวเอง
แต่หัวใจเขมราชรวดร้าว...
ลมหายใจขาดห้วง
ทั้งที่เขาหวังอยู่ลึก ๆ ให้มันไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ความจริงกลับสาดซัดเสียยิ่งกว่าคลื่นกระทบชายฝั่ง พาให้ใจเขาเพพัง
“เรื่องราวดี ๆ ต้องไม่เริ่มจากการหลอกลวง”
ตอนนี้ เขาไม่มั่นใจเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับมีนรญา มีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน เพราะแม้ของแทนใจที่ให้กันมันยังไม่ใช่ของจริง
เขากำลังโดนหลอกซ้ำซาก... โดยคนที่ตายไปแล้ว
คนที่ครั้งหนึ่ง เขาเคยคิดว่าหล่อนดีกว่าใคร ๆ และไม่ว่าหล่อนมีเหตุผลอะไร เขาก็รับไม่ได้ทั้งนั้น เพราะความสัมพันธ์ใดก็ตามไม่ควรเริ่มด้วยการโกหก
“มันก็ไม่ควรเริ่มจากความโลเลเหมือนกัน” คำพูดของมธุลินกระแทกหน้าเขมราชจนแทบล้มตึง “...จำเอาไว้นะ สำหรับฉัน ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่ต้องอยู่เพราะความสงสาร ไม่ต้องเลือกเพราะว่าฉันเหมาะสม แต่คุณกลับรั้งพี่สาวฉันไว้ด้วยสองเหตุผลนั้น คุณมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้นแหละ”
“...”
“ในความรัก มันไม่มีใครต้องการแค่ความสงสารหรือเห็นใจหรอกโว้ย ให้ได้แค่นั้นแม่งก็ไม่ต้องให้ดิวะ รักไม่ได้ก็ไม่ต้องรัก แต่คุณ... คุณทำให้พี่ฉันต้องเป็นแบบนั้น คุณมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าพี่มีนเลย อย่าทำเหมือนคุณเป็นเหยื่อของเธอเลย เขมราช มันไม่ได้น่าสงสาร แต่มันทุเรศ”
เขากลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล... แม้ความผิดหวังในใจมันมากเกินจะหักห้าม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริงอย่างที่หล่อนพูด
“ขอบใจนะ ที่น้องมุกยอมพูดความจริง”
มธุลินลุกออกมาโดยไม่ลา หล่อนไม่อาจทนเห็นแววตาผิดหวังของคนที่เคยบอกว่ารักพี่สาวหล่อนสุดหัวใจ คล้ายตอกตรึงมีนรญาไว้กับข้อหา ‘ผู้หญิงลวงโลก’ แม้จะจากไปแล้วก็ตาม
กระนั้นจะโทษใครได้นอกจากคนของตน
เพราะมีนรญารักเขา… หล่อนรู้
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องสร้างเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ระหว่างหล่อนเดินกลับไปที่รถ ก็อดนึกถึงเหตุการณ์แต่หนหลังไม่ได้
22
เป็นเธอเสมอมา
มธุลินเคยไปดูแลมีนรญาซึ่งป่วยที่อเมริกา หล่อนเห็นพี่กับคนรักเอาใจใส่กันดี เหมือนคู่รักที่อบอุ่น แต่หล่อนกลับไม่ชอบ เพราะมีหลายอย่างขัดใจ โดยเฉพาะนิสัยของพี่สาวที่แทบจะเป็นใครก็ไม่รู้เวลาอยู่ต่อหน้าเขา
ผู้ชายคนนี้ทำอะไรกับพี่สาวหล่อนกันแน่
หรือเป็นมีนรญาเสียเองที่ ‘เปลี่ยนไป’ เพื่อเขา
ทว่า... สิ่งที่หล่อนพบตอนเข้าไปจัดห้องให้เขาตามคำสั่งพี่สาวระหว่างที่เขาไม่อยู่ ผลักดันให้หล่อนเกลียดขี้หน้าว่าที่พี่เขยมากขึ้นไปอีก
‘นี่มันอะไรกันน่ะพี่มีน’
มีนรญาที่นอนพักบนเตียงริมระเบียงมองกล้องในมือน้องสาว ไม่ได้แปลกใจหรือตกใจ ทว่า... ความรวดร้าวกลับพาดผ่านในดวงตา
‘ก็แค่รูปน่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร’
‘เหรอ’ น้องสาวเยาะ ‘แต่มุกดูออกนะว่าพี่เสียใจ เพราะถ้าเป็นมุก มุกก็เสียใจเหมือนกันที่แฟนตัวเองเก็บภาพของแฟนเก่าเอาไว้ในกล้องที่เขารักมากที่สุด ที่น่าเศร้ากว่านั้นคืออะไรรู้ไหม’
‘...’
‘คือกล้องตัวที่รักที่สุด แต่ดันไม่มีรูปของเราที่เป็นแฟนคนปัจจุบันอยู่เลย’
‘รูปของพี่ก็อยู่ในกล้องเขาอีกตั้งหลายตัว’
‘แต่ตัวนี้คือตัวที่แฟนพี่เขารักและหวงมาก ๆ นะ’
‘ก็ใช่ไง! มันเป็นตัวที่อีออยซื้อให้เขา’ มีนรญาสวนด้วยอารมณ์ทั้งหมดที่ตนเก็บไว้
มธุลินเงียบ ถึงจะคลายอึดอัดเมื่อพี่กลับมาเป็นตัวเอง จากสรรพนาม ‘อี’ ที่พูดมา เนื่องเพราะมีนรญาพูดกับหล่อนด้วยภาษาพ่อขุนมาตั้งแต่เด็ก แต่หล่อนอึ้งกับความเป็นมาของกล้องตัวนี้มากกว่า
หล่อนจำได้ดี วันแรกที่มาถึง เขมราชไม่ยอมให้หล่อนแตะต้องมันซึ่งถูกวางไว้ในตู้โชว์จุดที่มองเห็นง่าย
หลายครั้ง... เขามองจ้องมันด้วยแววตาเจ็บปวดที่หล่อนเองไม่เข้าใจ หลายหนที่เขาหยิบมันมากดดูรูปด้วยสายตาเศร้าหมองจนต้องสงสัย
จะว่าหล่อนเสียมารยาทที่แอบดูตอนเขาไม่อยู่ก็ได้ แต่ถ้าหล่อนไม่เปิดดู คงไม่รู้ว่าเขมราชยังไม่ลืมอมายา ทั้งที่ตกลงคบกับพี่สาวหล่อนมาหลายปี
‘เขาไม่ได้รักพี่ พี่รู้ตัวบ้างไหม หรือต่อให้รัก ก็ไม่รู้จะรักได้เท่าเศษเสี้ยวของคนเก่าหรือเปล่า”
‘กูรู้ มึงไม่ต้องย้ำ’
มีนรญารู้ดี... รู้มาตลอด และก็เจ็บมาตั้งแต่นั้น
สิ่งที่ติดอยู่ในใจเขมราช นอกจากรัก ยังมีความรู้สึกค้างคา และเสียดายที่เขากับอมายาจูงมือกันไปไม่สุดทาง เหมือนคนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่สำเร็จ และไม่มีโอกาสเริ่มใหม่ ทำได้เพียงแค่คิดว่า ถ้า... ได้เดินด้วยกันจนสุดทางแล้ว จะเป็นอย่างไร
แต่ทางของเขากับอมายามันสุดลงแล้ว...
สุดอยู่ตรงที่เขากับอมายาต้องแยกจากกัน ต่อให้กลับไปเริ่มใหม่อีกกี่ครั้ง มันก็เหมือนเดิม ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แน่นอนเขาไม่มีทางกลับไป
เพราะมันทั้งเสียหน้าและน่าอาย ที่จะทิ้งเพชรเม็ดงาม กลับไปหาก้อนกรวดที่เขาเคยเหยียบย่ำ
‘แล้วพี่จะอยู่ตรงนี้ทำไมวะ โง่เหรอ หา?’
‘กูเป็นความสบายใจของเขา’
‘...’
‘ถ้าคนอย่างเขาจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต ความสบายใจต้องมาก่อน แค่รักไม่พอหรอก มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอมุก เขารักอีออยขนาดนี้ แต่เขาเลือกกู เพราะเขาทนมันไม่ได้’
มธุลินหัวเราะเหอะ จ้องมองพี่สาวอย่างสมเพช
‘ตอนนี้พี่ได้เขามาแล้ว แล้วมันยังไง เขาไม่ได้รักพี่ ที่อยู่กับพี่ก็เพราะความสงสารเห็นใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูสารรูปตัวเองตอนนี้สิ ใครกล้าทิ้งได้ลงก็คงเลวเกินไปแล้ว น่าสมเพช’
‘กูน่าสมเพชแล้วมันหนักหัวมึงเหรอ’
‘เออ หนักดิ หนักมากด้วยเพราะพี่เป็นพี่ของมุกไง ใครจะอยากเห็นพี่ตัวเองเจ็บวะ’
‘มึงฟังนะมุก... ในมุมของกู ความรักมีหลายรูปแบบ ต่อให้เขาไม่รักกูแบบที่รักอีออยแล้วใครสน ยังไงเขาก็รัก ต่อให้เขาอยู่กับกูเพราะความสงสาร แล้วใครแคร์ ยังไงเขาก็อยู่...’
‘อะไรจะขนาดนี้วะพี่’
‘มุก มึงคิดว่าความสบายใจมันไม่มีความรักด้วยก็ได้เหรอ ถ้ามันไม่ต้องมี ป่านนี้กูกับเขาคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทางใครทางมันไปแล้ว’
‘พี่โคตรบ้าเลย รู้ตัวป้ะ’
‘ก็กูไม่ได้ต้องการความรักแบบอีออยไง เพราะกูกับเขาเรามีให้กันมากกว่าความรัก’
‘ที่ว่ามากกว่า ก็มากตรงส่วนที่พี่เฟกเพื่อเป็นในแบบที่เขาหาไม่ได้จากพี่ออยเหรอ?’
มีนรญาแสร้งเป็นคนที่เขาต้องการได้อย่างแนบเนียน หากมธุลินไม่ได้คุ้นเคยกับนิสัยที่แท้จริงมาก่อนก็คงหลงเชื่อไปแล้วว่าหล่อนเป็นอย่างนั้น
‘...’
‘ไม่อึดอัดหรือไงที่ต้องทนทำอะไรที่ไม่เป็นตัวเองมานานขนาดนี้ เพื่อให้เขารัก แม้แต่อาหารที่ชอบก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ แถมเวลามีคนมาด่าหรือทำอะไรขัดใจ เมื่อก่อนพี่ด่าเปิดเปิงถึงพ่อถึงแม่เลยไม่ใช่ไง แต่ตอนนี้ทำสนิมสร้อย เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เวลาพี่เฟลมพูดอะไรมา พี่ก็เออออกับเขาไปซะหมด รู้มะ ทำตัวไม่ต่างจากแม่เราเลยว่ะ’
‘อย่าเอากูไปเปรียบกับแม่’
‘ก็มันจริง’
‘กูไม่ได้อ่อนแอเหมือนแม่ พี่เฟลมก็ไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้เหมือนพ่อเรา’
มธุลินพ่นลมหายใจขัดเคือง
ต่อให้พี่ปฏิเสธอย่างไร... ก็เปลี่ยนความคิดกันไม่ได้
‘ถึงงั้นก็เถอะ ต่อให้เขารักพี่จริง ๆ เขาก็ไม่ได้รักที่ตัวตนของพี่ โอเค พี่ไม่ได้ร้ายกาจอย่างพี่ออยก็จริง แต่ตัวตนพี่ก็ไม่ใช่แบบนี้ไง ถามจริง ที่อยู่กับเขาเนี่ย พี่เคยมีความสุขจริง ๆ บ้างไหม’
‘กูมีความสุขดี’
‘ไม่เชื่อ’
‘ก็แล้วแต่มึง’
มีนรญามองออกไปนอกระเบียง เหนื่อยจะเถียงต่อ
มธุลินมองพี่สาว อารมณ์โมโหอัดแน่นในอก แต่ถ้าหล่อนเป็นฝ่ายไม่จบ คงโดนตวาดจนความเกรี้ยวกราดเหล่านั้นปลิวหาย
แล้วหล่อนจะปล่อยผ่านอย่างไร ในเมื่อยังคาใจอยู่ จึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบอีกครั้ง
‘ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะ เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ คนที่เขาพร้อมจะรักพี่ที่เป็นพี่ พร้อมจะอยู่กับพี่โดยไม่มีคนอื่นในใจน่ะ คนรวย ๆ โปรไฟล์ดี ๆ เข้ามาจีบพี่ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ’
‘ต้องเป็นเขา... ถ้าไม่ใช่เขา กูไม่เอา’
‘มุกเข้าใจละ’
มธุลินเข้าใจทุกอย่างแล้ว แม้หล่อนจะสงสัยว่า ในความรู้สึกพี่ที่มีต่อเขมราช จะเรียกว่ารักได้สักกี่ส่วน แต่หล่อนมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ส่วนที่เห็นชัดเจนตอนนี้ คือความอยากเอาชนะ
‘พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อจะเอาชนะพี่ออยนี่เอง’
‘แล้วทำไมกูต้องแพ้มัน อีออยมันมีดีกว่ากูตรงไหน เรียนก็ไม่ได้เรื่อง นิสัยก็แย่ สวยก็เท่ากู แม่งมีดีแค่เป็นลูกคุณหนู แต่ทั้งพี่เฟลม พี่นุ พี่แชมป์คนที่เป็นเดือนแพทย์กลับชอบมัน หรือแม้แต่ไอ้เก้าที่ดูเหมือนจะชอบกูก็มองกูเป็นหมาทุกครั้งที่เห็นอีออย หรือต้องให้กูยอมแพ้ ยอมเป็นแค่ตัวประกอบ ให้อีออยมันแย่งความสนใจจากทุกคนไปหมดงั้นเหรอ’
ถ้อยคำที่อัดแน่นด้วยความอิจฉา ผลักดันให้มธุลินรู้สึกไม่ดีเลย หล่อนเข้าใจดีว่าพี่สาวมีด้านมืดที่บอกใครไม่ได้
นั่นคือมีนรญาเป็นพวกแพ้ไม่เป็น
ครอบครัวของหล่อนเคยร่ำรวยจากธุรกิจที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น แต่พ่อหล่อนทำทุกอย่างพัง หล่อนกับพี่สาวถึงได้ปากกัดตีนถีบตั้งแต่ยังไม่ใช้นางสาว ทำงานเลี้ยงครอบครัวจนหลังแทบหัก ในขณะที่พ่อก็ไม่ต่างจากไอ้ขี้แพ้ในสายตาพี่
ตอนนั้น พ่อติดเหล้าหนัก ตรอมใจกับความผิดพลาด ขี้ขลาดเกินกว่าจะลุกขึ้นสู้ แต่ดันกล้า... ปล่อยลูกเมียลำบาก ถูกเหยียบย่ำจากคนรอบข้าง ในขณะที่แม่ก็เอาแต่เข้าข้างพ่อ
สงสารพ่อ รักพ่อ... และเลือกพ่อ
มีนรญาอยากพาตัวเองไปจากจุดนั้น ต้องการเพียงโอกาส และสิ่งที่จะทำให้ได้มันมาคือความโดดเด่น
และเพื่อที่จะโดนเด่น... หล่อนต้องชนะ
จุดเด่นจึงถูกสร้างขึ้นมา... ลบกลบปมด้อยที่มีนรญาเกลียด
หล่อนเก่ง หล่อนเป็นที่หนึ่งในทุกการแข่งขัน หล่อนใช้มันสมองเหยียบย่ำลูกเพื่อนเก่าพ่อที่คบค้ากันตอนมั่งมี และหนีหายเมื่อลำบาก คนแล้วคนเล่า... หล่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่อยู่ในทำเนียบ ‘ดีที่สุด’ หวังเจอใบเบิกทางในหน้าที่การงาน รวมถึงเรื่องความรัก
หล่อนเชื่อว่า ถ้าเอาตัวไปอยู่ในสังคมคุณภาพ ก็จะถูกแวดล้อมด้วยตัวเลือกคุณสมบัติพร้อมมากมายเช่นกัน
แต่พอหล่อนได้รู้จักอมายา ผู้หญิงร้ายกาจนิสัยแย่ ไม่มีอะไรสู้หล่อนได้ เว้นแต่เกิดบนกองเงินกองทอง พ่อมีตำแหน่งใหญ่ใน K holding
ไฟกองเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นมาในใจ ค่อยลุกลามขึ้นจนเผาใจหล่อนด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้... และอิจฉา
ยิ่งเห็นมันมีความสุขกับเขมราช หล่อนก็ยิ่งอยากทำลายมันให้แหลกคามือ จึงตัดสินใจเข้าไปตีสนิท แม้ดูเหมือนอมายาจะรู้เจตนา แต่หล่อนไม่สนใจ ในเมื่อหล่อนไม่ยอมรับ แล้วใครจะมาปรักปรำหล่อนได้
หล่อนอยากให้ทุกคนเห็นว่า หล่อนคือผ้าที่ขาวสะอาด ควรค่าแก่การจับใช้ ควรถูกยกให้เป็น ‘ที่สุด’ตรงข้ามกับผ้าขี้ริ้วอย่างอมายา ที่สมควรเช็ดเพียงแค่ฝ่าเท้า
แต่ทำไม... ทำไมทุกคนถึงสนใจแต่มัน
แน่นอน มธุลินรู้จักพี่สาวตัวเองดี มีนรญาจะรู้สึกเจ็บที่เห็นใครมีสิ่งที่ตัวเองขาด แต่จะรู้สึกดีเสมอถ้าได้อยู่เหนือคนอื่น
ที่ต้องเป็นเขมราช นอกจากมองว่าเขาให้ความสุขสบายหล่อนกับครอบครัวได้ทั้งชาติแล้ว ก็เป็นเพราะมีนรญาจะไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะแพ้... ให้กับคนไม่มีอะไรให้หล่อนยอมรับ
‘มึงเชื่อกูเถอะมุก ต่อจากนี้เขาจะไปจากกูไม่ได้อีกแล้ว’
‘อะไรทำให้มั่นใจขนาดนี้ไม่ทราบ’
‘เพราะกูจะมีลูกกับเขา’ รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้น
‘...’ คนมองอย่างมธุลินเย็นสันหลังวาบ เพราะไม่รู้เลยว่า หล่อนกลัวรอยยิ้มของพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่
‘ต่อให้เขาจะแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องลูกกับกูมาตลอด เพราะเป็นห่วงสุขภาพกู แต่ถ้าลูกมาแล้ว... ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบกูอยู่ดี หรือต่อให้เขาจะรักกูหรือไม่รัก แต่เขารักลูกและอยู่กับกูแบบนี้ ให้กูได้เห็นอีออยมันดิ้น ได้รู้ว่ามันเจ็บ กูก็พอใจแล้ว’
‘แล้วพี่ออยเขาทำอะไรให้พี่นักหนา ทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนี้’
‘มันทำกูตกบันได มันเกลียดกู กูก็เกลียดมัน แค่นี้พอหรือยัง หรือมึงต้องให้มันทำกูตายก่อน มึงถึงจะพอใจ’
‘ไม่ใช่อย่างนั้นพี่...’
‘งั้นมึงก็อย่ามาถามกูแบบนี้อีก’
เท่าที่มธุลินรู้ อมายาก็ร้ายกาจกับพี่สาวหล่อนเหลือเกิน แต่สำหรับหล่อน แค่ต่างคนต่างอยู่ เรื่องมันก็น่าจะจบ
‘แล้วถ้าพี่ออยเขาไม่ได้สนใจพวกพี่แล้วล่ะ ยังจะอยู่กับเขาไหม’
‘อยู่สิ ผัวกู กูก็ต้องอยู่ กูไม่ยอมปล่อยเขาไปหรอก’
‘ทั้งที่พี่พูดมาซะขนาดนี้ แต่มุกก็ยังรู้สึกว่าพี่รักเขามากจริง ๆ’
เพราะแววตาคนที่บอกว่าไม่สนใจความรัก มันกลับเจ็บปวด คล้ายว่าความเศร้าทั้งมวลบนโลกใบนี้มันรวมอยู่ในตาคู่นั้น
หล่อนเศร้า... แต่ต้องบอกตัวเองว่าไม่
หล่อนเจ็บปวดที่ไม่อาจครอบครองหัวใจ... แต่ต้องปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร และด้วยคำว่าสักวันจะเป็นวันของเรา
แต่มธุลินเชื่อเหลือเกินว่า ในสนามรัก... มันจะไม่มีวันของเราสำหรับคนที่เขาไม่รัก ที่ทนอยู่ไปทุกวันก็เพียงรอวันให้เขาจากไป
‘มึงอย่าห่วงความรู้สึกกูเลย มึงก็รู้ เราเจออะไรมาเยอะ กูกับมึงแกร่งกว่าที่คนอื่นคิด แค่นี้ทำไมจะทนไม่ได้ เตรียมตัวสุขสบายและเหยียบหน้าไอ้พวกที่เคยดูถูกเราไว้ดีกว่า’
มธุลินส่ายหน้า ถึงผ่านความลำบากมาพอ ๆ กับพี่สาว แต่ไม่ว่าจะคิดอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้
‘ถ้าต้องทรมานตัวเองขนาดนี้ พี่แพ้บ้างก็ได้นะ ไม่มีใครว่า’
‘กูไม่ได้ทรมานเลย’
‘ทรมานสิ... พี่รู้ดี พี่มีน’
‘มึงคอยดูกูมีความสุขก็แล้วกันมุก’
มธุลินปาดน้ำตาระหว่างเดินออกมาจากร้าน ภาพของพี่สาวที่กล่าวอย่างตั้งมั่นยังคงติดตา
แต่จุดจบของมีนรญากลับทำให้หล่อนได้ทบทวน
ว่าความสุขที่พี่วาดฝัน... มันไม่เคยเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นตอนพี่มีชีวิต หรือตอนที่พี่ตายไปแล้ว
เพราะผู้ชายคนนั้นรักผู้หญิงอีกคน
คนที่ฆ่าพี่
คนที่ไม่มีดี
คนที่พี่อยากเอาชนะจนลมหายใจสุดท้าย แต่ไม่อาจทำได้
เพราะเขมราชรักอมายา... รักมาตลอด แม้จะหลอกตัวเองแค่ไหน คนที่อยู่ในใจเขาก็ยังเป็นเธอเสมอมา
อมายาออกมารับประทานอาหารเช้าร่วมกับคนงานด้วยในห้องนั้นอุดอู้เกินไป หากไพน์ที่ดูเหมือนเลิกแล้วต่อกันเข้ามาชนจนจานตกกระจายทั้งคู่
“นังไพน์!!!”
เสียงเอ็ดของเพลงซึ่งรับหน้าที่แม่ครัวทุกมื้อเซ็งแซ่ คนเป็นน้องหันไปยิ้มแหยให้พี่แล้วกล่าวขอโทษอมายา
“ขอโทษนะ นังคุณออย”
“อือ”
อมายาก้มลงเก็บจานตัวเองด้วย ไพน์ยัดกระดาษขนาดเท่าหมากฝรั่งใส่มือให้ เธอประหลาดใจแต่ก็รู้ในตอนนั้นว่าเป็นความลับ หญิงสาวลอบมองการ์ดที่ยืนอารักขานอกโรงอาหาร
โล่งใจที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“ถ้าอยากไปจากที่นี่ อย่ากิน แล้วทำตามที่บอกในกระดาษ”
อมายาแกล้งไปตักอาหารใหม่ เดินไปนั่งที่ตัวเอง แต่ไม่ทาน ค่อยทำทีเป็นเข้าห้องน้ำแล้วเปิดอ่าน
‘อีกยี่สิบนาทีให้ไปรอที่ท่าเรือ จะมีคนมาพาออกไปจากเกาะ’
ทีแรก... เธอดีใจเหมือนเห็นความหวังเรืองรองอยู่ตรงหน้า หากพอคิดไตร่ตรองด้วยสติแล้ว ความแคลงใจก็เข้ามาแทนที่
ไพน์ไม่น่าไว้ใจ...
แน่นอน หล่อนมีแรงจูงใจให้ผลักเธอออกจากชีวิตเขมราช
อมายาไม่แน่ใจจะเป็นแบบไหน จะฉุดขึ้นจากหลุม หรือผลักลงนรก กลัวจะเป็นอย่างหลัง แม้คนอื่นอาจไม่เชื่อว่าเด็กอายุยี่สิบจะคิดร้ายขั้นปล่อยใครตกนรก
แต่เธออยู่กับ ‘เด็กเปรต’ อย่างเอมมาลินมาทั้งชีวิต
แถมเพลงซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ยังไม่เคยไว้ใจไพน์เลย ฉะนั้น เธอควรอยู่ห่างเด็กนั่นไว้ หรือไม่ก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพลง
แต่ตอนเปิดประตูห้องน้ำออกไป กลับเห็นเด็กสาวยืนรออยู่ สายตาที่หล่อนจ้องมองกันอัดความเกลียดชังไว้เต็มขั้น
“ไปท่าเรือ ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
“ไม่ละ ฉันไม่รับความช่วยเหลือจากเธอ”
อมายารีบเดินหนี ยิ่งเห็นการ์ดที่มาเฝ้าหน้าห้องน้ำฟุบหลับตรงม้าหินอ่อนด้านหน้า ก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
วินาทีนี้เธอต้องไปหาเพลง
ทว่า ที่โรงอาหาร ทุกคนหลับไม่รู้เรื่องกันหมด เหลือแค่ไพน์ที่ตามมากระชากแขนเธอ หมายใจจะลากไปที่ท่าเรือด้วยกัน
“มานี่”
“ไม่! อย่ามายุ่งกับฉัน” อมายาสะบัดออก ยิ่งนานยิ่งรู้ว่าเจตนาของไพน์ไม่ดีเลย
“โอ๊ย! อีนี่ คนจะช่วยให้หนียังมาทำพิรี้พิไรอยู่ได้”
หญิงสาวไม่สนใจไพน์ มองหาอาวุธจนได้อีโต้ด้ามเขื่อง หากมันแทบไร้ความหมายเมื่อข้างหลังไพน์มีกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนที่เธอจำหน้าได้ว่าเป็นคนของวัชราเดินมาแต่ไกล
ไพน์เลือกผลักเธอลงนรกสินะ!
“อย่าเข้ามานะ” พวกนั้นใกล้เข้ามาเต็มที ผลักดันให้หวาดกลัวจนลนลาน สองเท้าออกวิ่ง สมองก็คิดหาที่หลบ แล้วที่ไหนจะปลอดภัย อีกไม่นานมันคงหากันจนทั่วเกาะ
อมายาตัดสินใจไปหลบในห้องน้ำเก่าทำจากสังกะสีที่ผุพังจะล่มแหล่ไม่ล่มแหล่ นึกเสียใจที่กลัวเกินไปจนลืมค้นตัวการ์ดสักคน แล้วเอามือถือมาโทร. หาตำรวจ
“นังคุณออย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ แกไม่อยากกลับบ้านไปหาย่าแกเหรอ ท่านวัชราเขากำลังจะช่วยแกอยู่นะ”
อมายาอยากตัวเล็กลงเมื่อรู้สึกว่าไพน์ใกล้ที่ซ่อนของเธอ ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นไปหมด ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้หล่อนสะดุดตากับสิ่งปรักหักพังที่มีวัชพืชขึ้นเต็มนี้เลย และเมื่อเสียงฝีเท้าหล่อนห่างออกไป หญิงสาวชะเง้อคอออกมาดูจนแน่ใจว่าไม่มีใคร ถึงได้ย้อนกลับไปโรงอาหาร ค้นมือถือของคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อโทร. หาตำรวจ
ปัง!
กรี๊ด!!!
อมายากรีดร้อง มือถือในมือถูกยิงจนกระเด็นไป ด้วยฝีมือของชายตัวโตน่ากลัวที่เข้ามาพบเธอก่อน แต่ดีที่เธอไม่บาดเจ็บ
“ทางนี้โว้ย”
มันเรียกพวกที่เหลือ ขณะเดินเข้ามาและไม่ลดปืนลง พร้อมลั่นไกทุกเมื่อที่เธอหนี อมายาตัวสั่นงันงก รังสีอำมหิตแผ่ออกมา ทำให้เธอกลัวจนร้องไห้
ลำพังตัวคนเดียว ต่อให้จะต้องเจ็บกายเจ็บใจเธอไม่หวั่น... แต่นี่เธอกำลังท้อง
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันท้องอยู่ ถือว่าเห็นแก่เด็กในท้องนะ” หญิงสาวยกมือไหว้พวกมัน ไม่สนศักดิ์ศรีอีกแล้ว
“ไม่ได้ครับ” คำตอบสุภาพ หากไร้ความเมตตาที่สุดในฐานะมนุษย์ด้วยกัน อมายาปล่อยเสียงร้องไห้เจียนจะขาดใจ รั้งตัวเองสุดกำลังตอนพวกที่เหลือเข้ามาหิ้วปีกลากออกไป
“อย่านะ ฮือ ๆ ฉันขอร้อง สงสารฉันกับลูกได้ไหม”
ถึงอย่างนั้นก็ไร้ความหมาย... คนเลวย่อมรับใช้คนเลว นายเป็นอย่างไรลูกน้องก็ไม่ต่างกัน น้ำตาอมายาไหลเหมือนธารน้ำขณะมองสบตาไพน์ซึ่งมาสมทบพวกนี้ทีหลัง
“ไพน์ ฉันขอร้อง ช่วยฉันด้วยนะ”
“ก็ช่วยอยู่นี่ไง แกจะได้กลับบ้านแล้ว ไม่ดีใจเหรอนังคุณออย”
กลับบ้านงั้นหรือ... หล่อนคิดจริง ๆ สินะว่าพวกมันจะพาเธอกลับบ้าน
“ไม่นะ ปล่อยฉัน ฮือ ๆๆ” อมายาได้แต่ปล่อยให้น้ำตารินไหล ให้พวกนั้นลากขึ้นเรือไปอย่างสิ้นไร้หนทาง
อมายาไม่เข้าใจ คนเราเกลียดกัน จำเป็นต้องทำลายกันให้ย่อยยับเลยหรือไร หรือชาติที่แล้วเธอทำกรรมหนักไว้ จนต้องมาชดใช้ โดยให้รอบกายมีแต่คนไม่ดีคิดแต่จะทำร้ายกันแบบนี้
เขมราชนอนไม่หลับทั้งคืน ช่วงเช้าตอนเข้าประชุมผู้บริหารก็ไม่มีสมาธิ ทั้งที่เป็นประชุมสำคัญที่คุณป้าย้ำนักว่าขาดไม่ได้ เขามัวแต่คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขา อมายา และมีนรญา ถึงอย่างนั้นในสมองกลับว่างเปล่า แต่ความรู้สึกเจ็บหน่วงดันถ่วงหนักอยู่ในอก
“อีกครึ่งชั่วโมงจะหมดเวลาเยี่ยมครับนาย”
คนขับรถร่างสูงบอกหลังเปิดประตูให้นายลงหน้าโรงพยาบาลของชาวี เขมราชกังวลเล็กน้อยตอนมองนาฬิกาข้อมือ หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยที่เกาะควรรายงานความเรียบร้อยได้แล้ว แต่ยังเงียบ
เขาสังหรณ์ใจแปลก ๆ
อยากกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ต้องมาบอกกล่าวคุณย่าก่อนว่าหลานท่านสบายดี เพราะเขารู้... เขาทำให้อมายาหนักใจเรื่องนี้มาตลอด อย่างน้อยถ้ากลับไปพร้อมข่าวคุณย่า หญิงสาวอาจจะเปิดใจพูดดีกับเขาบ้าง
“มึงหาทางติดต่อคนที่เกาะให้ได้นะ ได้เรื่องยังไงบอกกูด้วย”
“ครับนาย”
เขมราชเดินเข้าไปในอาคาร ทำเรื่องขอเยี่ยมคุณย่า ก่อนตามพยาบาลขึ้นลิฟต์ไปยังห้องที่เลี้ยวซ้ายตรงล็อบบี้ของแผนกไปอีกสี่ห้อง
เขาเจอคุณอธิปเดินออกมา รู้สึกกระดากที่จะยกมือไหว้หรือกล่าวทักทาย จึงทำเป็นมองไม่เห็น
“เอาลูกเขาไปกก แต่ทำแบบนี้กับพ่อเขาเนี่ยนะ ไม่ทุเรศเกินไปหน่อยเหรอ”
“ผมนอนกับลูก ไม่ได้นอนกับพ่อครับ” คนถูกแซะหยุดเท้า เอ่ยบอกโดยไม่หันกลับไปมอง
“แต่นายควรรับผิดชอบ เขมราช”
“...”
“ฉันเข้าใจว่ามันยาก เพราะถ้าเป็นฉัน ก็คงอายที่เอากับฆาตกรที่ฆ่าลูกเมียตัวเอง แต่นังออยมันก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่ถ้ารับผิดชอบออกนอกหน้าไม่ได้ ก็ทำให้มันถูกต้อง สินสอดทองหมั้นอะไรฉันเรียกไม่มากหรอก แต่ยังไงก็ตาม... ป้านายต้องยกฟ้องฉัน ไม่งั้นฉันต้องให้มันเอากับคนอื่น ที่สามารถช่วยฉันได้แทน”
เขมราชหันกลับไป สาวเท้าเข้าใกล้จนอกชนไหล่อธิป จ้องมองฝ่ายนั้นด้วยแววตาดุดัน ความโกรธเข้าครอบงำทีละเสี้ยวของจิตใจ
“รู้ไหมครับ ทุกคนมีพ่อแม่ ไม่ได้เกิดจากไม้ไผ่ แต่พ่อแม่บางคนก็ทำตัวเหมือน ‘พ่อเล้าแม่เล้า’ ที่เอาแต่เร่ขายลูกไปวัน ๆ แล้วทวงบุญคุณ เอ๊ะ? หรือผมควรเรียกคุณว่าไอ้แมงดาดีครับ”
“แก... ไอ้เฟลม”
“ถ้าผมจะตอบแทนใครที่เลี้ยงออยมา คนคนนั้นควรเป็นคุณย่าครับ ไม่ใช่คุณ”
“...”
“และผมรู้ครับ ว่าคนอย่างคุณมันโคตรไร้ศักดิ์ศรี แค่จะขายลูกกินน่ะมันง่ายนิดเดียว แต่ไปทำแบบนี้กับน้องเอมเถอะครับ เพราะถ้ามาทำกับออย...”
เขาหยุดคำไว้ จับสายเสื้อท่าน ลากเข้ามาหาด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเลือดเย็น หากแววตาอัดแน่นอารมณ์ร้อนแรง
“ผมจะฆ่าคุณ!”
เห็นอธิปหน้าเผือดสีก็พึงพอใจ เขาปล่อยท่านแล้วเดินเข้าไปในห้อง เห็นคุณย่าอิงอรกำลังคุยอย่างออกรสกับพยาบาลพิเศษที่ลักษณะท่าทางคล้ายอมายา
ได้ยินมาเหมือนกันว่าชาวีจัดหาพยาบาลให้ แต่ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะใส่ใจมากขนาดนี้... มากจนคนที่เอาแต่พรากความสุขไปจากเธออย่างเขารู้สึกละอายใจ
“อ้าว ใช่เฟลมหรือเปล่าลูก”
แม้ไม่ได้เจอกันนาน แต่ท่านยังจำเขาได้ เขายิ้มให้ร่างซูบผอมที่อาการทรง ๆ ทรุด ๆ มาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท่านดูร่าเริงกว่าที่เขาคิดเสียอีก
“สวัสดีครับคุณย่า ผมเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่าครับ”
“ไม่เลย ๆ พ่อออยเพิ่งกลับไป ย่ากับหนูบีมก็คุยกันเรื่องทั่วไปน่ะ เฟลมมาเยี่ยมย่าเหรอ”
“ครับ”
“เข้ามาสิ ๆ ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่เรา สี่ห้าปีได้ไหม”
เขาพยักหน้ายิ้ม ๆ
พยาบาลคนสวยขอปลีกตัวออกไปให้เขาได้คุยกับท่าน ท่านรู้ว่าเขาเลิกกับอมายาไปนานแล้วก่อนไปเรียนต่างประเทศ จากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย
ดนุบอกเขาว่าย่าไม่รู้เรื่องคดีของอมายา รู้เพียงเธอได้งานทำในบริษัทเอกชน ตอนนี้ดูงานอยู่ต่างประเทศไม่มีกำหนดกลับ ตอนดนุคอยให้ความช่วยเหลือ ฝ่ายนั้นมาเยี่ยม ให้ท่านได้คุยกับอมายาผ่านมือถือของเพลงอยู่ครั้งสองครั้ง
“คุณย่าครับ”
“อะไรลูก”
“ตอนนี้ผมกลับมาคบกับน้องออยแล้วนะครับ คุณย่าไม่ต้องกังวล ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด”
ทีแรก... เขมราชบอกว่าพร้อมช่วยเหลือเรื่องหาไต ถ้าไม่คิดว่าเป็นน้ำใจอย่างคนคุ้นเคยก็น่าแปลกอยู่สักหน่อย ตอนนี้ท่านไม่สงสัยแล้ว รู้ดีว่าหลานไม่เคยลืมเขา แต่ยังมีคนอื่นที่เข้ามาพัวพัน ทั้งชาวี ทั้งดนุ และทั้งสามเป็นเพื่อนกัน
“ขอโทษคุณย่าด้วยนะครับที่ผม... มาบอกเอาตอนนี้”
“น้องเลือกเฟลมแล้วจริง ๆ เหรอ”
ท่านเพียงอยากรู้ว่าหลานสาวจัดการปัญหาได้ไม่ค้างคา ที่ผ่านมาอมายาซ่อนอารมณ์ต่อหน้าท่านเป็นส่วนมาก ด้วยไม่อยากให้ย่าเครียด กระนั้นท่านก็อยากช่วยแบ่งเบาความรู้สึกหลานบ้าง
ด้านคนที่ความจริงอมายาไม่ได้เลือกแต่เขา ‘บังคับ’ ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนโกหกไป
“ครับ”
“มั่นใจเหรอว่าจะไม่จบแบบเดิม”
“...”
“อะไรนะที่วัยรุ่นเขาว่ากัน หนังสือเล่มเก่า อ่านกี่ครั้งตอนจบก็เหมือนเดิมแบบนั้นน่ะ”
“ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ”
เขาคิดเพียงมาเยี่ยมท่าน พูดให้ท่านสบายใจ แล้วกลับไปบอกอมายาให้หายกังวลว่าท่านยังไหว แต่ท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน และใช่จะไม่รู้อะไรแม้ไม่มีใครบอกก็ตาม ผลักดันให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนอย่างที่เห็น
“เอาเถอะ ย่าเข้าใจ”
ถึงจะดีใจที่มีคนดูแลอมายา แต่ก็อดห่วงไม่ได้ หากท่านไม่อยากไล่บี้ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หลายคู่กลับมาแล้วรอด แต่ก็มีหลายคู่ที่ไปไม่ไหว จะกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม
“แต่เฟลมไม่ต้องใช้คำว่าดีที่สุดหรอก เอาเท่าที่เฟลมไหว แล้วก็อย่าทิ้งขว้างน้องก็พอ”
มือเหี่ยวย่นเอื้อมหยิบแก้วน้ำ หมายใจจะดื่มแก้กระหาย แต่ดันปัดรีโมตทีวีตกเสียได้ เขมราชอาสาเก็บให้ หากในจังหวะที่ก้มตัวลง พระเครื่ององค์หนึ่งหลุดจากกระเป๋าสูทสีกรมท่า
“ย่าขอดูหน่อยได้ไหม”
เขาหยิบพระส่งให้ท่านไม่อิดออด คุณอิงอรจำมันได้ดี สิ่งแทนความรักของท่านกับสามีผู้เป็นที่รักและอายุสั้น ท่านยกให้หลานสาวคนโตเพื่อเป็นของที่ระลึกกับผู้ชายที่หลานรัก แต่อมายาก็กลับมาบอกว่ามันหายไปแล้ว
จากสายตาท่าน ทำให้เขมราชอดถามไม่ได้
“คุณย่าเคยเห็นมาก่อนเหรอครับ”
คุณอิงอรพยักหน้า ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลูกน้องเขาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“นาย แย่แล้วครับ”
มองตาก็เข้าใจตรงกัน เพราะเขาสั่งเรื่องอมายาไปเรื่องเดียว ความกลัวที่เสียดพุ่งเข้ามาในใจจึงเกือบทำเขาเสียสติ แต่ยังประคองไว้และลากลูกน้องออกไปคุยข้างนอก เนื่องเพราะไม่ต้องการให้ย่ารู้
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณออย”
“นายหญิงอยู่กับท่านวัชราครับ ท่านอยากคุยกับนาย”
การ์ดส่งมือถือที่ปลายสายถือสายรอให้ เพียงได้ยินชื่อของพ่อ เขมราชก็แทบหยุดหายใจ ปรารถนาอยากให้ท่านอยู่ตรงนี้ เขาจะได้ถลกหนังออกมาให้หายแค้น
23
แตกหัก
บ้านของวัชราอยู่บนฝั่ง ห่างไกลจากชุมชนพอสมควร เพราะเขาทำธุรกิจแปรรูปไม้ยางพาราซึ่งมีรถบรรทุกเข้าออกประจำ ตอนนี้ เขาไม่ได้ตบตีอมายาแต่อย่างใด เพียงขังไว้รอเวลาสะสางกับลูกที่เขาไม่เคยคิดว่าเป็น เขาให้เขมราชมาหาที่นี่เพียงลำพัง ไม่อย่างนั้นจะฆ่าเธอเสีย
อมายาดูออกว่าครั้งนี้วัชราต้องการล้างแค้น ใช่อยากได้แค่เกาะเหมือนที่ผ่านมา และท้ายที่สุดแล้ว... ไม่ว่าเธอกับลูก หรือเขมราช ก็คงไม่มีใครรอดออกไป
“ท่านวัชราคะ”
“ต้องการอะไรอีกงั้นเหรอ”
วัชราหันมองเธอที่นั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิดใจ ตั้งแต่มาถึง อมายาเรียกร้องเอานั่นนี่ไม่หยุด สร้างความรำคาญหวังให้เขาปล่อยเธอไป
“หนูไม่รู้ว่าคุณสองคนพ่อลูกมีเรื่องอะไรกันด้วยซ้ำ แต่หนูรู้ว่ามันไม่มีอะไรดีต่อหนูกับลูกเลย ปล่อยเราไปเถอะนะคะ”
อมายาใช้น้ำเสียงและท่าทางวิงวอนโน้มน้าว วัชราหัวเราะเสียงหยัน เดินมานั่งดื่มไวน์ที่ลูกน้องเทให้ แม้ใจที่บรรจุความแค้นจะไม่เป็นสุข
“หนูคิดว่าฉันสนเหรอ”
“...”
“เหมือนที่มันก็ไม่เคยเห็นหัวฉันไง แต่กลับจะเล่นงานฉัน เอาให้ถึงคุกถึงตะรางด้วยการยืมเส้นสายของป้ามันมาตรวจสอบฉัน หนูคิดว่าฉันควรทำยังไงกับมันดีล่ะ ในเมื่ออีกไม่นานฉันก็จะไม่เหลืออะไรแล้ว”
เขาเคยมั่นใจว่าตัวเองหาใช่คนไร้อำนาจบารมี ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตก็มากมาย คนหนุนหลังก็มีไม่น้อย ถึงอยากงัดกับสองป้าหลานสักตั้ง
ตอนนี้ กลับไม่มีใครอ้าแขนรับ ด้วยกลัวอำนาจคนที่อยู่เบื้องหลังแขไข อีกส่วนเพราะเรื่องไปถึงระดับสูง ยากที่จะยับยั้ง ใครเข้ามาเกี่ยวก็มีแต่เสียกับเสีย เข้าอีหรอบคำโบราณว่า ยามมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง ยามหม่นหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
อีกไม่นาน... เขาคงไม่ต่างจากซากหมาเน่า ๆ ในสายตาพวกมัน
ในเมื่อเขาต้องสูญเสีย ตัวต้นเหตุอย่างเขมราชกับป้าของมันก็ต้องได้รับความรู้สึกแบบเดียวกัน
“ทำไมต้องเป็นหนูด้วย” อมายาถามคำถามเดียวกับที่เคยถามโชคชะตา น้ำตาหยดน้อยรินไหลจนแก้มเปียกชุ่ม
แต่ไม่ว่ากี่ครั้ง... ก็ไม่เคยได้คำตอบ
นาทีนั้น เสียงเอะอะดังมาทางหน้าบ้าน เป็นสัญญาณว่าเขมราชมาถึงแล้ว หัวใจเธอหายวับ
เขาคงไม่โง่มาคนเดียวหรอกนะ...
“มันมากี่คน” วัชราตะโกนถามลูกน้อง
“แค่คุณเฟลมคนเดียวครับ”
ไอ้คนโง่!
เธอขัดเคืองใจจนอยากบีบเขมราชให้แหลกคามือ รู้ว่าอีกฝ่ายหมายเอาชีวิต ก็ดันมาติดกับเสียง่ายดาย หวังว่าเขาจะมีแผนสำรองไว้แล้วกัน
“แน่ใจนะ”
“คนที่ดักอยู่เห็นคุณเฟลมมาคนเดียว ไม่เห็นคนอื่น”
“ดี ดีจริง ๆ”
วัชราหัวเราะร่วน ก่อนหยิบปืนจากลูกน้อง กระชากอมายาให้ลุกเดินไปด้วยกัน พอเธอสะบัดดิ้น ก็ถูกปลายวัตถุสีเงินวาววับจ่อเข้าหน้าท้องนูนกลม
“อย่าฤทธิ์เยอะ ไม่งั้นฉันเป่าพรุนทั้งแม่ทั้งลูก”
เขมราชไม่อาจเสี่ยงให้อมายาเป็นอันตรายเพียงเพราะเขา ‘ขี้ขลาด’ จึงปรากฏตัวลำพังที่บ้านวัชรา แม้หมายถึงเขาพาตัวเองมาตาย ด้วยอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นศัตรูที่ต้องเหยียบย่ำให้จมดิน แต่นาทีนี้เธอกับลูกสำคัญกว่า
เขาเจ็บก็ได้
เขาตายก็ยอม
แต่เธอกับลูกต้องไม่เป็นไร
พอเดินเข้ามาในเขตบ้าน เขาถูกปลดอาวุธ ซึ่งมีเพียงปืนด้ามเดียว ตรงข้ามลูกน้องวัชราราวห้าคนมีคนละสองกระบอก อาวุธอื่นอีกไม่นับ ก่อนมันคนหนึ่งจะฟาดด้ามปืนลงท้ายทอยเขาทีเผลอ
ร่างใหญ่ทรุดลงเข่ากระแทกพื้น แต่หลบหน้าแข้งของอีกตัวที่หมายจะหวดเข้าหน้าได้ แล้วชิงกวาดลานจนมันล้มหงาย
ศิลปะป้องกันตัวที่ป้าบังคับให้เรียนตั้งแต่เด็กทำให้เขาสู้เป็น แต่ไม่เฉียดคำว่าสูสี เนื่องเพราะอีกฝ่ายมีมากเกินไป และเขา... อยู่ในสภาพไม่เต็มร้อย เลือดไหลจากท้ายทอยที่ถูกกระแทกอาบแผ่นหลังจนชุ่ม
หากในนาทีที่เห็นวัชราลากอมายาออกมาพร้อมปืนจ่อหน้าท้อง พละกำลังไม่รู้มาจากไหนอีกมหาศาล เขายืนหยัด รับมือรับตีน ตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง มันคนไหนดาหน้าเข้ามาก็ถูกถีบหงาย ผลักออก ขณะที่เขาเริ่มอ่อนแรง
หากบอกกับใจ... ต้องไปให้ถึงเธอ
อมายามองเห็นเขาถูกทำร้าย ใจที่เคยบอกว่าเกลียดเขายิ่งกว่าสิ่งปฏิกูลก็เกิดสั่น ภาพที่เห็นผิดจากเขมราชที่ดูน่าเกรงขาม เขาบาดเจ็บ สะบักสะบอมจนแทบไม่มีแรงยืน
ก่อนทรุดลงเมื่อถูกพวกนั้นเตะตัดขา หากในจังหวะที่หน้าจะคว่ำพื้น ก็ถูกหิ้วแขนสองข้างเหมือนนกปีกหัก
“ผมมาแล้ว ปล่อยออยไปเถอะ”
ประโยคที่หลุดมาจากปากเขาผลักดันให้อมายาเจ็บแปลบในอก
และแม้เลือดสีแดงสดไหลจากรอยแตกบริเวณศีรษะ ขมับ และหางคิ้วลงมาอาบหน้าเขา และเธอเพิ่งสังเกตว่าสีข้างเขามีรอยบาดจากของมีคม สายตาที่เขมราชจ้องมองกัน ก็ราวจะบอกว่าไม่ต้องกลัว ตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนี้
“ท่านจะเอาอะไรผมยอมทุกอย่าง แต่อย่าทำร้ายออย ขอร้อง”
เห็นไอ้ลูกชายแทบจะกราบกรานขอชีวิตผู้หญิงที่มันรักแล้วสาแก่ใจนักจนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขมราชแทบจะเหมือนตนทุกอย่างจนน่ากลัวว่าสักวัน... ตนจะฉิบหายเพราะมันวัดรอยตีน
กระทั่งสิ่งที่เขากลัวมันเกิดขึ้น
“ฉันแค่อยากเห็นแกเจ็บปวด หมดสิ้นทุกอย่างเหมือนที่ฉันกำลังจะเป็น”
“...”
“แกให้ฉันได้ไหม”
“ได้” เขาเตรียมใจมาแล้ว “แต่ปล่อยออยไป เธอกับลูกไม่เกี่ยว แล้วท่านจะทำอะไรกับผมก็ได้”
“สงเคราะห์มันหน่อย”
สิ้นเสียง หน้าแข้งหนักหน่วงหวดเข้าหน้าจนศีรษะเขาสะบัดหงาย ตามด้วยเท้าอีกหลายคู่กระแทกเข้าไปซ้ำ ๆ ใจสั่น ๆ ของอมายาคล้ายถูกเด็ดออกจากขั้ว ยามเห็นดวงตาคู่นั้นจดจ้องกันด้วยความห่วงใย
“พอได้แล้ว” อมายาเขย่าท่านวัชรา ใจเธอไม่แข็งพอจะเห็นเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา “เขาก็เป็นลูกท่านนะ ลืมไปแล้วเหรอ”
“มันไม่ใช่ลูกฉัน”
“แต่เขาเหมือนท่านมาก เขาเป็นลูกท่าน ยังไงท่านก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอก”
“ถ้าหนูนับแบบนั้นก็เท่ากับว่าฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ฉันจะลบมันเมื่อไหร่ด้วยอะไรก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว ท่านจะต้องไม่ตายดี”
ตั้งแต่เลือกทางเดินนี้ เขารู้เสมอว่าจุดจบตัวเองจะไม่สวยงาม กระทั่งได้รู้จักแม่เขมราช ผู้หญิงที่ทำให้เขาวาดฝันถึงตอนจบสุขสันต์ เพราะคำว่า ‘รัก’ ที่หล่อนพร่ำบอกเสมอ
แต่หล่อนกลับหลอกลวงสวมเขากัน...
จนมีมารหัวขนที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใครออกมาประจานความโง่และอ่อนต่อโลกของคนที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็น ‘เจ้าพ่อ’ ในแถบนี้
หล่อนทำให้วัชราเหมือนควาย!
ความเจ็บปวดที่โดนหักหลังทำให้เขากลายเป็นคนไร้เป้าหมาย สิ่งที่ทำอยู่ก็ไม่รู้จะทำเพื่อใคร จนสุดท้ายเขาก็ได้รู้... ว่าไม่มีใครรักเขานอกจากตัวเขาเอง
เขาจึงมีชีวิตต่อไปเพื่อตัวเอง รักแต่ตัวเอง และทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ไม่สนวิธีว่าจะเลวร้ายหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพราะความดีที่เขาเคยมีอยู่น้อยนิด ได้ถูกกลืนหายไปในพยับหมอกแห่งความเศร้าที่หล่อนสร้างขึ้นมา
“กระทืบมันต่อ อย่าเพิ่งให้ตาย แต่ก็อย่าหยุด” วัชราคำรามสั่ง
“พอซะทีได้ไหม อย่าทำเขา! เขาเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
วัชราแสยะยิ้มมองความเจ็บปวดของเขมราชไปอีกพักหนึ่ง ไม่สนว่าอมายาจะพยศแค่ไหน ก่อนสั่งให้ลูกน้องหยุดเมื่อพอใจ
เขมราชนอนงอตัวจมกองเลือดที่กระอักออกทั้งปากและจมูก อมายาเคยคิดจะฆ่าเขาอยู่ทุกวี่วัน หากพอได้เห็นเขาเจ็บตัวโง่ ๆ แบบนี้ เธอกลับมีน้ำตา
อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้อยากให้เขาตายด้วยน้ำมือพ่อตัวเอง...
“ถ้าแกลุกยืนไหว ฉันจะคืนหนูออยให้ แต่ถ้าไม่... แกจะได้เห็นมันตายต่อหน้าแก”
“ไอ้สารเลว”
เขมราชคำรามลั่น สองมือดันตัวเองขึ้นจากพื้น ล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทุลักทุเลรวดร้าวไปทั้งตัว แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ แม้แทบก้าวขาไม่ไหว แต่ทุกก้าวที่เดินเข้าหาเธอนั้น... มั่นคงทุกฝีก้าว
“เก่งมาก ไอ้ลูกชาย”
“ทำตามที่ท่านพูดเดี๋ยวนี้ ท่านวัชรา” จ้องมองลึกเข้าไปในแววตาคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นพ่อ วัชราพยักหน้ายิ้ม ๆ ลดปืนลงจากหน้าท้องนูน แล้วรุนหลังหญิงสาวให้ก้าวเดิน
อมายาแทบจะโผเข้ากอดร่างโชกเลือดของเขมราช แต่ตอนนั้นเขามองผ่านไหล่บาง เห็นไอ้แก่โรคจิตเล็งปืนหมายจะสังหารเธอเสีย มือเขมราชไวพอจะฉวยปืนจากการ์ดศัตรูที่อยู่ใกล้ คว้าร่างเล็กสั่นผวามากอดไว้พร้อมหมุนกายรับกระสุนมรณะ
ปัง!
กระสุนฝังไหล่หนา แต่เขมราชไม่สะท้านด้วยความโกรธแค้นมันรุนแรงจนขับเคลื่อนร่างกายทั้งหมดได้ เขาไม่แน่ใจว่าวัชรายิงพลาดหรือตั้งใจเปลี่ยนตำแหน่ง
แต่มันสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ให้เขายิงสวน
ปัง!
เสียงปืนสองนัดจากปืนสองกระบอกดังขึ้นติด ๆ กัน ปืนในมือวัชรากระเด็นหลุด ชายสูงวัยกุมมือที่เลือดไหลแล้วร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนมีเสียงมาจากหน้าบ้านเมื่อมีกลุ่มคนปริศนาบุกเข้ามา
“มึง!!!” การ์ดคนสนิทของวัชราเล็งปืนมาที่ศีรษะเขมราช ตั้งใจจะลั่นไก พร้อมกับเสียงร้องห้ามของไอ้แก่โรคจิต
“อย่า!”
ปัง!
ไม่ทันไรกระสุนไร้ที่มาเจาะเข้าตามแขนขามัน เช่นเดียวกับการ์ดคนอื่น ๆ ที่ยืนอารักขาวัชราอยู่ จนทั้งหมดทรุดลงนอนราบบนพื้น
ส่วนอมายาเบิกตาโพลงอยู่ในกำแพงกายพ่อของลูก ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีจนเธอไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ยืนนิ่ง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เธอส่ายหน้า กึ่งรู้ตัวกึ่งเลื่อนลอย
เขมราชประทับจุมพิตกลางหน้าผาก มิพักหรือต้องหยุดคิด... เขาตอบตัวเองได้ในนาทีที่เขาคิดว่ายอมตายได้เพื่อเธอ
ว่าเขา... รักเธอ และยังคงรักเสมอมา
ต่อให้เธอจะเป็นคนแบบไหน เป็นฆาตกรหรือไม่ เขา... ก็ยังรัก
แต่สายตาโกรธแค้นกำลังจ้องมองวัชราที่เวลานี้ไร้คนคุ้มกัน เพราะลูกน้องกรูออกไปรับมือกับคนของเขมราช ที่ผนึกกำลังกับลูกน้องกำนันธง พร้อมโทสะอันดำมืดที่แทบจะกลืนกินแสงสว่างในใจไปจนสิ้น
ตอนเขารู้ว่าอมายาโดนจับมา เขาพยายามติดต่อคนที่เกาะแต่ไม่มีใครรับสาย กระทั่งได้รับสายจากเพลง แต่เป็นเสียงธามที่กำลังหนี แต่แอบไปหาคนรักที่เกาะจนพบว่าทุกคนหลับหมด คล้ายถูกวางยา
เขมราชรู้ทันทีว่าเกลือเป็นหนอน แต่เป็นปัญหาที่ต้องจัดการภายหลัง เขาเสนอจะไม่เอาเรื่องธาม และหนุนหลังกำนันธงให้ลงเล่นการเมืองและเป็นใหญ่ แลกกับการร่วมมือกับเขากำจัดวัชรา
กำนันตกลง เดิมทีก็อยากหลุดจากการกดขี่ของวัชราอยู่แล้ว
ทั้งหมดทำตามแผนที่วางแบบฉุกละหุก ซึ่งทุกคนจะบุกได้ ก็ต่อเมื่อเขมราชได้ตัวอมายาแล้วเท่านั้น เพื่อไม่ให้ไอ้แก่โรคจิตใช้เธอเป็นเครื่องต่อรองได้อีก
เขารู้ว่าวัชราไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากความเจ็บปวดของเขา รู้ว่าอาจไม่รอดออกไป... แต่ถ้าไม่ทำ อมายากับลูกจะไม่รอดเช่นกัน
“มึงจะฆ่ากูเหรอ”
“อยากทำมากกว่านั้นซะอีก” เขมราชสาวเท้าเข้าไปใกล้ ยกปืนจ่อหน้าผากชายสูงวัยที่น่าสมเพชยิ่งกว่าหมาจนตรอก อมายาใจหล่นวูบ ต่อให้เกลียดชังวัชราแค่ไหน ก็ไม่ปรารถนาให้มันตายด้วยฝีมือลูกชายตัวเอง
“เฟลม อย่าทำแบบนี้นะ”
แต่ไม่มีความลังเลในแววตาชายหนุ่ม นิ้วชี้เขาเหนี่ยวไกอย่างเลือดเย็น
ปัง!!!
แข้งขาอมายาไร้เรี่ยวแรง ยังดีที่ประคองตัวเองเอาไว้ได้ และแม้อยากจะกรีดร้องเธอก็ไม่มีเสียง ทว่า... ภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ใช่ร่างไร้วิญญาณของวัชราแต่อย่างใด กลับได้เห็นมันกุมหู ทรุดลงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
เพราะเสี้ยวหนึ่งในใจของผู้ชายสองคนนี้ ถูกกันไว้ให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนยากจะเข้าใจ... ความรู้สึกที่เผื่อไว้ว่า พวกเขาอาจเป็น ‘พ่อลูก’ กันจริง ๆ
วัดจากวัชราที่ไม่คิดจะคร่าชีวิตเขมราชตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงตายไปตั้งแต่เอาตัวเองบังกระสุน เช่นกัน... ถ้าอมายาเดาผิด ด้วยความโมโหระดับขาดสติ เขมราชคงระเบิดสมองวัชราไปแล้ว
“ต่อไปนี้ ผมกับท่านเราขาดกัน”
“...”
“ไม่ต้องสงสัยว่าเราเกี่ยวข้องกันยังไง เพราะถ้าผมไม่เชื่อว่าท่านเป็นพ่อ... ท่านก็ไม่ใช่พ่อผม แต่เห็นแก่ที่เลี้ยงดูผมมา ถึงจะแค่ไม่นาน ผมจะไว้ชีวิตท่าน แล้วมองดูท่านใช้ชีวิตเหมือนหมาจรจัด น่ารังเกียจ เป็นสวะของสังคม เท่านั้นมันคงอัปยศเกินพอที่จะทำให้ท่านไม่อยากหายใจ แต่ผมบอกเลย ว่ามันทรมานกว่าการที่ท่านถูกแล่เนื้อเถือหนังแล้วขาดใจช้า ๆ เสียอีก”
สิ้นเสียงที่เขมราชปลดเปลื้องบาปหนักอึ้งของตัวเอง เขาก็ทรุดลงแม้เธอจะช่วยรับไว้ก็ต้านไม่ไหว ทำได้เพียงนั่งลงไปด้วยกัน ใช้ร่างกายและไหล่บาง ๆ ให้เขาซบพิง
“หึ ๆ” วัชราหัวเราะ สมเพชตัวเองที่ครั้งหนึ่งชีวิตเคยพังเพราะแม่ของไอ้เด็กนี่ และครั้งนี้... เพราะความใจอ่อนที่เขาละเว้นเขมราชมานาน ทุกอย่างที่เขาสร้าง กลับต้องพังเพราะมัน
แม่ลูกคู่นี้เกิดมาเพื่อล้างผลาญเขาอย่างแท้จริง
ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าแปลกใจอีกแล้วว่าเหตุใด มีนรญาถึงต้องการกำจัดอมายานัก ทั้งที่หญิงสาวเป็นเพียงอดีตสำหรับเขมราช
เพราะอมายาเป็นอดีตที่หากสะกิดเพียงนิด ก็ทำลายปัจจุบันอย่างหล่อนได้จนสิ้น
“เพราะผู้หญิงคนเดียวแท้ ๆ ทำให้แกที่ไม่กล้าจัดการอะไรฉันลุกขึ้นมาบ้าได้ขนาดนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้น เมียแกถึงอยากให้ฉันไปฉุดนังนี่นัก”
“อะไรนะ” อมายาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เช่นเดียวกับเขมราชที่พอฟังแล้ว... หัวใจเขาพลันเจ็บลึก ความจริงและตัวตนที่มีนรญาซ่อนไว้ ถูกเปิดเผยขึ้นช้า ๆ เป็นเหมือนตะปูเล่มเขื่องที่เข้ามาตอกตำหัวใจเขา ให้เจ็บปวดกับความรู้สึกผิดและความโง่เขลาซ้ำแล้วซ้ำอีก
วัชราเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขมราชแล้วสาแก่ใจเหลือเกิน มือข้างที่ไม่เจ็บหยิบมือถือออกมา กดส่งคลิปเสียงของมีนรญาที่เขาบันทึกไว้
“ฉันมีคลิปเสียงด้วยนะ ส่งให้แล้ว ถ้ามีเวลาก็ลองฟัง”
ตอนนั้น ลูกน้องวัชราที่เพลี่ยงพล้ำมาจากด้านหน้า ก็ทุลักทุเลกลับเข้ามา เข้าประคองคนเป็นนายแล้วเผ่นหนี เพราะตำรวจเข้าควบคุมที่เกิดเหตุแล้ว โดยธามวิ่งตามไปติด ๆ
อมายาหันมองเขมราชที่อ่อนแรงอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลายับเยินจนน่าใจหาย ทรงผมแสกกลางดัดลอนตรงปลายที่ทำให้เขาดูดีราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและเลือด
ชายหนุ่มประคองใบหน้าเธอ หลบสายตาด้วยการพรมจูบไปทั่วสองแก้มอย่างปลอบโยน เพราะสิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ อาจนำความหวาดกลัวมาสู่ใจเธอ เหมือนใจเขา
แต่ความผิดหวังเสียใจมันปิดไม่มิด แม้เธอไม่ได้สบตาเขาก็ตาม
เธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน... ทั้งที่เธอกับมีนรญาควรเลิกแล้วต่อกัน พอมารู้เรื่องนี้ กลับรู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมา ที่แม้ได้เขมราชไปครอบครองแล้ว ก็ไม่อาจเป็นสุข
หล่อนคงจมอยู่กับความกลัว และหวาดระแวง ขั้นที่ว่าตัวเองทุกข์... ก็ต้องลากคนอื่นไปทุกข์ด้วย ทั้งที่อมายาไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ต่อให้ไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้ ความรักของหล่อนกับเขาก็ไม่อาจยั่งยืน หากหล่อนยังซ่อนความดำมืดและตัวตนน่ารังเกียจนั้นไว้ต่อไป
ทบทวนแล้วถึงรู้ว่าดี ที่หล่อนตายไปเสียได้ ไม่อย่างนั้น... เธอคงจะฉิบหายเพราะหล่อนยิ่งกว่าที่เป็น
หากมันน่าผิดหวังตรงที่ เธอคงต้อง ‘เกลียด’ อีผู้หญิงชั่วช้านั่นเพิ่มเป็นเท่าทวี ทั้งที่ตั้งใจอโหสิกรรม ด้วยหวังอย่างงมงายให้บุญหนุนนำลูกในท้อง ไม่ต้องเจอวิบากกรรมเลวร้ายเหมือนที่แม่เจอแท้ ๆ
เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ได้ในเวลาไม่นาน เขมราชให้คนสนิทจัดการปิดข่าว คนที่บาดเจ็บไม่มากนักได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ถ้าร้ายแรงก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ด้านลูกน้องของวัชราคนที่เหลือถูกจับกุม
แต่เขากลับไม่ยอมไปไหน...
เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่า ไม่อาจไว้ใจหรือเชื่อมือใครได้
ทั้งวัชรายังหนีรอดไป เขมราชกลัวเหลือเกิน ถ้าเขาห่างเธอ เขาจะเสียเธอไปตลอดกาล
“นายต้องไปโรงพยาบาลนะ นาย... นายเสียเลือดมากเกินไปแล้วนะครับ”
ระหว่างนั่งทำแผลอยู่หลังรถกู้ภัย การ์ดคนสนิทขอร้องด้วยความเป็นกังวล นายใบหน้าปูดโปนจากการถูกซ้อม ไม่รู้อวัยวะภายในบอบช้ำหรือไม่ แต่ที่น่าห่วงคือแผลถูกแทงและกระสุนที่ฝังไหล่
“ฉันไม่เป็นไร ฉันจะกลับเกาะ ไปเตรียมเรือให้ฉันกับคุณออย”
อมายาถอนหายใจ ไม่รู้เหตุผลแท้จริงที่เขาดื้อด้าน แต่หากยังเป็นเช่นนี้ เขา... จะเสียเลือดจนตาย
“คุณจะปล่อยให้กระสุนฝังไม่ได้นะ คุณจะตายเอา”
“ไม่ตายหรอก มันไม่ได้โดนจุดสำคัญ แผลโดนแทงก็ไม่ลึก กลับ ‘บ้านเรา’ กันเถอะ”
เขาฉวยมือเธอให้ลุกเดินไปท่าเรือด้วยกัน แต่ความเจ็บปวดเสียดแทงทุกอณูเนื้อจนแทบล้มลง ยังดีอมายากับการ์ดคนนั้นช่วยประคองเอาไว้ได้
“ตายสิ คุณจะตาย ดูสภาพตอนนี้สิ คุณไม่ไหวแล้วนะ”
“ถ้าฉันไปโรงพยาบาล อีกนานกว่าจะได้ออก แล้วใคร... ใครจะดูแลเธอ”
หัวใจเธอไหววูบ เขาเจ็บเจียนตาย ยังจะห่วงกันอีก
หากเพียงชั่วความคิด สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็เบียดแทรกเข้ามาว่า ถ้าไม่มีลูก เขาจะยอมเสี่ยงตายและยอมเจ็บขนาดนี้ไหม
ก็คงไม่...
ทุกอย่างที่เขมราชทำ ก็เพื่อลูกทั้งนั้น
ที่เธอควรรู้สึกดี ก็เป็นเพราะรู้ว่าเด็กคนนี้จะไม่โตมาในสภาพเดียวกับเขมราช หรือว่าเธอ ความรู้สึกอื่นอย่าเอามาข้องเกี่ยว
“ไม่มีใครทำอะไรลูกได้แล้ว เดี๋ยวคุณนุก็คงมาช่วยคุณ เขาไม่เคยทิ้งคุณเลยไม่ใช่เหรอ ต่อให้คุณจะไม่ต้องการเขาก็ตาม”
“ไม่ ระหว่างรอนุมา ฉันจะต้องดูแลเธอ”
“เฟลม...” เสียงที่เอ่ยชื่อเขาแทบจะไม่พ้นริมฝีปาก “ถ้าคุณตายไปซะตอนนี้ คุณก็จะไม่ได้เห็นหน้าลูก ลูกที่คุณรักนักรักหนาไง”
“แล้วเธอล่ะ อยากให้ฉันตายหรือเปล่า”
เขาหันมาหากัน จ้องมองดวงตากลมโตของเธอ อมายาเงียบอยู่เป็นนาน ไม่ยอมตอบ จนเขา... คิดหวังให้เป็นอย่างใจอย่างห้ามไม่ได้ หากความจริงนั้น มันรุนแรงเกินไปจนเธอไม่กล้าเอ่ยออกมา
เห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตเธอ ถึงจะทำไปเพื่อลูกก็ตาม
“ออย”
ใบหน้ายับเยินขยับเข้าหา หมายจะฝังจมูกกับพวงแก้มใส ดอมดมกลิ่นหอมชื่นใจที่ละลายความเจ็บจากร่างกายคล้ายไม่เคยรู้สึก อมายาเบี่ยงหลบ สาดความจริงเข้าสู่ใจเขาให้รวดร้าวทรมาน
รู้ดีสิ่งที่เขาทำลงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาก็ไม่ควรคิดฝันถึงความอ่อนหวานจากเธอ แต่ทั้งที่เขายอมตายได้เพื่อเธอได้ขนาดนี้ อมายาก็ยังอยากให้เขาตายไปเสียพ้น ๆ หรือไร
“งั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใยฉันหรอก” เขมราชผลักเธอออกไป “ฉันจะอยู่หรือตายมันก็คงไม่เกี่ยวกับเธอ แล้วก็รู้เอาไว้ ที่ฉันทำลงไป ฉันห่วงแค่ลูก ไม่ใช่เธอ”
หญิงสาวมองตามหลังคนที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งเดินกุมหน้าท้องไปยังท่าเรือ เขาคงรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างนั้นมาตลอด และไม่เคยต้องการให้เป็นมากกว่านั้น
ตอนธามมาหาเพลงที่เกาะ เขาตกใจมากที่เห็นทุกคนในเกาะนอนไม่ได้สติกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ รวมทั้งคนรักของเขา สัญชาตญาณบอกว่าเกิดเรื่องร้าย แต่ไพน์เป็นคนเดียวที่ไม่หลับ ทั้งดูไม่ตกใจอะไรเลย จึงคั้นจนรู้ว่าหล่อนทำเรื่องโง่ ๆ ลงไป เพราะเชื่อว่าวัชราจะพาอมายากลับบ้าน
แต่คนที่รู้จักสันดานหมาจนตรอกดีอย่างธาม รู้ได้ในตอนนั้นว่าหล่อนถูกหลอก ถึงได้แจ้งโรงพยาบาลให้มาช่วยคนในเกาะ และโทร. บอกเขมราชถึงข่าวร้าย ก่อนขังไพน์ไว้รอให้เจ้านายหล่อนกลับมาสะสาง
ตอนนี้ ทุกคนในเกาะปลอดภัยดีแล้ว บางส่วนที่ได้รับยาปริมาณมากก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล พวกที่ทานน้อยก็อาการดีขึ้นตามลำดับ ส่วนไพน์ถูกลากมาโยนตรงหน้านาย ล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นทราย โดยคนงานผู้หญิงสองคนล็อกแขนหล่อนไพล่หลัง
แค่หล่อนเจ็บคงไม่เท่าไหร่ แต่เห็นนายเจ็บแบบนี้ ใจหล่อนก็เจ็บตาม หากแววตาที่นายมองกัน อัดแน่นความแค้นและผิดหวัง เพราะเขาไม่คิดว่าเด็กที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออกจะโหดร้ายอำมหิต ขั้นคิดฆ่าลูกเมียเขาได้
“นาย ไพน์อธิบายได้นะ ไพน์ไม่รู้ว่าท่านวัชราเขาจะเอานังคุณออยไปฆ่า เขาบอกไพน์ว่าเขาจะพามันไปส่งกรุงเทพฯ”
“...”
