บทที่ 4 เกลียดนัก ไอ้สาระเลว

“หื้อ....ก็สบายดีค่ะ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไร และยังไม่ตาย ลมหายใจก็ยังมีอยู่” เธอตอบเขาเป็นชุดเหมือนระบายความอึดอัดบางอย่าง แต่ก็มองเขาด้วยหางตาแล้วเริ่มขยับปลายเท้าเดินสำรวจไปทั่วห้อง แล้วยกกล้องถ่ายรูปเก็บภาพตามมุมต่างๆ ที่ได้รับคำสั่งมา

“ห้องเดิมๆ เนี่ยมันดูเชยๆ เลยอยากเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด” เขาพูดและเดินตามหลังเธอไปรอบๆ  รินดาไม่ตอบ แต่ก็เดินไปทั่วทุกมุม และเริ่มเข้าไปในห้องหับต่างๆ ที่มีอยู่ถึงสามห้อง เขาตามประชิด

รินดาวันนี้ไม่เหมือนเมื่ออดีต วันนี้เธอสูงยาวขาวใส แล้วสีผิวสว่างตัดกับชุดสีดำที่เธอใส่มาในวันนี้ และรองเท้าส้นสูงเกือบสามนิ้ว สีแดงเพลิงเงาวับ ยิ่งตัดกับผิวกาย ผมที่ยาวถึงกลางหลังและเหยียดตรงกระเพื่อมไหวสะบัดเวลาที่เธอเดิน สะโพกพายกลมมนดูมีมัดกล้ามเนื้อมากกว่าเดิม แล้วเธอยังอาจหาญโนบราเสียด้วย แผ่นหลังที่ขาวสะอาดโผล่พ้นเนื้อผ้าเผยความงามจนคนเดินตามต้องกลืนน้ำลาย

“นี่ชุดมาทำงานหรือ” เขาเอ่ยถามเธอ ทำให้คนที่ถูกถามหันหน้ากลับมาดังขวับ

ปึก...

ร่างของเธอชนเข้ากลับแผงหน้าอก ด้วยส้นของรองเท้าที่สูงทำให้เธอสะดุด ป้องณวัฒน์รับร่างของเธอเอาไว้ทันที ตอนนี้รินดาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว

เธอยกแขนขึ้นกัน แล้วผลักร่างของชายหนุ่มออกไปให้ห่างจากตัวอย่างแรง พลั่ก... ก่อนจะตามไปด้วยฝ่ามืออรหันต์

เพี้ยะ...เพี้ยะ...เพี้ยะ...

ใบหน้าที่ถูกกระทบด้วยฝ่ามือแดงเงยขึ้นมาทันที ป้องณวัฒน์ถึงกับยกมือของตัวเองขึ้นมากุมหน้า

“ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน จะแต่งตัวยังไง คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ หรือถามแบบเสียมารยาทแบบนี้” เธอหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธซึ่งทุกสิ่งมันสุมรวมก่อตัวอยู่ก่อนแล้ว

“อืม...” ชายหนุ่มทำเสียง ยกมือขึ้นลูบปลายคางของตัวเอง

ถามว่าเขาโกรธไหม เขาคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของรินดาดีนะ หญิงสาวที่ถูกพรากพรหมจรรย์ แล้วเขาก็ทิ้งเธอทันที ไม่เคยกลับไปพบเจออีกเลย

“มีอะไรต้องให้รายละเอียดดิฉันอีกไหมคะ” เธอถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เพิ่งใช้ฝ่ามือตบหน้าเขาไปเมื่อกี้นี้ เมื่อเขาไม่ตอบเธอก็สะบัดตัวหันหลังกลับไปทำงานเหมือนเดิม

สวบ... อ้อมแขนใหญ่สวมกอดเข้าไปที่ด้านหลังของเธอทันที รั้งรัดร่างของเธอให้เข้ามาหาแนบชิดกาย ก่อนจะจรดปลายจมูกลงไปบนซอกคอขาวเนียน

“อึ...” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หันหน้ามามองใบหน้าคมเข้มของป้องณวัฒน์ที่อยู่ใกล้ๆ

จุ๊บ... เขาจุ๊บปากของเธอทันที

“ไอ้คนเลว” เธอด่าทอเขาออกไปทันที หมดความอดทนที่จะมาปั้นสีหน้าใส่ว่าไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

รินดากระทืบส้นสูงลงไปบนหลังเท้าของเขาทันที ปึก...

