บทที่ 11 บำรุงสมองมั้ง
คุณยาใจก็เป็นคนใจเย็นมีเหตุผล แต่กับเรื่องของอินดี้แล้ว นางของขึ้นทุกที รักหลงหลานชายของนางมากจริงๆ
‘ถ้าไม่ติดว่างานของรินบางครั้งก็ไม่เป็นเวลา รินอยากจะเลี้ยงลูกเองเหมือนกันค่ะแม่’ เธอพูดกับตัวเองในใจ
ป้องณวัฒน์ฟังคำพูดของรินดาแล้วเริ่มปะติดปะต่อ และเขาเพิ่งได้รับอีเมลจากสำนักนักสืบ แจ้งกลับมาอย่างรวดเร็วว่า
(คุณรินดาไม่มีสามี แต่เธอมีลูกชายหนึ่งคน ชื่อว่า เด็กชายริณพงศ์ เสถียรธรรม ชื่อเล่น น้องอินดี้ อายุหกขวบ เกิดวันที่ยี่สิบสี่สิงหาคม ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบสี่ ตอนนี้เด็กชายอยู่กับยาย และครอบครัวของลุงที่จังหวัดเชียงใหม่ ในบ้านมี พี่ชาย พี่สะใภ้ ลูกอีกสองคน รวมคุณยายกับน้องอินดี้ด้วย เป็นหกคน แต่ในสวนนั้นมีบ้านอยู่สองหลัง)
‘ไม่มีสามี ลูกอายุหกขวบ ลูกของเราหรือ?’
ป้องณวัฒน์รู้สึกชาๆ ตอนนี้ในหัวมึนงงไปหมด แต่ชักจะแน่ใจว่า เด็กชายคนนั้นเป็นลูกของเขาแบบไม่ลังเล เพราะสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ และสายเลือดที่ผูกพัน
“คุณ...” เสียงหนึ่งดังข้างหู เธอตกใจ
เปรี๊ยะ... เธอตีมือลงไปบนตัวของป้องณวัฒน์
“โอ๊ะ...” เขาเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่ทัน โดนปลายมือของรินดาไปเต็มๆ
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วมาทำให้ตกใจ” รินดายกมือขึ้นทาบอก ใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“ผมหิวข้าว” เขาบอกเธอยื่นหน้ามาใกล้ๆ หัวใจของรินดาเต้นแรงรู้สึกวูบวาบ
“หิวก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน ท้องคุณกับฉันไม่ได้ติดกัน”
“แต่เราก็เคยท้องชนกันมาครั้งหนึ่งนะ” เขาพูดขึ้นแบบตั้งใจ
รินดาหน้าแดงตามคำพูดของเขา ยกมือที่กำแน่นขึ้นมาอยากจะซัดไปบนใบหน้าของป้องณวัฒน์ที่ลอยอยู่ใกล้ๆ
“ฮึ...” เธอสะบัดหน้าหนี
“ไปไหน...” ป้องณวัฒน์รวบตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขนทันที
“เอ๊ะ ไอ้บ้า... นายป้อง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ริน เราสองคนจะพูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ ผมก็แค่อยากกินข้าวกับคุณ”
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าของคุณด้วยซ้ำ”
“ริน...”
“บอกแล้วอย่ามาเรียกชื่อเฉยๆ” เธอแว้ดเข้าใส่
“จ้ะๆ...” เขารับปาก แต่ก็ไม่คลายอ้อมกอด รินดาหันซ้ายหันขวากลัวว่าใครจะมาเห็นแล้วยิ่งเข้าใจผิด
“คุณเนี่ยมันบ้าชัดๆ ปล่อยฉันก่อน”
“สัญญาก่อนนะ ว่าคุณจะไปกินข้าวกับผม”
“นายป้อง”
“ครับ” เขาใช้มืออีกข้างเชยคางของเธอขึ้น แล้วใช้ปลายนิ้วแข็งแรงยึดเอาไว้
รินดาหายใจแรง ในใจกรุ่นๆ อย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามขยับกายแต่ร่างเล็กๆ ก็ไม่เขยื้อน
แล้วเขาก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ป้องณวัฒน์ประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนั้นทันที
“อื้อ...” รินดาครางประท้วง ตัวชาไปหมด แขนที่ยกขึ้นดันร่างหนาให้ออกห่าง แต่กายแกร่งเขาไม่ขยับ ชายหนุ่มสอดปลายลิ้นก่อนจะบังคับตวัดรัดรึงร่างบางจนขวัญหาย เธอลืมหายใจจนเขาถอนริมฝีปากออก เธอจึงหายใจดังเฮือก ยกหลังมือขึ้นเช็ดปากของตัวเอง
“สารเลว” เธอว่าให้เขา ทั้งๆ ที่ตัวเธอถูกหมุนให้เข้าสู่อ้อมแขนแบบเผชิญหน้า
“ด่าอีก จนกว่าคุณจะพอใจ” เขาบอกเธอ พอเห็นสายตาที่สบกันอยู่ เธอก็สะบัดหน้าหนี
“มักง่าย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ของคุณนะ” พูดไปก็เจ็บใจตัวเอง เมื่อกี้เธอยังเผลอแลกปลายลิ้นกับเขา รินดาเจ็บหนึบไปหมด เธอกะพริบตาไล่น้ำตาปริบๆ
“บอสคะ คุณรินคะ อุ้ย...” พายไก่ถึงกลับชะงัก เมื่อเห็นรินดาอยู่ในอ้อมกอดของนายหนุ่ม ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที
“อะอืม... ว่าไง” เขาปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่ฝ่ายหนึ่งกลับหน้าแดงทั้งโกรธทั้งอาย
“คือ... เออ... รถที่เตรียมพร้อมแล้วค่ะ แล้วพายได้จองที่นั่งร้านอาหารไว้ให้แล้ว” เลขาบอก ก่อนจะรีบหมุนตัวกลับไป พายไก่หน้าแดงที่เห็นทั้งคู่กอดกัน
‘สองคนนี้เป็นอะไรกัน’ เธอถามตัวเอง
“ไป...” ป้องณวัฒน์ฉวยข้อมือของเธอ รินดาทำท่าสะบัด
“ไม่ต้องมาจับ”
“ริน...” ป้องณวัฒน์ทำเสียงอ้อน เธอก้าวฉับๆ นำหน้าเขาเดินกลับเข้าไปในออฟฟิศ และเขาก้าวตาม และจับมือเธอ แต่ก็พลาด
“กระเป๋า เอกสารทุกอย่างอยู่ตรงนี้ค่ะ” พายไก่เสนอหน้า รินดาเก็บสิ่งของทุกอย่างลงกระเป๋า
“ค่อยกลับมาคุยงานกันต่อนะ” ป้องณวัฒน์เดินมาประกบหลังบอก รินดาชักสายตาเข้าใส่ แต่พอเห็นมีคนอื่นยืนจ้องอยู่ด้วย เลยทำเฉยเสีย
“เชิญค่ะ ขอให้เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดนะคะ” พายไก่กล่าวอวยพร มองตามหลังนายจ้าง และคู่ธุรกิจที่แสนเข้ากันไปจนสุดสายตา
“สองคนนี้เคยเป็นแฟนกันหรือเปล่า” พี่ยามถามขึ้น
“คิดเหมือนหนูเลยอะ พี่ต้น แต่ดูแล้วคุณรินเขาไม่โอเคกับบอสเราเลยนะคะ แต่ ไหงบอสเรามองคุณรินตาละห้อย เฮ้อ...”
“อะ แล้วไม่บอกบอสเหรอ ว่าคุณมายูโทรมาว่าจะมาหาวันนี้”
“หา...! ตายแล้ว พายลืมไปเลยค่ะพี่ต้น” หญิงสาวรีบค้นหามือถือ ยามวัยกลางคนรีบห้าม
“ส่งเป็นข้อความก็พอมั้ง”
“ใช่ๆ”
ป๊อก... เธอเขกหัวตัวเอง
“เรื่องขี้ลืมเนี่ย พักนี้เป็นบ่อยไปแล้วนะ” พายไก่ว่าให้ตัวเอง
“หาอาหารเสริมมากินมั่ง กินปลาบำรุงสมอง”
“โห...พี่ต้นแรงอะ” ต้นได้แต่หัวเราะหึๆ แล้วเดินไปทำงานของตัวเองต่อไป