“ไพน์ไม่รู้มาก่อนนะ ไพน์ไม่ผิด”
“ไม่ผิดเหรอ”
เขมราชขบฟันแน่นจนเจ็บแผล ปาผ้าขนหนูที่ใช้ซับเลือดลงตรงหน้าหล่อนด้วยความเกรี้ยวกราดที่หล่อนไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ตอนเด็ก ๆ ไพน์ติดสอยห้อยตามครอบครัวไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้าง มลพิษทำให้เด็กน้อยป่วยร้ายแรง คุณป้าจึงรับหล่อนมาดูแลประมาณสองปี หล่อนเรียนเก่ง ช่างฉอเลาะ อยู่บ้านไม่เคยนิ่งดูดาย คุณป้าจึงเอ็นดูถึงขั้นไม่อยากให้กลับไปหาพ่อแม่ ถึงอย่างนั้นลุงพวงก็ไม่อยากรบกวน
หลายปีต่อมา เขายืนหยัดจนได้ที่ทำกินตรงนี้คืน ดึงดูดคนที่อยู่เก่าก่อนกลับเข้ามา ไพน์เริ่มโตเป็นสาว ถึงบางอย่างไม่เหมือนที่คิดไว้ เขาก็พยายามเข้าใจธรรมชาติของหล่อน ใครจะรู้ว่าหล่อนจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้
ถ้าหล่อนไม่ใช่เด็กที่เขาเอ็นดู เขาจะบีบหล่อนให้แหลกคามือ
“เธอผิดตั้งแต่คิดที่จะพรากออยไปจากฉันแล้ว”
ไพน์กำหมัดแน่น ยิ่งนายทำเหมือนสูญเสียมันไม่ได้มากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งโกรธแค้น ด้วยเห็นใจมีนรญาที่ตายไปแล้ว
“ก็เพราะมันไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้เป้าหมายของนายเปลี่ยนไป จากที่นายจะแก้แค้นที่มันฆ่าคุณมีนกับคุณหนูในท้อง นายกลับจะยกย่องมันเป็นเมีย แค่เพราะมันท้องเนี่ยนะ”
หล่อนเสมองอมายาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นายด้วยแววตาเหยียดหยาม เห็นนายจับแขนอมายาไว้ไม่ยอมปล่อยแล้วก็อยากพุ่งไปกระชากมันออกมาตบให้หายเจ็บใจ
“เด็กเป็นลูกใครยังไม่รู้เลย แม่มันเล่นไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นทีคนโน้นที นายมั่นใจเหรอว่าเป็นลูกนาย อาจจะเป็นลูกหมอแชมป์ หรือไม่ก็ลูกคุณนุก็ได้! นายอย่าโง่ให้อีนี่สวมเขาหน่อยเลย”
เขมราชกำปืนแน่น ทุกครั้งที่เขาพยายามใจเย็น หล่อน... กลับยั่วยุให้เดือดดาล เพียงเพราะคิดว่าเขารักและเอ็นดูหล่อนเหมือนน้องสาว หล่อนจะทำอะไรกับเขาก็ได้
แม้กระทั่งทำร้ายลูกเมียเขาใช่ไหม
ทันใดนั้น ปืนในมือเขายกขึ้นเล็งเด็กสาวด้วยความโกรธแค้นทั้งหมดที่สะบั้นความสัมพันธ์อันดีของเขากับหล่อนจนสิ้น
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้”
เทียบกับสิ่งที่หล่อนทำกับอมายา เขาจะลั่นไกตอนนี้เลยยังได้ ทว่าเขาเอ็นดูหล่อน เลยมีทั้งความโกรธ เสียใจ และผิดหวังตีรันฟันแทงกันอยู่ในใจ
ไพน์พูดไม่ออก เจ็บชาไปทั่วร่าง...
นายเคยทำกับหล่อนเหมือนน้องน้อยคนหนึ่ง แต่ตอนนี้หล่อนกลับเป็นหนึ่งในคนที่ิอยู่ต่อหน้าปลายกระบอกปืนของนาย เหมือนคนที่นายเกลียด เหมือนเป็นศัตรูของนาย
ทั้งหมดเป็นเพราะนังนั่น!
“นายคะ อย่าทำอะไรมันเลยนะคะ มันยังเด็กอยู่เลย มันทำไปเพราะมันไม่รู้”
ลัดดา แม่ของไพน์กระโดดเข้ามาคุกเข่าขอความเมตตา ทุกคนรู้จักนายดี ว่าเป็นประเภทดีก็ดีจนใจหาย ยามร้ายก็ร้ายสุดใจ ยิ่งกับคนที่แตะต้องของรักของนายแล้ว จุดจบคงไม่สวยนัก
“เอ็นดูมันอีกสักครั้งเถอะนะคะนาย”
“จะให้เอ็นดูเหรอ ดูลูกสาวน้าสิ เห็นผมตามใจก็เอาใหญ่ พูดจาลามปามไม่เคารพผมยังไม่พอ ยังคิดจะฆ่าลูกฆ่าเมียผม น้าเป็นแม่ น้าสั่งสอนกันยังไง หา?”
“ต่อไปน้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้วนาย ฮือ ๆ น้าขอร้อง อย่าทำอะไรมันเลย” คนเป็นแม่ร้องไห้ปริ่มขาดใจ
“ไม่” เขมราชไม่แยแส “น้าต้องได้รู้ ว่าผลของการสั่งสอนลูกไม่ดีพอมันเป็นยังไง”
“นาย ฮือ ๆๆ เมตตานังไพน์มันเถอะค่ะ”
เขาให้ลูกน้องลากตัวลัดดาออกไป ด้านนังนั่นในสายตาไพน์หันมองเขมราชอย่างตำหนิ ถึงเธอกับไพน์จะเกลียดกัน ก็ไม่ควรมีใครต้องโดนแบบนี้ เพราะอมายารู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไร
“อย่าทำอะไรเด็กมันเลย”
เท่านั้นละ... ทุกคนเงียบกริบ เพราะไม่มีใครคิดว่า อมายาจะออกหน้าช่วยคนที่ทำร้ายเธอ
ในสายตาคนในเกาะ อมายาเลวร้ายจนไม่น่าให้อภัยก็จริง แต่สิ่งที่ไพน์ทำก็เกินรับไหว ซ้ำยังไม่สำนึกว่าที่ทำลงไป ใช่จะทำลายคนที่เกลียดอย่างเดียว แต่หล่อนทำลายตัวเองด้วย
ทั้งอนาคตที่สดใสในฐานะพยาบาลคนเก่งที่พ่อแม่ต้องภูมิใจ
ทั้งความเป็นคนในตัวหล่อนเอง
“แต่ผู้หญิงคนนี้เกือบทำให้เธอกับลูกโดนฆ่านะออย”
“ใช่ ฉันไม่ลืมหรอก แต่เราไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับใคร”
“...”
“แล้วเท่านี้ ชีวิตเด็กมันก็พังมากพออยู่แล้ว”
เขมราชจ้องมองเธอ ความเยือกเย็นและจริงจังในแววตาคู่งามดับรดลาวาร้อนในใจเขาทีละน้อย จนในที่สุดก็ยอมลดปืนลง
“งั้นเธอจะให้ฉันทำยังไง”
น้ำตาของไพน์รินไหล ยิ่งเสียใจและโกรธแค้นอมายาเป็นเท่าทวี ผู้หญิงคนนี้มีดีตรงไหน นายเลิกไปแล้ว ก็ยังลืมมันไม่ได้ หล่อนต้องทนเห็นคนดี ๆ อย่างคุณมีนแอบร้องไห้เสียน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายอมายาก็ฆ่าเจ้านายที่หล่อนเคารพรัก
ตอนนี้... นายยังให้มันกุมชะตาชีวิตหล่อนอีกงั้นหรือ
“อีตอแหล มึงอยากให้นายฆ่ากูมึงก็พูดออกมาเลย คนอย่างมึงน่ะมันสารเลว อีฆาตกร”
“ไพน์!!!” เขมราชคำรามลั่น ไม่สนแม้ไพน์จะมองเขาอย่างขุ่นเคืองผสมน้อยใจ “อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอ ไม่งั้น ต่อให้ร้อยคุณออยก็ห้ามฉันไม่ได้”
“แล้วนายจะให้มันมาตัดสินชีวิตไพน์เหรอ มันมีสิทธิ์อะไร มันก็แค่อีฆาตกรที่ยังต้องเกาะใบบุญนายอยู่เลย ไพน์ไม่ยอมรับหรอกนะ”
“ออยไม่ใช่คนตัดสิน แต่เธอตัดสินชีวิตตัวเองตั้งแต่ที่เธอร่วมมือกับไอ้แก่นั่น วางยาคนในเกาะจนบางคนอาการหนักทั้งที่ตัวเองก็ร่ำเรียนวิชาช่วยคนมาแท้ ๆ”
“...”
“ถ้าชีวิตเธอจะพัง มันก็พังเพราะความอิจฉาของเธอเอง ไม่ใช่เพราะให้ฆาตกรคนไหนมาชี้ผิดชี้ถูก”
“ไพน์เนี่ยนะอิจฉามัน เหอะ ไพน์เกลียดมันต่างหาก เกลียดจนอยากให้มันตายวันนี้พรุ่งนี้ เพราะมันทำให้พี่เพลงต้องแท้ง ทำให้คนดี ๆ อย่างคุณมีนต้องเสียใจ มันทำให้นายเปลี่ยนไป”
ขณะเดียวกัน เพลงที่อาการดีขึ้นจนออกมาสมทบกับคนอื่น ๆ ได้แล้วก็เดินเข้าไปยืนต่อหน้าน้องสาว แววตาผิดหวังที่มองกันผลักดันให้ไพน์ก้มหน้าร้องไห้
เพราะลึกลงไป ไพน์รู้ว่าตัวเองทำผิด
“ถ้าคนดี ๆ ที่แกหมายถึง คือคนที่พยายามจะขายเกาะนี้ให้ท่านวัชรา ฉันไม่นับว่าเขาเป็นคนดีหรอกนะ”
“พี่หมายความว่ายังไง”
“คุณมีนเขาจะขายเกาะนี้ทันทีที่ได้แต่งงานกับนาย ฉันได้ยินนายกับคุณนุคุยกัน”
“เป็นไปไม่ได้”
ไพน์ส่ายหน้า เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พอมองไปทางนาย คนที่น่าจะตกใจมากกว่าใคร แต่เขากลับ... นิ่ง ตอกย้ำว่าสิ่งที่เพลงพูดเป็นเรื่องจริง
“ไม่จริงใช่ไหมนาย ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ คุณมีนเขาเป็นเมียนายนะ เขารักนาย เขารักพวกเรา เขาจะอยากขายเกาะไปทำไม ทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่มีที่อยู่กันน่ะสิ พี่เพลงโกหกเพื่อให้พวกเรามองนังคุณออยในแง่ดีใช่ไหมล่ะ อยากได้มันเป็นนายหญิงขนาดนี้เลยเหรอพี่เพลง”
ไพน์ปฏิเสธสิ่งที่ขัดกับความเชื่อตัวเอง พาลจนกล่าวหาว่าพี่สาวบิดเบือน เพลงก็ได้แต่มองไปทางนาย หวังว่าเขา... จะช่วยพูดให้ทุกคนกระจ่าง ในที่สุดเขมราชก็ตัดสินใจ
“เป็นอย่างที่เพลงพูดนั่นแหละ แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอก เกาะนี้ยังเป็นของฉันอยู่”
ทุกคนฮือฮาด้วยความตกใจ ไม่ต่างจากอมายาที่ก็รู้พร้อมกัน แต่นี่เป็นเพียงส่วนเดียว ยังเสียใจไม่เท่าเศษเสี้ยวของเจ้านายที่ค่อย ๆ รับรู้เรื่องดำมืดของมีนรญาทีละอย่าง
แม้ครั้งหนึ่งอมายาเคยต้องจมกับความรู้สึกเดียวกันเมื่อถูกเขากับมีนรญาหักหลัง แต่เธอเข้าใจความเจ็บปวดนั้นจนไม่ยินดีที่เห็นใครมีสภาพเดียวกัน ต่อให้คนนั้นเคยทำร้ายหัวใจเธอก็ตาม
“แล้วที่ทุกคนควรเข้าใจเสียใหม่เกี่ยวกับคุณออย ก็คือคุณออยไม่ได้ทำให้ฉันแท้ง แต่เป็นฉันเองที่ตั้งใจเอาตัวเองให้คุณออยถีบ เพราะไม่อยากมีลูกกับคนอย่างไอ้ธาม”
ทั้งที่หล่อนควรจะบอกความจริงตั้งนานแล้ว แต่เพราะกลัวผลที่ตามมา จนมีคนโกรธแค้นแทนหล่อนทำให้เกิดเรื่องร้ายกับอมายาคนที่ไม่เคยเร่งรัดให้หล่อนแก้ต่างให้ เพลงจึงไม่อาจเก็บมันไว้ได้อีก
อมายาโล่งที่เพลงข้ามผ่านความกลัวไปได้ เธอจะได้ไม่ต้องเป็นเหยื่อของมันอีกต่อไป
“ไม่จริง ทำไมพี่ต้องโกหกช่วยมันด้วย พี่ตกลงอะไรกับมันไว้”
“แล้วแกเคยเห็นฉันโกรธเกลียดเขาสักครั้งไหม” เพลงย้อนถาม
ไพน์เงียบไป
ไม่ว่าจะทบทวนเท่าไหร่ ก็ไม่มีสักครั้งที่พี่จะเกลียดอมายา มีแต่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ให้ปล่อยวางและเลิกแล้วต่อกัน
“ฉันไม่เคยเกลียดเขาเลย มีแต่หวังดีกับเขาเพราะฉันรู้สึกผิด แล้วแกรู้อะไรไหม เขาออกค่าเล่าเรียนให้แกทุกเดือนเพราะเขาเองก็เสียใจกับเรื่องที่เขาไม่ผิดด้วยซ้ำ”
“มันเนี่ยนะออกค่าเรียนให้ฉัน”
“ใช่ แกคิดว่าฉันจะเอาปัญญาที่ไหนส่งแกเรียนวิท’ยาลัย พยาบาลค่าเทอมเป็นแสน ๆ ต่อให้ฉันเข้าไปขายตัวบนฝั่งก็คงไม่พอค่าเรียนแก”
ดวงตากลมของไพน์มีน้ำรื้น หล่อนคล้ายได้ยินเสียงปริแตกดังก้องออกมาจากหัวใจ เมื่อคนที่หล่อนเกลียดเข้ากระดูกดำกลับเป็นคนที่ทำให้หล่อนได้เดินตามความฝันตัวเอง
นี่มันความจริงบ้าบออะไรกัน... หล่อนรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
24
เลือกผิด
“ไม่จริง ไม่เชื่อ พี่เพลงโกหก ไพน์ไม่เชื่อ คนอย่างอีออยน่ะเหรอมันจะส่งไพน์เรียน สันดานอย่างมันเนี่ยนะ อีทุเรศ ไพน์ไม่เชื่อ”
เพลงเห็นน้องเอาแต่ร้องกรี๊ด ๆ แล้วน้ำตาร่วงผล็อย แต่จะโทษใครได้ นอกจากคนเป็นพี่อย่างหล่อนกับพ่อแม่ที่ตามใจไพน์จนเสียคน
ด้านเขมราชอดรนทนไม่ไหว เขาฝืนเจ็บไปกระชากคอเสื้อไพน์ ลากเข้ามาโยนต่อหน้าอมายา กดศีรษะนังเด็กบ้าลงกับพื้นทรายใกล้เท้าแม่ของลูกท่ามกลางความตกใจของทุกคนแล้วตะโกนลั่น
“ขอโทษคุณออยในสิ่งที่เธอสำรอกออกมาเดี๋ยวนี้”
“เฟลม พอเถอะ อย่าทำแบบนี้”
ให้ทนเห็นไพน์ในสภาพนี้คงไม่ไหว อมายาพยายามดึงเขมราชออกมา แต่เรี่ยวแรงเขายังเหลือมากโข
“เธออย่ามาใจอ่อนให้ฉันเห็นนะออย”
“คุณไม่เห็นแก่พ่อแม่พี่น้องเขาบ้างเหรอ พอได้แล้ว”
เขมราชเกลียดที่หล่อนด่าอมายาเสีย ๆ หาย ๆ อยากขยี้เด็กไร้สำนึกให้ตายคามือ แต่พอมองไปที่ลัดดากับเพลง เกิดสะท้อนในอก สองมือจึงปล่อยไพน์เป็นอิสระ แต่เด็กสาวหัวใจแตกสลาย ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้เขาจบลงตรงนี้ พร้อมความแค้นเคืองต่ออมายาที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
ถ้าไม่มีมัน… นายก็คงไม่เกลียดหล่อน
“ไพน์ไม่ผิด มันต่างหากที่ผิด ที่เอาตัวเองเข้ามาในชีวิตนาย”
“พอที” เขมราชรำคาญเต็มทน “ในเมื่อกูฆ่ามันไม่ได้ พวกมึงก็เรียกตำรวจมาเอาเด็กคนนี้ไปให้พ้น ๆ หน้ากูที”
“แค่ให้หนีไปไกล ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกก็พอได้ไหม”
อมายากุมมือเขา แววตาอ่อนโยนแบบนั้นละลายหัวใจคนมองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หนนี้ เห็นทีจะไม่ได้
“คนทำผิด ก็ต้องชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ด้วยกฎหมายก็ด้วยกฎแห่งกรรม”
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเวรเป็นกรรมกับเด็กคนนี้อีก”
เป็นอีกครั้งที่อมายาทำเขาขัดเคืองใจ ไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นผู้หญิงใจอ่อนยอมถูกรังแกฝ่ายเดียว ถึงอย่างนั้น... เขาก็ดีใจที่ได้รู้ว่าเธอจิตใจดีกว่าที่เขาหรือใคร ๆ คิด แม้เขาไม่สามารถทำตามที่เธอขอได้ก็ตาม
“ไม่ ฉันไม่ยอม”
เขมราชเรียนรู้แล้วว่า ตีงูต้องตีให้ตาย ไม่ให้มันแว้งกัดได้อีก ทำให้ไพน์ถูกลากไปรอตำรวจที่ท่าเรือ
“ไม่นะ ไพน์ไม่ไปไหนทั้งนั้น ไพน์ไม่ไป กรี๊ดดด”
“ขอร้องเถอะนะคะ นาย คุณออย อย่าเอานังไพน์มันส่งตำรวจเลย มันยังเด็ก มันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันโดนพ่อนายหลอกนะคะ ตอนนี้มันก็คงจะสำนึกแล้ว ฮือ ๆ นายเมตตามันด้วยเถอะนะคะ”
ลัดดาร้องไห้ปริ่มขาดใจเข้ามากอดขาเขมราชสลับกับอมายาอย่างอ้อนวอน แต่เธอช่วยได้เท่านี้…
เขมราชไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครแตะต้องของรักแล้วลอยนวล ยิ่งกับคนที่เคยใจดีด้วยแต่กลับได้ใจ ก็ยากที่เขาจะทิ้งให้เป็นหอกข้างแคร่ อย่างที่เธอก็เจออยู่ตอนนี้ เพียงแต่กับไพน์เขาใช้วิธีที่ถูกต้อง
“ถ้าคนมันสำนึกและกลับตัวกันง่ายนัก แล้วเขาจะมีกฎหมายไว้ทำไม” เขมราชสะบัดนางลัดดาออกอย่างไม่ไยดี
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดไพน์ถึงมีจุดจบเช่นนี้
เพราะครอบครัวสร้างความหลงผิดให้หล่อนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก เป็นเด็กอ่อนแอ ความสนใจของทุกคนจึงทุ่มเทไปที่ไพน์ แม้ทำผิดก็กางปีกปกป้องแถมยังโทษแต่คนอื่น
“แล้วที่บอกว่ายังเด็ก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถามจริงนะ ครอบครัวน้าอยู่กับผมมากี่ปี มีเหรอที่จะไม่รู้ว่าไอ้วัชรามันจองเวรผมขนาดไหนแล้วยังจะส่งออยไปให้มัน ทั้งที่รู้อยู่ว่าออยกำลังท้องลูกของผม”
“สงสารมันเถอะนะนาย”
“น้าสงสารออยกับลูกผมบ้างไหม รู้ไหมว่าตอนออยถูกพาตัวไปออยกลัวแค่ไหน”
อมายาเม้มปาก นึกย้อนไปเธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าตัวเองจะรอดด้วยซ้ำ
“ฟังนะน้า ไพน์ไม่ได้อ่อนต่อโลกจนตามเขาไม่ทัน มันรู้ว่าไอ้แก่นั่นต้องการอะไร มันเลยส่งออยไปแล้วสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองว่ามันไม่รู้ มันไม่ผิด”
“…”
“แล้วดูสิ่งที่มันทำกับคนในเกาะ บางคนอย่างเช่นพ่อมันแพ้ยานอนหลับนอนพะงาบ ๆ เกือบตาย มันเรียนทางนี้ มันน่าจะคิดได้ แต่มันก็ยังทำ ทั้งที่เด็กอนุบาลมันยังรู้เลยว่าทำไม่ได้ แบบนี้น้ายังจะบอกว่าลูกน้าเป็นคนดีอยู่อีกเหรอ น้าไม่เห็นค่าชีวิตคนอื่นเลยเหรอ มีแค่ลูกน้าคนเดียวหรือไงที่สำคัญ”
“นังไพน์มันไม่ได้ตั้งใจ แล้วนายคิดดูถ้าไม่มีคุณออย มันจะทำแบบนี้เหรอ นายก็รู้ว่ามันเกลียดคุณออย เหมือนที่พวกเราเกลียด”
ทั้งที่เขาพูดเสียขนาดนั้น แต่ลัดดาก็ยังไม่สำนึก
“สรุปออยผิดงั้นเหรอ”
“ค่ะ ผิดที่คุณออยเต็ม ๆ”
“เอางี้ไหม ผมจะไม่ส่งไพน์ให้ตำรวจ แต่จะให้น้ากับครอบครัวออกจากเกาะไป แล้วผมจะจองเวรไม่ให้ได้งอกได้เงยตลอดชีวิต จะล่าพวกน้าเหมือนหมูเหมือนหมา ถ้าเจอตัวใครก็จะจับมันมา มัดมือมัดเท้า ถ่วงน้ำทะเลแม่งทีละคนไปเลย เอาไหม”
“นาย… ฮึก”
“อย่าคิดว่าผมไม่กล้านะ ยิ่งกับคนที่มันไม่มีสำนึก ผมถนัดนัก”
ลัดดาร้องไห้โฮอย่างคนจนปัญญาและสิ้นหวัง หล่อนไม่อาจทำให้คนที่เหลือในครอบครัวมาเสี่ยงกับความอาฆาตของนาย เพราะไพน์ติดคุกไม่กี่ปี มันดีกว่าถูกนายราวีตลอดชีวิตเป็นไหน ๆ
เพลงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าได้แต่ยืนร้องไห้เงียบ ๆ
แม่เข้าข้างน้องเสมอ พ่อก็ไม่กล้าขัด ส่วนตัวหล่อนที่แข็งพอจะปราบน้องได้ก็ยังถูกให้ออกจากโรงเรียนเพื่อหาเงินส่งน้อง เพราะอย่างนี้น้องมันถึงกลัวแค่หล่อน แต่ไม่พอจะทำให้มันละอายจนไม่กล้าทำเรื่องผิดบาป
ถ้าย้อนกลับไปแล้วหล่อนเข้มงวดกับไพน์มากกว่านี้คงดี แต่นี่… มันสายเกินไป หล่อนไม่โกรธนายเลย นายปกป้องลูกเมียและไพน์ก็ผิดจริงทั้งต่ออมายาและทุกคนบนเกาะ
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ครอบครัวหล่อนควรได้รับจากการเลี้ยงดูไพน์มาผิด ๆ ก็เป็นได้
เขมราชดวงตาแดงก่ำ นั่งฟังคลิปเสียงที่วัชราส่งมา เป็นเสียงขณะที่คุยกับมีนรญาน่าจะช่วงที่มาตกแต่งเรือนหอ ใจความว่าหากวัชราฉุดอมายาไปขายชายแดนได้ หล่อนก็สามารถทำให้เขายอมขายเกาะได้เช่นกัน และเขาเพิ่งได้รู้ว่าที่มีนรญาอิดออดไม่อยากกลับเมืองไทย ใช่เพราะกลัวอมายาทำร้าย แต่เป็นเพราะหล่อนกลัว... ว่าเขาจะกลับไปหาคนที่อยู่ในใจเสมอมา แล้วเสียงก็ตัดไปเท่านั้น
เดาว่าไอ้แก่จะใช้แบล็กเมลมีนรญาภายหลัง แต่หล่อนเสียไปก่อน มันจึงถูกใช้เพื่อตอกย้ำความโง่เง่าของเขาแทน
ชั่วชีวิต สิ่งที่เขมราชเสียดายที่สุด ก็คงเป็นการที่เขาเลือกผู้หญิง ‘ชั่วร้ายอำมหิต’ ชนิดที่ไร้ความเป็นคนอย่างมีนรญามาเป็นคู่ครอง และยอมให้หล่อนเป็นแม่ของลูก
ตอนนั้น เขาเกิดนึกถึงครั้งที่หล่อนตกบันไดเพราะอมายาขึ้นมา
‘พี่จะเลิกทั้งที่ออยไม่ได้ทำอะไรผิดเหรอ’
‘ต้องให้น้องมีนตายก่อนใช่ไหมถึงจะเรียกว่าผิด’
‘ก็ทำไมพี่ไม่ฟังออยบ้าง ออยไม่ได้ทำ มันทำตัวเอง’
‘พอที ออย พอที!!!’
‘…’
‘ถ้าจะมีใครโรคจิตพอที่จะทำแบบนั้น ก็มีแต่เธอนั่นแหละ’
อมายาทำจริง ๆ หรือหล่อนทำตัวเองอย่างที่เธอบอกกันแน่ ดูเธอเป็นคนที่ต่อให้เกลียดใครแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายใจจะให้ย่อยยับ ไม่เช่นนั้นคงปล่อยให้เขาฆ่าไพน์ไปแล้ว
เขมราชเชื่อว่า นิสัยคนเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ขึ้นกับการรับรู้และประสบการณ์ที่เจอ แต่ส่วนที่เปลี่ยนไม่ได้... เรียกว่าสันดาน
หากเป็นสันดานดีคงไม่เป็นไร
แต่สันดานชั่วจำต้องเรียนรู้ที่จะซ่อนไว้ใต้จิตสำนึก ก่อนใครต่อใครจะส่ายหน้าระอา เหมือนอย่างที่เขาเคยรู้สึกกับอมายา
เขาจึงเกิดความสงสัยว่า มีนรญาเป็นเช่นนี้เพราะเขาทำให้หล่อนหวาดระแวง หรือโดยแท้จริงแล้วหล่อนเป็นคนแบบนั้นตั้งแต่แรก
หากเป็นอย่างหลัง นับว่าหล่อนเก่งเหลือเกินที่เก็บซ่อนความชั่วร้ายระดับนี้เอาไว้ ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวาน และดวงตาใสซื่อคู่นั้นอย่างแนบเนียน
แล้วเขาจะไปหาคำตอบได้จากไหน… ในเมื่อหล่อนตายไปแล้ว
เขมราชปามือถือกระแทกผนังห้อง จนร่างสะบักสะบอมของเขาพลัดร่วงจากเก้าอี้ที่ลากมาเฝ้าหน้าห้องอมายา ได้แต่คิดว่า หากเขามีแรงมากกว่านี้ คงพังบ้านทั้งหลังจนราบเป็นหน้ากลองเพื่อระบายโทสะในใจ
ตั้งแต่เสร็จเรื่องไพน์ อมายาก็ขังตัวเองในห้อง ไม่ออกไปเจอเขา แต่พอได้ยินเสียงลูกน้องขอร้องให้เขาไปหาหมอถูกตะเพิดครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ทั้งโมโหและหงุดหงิดกับความงี่เง่าของคนที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง
เขาอยากตายให้คนอื่นตราหน้าเธอกับลูกว่าเป็นต้นเหตุ แล้วมีใครต่อใครที่รักเขามาจองเวรเธอไม่จบไม่สิ้นอย่างนั้นสินะ
อมายาทนไม่ไหวเดินไปกระชากประตูห้อง จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ เห็นสภาพเกือบเละเทะตรงหน้าก็ยิ่งโมโห กล่องปฐมพยาบาลถูกเขาเตะกลิ้งไปอยู่หน้าประตูบ้าน การ์ดสองสามคนก็ยืนตัวลีบอยู่คนละมุม
“ฉันยังไม่ตายง่าย ๆ หรอก อย่าเพิ่งดีใจ”
คำพูดประชดประชันของเขมราชทำให้เธอเสียใจอยู่ลึก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินไปเก็บของลงกล่องปฐมพยาบาล ค่อยลากเก้าอี้มานั่งใกล้
“คุณจะตายก็ได้นะ เพราะฉันชินแล้วที่ถูกตราหน้าว่าทำให้คนอื่นต้องตาย ลูกก็คงจะชินเหมือนกัน อีกสิบยี่สิบปี ลูกคงไม่คิดอะไรถ้ามีคนมาบอกว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเขาต้องตาย”
“มันไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย”
“คุณห้ามความคิดคนอื่นได้เหรอ” อมายาดึงมือเขมราชที่กดผ้าเช็ดหน้าซับเลือดแผลถูกแทงออก
“...”
“ถ้าไม่ได้ ก็อย่าตายไปซะก่อน เพราะความตายมันทรมานน้อยไปสำหรับคนอย่างคุณ”
ดวงตากลมโตลึกล้ำคู่นั้น สลายความเจ็บปวดทั้งปวงได้เพียงเขาเผลอมองแค่ชั่วขณะ
พอเห็นว่าเขาไม่สนใจแผล เธอก็ฉวยโอกาสเทแอลกอฮอล์ราดแผลสดจนเขาร้องลั่น แต่เขมราชกัดฟัน ห้ามมือไว้ไม่ให้ปัดเธอ เพราะด้วยแรงที่เขาเหลืออยู่ อมายาอาจปลิวตกเก้าอี้ไปเลยก็ได้
เธอใช้ผ้าก๊อซปริมาณพอสมควรให้เขาซับเลือดจากแผล แล้วก็ค่อยเปลี่ยนไปเช็ดเลือดใบหน้าปูดโปนและลำตัวเขา แต่ที่หนักใจเห็นจะเป็นบาดแผลจากกระสุนที่ไหล่
“คุณนุถึงไหนแล้ว” อมายาหันไปถามเอากับลูกน้องคนที่คิดว่าน่าจะได้เรื่องกว่าเพื่อน
“ตอนนี้ยังไม่เสร็จธุระทางนั้นเลย น่าจะถึงประมาณตีสองครับ”
เท่ากับว่า เธอต้องทนเห็นสภาพโง่ ๆ ของเขมราชไปอีกอย่างน้อยหกชั่วโมง
“หมอล่ะ ถึงไหนแล้ว พวกเธอคงไม่ได้คิดจะปล่อยให้เจ้านายเธอเสียเลือดตายหรอกใช่ไหม”
“กำลังเดินทางมาครับ ขอโทษที่ช้า แต่กว่าเราจะได้ตัวหมอที่ว่างก็เล่นเอาเหงื่อตกเลย”
หมอที่โรงพยาบาลเกาะใกล้ ๆ วุ่นวายกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้ พวกเขาจำต้องไปหาบนฝั่งมาแทน แต่ในช่วงเวลานรก ต่อให้มีเงินกับอำนาจล้นฟ้าก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้
ทว่าเขมราชยังพอมีวาสนา เขาจะไม่ถึงคราวตาย หากเขาไม่ดื้อ
“ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นจนกว่านุจะมา”
“บ้าเหรอ อยากตายจริง ๆ หรือไง”
เขาจ้องมองคนที่บอกว่าเขาบ้า คิดว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองได้รักษาและเธอยังอยู่กับเขา ก่อนเข้าไปในห้อง หยิบบางอย่างซ่อนหลังออกมายัดใส่มือการ์ด กระซิบกระซาบกันอยู่อึดใจ ก็กลับมาใช้มือข้างที่ไม่เจ็บคว้ามือเธอไว้ ยื่นไปให้ลูกน้องที่เดินตามมา
“เอาเลย”
อมายายังงงกับท่าทางของเขา กว่าจะรู้ตัว ลูกน้องก็ใช้กุญแจมือล็อกแขนเธอไว้กับเขาเสียแล้ว
“อย่าบ้าให้มากนักนะเขมราช ลืมที่เราตกลงกันเพื่อให้ฉันเก็บลูกคุณไว้แล้วเหรอ”
“ไม่ลืมหรอก”
“แล้วนี่คุณเป็นบ้าอะไร”
“เรื่องนี้ถือเป็นข้อยกเว้น”
เขาออกแรงจูงมือเธอเข้าห้องน้ำ โยนกุญแจลงชักโครกแล้วกดน้ำจนมันหายไป อมายาหลับตาลงทั้งน้ำตาที่รินไหล เธอเกลียดความบ้าของเขาจนไม่อยากทำสิ่งใดนอกจากร้องไห้อยู่อย่างนี้
“คุณแม่งเหี้ยอะ ไหนบอกจะไม่ล่ามฉันอีกไง ฉันเกลียดคุณ”
เธอประทุษร้ายร่างกายที่เจ็บหนัก จนสาแก่ใจก็ทรุดลงนั่งกับพื้นห้องน้ำอย่างอับจนหนทาง
“อย่ากลัวไปเลย ถ้านุมา ฉันจะเลิกทำแบบนี้กับเธอ”
เขมราชเข้าใจความรู้สึกเธอดี แต่เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ชายหนุ่มค่อยรูดตัวลงนั่ง ดึงแขนข้างที่ติดกันเข้ามาเพื่อรั้งร่างบางให้แนบอก ก่อนเอนศีรษะพิงซบกับไหล่บาง เฝ้าฟังเสียงสะอื้นไห้และสัมผัสไอร้อนจากลมหายใจของเธอ
อมายาได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป เหนื่อยและท้อเกินกว่าจะผลักไส ทำได้เพียงร้องไห้อยู่เงียบ ๆ จนเวลาล่วงไปหลายนาที เธอคิดว่าเขาคงหมดแรงหลับไปแล้ว
แต่ว่า...
“ฉันไปหาย่าเธอมา ท่านสู้มากนะ หน้าตาสดใสไม่เหมือนคนป่วยเลย ชาวีหาพยาบาลที่ท่าทางคล้าย ๆ เธอมาอยู่เป็นเพื่อนท่านด้วย”
อมายานิ่งฟัง ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร จะดีใจก็ไปไม่สุดทางแต่ไม่ได้เป็นทุกข์เหมือนก่อนนี้ที่เธอยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านเลย
“แต่ฉันบอกท่าน ว่าเรากลับมาคบกัน แล้วฉันก็สัญญากับท่าน ว่าฉันจะดูแลเธอให้ดี”
เพียงรู้ว่าเขาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเธอต่อหน้าใคร ๆ ก็ดูเหมือนความรู้สึกมากมายที่เธอเฝ้ากดไว้ มันเจิ่งนองเจียนจะเอ่อล้น
แต่อย่าเชียวนะ... อมายา
อย่าคิดหวังไปไกลกว่านั้น
เพราะมันเจ็บ...
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ยังไงคุณก็จะได้ลูกไปอยู่แล้ว ทำให้ย่าเข้าใจผิดทำไม คิดว่าท่านจะดีใจเหรอที่รู้ว่าฉันกลับไปคบกับคุณ”
“อย่างน้อยท่านก็สบายใจว่าเธอจะมีคนดูแล”
“ก็แค่ชั่วคราว พอลูกคลอดเราก็แค่คนแปลกหน้า อีกอย่างฉันก็ยังไม่พ้นข้อหาฆาตกรที่ฆ่าลูกกับเมียสุดที่รักของคุณ”
ประโยคนั้นเหมือนกระสุนปืนใหญ่พุ่งทะลวงม่านบาง ๆ ของใจ เขมราชไม่พูดอะไรต่อ หลับตาลงด้วยความรู้สึกเหมือนใกล้ขาดใจเพราะความสับสน
หากที่เขาเคยเชื่อมันผิดไปหมด... ที่เขาเชื่อว่าอมายาเป็น ก็อาจจะผิดด้วยก็ได้ คนฆ่ามีนรญาอาจจะเป็นเอมมาลิน และหล่อนก็สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายพี่สาว
ถ้ามีนรญาไม่ได้เป็นอย่างที่เขมราชรู้จักมาโดยตลอด ตอนนี้ ทุกอย่างที่เขาไม่เคยเชื่อก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น
ไม่นาน ลูกน้องก็พาชายวัยกลางคนสวมแว่นหนาเตอะมาพร้อมกับเครื่องมือแพทย์เท่าที่ขนมาได้ อมายาเห็นแล้วขัดใจจนอยากกรี๊ด
“พวกนายเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมไม่ทุบหัวเขมราชแล้วลากไปโรงพยาบาลซะเลย หมอมีอุปกรณ์แค่นี้ นายแม่งพามาช่วยหรือพามาฆ่าวะ”
“ถ้าทำแบบนั้น พอนายตื่นขึ้นมา พวกเราคงโดนไล่ออกครับนายหญิง”
“ยินดีด้วย ไม่โดนไล่ออกแน่นอน แต่เฟลมจะตายก่อน”
“ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก” เขมราชโพล่งขึ้น
อมายาอยากบีบคอเขาให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้
“แม่ง พวกคุณแม่งบ้ากันไปหมดแล้ว”
เธอบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนให้พวกเขาพยุงเขมราชออกจากห้องน้ำไปนอนตะแคงบนเตียง เธอจำต้องนอนข้างกันโดยหันหน้าเข้าหา เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บไหล่จากการถูกรั้ง
การ์ดคนหนึ่งบอกว่าตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับนาย หมอจึงให้เขาเตรียมตัวให้เลือด ดูพวกเขาชำนาญมากจนอมายารู้สึกกลัว ว่าแท้จริงแล้ว ครอบครัวของเขมราชอาจจะยุ่งกับเรื่องไม่ดีทั้งฝั่งพ่อและแม่ ถึงได้มีแต่คนแบบนี้อยู่รอบตัว
“ผ่าสดเลยนะหมอ ยาสลบไม่ต้อง”
เสียงเขมราชแหบพร่า คล้ายกำลังเหม่อลอย เนื่องเพราะเสียเลือดมาก แต่เขาชักบ้าเกินไปแล้ว หากอมายาไม่อาจต่อว่าหรือด่าทอแลกกับความจำนน
“นี่เฟลม” เลือกที่จะเอื้อมมือประคองแก้มเขา รั้งสายตาหม่นแสงคู่นั้นให้จับจ้องเพียงแค่หน้าเธอ “คิดว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์หรือไง... คุณฟังฉันนะ มันไม่มีอะไรแล้ว คุณนุกำลังมา”
“ฉันกลัวตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ”
“ฉันจะไปไหนได้ คุณล็อกไว้อย่างนี้”
“เธอสัญญาได้ไหม ว่าเธอจะอยู่กับฉัน”
เขายกแขนเธอข้างที่ติดกันขึ้นมาใกล้เรียวปากแห้งกรัง หมายใจจะจูบหลังมือเธอ แต่อมายายั้งแขนไว้ พร้อมสาดความจริงจากแววตามั่นคงคู่นั้น
“ไม่สัญญา เพราะฉันจะไม่มีวันอยู่กับคุณ”
ใจดวงนี้พยายามหนีจากเงามืดในหัวใจอย่างเขาทุกเวลา มัน... จะไม่มีวันกลับไปหลงทางอยู่ในนั้นอีกเป็นอันขาด
เขมราชก็รู้คำตอบดี เขาเพียงแต่อยากถาม เผื่อเธอจะเมตตาด้วยคำลวง แต่เพราะอมายาก็คืออมายา ความจริงครั้งนี้จึงไม่น่าผิดหวังสักเท่าใด
“เธอกลัวไหม ตอนที่รู้ว่ามีนพยายามจะทำอะไรกับเธอบ้าง” เขาเปลี่ยนเรื่องบ้าง ท่าทางเหมือนคนเพ้อ
“กลัวสิ แต่ก็โล่งใจที่มันตายไปแล้ว”
อมายาพูดตรง ๆ โดยไม่กลัวว่าเขาจะโกรธแทนเมียรัก เพราะเขาก็โกรธเธอตลอดเวลา ในตอนนี้คงไม่มีสิ่งใดเลวร้ายมากไปกว่าที่ถูกล่ามติดกับเขา
“ไม่งั้น ฉันคงต้องฉิบหายเพราะคนเหี้ย ๆ อย่างมันยิ่งกว่านี้”
นาทีที่เขาเคลิบเคลิ้มกับวิธีพูดและการขยับริมฝีปากนั้น อมายาส่งสายตาให้คุณหมออ้อมไปด้านหลังแล้วฉีดยาสลบเข้าต้นแขนเขาทันที
“หมอทำอะไร” เขมราชหันไปตวาด หมอยกมือขึ้นแล้วแก้ตัว
“ยาชาครับ”
“ขอให้จริง ถ้าผมหลับไปแล้วเมียผมหาย ผมจะฆ่าหมอ”
คำสุดท้ายแทบไม่พ้นริมฝีปาก สติเขมราชก็ปลิวหายพ่ายแพ้ให้ยาสลบจนสิ้นฤทธิ์
อมายาถอนหายใจโล่งอก เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นประสาทให้ได้ เพราะรับมือกับเขมราชในสภาพนี้ไม่ง่ายเลย ถ้าเมื่อก่อนเคยเห็นเขาในมุมนี้ เธอคงไม่ตกลงคบกันให้เสียใจเสียเวลา
การผ่าตัดทุลักทุเลมากจนอมายาสงสารหมอ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ก่อนกลับหมอกำชับให้ระวังการติดเชื้อและอยากให้พาเขมราชไปโรงพยาบาล พอดีกับที่ดนุมาถึง เขาเห็นเพื่อนแล้วปวดใจ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยปล่อยให้มันอยู่ในสภาพนี้ ความแค้นดำทมิฬกำลังกัดกินใจ
ถ้าไอ้แก่ชั่วอยู่ตรงหน้าเขา... สาบานจะตัดมือตัดเท้าแล้วเฝ้าดูมันทรมานจนหมดลมหายใจ
“คุณนุ พาเขาไปโรง’บาลเถอะ เกิดอะไรขึ้นหมอจะได้ช่วยทัน อย่าเป็นบ้าไปกับเฟลมอีกคน เห็นแล้วความดันจะขึ้น”
ดนุผ่อนลมหายใจ บรรเทาอารมณ์หลากหลายที่พลุ่งพล่านในอก ก่อนหันไปบอกลูกน้องให้หาเครื่องมือมาตัดกุญแจมือออก ค่อยแบกร่างของเขมราชลงเรือ
เขาลังเลใจ จะอยู่กับอมายาตามความต้องการแรกของเพื่อน หรือจะตามไปที่โรงพยาบาลจนมั่นใจว่าเขมราชปลอดภัย
“ไปกับเขาเถอะคุณนุ ฉันอยู่ที่นี่ได้ คนเฝ้าก็มีเยอะแยะ คนเลวมันเริ่มแพ้ภัยตัวเองกันแล้ว ตอนนี้ ที่นี่ ก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรฉัน”
อมายาบอกอย่างเข้าใจ ดนุจึงฝากคนที่เหลืออยู่ให้ดูแลเธอ แต่ก่อนไป คล้ายเขามีเรื่องอยากพูด พอเธอถาม ก็เปลี่ยนใจ คิดว่าให้เขมราชเป็นฝ่ายพูดเองดีกว่า
เพราะเรื่องนี้... มันไม่เกี่ยวกับเขา
เขมราชอยู่ในความดูแลของหมอตลอดทั้งคืน อาการภายนอกไม่น่าเป็นห่วง แต่ดนุกลัวเพื่อนช้ำในตาย หากก็เบาใจเมื่อหมอบอกว่าที่มันกระอักเลือดเป็นเพราะดั้งหักและเส้นเลือดฝอยในจมูกแตกจากการถูกกระแทก อวัยวะภายในปลอดภัยดี
ไอ้นี่แม่ง... แข็งแกร่งอย่างกับหินวัดเส้าหลิน
เขมราชสะลึมสะลือตื่นมาหลายครั้ง ก็เอาแต่เรียกหาอมายา ในตอนเช้าเมื่อได้สติ เห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและดนุอยู่ด้วย ก็โวยวายใหญ่ แม้ร่างกายระบมจนไม่มีแรงยืน กว่าดนุจะพูดให้เย็นลงได้ก็เกือบเจ็บตัว
“ขนาดมึงที่กูไว้ใจที่สุดยังทำกับกูแบบนี้เลย กูจะกลับเกาะ”
“มึงเลิกบ้าซะทีไอ้เฟลม ไม่งั้นกูจะทำให้มึงสลบไปสักเดือน”
“กูก็บอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้อยู่กับออย แล้วมึงเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม ไอ้เพื่อนเวร” เขมราชตะโกนปาว ๆ อยู่บนเตียง ขณะที่ดนุยืนกอดอกพิงหลังกับประตูห้อง ทอดสายตามองจาน ถาด และแก้วที่ตกเกลื่อนบนพื้นเนื่องมาจากฝีมือคนเจ็บ
“งั้นถ้ามึงเดินมาที่ประตูเองได้ กูจะไม่ห้าม”
เขมราชขบกรามแน่น จ้องมองเพื่อนด้วยสายตาที่แทบจะฆ่าให้ตาย หากฝืนร่างกายที่ร้าวระบมหนักวาดขาลงจากเตียง แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มหน้ากระแทกพื้น ลำบากดนุต้องเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้น
“เอาเป็นว่า กูจะกลับไปดูน้องเอง มึงอยู่ที่นี่กับหมอกับพยาบาล แล้วก็หัดเจียมสังขารซะบ้าง อย่าซ่า ไม่งั้นกูบอกได้เลยมึงได้ตายโหงก่อนลูกมึงคลอดออกมาแน่”
ดนุเคยได้ยินแต่ความรักทำให้คนตาบอด...
แต่กับเพื่อนเขา ความรักทำให้ทั้งตาบอดและบ้าด้วยเหมือนกัน
หลังจากนั้น กิจวัตรหลักของเขมราชคือการต่อสายตรงให้คนที่เกาะรายงานสถานการณ์ทุกชั่วโมง ส่วนดนุก็ประสานตำรวจในท้องที่ให้คอยลาดตระเวนรอบเกาะ เนื่องเพราะวัชรายังลอยนวล
แต่ถึงมีอิทธิพลและเส้นสายมากมาย สิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำได้ คือให้อมายาพูดสาย ตลอดสี่วันที่เขมราชรักษาตัวจึงไม่ได้ยินเสียงแม่ของลูกเลย เห็นเพียงภาพเคลื่อนไหวที่ให้ลูกน้องแอบถ่ายมาให้เท่านั้น
แม้เขาแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ใจเขากลับ... อ่อนแอลงทุกนาที
“มึงรีบทำให้ตัวเองแข็งแรงแล้วค่อยกลับไปหาน้องดีกว่าไหม”
ดนุที่มาเยี่ยมวันนี้แนะนำ เห็นเขมราชกระเดือกไม่ลงมาหลายมื้อ ไอ้หมาบ้าก็เห็นตรงกับเพื่อน จึงตักอาหารเข้าปาก แต่สองสามคำเขาก็นิ่งไป เพราะในอกอัดแน่นด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านหลากหลาย
“นุ ชีวิตนี้มึงเคยเลือกผิดหรือเปล่า”
ดนุจ้องมองคนที่เขี่ยข้าวในจานไปมา เข้าใจดีว่าเขมราชสับสนกับความรู้สึกตัวเองเพียงไร
“อือ เคยสิ บางคนก็ไม่ได้ของถูกใจตั้งแต่แรกหรอก แต่ชีวิตก็มีทางเลือกเข้ามาให้เลือกใหม่เรื่อย ๆ แหละ อันที่พลาดไปก็ถือเป็นบทเรียน แต่สำหรับบางเรื่อง มันก็เลือกใหม่ไม่ทันแล้ว”
“เช่นเรื่องออย”
ดนุพยักหน้า เขากับเขมราชแค่มองตาก็รู้ใจ แต่เห็นใจอมายามากกว่า อย่างที่คุณป้าเคยบอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่กับผู้ชายที่เอาปืนจ่อหัวเธอได้ เขาคิดว่าต้องทำให้เธอบ้าแล้วล่ามไว้ตลอดชีวิตเสียก่อน แต่กลัวถ้าพูดไปจะกลายเป็นชี้โพรงให้กระรอกอย่างไอ้บ้าเฟลม
“น้องก็เลือกที่จะไม่มีเราในชีวิตได้เหมือนกัน เพราะความรู้สึกที่เขาเสียไป ต่อให้เรารับผิดชอบด้วยชีวิต มันก็เยียวยาน้องไม่ได้หรอก”
เขมราชกลืนน้ำลายลงคอ มันขมจนอยากถ่มทิ้งเมื่อความจริงประจักษ์อยู่ในใจ ว่าต่อให้อมายาไม่ได้ฆ่าใคร สิ่งที่เขาทำลงไปก็ผลักไสให้เขาออกห่างจากชีวิตเธอทีละนิด... ทีละนิด
“ปล่อยน้องเขาไปได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก”
เขมราชตักข้าวเข้าปาก ภาวนาให้เพื่อนอย่าเพิ่งบีบคั้นเรื่องเธอมากไป เพราะมันรุนแรงเกินกว่าเขาจะทนไหว
แต่คนโตมาด้วยกันเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในใจ ดูก็รู้ว่าลึก ๆ แล้วเขมราชรู้ว่าสักวันต้องปล่อยอมายาไป ต่อให้จะยื้อเวลาสักแค่ไหน
วันนั้น... มันต้องมาถึง
“มึงยังรักเขาอยู่หรือเปล่า”
เขมราชเงียบ...
ถ้าตอบว่ายังรัก เขาจะดูเป็นผู้ชายแบบไหน แต่ถ้าตอบว่าไม่... ดนุจะทำอะไรกับเขา
แต่เขมราชคิดนานจนดนุไม่อยากคอย เพราะรู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงอยากให้คนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งนายตอบตัวเองให้ได้ ก่อนจะไม่มีโอกาสก็เท่านั้น
“ไว้มึงค่อยมาตอบตอนที่พร้อมแล้วกัน กูมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากบอกมึง”
ดนุล้วงเอาพระเครื่องที่เขมราชคุ้นเคยกับภาพใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขารอให้เพื่อนฟื้นตัวดีก่อนค่อยให้ กลัวจะได้เห็นคนหนีออกจากโรงพยาบาลไปหาอมายาด้วยความร้อนใจทั้งที่อาการยังน่าเป็นห่วงนั่นเอง
25
ลืมมันไปซะเถอะ
ก่อนจะทราบข่าวว่าเขมราชบุกไปช่วยอมายาแล้วถูกทำร้ายปางตาย ดนุอยู่กับคุณย่าอิงอรที่มีพระเครื่องตัวปัญหาอยู่ ท่านถามเขาว่าเขมราชได้มาจากไหน ดนุตอบไปตามที่เขารู้ ว่าจากภรรยาที่เสียไปของเขมราช
‘ไม่ นี่มันเป็นของย่า’
‘ของย่าเหรอครับ’
‘คิดว่าย่าโกหกเหรอ’
ดนุเองก็ไม่รู้ว่าใครพูดความจริง คุณอิงอรเลยให้เขาค้นกระเป๋าเงินท่านในลิ้นชัก เพื่อให้ดูรูปถ่ายฟิล์มสีธรรมชาติของท่านกับสามีและพระอาจารย์ผู้มอบพระเครื่องหนึ่งคู่ให้เป็นของที่ระลึก
ภาพถูกเก็บอย่างดีจนเห็นรายละเอียดชัดเจน รวมถึงลักษณะของพระเครื่องด้วย
‘ผมไม่อยากเชื่อเลยครับว่ามันจะเป็นแบบนี้’
‘ออยบอกย่า ว่าพระเครื่องหายไป ย่าก็ไม่ได้ติดใจอะไร หายก็หายไม่เป็นไร แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนเอาไปแอบอ้าง เพราะมันไม่มีใครที่จะมีพระแบบนี้อีกแล้วนอกจากย่ากับปู่’
‘...’
‘เป็นไปได้เหรอที่จะมีคนอื่นที่ได้ไปอีก’
‘อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่คงไม่บังเอิญขั้นที่ว่าคนคนนั้นเคยเป็นเพื่อนสนิทของน้องออยหรอกครับ’
‘เด็กคนที่แอบอ้าง หล่อนเป็นเพื่อนสนิทออยเหรอ’
‘ครับ แต่สองคนจบกันไม่ดีเท่าไหร่’
และตอนนั้น ดนุรู้แล้วว่ามีนรญาโกหก จึงได้ขอทั้งพระทั้งรูปมายืนยันกับคนที่สมควรรู้มากที่สุด
พอได้ฟังที่ดนุเล่า เขมราชก็ออกจากโรงพยาบาลกลับเกาะทันทีพร้อมความผิดหวังปนสับสนในหัวใจ อมายารู้ว่าเขามาแล้ว แต่ใช่หน้าที่ที่ต้องออกไปรับหน้า จึงยังอยู่ในห้อง นั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง มองวิวทะเลที่เมื่อก่อนเคยชอบ แต่ตอนนี้... เธอเกลียด
เขมราชเปิดประตูพรวดเข้ามา ตามใบหน้า ลำตัว มีผ้าก๊อซปิดแผลหลายจุด ตาข้างหนึ่งยังบวมไม่เปิดดี ปากก็เยิน ส่วนแขนก็ใส่ arm sling เอาไว้ พอเขาเห็นเธอ ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดสิ่งที่เตรียมมาอย่างไร ใจอยากทำแค่เพียง... กอดเธอ
“ฉันกลับมาแล้ว”
เขาเดินเข้าไป คุกเข่าลงกับพื้น แขนข้างที่ไม่เจ็บสวมกอดร่างนุ่มนิ่มเหมือนเด็กกำลังอ้อน อดคิดไม่ได้ว่าอมายาจะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่านอกจากความเลวร้ายที่พยายามทำก่อนตาย มีนรญายังขโมยสิ่งที่เป็นของเธอมาแอบอ้างกับเขา
ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น
ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งสงสารเห็นใจอมายาจนใจเจ็บ
“มากอดฉันทำไม”
เธอไม่ได้สะบัดออก...
อาจเพราะในน้ำเสียงของเขามีบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นสิ่งเดียวกับที่เธอกดมันไว้ในใจแต่ ‘เผลอ’ ให้มันแสดงออกมา
“คิดถึงเธอ คิดถึงมาก ๆ เลย”
“คุณคิดถึงลูก” เธอบอก ย้ำให้เขาไม่ลืมและเพื่อให้เธอจดจำ
“ทั้งแม่ทั้งลูกได้ไหม”
อมายาไม่ตอบ เขาจึงเงยหน้าขึ้น มองสบตาเธอผ่านปลายคางสวย แต่แววตาคู่นั้นกลับไม่มีความรู้สึกอย่างที่เขาต้องการ พลันน้ำลายในคอก็ขมเสียอย่างนั้น
แต่เขา... ยังอยากจะกอดเธออย่างนี้ต่อไป
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ทุกคนทำดีกับเธอหรือเปล่า”
“ก็ดี”
พอเพลงบอกความจริง คนที่เคยมองเธอด้วยแววตาเกลียดชังก็พูดดีด้วย บางคนก็เริ่มสับสนว่าคนอย่างเธอจะกล้าฆ่าคนได้ไหม
“ดีจังเลยเนอะ”
ความหวังผลักดันให้เขมราชกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ก่อนนี้เธอทำเหมือนอยากไปจากที่นี่ทุกลมหายใจ แต่เมื่อทุกคนเริ่มทำดีกับเธอ คงไม่ยากเกินไปหากเธอจะอยู่ตรงนี้... อยู่กับเขา
“แต่ฉันก็ยังเกลียดที่นี่อยู่ดี”
“...”
“เกลียดจนคุณจินตนาการไม่ได้เลยละว่ามันเป็นยังไง” เธอดึงแขนเขาออกเพราะอมายาไม่เห็นประโยชน์ของมัน “คุณมีอะไรก็รีบพูดมาแล้วก็ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ”
เขากลืนความขื่นขมลงคอ หอบหัวใจภินท์พังขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน ค่อยดึงมือคนเย็นชาแล้วยัดพระเครื่องใส่มือเธอ
“เธอรู้จักพระเครื่องนี่ไหมออย”
เขมราชจ้องมองเธอด้วยสายตาที่มีประกายความหวัง อมายาไม่ประหลาดใจ ตรงข้าม เธอวางมันบนโต๊ะ เลื่อนไปหาเขาอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้เขาสงสัย... ว่าเธอรู้เรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว
“ตอบฉันหน่อยได้ไหม”
“คุณอยากได้คำตอบแบบไหน”
“ความจริง” และควรออกจากปากเธอ ไม่ใช่คนอื่น
“ลืม ๆ มันไปซะเถอะ มันไม่สำคัญหรอก”
“สำคัญสิ มันสำคัญกับฉันมาก”
เขมราชฉวยมือนุ่มนิ่มมากุมไว้ อมายาเลือกที่จะดึงมือออกมา เดาว่าเขาคงรู้อยู่แล้ว... แต่แค่อยากฟังจากปากเธอ
“ต่อให้มันเป็นของฉัน ก็ไม่ทำให้คุณรักมีนน้อยลงหรอก เพราะงั้น... คุณอย่าใส่ใจมันนักเลย”
“ออย...” หากเธอสนใจที่จะสังเกตสักนิด เธอคงรู้... ว่าเขามีสายตาที่เจ็บปวดเพียงใด
“ออกไปให้พ้น”
“เธอจะไล่ฉันทั้ง ๆ เรายังเป็นแบบนี้น่ะเหรอ”
“เฟลม เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วฉันก็ไม่สนใจเรื่องที่มันไม่เกี่ยวกับคดี หรือเรื่องที่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตฉันดีขึ้นหรือหลุดไปจากนรกขุมนี้ เพราะงั้น... คุณก็อย่าเอามันมารบกวนฉัน ถือว่าฉันขอร้อง”
ดวงตาของเขมราชแดงระเรื่อ บางอย่างกำลังจะล้นทะลักจากคลองน้ำตา เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอก็สกัดกั้นด้วยคำว่าเป็นไปไม่ได้ และไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เธอก็บดขยี้ซ้ำด้วยความเฉยชา
แต่ถ้ามันไหล... ใช่เพียงเขาที่จะสมเพชตัวเอง อมายาก็จะกลายเป็นพยานความอ่อนแอในครานี้ด้วย
สิ่งที่เขาทำได้คือกล้ำกลืนน้ำตาลงไป และออกไปจากตรงนี้
แต่หากไม่ปลดปล่อยมันออกไป ใจเขา… คงระเบิดในไม่ช้า เขมราชจึงเดินมายังเจดีย์ของมีนรญา ปาพระเครื่องตัวปัญหากระแทกส่วนยอดจนกรอบเลี่ยมทองแตกกระเด็น
“ทั้งโกหก ทั้งพยายามทำชั่วกับเขา หรือแม้แต่ความรู้สึกของคนอื่น เธอก็ยังขโมยไปหน้าด้าน ๆ พี่ไม่คิดเลยว่าครั้งหนึ่งพี่จะเคยเชื่อมั่นในตัวเธอ ไม่คิดเลยว่าพี่จะเคยเลือกให้คนอย่างเธอเป็นแม่ของลูก”
เขาเคยยืนตรงนี้ ต่อหน้าสิ่งที่สมมติว่าเป็นหล่อน ด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด
แต่ครานี้... เมื่อเรื่องที่หล่อนซ่อนไว้เริ่มเปิดเผย ผลักดันให้เขายิ่งเสียดายความรู้สึกที่เคยให้ไป และความสงสารเห็นใจที่มีต่อหล่อนก็แทบไม่เหลือ ความรู้สึกผิดที่ฉุดรั้งเขาก็กำลังเหือดหาย เพราะอดคิดอย่างคนใจร้ายไม่ได้เลยว่า ดีแล้วที่หล่อนจากไป
ถ้ายังอยู่ ก็คงสร้างความเดือดร้อนฉิบหายให้คนอื่นไปเรื่อย ๆ เพื่อเขา ในแบบที่เขาเกลียด... โดยที่เขาเองก็คงไม่มีวันได้รู้
เอมมาลินประวิงเวลาแต่งงานกับชาร์ลส์ แน่นอนเขาดูออก แต่ยังใจเย็นด้วยคิดว่าหล่อนหนีเขาไม่พ้น เพราะความลับที่เขาเก็บไว้มากเกินไปจนอันตราย แต่คุณพ่อก็เร่งรัด เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากสินสอดและเส้นสายจากครอบครัวชาร์ลส์
หล่อนอยากสลัดชาร์ลส์ทิ้ง
แต่คนอย่างเขาอยากได้อะไรก็ต้องเอามาให้ได้ ถึงไม่ใช่ของมีค่าในสายตาใคร แต่ถ้าเขาเห็นว่ามี... และต้องเป็นของเขา เขาก็จะเอามาให้ได้ เพื่อที่เขาจะได้ควบคุม และบงการของชิ้นนั้นตามสันดานดิบของตน
ถึงเขาจะรู้ว่าหล่อนเลือกเขาเพื่อเป็นหลักประกันชีวิตที่มั่นคง แต่การได้หล่อนไปครองทำให้เขามีชัยชนะเหนือผู้ชายทุกคนของหล่อน
จริงอยู่... ชาร์ลส์รักหล่อนมากจึงได้เห็นค่ากัน
แต่ทุกวินาทีที่อยู่กับเขามันน่ากลัว เขาเหมือนคนโรคจิต เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เซ็กซ์ของเขาก็ไร้ความอ่อนโยนสิ้นดี หล่อนที่คิดว่าตัวเองแน่ ยังแทบจะเอาไม่อยู่ เพราะโซ่ แส้ อุปกรณ์พันธนาการทุกชนิด ไม่มีอย่างไหนที่หล่อนไม่เคยเจอ
ที่ไปต่างประเทศด้วยกันก็เป็นความคิดชาร์ลส์ เขาไม่อยากให้หล่อนทนอับอายกับเรื่องคลิปที่อมายาปล่อย กะจะรอจนคนลืมไปหมดค่อยกลับมาแต่งงานยังไม่สาย แต่หล่อนต้องอยู่อย่างฝืนใจ ปั้นหน้าเป็นเด็กดีในโอวาท โดนเขาปิดกั้นจากเรื่องของคนที่หล่อนรู้จัก ผลักดันให้หล่อน... อยากหนี
กว่าเขาจะพากลับมา เอมมาลินก็ต้องรบเร้าอยู่หลายหน อ้างว่าต้องมาตรวจชิ้นเนื้อให้คุณย่า เขาก็แทบไม่ใส่ใจ
“เข้าไปคนเดียวก่อนนะคะ พี่ขอแวะไปหาแชมป์ก่อน”
ชาร์ลส์เข็นหล่อนมาถึงหน้าห้องคุณย่าก็ปลีกตัวออกไป เอมมาลินถึงหายใจโล่งขึ้นมา
แต่คิดว่า พอเปิดประตูเข้าไป คงต้องอึดอัดอีกหนเพราะสายตาที่คุณย่ามองกัน แล้วก็เป็นเช่นนั้น พอท่านเห็นว่าหล่อนไม่ใช่อมายา ท่านก็ทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตน
“คุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ ได้ข่าวพี่เฟลมจะช่วยหาไตเหรอคะ”
“...”
ท่านเงียบ เป็นแบบนี้เสมอกับหลานชังอย่างหล่อน
นี่อาจเป็นส่วนที่ผูกหล่อนกับชาร์ลส์ให้ติดกัน เพราะเราสองคนต่างเติบโตขึ้นมาเพื่อโหยหาการยอมรับจากใครสักคน
เขาในฐานะลูกเมียฝรั่งที่ครอบครัวฝั่งพ่อรังเกียจเดียดฉันท์ ถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้างคนแล้วคนเล่า กระทั่งแม่แท้ ๆ ก็ทำร้ายเขาด้วยความเกลียดชังที่มีต่อพ่อ
และเพื่อให้แม่ยอมรับเขาในฐานะลูกบ้างสักครั้ง แม้จะตอนแม่เมายา คือการยอม... ให้แม่ทำร้าย ทุบตี ยอมถูกควบคุมแทนที่จะเป็นฝ่ายควบคุมอย่างที่ใจต้องการ
หล่อนก็ในฐานะหลานชัง นังลูกเมียน้อยที่แม่หักหลังเพื่อนรักด้วยการตีท้ายครัว เป็นที่เกลียดชังของคนในสังคม แต่ที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่า คือย่าแท้ ๆ ชังน้ำหน้าหล่อนยิ่งกว่าขี้ในส้วม
ไม่เคยแทนตัวเองว่าย่า
ไม่เคยมองหล่อนด้วยแววตาอ่อนโยนเหมือนที่มองพี่สาวหล่อน
ไม่เคย... มีหล่อนอยู่ในสายตา
นั่นทำให้หล่อนรู้สึกดีเมื่อได้เห็นใครต่อใครจงเกลียดจงชังหลานรักของท่าน มีความสุขที่เห็นพ่อเกลียดมันและได้เห็นมันทำลายตัวเองด้วยนิสัยน่าเอือมระอาของมัน ทั้งหมดก็เพื่อปลอบใจตนว่า การยอมรับจากย่าไม่จำเป็นกับหล่อนเลย
ทั้งที่ลึกลงไป หล่อนโหยหามันแทบแย่...
พอมาเจอชาร์ลส์ ความโหยหานั้นก็ดึงดูดซึ่งกันและกัน จนคราแรกหล่อนเกือบเชื่อว่ามันคือความรัก แต่เมื่อค้นลึกลงไปในหัวใจ หล่อนกลับพบเพียงเขมราช... ผู้ชายที่ช่วยชีวิตหล่อนตอนรถเข็นไหลลงทางลาดหน้าบ้านเมื่อครั้งที่อมายาพาชายหนุ่มมาแนะนำตัวกับย่า
‘ระวังหน่อยสิคะเด็กดี... ถึงจะเป็นทางลาดไม่สูง แต่ถ้าตกลงไปก็อันตรายนะ’
เขมราชในชุดนักศึกษาเซอร์ ๆ กับผมอันเดอร์คัตเปิดข้างลูบศีรษะสาวน้อยเอมมาลิน หลังจากช่วยพยุงเธอขึ้นนั่งบนรถเข็นได้แล้ว
วินาทีนั้นเหมือนหล่อนถูกมนตร์สะกด ตราตรึงใจให้รักแค่เขา มองแค่เขาเพียงคนเดียว
‘ขอบคุณค่ะ เอ่อ คุณเป็นใครเหรอคะ หนูไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย’
‘พี่ชื่อเฟลมครับ’
‘พี่เฟลม...’ เฟลมที่น่าจะหมายถึงเปลวไฟ ช่างเข้ากับแววตาและเสน่ห์มากล้นที่พร้อมจะลุกไหม้หล่อนได้ทุกขณะเสียจริง
‘ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ หนูคงเป็นน้องเอมใช่ไหมคะ’
‘รู้จักหนูเหรอคะ’
‘น้องออยเคยบอกพี่ว่ามีน้องสาวคนละแม่ ชื่อน้องเอมค่ะ ไม่คิดเลยว่าหน้าตาจะเหมือนกันขนาดนี้’ ใจหล่อนห่อเหี่ยวเมื่อเขาพูดถึงพี่สาวซึ่งเพิ่งเดินอ้อมตัวบ้านแล้วเห็นทั้งสองพอดี
‘พี่เฟลม ทำอะไรน่ะ’
เขมราชผละจากเอมมาลินทันที เนื่องเพราะกลัวอมายาเข้าใจผิด
‘รถเข็นน้องเอมลงเนินน่ะค่ะ พี่เลยช่วยไว้ ก็เลยปลอบใจน้องเอมนิดหน่อย ไม่ได้มีอะไรเลยนะคะ’
อมายาจ้องน้องสาว รู้ว่าเขมราชใจดียิ่งกับเด็ก ๆ ดูอย่างไพน์เป็นตัวอย่าง แต่ ‘เด็ก’ มันคิดไม่ซื่อเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นไพน์หรือน้องสาวเธอเอง
‘ไม่มีก็ดีแล้วค่ะ แต่คุณย่าเรียกแล้วน่ะค่ะ ท่านอยู่ในสวนนะคะ ไปก่อนเลย ออยมีเรื่องอยากคุยกับน้องค่ะ’
‘รีบตามไปนะคะ คนเก่ง’
เขาลูบศีรษะอมายาแบบเดียวกับที่ทำให้เอมมาลินใจบาง แต่แววตาอ่อนหวานตราตรึงกว่าหลายเท่านัก
‘มองตามว่าที่พี่เขยตาไม่กะพริบเลยนะ’
อมายาแดกดัน คนเป็นน้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ้องมองเขมราชนานแค่ไหน รู้อีกที อมายาก็มายืนบังเสียแล้ว อดคิดไม่ได้ว่าหากหล่อนไม่ใช่น้อง คงถูกตบจนฟันร่วง แต่หล่อนก็อยากเห็นความกล้าของพี่สาวคนนี้เหมือนกัน
เดาว่าถ้าอมายากล้าทำเช่นนั้น อมายาก็คงได้เข้า ICU ด้วยฝีมือคุณพ่อเหมือนกัน
‘พี่ออยหวงเหรอ’
‘ใช่ ชัดเจนพอที่จะทำให้แกเลิกอ่อยเขาเหมือนที่ทำกับผู้ชายทุกคนของฉันหรือยัง’
หล่อนเหยียดยิ้ม ความรู้สึกที่พี่มีต่อเขมราชแรงกล้าเกินกว่าจะเป็นเรื่องโกหก แต่แบบนั้นมันถึงน่าตื่นเต้นอย่างไรเล่า
‘ชัด แต่จะไม่เลิก’ หล่อนยักไหล่ ‘เพราะเอมก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรบ้างที่เอมจะแย่งมาจากพี่ไม่ได้’
‘มีอยู่อย่างนะ... ความรักของย่าไง’
‘พี่ออย!!!’
เห็นน้องสาวดิ้น อมายาก็สำทับด้วยการโผเข้าไปจับปลายคางหล่อน จ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่พร้อมมีน้ำตาทุกครั้งเพื่อให้เธอดูเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น โดยเฉพาะพ่อ...
‘ฉันเตือนแล้วนะเอม อย่าพยายามเอาชนะในสิ่งที่ตัวเองไม่มีวันชนะ เพราะถ้าโดนพี่ตัวเองตบล้างน้ำโทษฐานอยากได้ผู้ชายของพี่ มันไม่ได้น่าสงสาร แต่มันน่าขำ เขาจะว่าเอาได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน แต่ก็นะ... แม่ตัวเองก็แย่งเขามาเหมือนกัน คงจะสอนกันมาแบบนี้สิท่า’
‘ขอบคุณความหวังดีค่ะ แต่เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม ดูพี่คนนี้เขาไม่ใช่คนที่เหมาะกับพี่ออยเลยนะ ไม่แปลกเลยเพราะพี่ก็ไม่ได้มีใครสั่งสอน แม่ก็ไม่รัก พ่อก็ยังมาเกลียดอีก แต่นั่นแหละ... ใครมันจะอยากมาสั่งสอนเด็กสันดานเสีย ว่าไหมคะ’
‘...’
อมายาเงียบ ลาวาร้อนปะทุในอก แต่ต้องข่มไว้ ด้านคนเป็นน้องยังกล่าวสืบไป
‘วันนึงถ้าพี่โดนเขาทิ้ง หรือมีคนที่ดีกว่าพี่มาแย่งเขาไป ก็อย่ามาร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแล้วกัน เพราะมันไม่ได้น่าสงสาร มันน่าขำ คนไม่เจียมตัวอะเนอะ’
‘ถ้าถึงวันนั้น ฉันก็หวังว่าแกจะไม่แอบร้องไห้เผื่อฉันนะ’