“โอ๊ย...” ป้องณวัฒน์ร้องลั่น

ปึก...ปึก...ผลัวะ

รินดากระทุ้งศอก หันหน้าเข้าหาแล้วจับหัวไหล่ของเขาประเคนเข่า และฟันสันมือของตัวเธอใส่เข้าไปที่ตรงซอกคอของป้องณวัฒน์ดังผลัวะ

“อะ... อึก... อุ... โอะ... โอ๊ย...” ///// ดวงดาวขึ้นมาเต็มท้องฟ้า

“อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก”

เธอผลักร่างของเขาร่วงไปกองที่พื้น ใช้มือตบเข้าหากัน ก่อนจะชี้นิ้วใส่หน้าเขาแบบอารมณ์เสีย

ป้องณวัฒน์ตัวงอเป็นกุ้งกองไปอยู่ที่พื้น ร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ หมดสภาพอยู่ตรงนั้น เขาไม่ทันตั้งตัวต่างหากรินดาถึงได้เล่นงานเขาได้ง่ายๆ

“โอ๊ย... ริน...” เขาเรียกชื่อเธอตามหลัง เห็นร่างของหญิงสาวไวๆ หายไปในอีกห้องหนึ่ง

เธอไม่สนใจไยดี เดินจ้ำอ้าวๆ ออกไปจากห้องอย่างร้อนระอุในอารมณ์ ‘สันดาน...’ เธอก่นด่าเขาอยู่ในใจ

‘บอสนะบอส ลาออกดีไหมงานนี้ หากต้องมาเจอะเจอกับไอ้ผู้ชายสันดานเลวๆ คนนี้อีก’ เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด และหัวใจที่เจ็บปวดยากที่จะวัดกันได้

“อู้ย... หมัดหนักเป็นบ้า” เขาบ่นอุบ

“ไม่มีอะไรแล้วนะคะ” รินดาพูดขึ้นมาทันทีที่ป้องณวัฒน์เดินตัวงอออกมาจากห้องนั้น เธอทำท่าจะหมุนตัวกลับ

“เดี๋ยว...” เขายกมือขึ้นห้าม รินดาหันมามองนัยน์ตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยิ่งเห็นหน้าของป้องณวัฒน์ก็ยิ่งเกลียดเขาเข้าไส้

“ยังไปไม่ได้ ยังมีอีกเรื่องที่คุณต้องทำต่อ คือผมจะให้ออกแบบห้องอาหารใหม่ของที่นี่ด้วย”

“หื้อ...ไม่เห็นมีในข้อตกลง และอีกอย่างฉันขอบอกคุณนะคะ ฉันไม่ได้รับคำสั่งอะไรใดๆ จากบอสของฉัน ฉันก็หมดหน้าที่เพียงเท่านี้ รบกวนคุณติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ เอาเองค่ะ โอเคนะ”

รินดาทำท่าไม่ยี่หระหมุนตัวกลับในทันที

“ผมคุยกับคุณบอยแล้ว เขาบอกให้คุณจัดการได้เลย เริ่มงานทันที” เขาตะโกนตามหลัง

รินดาหันหน้ามามองเขาแบบช้าๆ

กริ๊ง... มือถือของเธอดังขึ้น

ป้องณวัฒน์ยิ้มออกมาได้ เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะกดรับสาย

“ค่ะบอส”

“ริน อยู่ต่อนะ ทำงานต่อเลย พี่ไม่อยากจะเชื่อว่า พี่ส่งคนไปทำงานไม่ผิดคนจริงๆ คุณป้องณวัฒน์เขาจะให้เราทำโปรเจกต์ของเขาทุกโครงการเลยนะริน แกแน่มากๆ เอาแบบนี้ รินอยู่ต่อเลยนะ ทำงานให้กับพี่อีกสองสามวัน แล้วพอไอ้ต่อกลับมาพี่จะรีบส่งมันไปช่วยอีกแรง”

“หา...!” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ สายตามองไปยังชายหนุ่มที่ทำหน้าแป้นอยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้องมาหามาเหอยายริน ตกลงตามนี้นะ งานนี้พี่มีโบนัส และรางวัลตอบแทนก็แล้วกัน พี่จะเพิ่มวันหยุดให้แกอีก แต่แกต้องทำงานนี้ก่อน เอาเงินก่อนสิวะ อย่านะ... ห้ามเถียง ห้ามพูด โอเค... ตกลงตามนี้ แค่นี้นะ เดี๋ยวรายละเอียดต่างๆพี่จะส่งเข้าไปในอีเมลของแกแล้วกัน ขอเวลาให้พี่ตั้งสติอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงนะ แค่นี้ บายๆ” พี่บอยรีบกดวางสายไปในทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป